จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1021



สาวกเทพสงครามผู้ทำหน้าที่ปกปักรักษาโบราณสถานเทพสงคราม ไม่ว่าจะครอบครองเทคนิคลับสักกี่ชนิด แต่พวกมันจะมีหนึ่งสิ่งร่วมกันเสมอ …คือความแข็งแกร่งระดับที่ทหารกองทัพจักรวรรดิไม่มีวันต่อกรได้


แต่โชคดีที่เขตลาดตระเวนของสาวกเทพสงครามไม่กว้างมาก พวกมันจะเวียนวนภายในป่าเท่านั้น ไม่ออกมาระรานบริเวณชายฝั่งทะเล


ด้วยเหตุนี้ กองทัพจักรวรรดิจึงใช้ชีวิตได้ค่อนข้างอิสระ …แต่แล้ววันหนึ่ง ปัญหาใหญ่ได้คืบคลานเข้ามา


“น้ำสะอาดจะหมดลงในอีกสามวัน”


เสบียงเกือบทั้งหมดของกองทัพจักรวรรดิล้วนมาจากเรือรบ น้ำสะอาดก็เช่นกัน ปริมาณของมันเหลือน้อยลงเต็มที และแน่นอน การดื่มน้ำทะเลไม่ใช่เรื่องฉลาด …จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องค้นหาแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ภายในป่า


“หืม…”


เกล็นฮาล มอริส และบาซาร่ากำลังยืนขมวดคิ้วครุ่นคิด


ทัพเสริมจักรวรรดิต้องมาพร้อมเสบียงและน้ำสะอาดแน่ แต่เรือรบซาฮารันกลับมาถึงล่าช้ากว่ากำหนดมาก และหากประเมินจากความเกรี้ยวกราดของสัตว์ทะเลกับลมพายุ ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าทัพเสริมจะมาถึงภายในสามวัน


เมื่อติดต่อไม่ได้ ย่อมไม่ทราบความคืบหน้า


“พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝ่าอันตรายเข้าไปหาน้ำสะอาดในป่า”


ภายในป่าลึกแห่งนี้ แม้แต่สามดยุคยังมองว่าเป็นปัญหาที่ตึงมือ หากต้องเผชิญกับ ‘สาวกเทพสงครามห้าเทคนิคลับ’ เกินกว่าหกตัวพร้อมกัน เกรงว่าแม้แต่สามดยุคแห่งจักรวรรดิก็อาจเสียท่าเอาได้ …พวกมันเก่งกาจถึงเพียงนั้น


จนถึงปัจจุบัน ทั้งเกล็นฮาล มอริส และบาซาร่ายังไม่เคยรับมือกับสาวกเทพสงครามแบบถูกรุมสามต่อหนึ่งมาก่อน ผลการต่อสู้จะเป็นเช่นไร ทีมสำรวจของสกังค์มิอาจทราบได้เลย


และปัญญาไม่ยังหมดเพียงเท่านั้น ภายในป่ามีกับดักมหาศาลรออยู่ สำหรับกับดักบางชนิด แม้แต่สามดยุคก็ไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยหากโดนเข้าทีเผลอ


ถ้าต้องรับมือสาวกเทพสงครามไปด้วย และต้องระแวงกับดักไปด้วย ประสิทธิภาพการต่อสู้จะลดลงหลายระดับ


ปัญหาจะคลี่คลายลงหลายส่วนหากมีกุญแจสำหรับปลดล็อกการทำงานกับดักเหล่านี้


ทว่า


“พวกเราจะเข้าไป …รอไม่ได้อีกแล้ว”


ทหารที่ขึ้นเรือติดตามมาด้วยมีทั้งหมดห้าพันนาย แต่ละนายล้วนมีครอบครัวคนสำคัญรออยู่ที่บ้าน ไม่มีใครอยากเห็นทหารของตนตายอย่างทุกข์ทรมานเพราะขาดน้ำดื่ม


หลายปีที่ผ่านมา ทหารทุกนายต่อสู้ห้าวหาญเพื่อตระกูลของสามดยุคมาตลอด พวกมันไม่คิดปล่อยคนของตัวเองตายไปต่อหน้า


นี่คือความรับผิดชอบของขุนนางทุกคนที่มีดินแดนในปกครอง เป็นพื้นฐานของพื้นฐาน


“น…นายท่าน”


ดวงตาเหล่าทหารเริ่มแดงก่ำ พวกมันทุกคนล้วนมีตา มีสมอง ย่อมต้องทราบว่าดยุคทั้งสามพยายามอย่างหนักเพียงใดเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตรอดต่อไป


เมื่อเห็นทหารแสดงสีหน้าหดหู่และรู้สึกผิด มอริสส่ายศีรษะ


“คิดว่าพวกเราจะเสียท่าอย่างนั้นหรือ? พวกสาวกเทพสงครามระยำอาจแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ถูกปราบมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แถมพวกเราสามคนยังไม่ได้เอาจริงแม้แต่น้อย”


“หามิได้ขอรับ!”


แววตาทหารเริ่มส่องประกาย ความมั่นใจของมอริสทำให้พวกมันมองโลกในแง่บวกมากขึ้น


นั่นสินะ… ดยุคผู้ยิ่งใหญ่ของพวกมันยังไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริง


ทว่า


“…”


กลุ่มอัศวินกำลังมีสีหน้าดำมืด พวกมันไม่มีทางไม่ทราบว่า สามดยุคของตนต้องเผชิญความยากลำบากไม่น้อยขณะรับมือกับดักและสาวกเทพสงครามไปพร้อมกัน อัศวินต่างตระหนักดีว่า แม้แต่ตัวดยุคก็ไม่มั่นใจในภารกิจค้นหาน้ำสะอาดคราวนี้


ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม


“พวกเราจะรีบกลับมา ทุกคนจงปกป้องคณะสำรวจของคุณสกังค์และค่ายทหารไว้ให้ดี”


“ขอรับ!”


“ขอรับ!”


ไม่ว่ากำลังรู้สึกเช่นไร แต่ทั้งทหารและอัศวินต่างก็ขานรับอย่างขึงขัง


***


[ท่านเข้าสู่โบราณสถานเทพสงคราม]


[ท่านสัมผัสถึงกลิ่นอายอันเจือจางของเทพ]


[คำเตือน! ทะเลแดงไม่มีจุดคืนชีพ หากท่านเสียชีวิต ตัวละครจะถูกส่งออกนอกทะเลแดงทันที]


“สุดยอดเลย…”


ด้านหน้าพวกมันปรากฏแสงสีทองระยิบระยับ ผลึกทรายรอบหาดกำลังถูกแสงแดดส่องสะท้อน ตัดกับน้ำทะเลสีมรกตสดใสอย่างลงตัว


กริดและสิบวีรชนฯ ที่เพิ่งเดินลงจากเรือรบสูงเท่าตึกสิบชั้น สายตาทุกคนกำลังเชยชมวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างอิ่มเอมใจ


แม้แต่หาดที่ว่ากันว่างดงามที่สุดของโลกก็ยังไม่มีมนต์สะกดดึงดูดระดับนี้ อารมณ์หลากหลายกำลังถาโถมเหล่าสมาชิกขุนพล


...ยกเว้นฮูเร็น


‘พวกนายต่างหากที่สุดยอด’


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์เก่งกาจและพิสดารกว่าที่ฮูเร็นจินตนาการไว้มาก แม้กระทั่งทุกวันนี้ มันก็ยังไม่ทราบว่า เหตุใดกริดถึงให้คนกระจอกอย่างตนลงเรือมาด้วย?


‘เขาต้องการให้เราเฝ้ามองและศึกษาจากกลุ่มคนเหล่านี้หรือ?’


ตลอดการล่องเรือสิบวันที่ผ่านมา ขุนพลโอเวอร์เกียร์ล้วนแสดงสิ่งที่น่าทึ่งให้ฮูเร็นเห็น


แค็ทซ์ต่อสู้กับสัตว์ทะเลด้วยอาวุธเกรดทั่วไปและได้รับชัยชนะ


ส่วนเรกัสเอาแต่พล่ามว่า : ฉันต้องการรักษาบรรยากาศสงครามไว้ ใครก็ได้ช่วย PK กับฉันที


แล้วหมอนั่นก็ไปสู้กับสัตว์ทะเลพร้อมกับกระโดดหลบการโจมตีจากพวกพ้อง


…บ้าบอสิ้นดี


ลอเอลสร้างสึนามิยักษ์ซัดโถมจนสัตว์ทะเลกระจายตัว ส่วนคริสก็ใช้พละกำลังช้างสารโจมตีใส่หมึกยักษ์และหอยทากยักษ์โดยไม่อาศัยเทคนิคพิเศษ เรียกว่าเอากล้ามเข้าสู้ก็ไม่ผิดนัก


กริดยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่ทำอะไรด้วยตัวเองเลย เอาแต่สั่งให้แมวหนึ่งตัวและโครงกระดูกที่ดูอ่อนแออีกสองตัวช่วยต่อสู้ กริดชั่วร้ายมาก เขายืนมองสัตว์เลี้ยงตัวเองต่อสู้อย่างยากลำบากโดยไม่ยื่นมือช่วยเหลือ ต้องจวนเจียนตายเท่านั้นจึงจะเริ่มขยับตัว โดยกริดให้เหตุผลว่า การทำแบบนี้จะช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งสัตว์เลี้ยงได้รวดเร็ว


คนที่ขี้เกียจยิ่งกว่ากริดคือยูเฟอมิน่า หล่อนไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งดูดนิ้วและเฝ้ามองเพื่อนต่อสู้กับสัตว์ทะเล แม้แต่ทักษะเดียวก็ไม่ใช้ออกไป ก็ได้แต่นึกสงสัยว่า เหตุใดพวกพ้องถึงยินยอมให้เธอหารค่าประสบการณ์ด้วย


“…”


ยิ่งเฝ้ามองก็ยิ่งแปลก เราไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า ตัวเองหลุดมาอยู่บนเรือสุดพิสดารลำนี้ได้อย่างไร หากนำประสบการณ์ตลอดสิบวันที่ผ่านมาไปเล่าให้ใครฟัง คงยากที่จะมีใครเชื่อลง


‘ไม่ผิดแน่ กริดต้องการให้เราเฝ้ามองคนเหล่านี้และเรียนรู้’


ท็อปแรงเกอร์แห่งยุคสมัยปัจจุบัน จงศึกษาและเอาตามเป็นเยี่ยงอย่าง… กริดคงต้องการจะสื่อกับเราแบบนั้น


หากเป็นสมัยอดีต ตัวเราคงทระนงในพรสวรรค์อันล้นเหลือและมุมานะขวนขวายไล่ตามพวกเขา


‘ฉันเองก็อยากแข็งแกร่งขึ้นและเป็นพลังให้นายได้เหมือนคนอื่นบ้าง…’


แต่มันสายไปแล้ว กริดจะมาหวังอะไรกับคนอ่อนแอและไม่เอาไหนอย่างเรา?


เราคงกลับไปเป็นดาราดังของโลกไม่ได้อีก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตัวเราแทบไม่ได้สัมผัสประสบการณ์ต่อสู้เลยสักครั้ง


‘…ฉันเก่งได้แค่นี้’


ต้องขอบคุณปิอาโร่ที่ช่วยขัดเกลาฝีมือให้พอจะปกป้องตัวเองได้บ้าง ไม่อย่างนั้น เราคงกลายเป็นไอ้กระจอกโดยสมบูรณ์


ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บแปลบหัวใจ


เราดวลกับไอ้กระจอก ‘เฮสเตอร์’ อย่างสูสีและเกือบแพ้ แต่ในการแข่งนานาชาติครั้งที่สี่ กริดกลับสังหารไอ้กระจอกนั่นคาบาเรียคุ้มกายสีส้มด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที


ความพยายามของเรายังไม่มากพอ ระยะห่างระหว่างกริดไม่ลดลงเลยแม้แต่เซนติเมตรเดียว มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกลมหายใจ


‘กริด… นายไม่ควรฝากความหวังไว้กับคนอย่างฉัน’


ฮูเร็นส่ายศีรษะพลางถอนหายใจยาว


ทันใดนั้น เสียงลอเอลดังแว่วจากด้านหลัง


“มีกระแสพลังประหลาดไหลออกจากป่า แต่บริเวณชายฝั่งกลับเงียบสงบ สาวกเทพสงครามเป็นมอนสเตอร์สายต่อสู้ที่อาศัยชั้นเชิงและสเต็ปเท้า พวกมันคงไม่ถนัดต่อสู้บนชายฝั่งที่มีทรายร่วน หมายความว่า พวกเราจะปลอดภัยที่ชายฝั่ง”


คลาสหลักของลอเอลคือชี่กงมาสเตอร์ สายแยกย่อยคือราชันแห่งกระแส มันสามารถอ่านสัญญาณชีพของสิ่งมีชีวิตได้ ถ้าลอเอลประกาศว่าชายฝั่งปลอดภัย ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล


“กฎเหล็กคือห้ามเข้าป่า พวกเราต้องสำรวจชายฝั่งให้เรียบร้อยเสียก่อน สิ่งสำคัญอันดับแรกคือจุดตั้งค่ายที่ปลอดภัยและห่างจากกองทัพจักรวรรดิ จงแยกย้ายออกไปสำรวจ และต้องกลับมาพบกันที่นี่ในอีกสองชั่วโมงให้หลัง”


“อื้อ”


กริดพยักหน้าเห็นด้วย นี่คือหลักพื้นฐานการดำรงชีวิตในดินแดนไม่คุ้นเคย ความบ้าบิ่นซึ่งมาพร้อมความประมาทไม่เคยลงเอยในทิศทางที่ดี เขามองว่าแผนของลอเอลไม่มีข้อบกพร่อง


“ถ้าบังเอิญพบกองทัพจักรวรรดิล่ะ? ฆ่าพวกแม่งทิ้งได้ไหม?”


ลอเอลส่ายศีรษะให้กับถ้อยคำสุดเดือดดาลของแค็ทซ์


“พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับจักรวรรดิให้มากที่สุด เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ พวกเรามีจำนวนคนน้อยกว่ามาก คงไม่ดีแน่ถ้าถูกพบตัวเข้า”


“เข้าใจแล้ว… ลอบเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ”


แค็ทซ์จำใจต้องปฏิบัติตาม


ได้เวลาที่กริดและสิบวีรชนฯ แยกย้ายกันไปทำภารกิจสำรวจ


บางคนลุยเดี่ยว บางส่วนลุยเป็นคู่ สาเหตุเพราะ มีโอกาสไม่มากที่มอนสเตอร์จะปรากฏตัวแถบชายฝั่ง และเมื่อเป็นภารกิจสำรวจ ยิ่งเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มใหญ่ โอกาสถูกพบตัวก็ยิ่งสูง


“พวกเราไปด้วยกันไหม?”


ลอเอลเดินไปหาฮูเร็นที่เหลือเป็นคนสุดท้าย


ในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติปีที่หนึ่ง ทั้งสองเป็นคู่หูตัวแทนทีมชาติสหรัฐในรายการ ‘ทำลายวัตถุ’ ย่อมมีความสนิทสนมกันอยู่บ้าง


ฮูเร็นส่ายศีรษะ


“นายไม่ต้องห่วง ฉันไปคนเดียวได้”


“ตกลง อย่าลืมกลับมาที่นี่ให้ทันเวลา”


“เข้าใจแล้ว…”


ฮูเร็นเดินเลียบชายฝั่งอย่างไม่รีบร้อน



ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ?


ขณะกำลังดื่มด่ำบรรยากาศเงียบสงบของคลื่นทะเล ออร่ามาสเตอร์พลันสัมผัสถึงความผิดปรกติ


ห่างออกไปพอสมควร


“ท…ทำไมถึงมีสาวกอยู่ที่นี่!”


คนกลุ่มหนึ่งกำลังแหกปากตะโกนด้วยน้ำเสียงหวาดผวา ทั้งสิบกว่าคนล้วนเป็นผู้เล่น และการแต่งกายก็ไม่เหมือนคลาสสายต่อสู้


‘ไม่ใช่จักรวรรดิ…? เป็นทีมสำรวจเล็กๆ ที่มาสำรวจหลังจากทราบข่าวเหมือนพวกเราสินะ’


เมื่อมั่นใจว่าผู้เล่นทั้งสิบไม่ใช่ศัตรู ฮูเร็นถอนหายใจอย่างโล่งอก มันเพ่งสมาธิเพื่อสำรวจสถานการณ์อีกฝ่ายอย่างใจเย็น


แกนนำสิบผู้เล่นคือหญิงสาวที่มีชื่อตัวละครน่าขบขันว่า ‘ด็อกวูเม่น’


“ฉันกับจากัวร์จะยื้อเวลาไว้ ทุกคนรีบหนีไปและแจ้งหัวหน้าว่า สาวกเทพสงครามเริ่มขยายเขตลาดตระเวนแล้ว!”


‘เป็นสาวกเทพสงครามจริงด้วย’


ร่างกายกำยำบึกบึน สวมชุดเก่าโทรมซอมซ่อ มันกำลังยืนเผชิญหน้ากลุ่มผู้เล่นทั้งสิบ เหนือศีรษะเขียนไปว่า ‘สาวกเทพสงครามผู้ครอบครองเทคนิคลับห้าชนิด’ ด้วยอักษรสีขาว


สีขาว…


ตามหลักสากลของซาทิสฟาย สีขาวหมายถึงมอนสเตอร์ ‘ทั่วไป’


‘แต่ในวิหารกัลกุนอส มันคือมอนสเตอร์ระดับรองบอสเลยไม่ใช่หรือ?’


หลังจากเข้าร่วมโอเวอร์เกียร์อย่างเป็นทางการ ฮูเร็นก็พอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง สาวกเทพสงครามคือมอนสเตอร์ประเภทมนุษย์สุดทรงพลังของดันเจี้ยนวิหารกัลกุนอส สมาชิกระดับสิบวีรชนฯ ต้องออกล่าเป็นคู่จึงจะเอาชนะได้


มันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น


‘แต่มอนสเตอร์ที่เราเห็นมีชื่อสีขาว คงเป็นระดับต่างจากที่เรกัสและป็อนเคยพบ’


แถมลอเอลยังกล่าวอย่างมั่นใจด้วยว่า ชายฝั่งถือเป็นเขตปลอดภัย ไม่มีทางที่มอนสเตอร์ดุร้ายจะโผล่ออกมาแน่


ฮูเร็นได้ข้อสรุปในใจ สาวกเทพสงครามห้าเทคนิคคงเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับลูกกระจ๊อกที่ไม่มีพิษภัยมากนัก


‘หืม…’


มันครุ่นคิดอย่างเงียบงันโดยมิได้ลงมือ ลอเอลกำชับหนักแน่นว่า ทุกคนต้องลอบสำรวจเกาะอย่างเงียบเชียบ การถูกพบตัวเพียงคนเดียวจะสร้างภัยอันตรายใหญ่หลวงแก่พวกพ้องที่เหลือ


ด้วยความสัตย์จริง ความเดือดร้อนของคนนอก มิใช่ธุระกงการของโอเวอร์เกียร์สักหน่อย


แต่ว่า


“อั่ก!”


“ด…ด็อกวูเม่น!”


“รีบหนีเร็วเข้า! เจ้าพวกบ้า!”


จากสิ่งที่ฮูเร็นเห็น ฝ่ายที่ยอมสละชีวิตปกป้องพวกพ้องนั้นมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเพียงโล่ไม้ คงมิอาจยื้อเวลาให้สมาชิกที่เหนือหนีรอดไปได้ เพียงการเตะครั้งเดียวจากสาวกเทพสงครามก็มากพอจะส่งเธอขึ้นสวรรค์


ในฐานะผู้อ่อนแอ ฮูเร็นย่อมเห็นใจเหยื่อที่อ่อนแอเหมือนตน


‘แค่ช่วยนิดหน่อยคงไม่เป็นไรกระมัง…’


ฮูเร็นเข้าใจหัวอกของบุคคลที่ไร้พลังต่อสู้ เข้าใจความเจ็บปวดของผู้ที่ถูกกระทำฝ่ายเดียว


ในที่สุด หลังจากถกเถียงกับตัวเอง


“ขอให้ไม่มีใครมาเห็นทีเถอะ”


หมวกฟางใบสำคัญที่ปิอาโร่มอบให้ ฮูเร็นใช้มันเพื่อปกปิดตัวตน


“เฮ้ย! เอ็งน่ะ”


มันกระโจนเข้าไปใจกลางสมรภูมิ


“…?”


“…?”


ทั้งสาวกเทพสงครามและปาร์ตี้ด็อกวูเม่นต่างพากันขมวดคิ้วฉงน …บุคคลปริศนาที่สวมหมวกฟางปกปิดใบหน้า บรรยากาศรอบตัวสงบนิ่งปราศจากความตึงเครียด ลำพังกลิ่นอายก็มากพอจะดึงดูดสายตาทุกคู่ให้เหลียวมอง


“ค…คุณเป็นใครกัน?”


ทัพเสริมของจักรวรรดิซาฮารันมาถึงเกาะแล้วหรือ?


ไม่น่าใช่ เร็วเกินไป


ด็อกวูเม่นไต่ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล


“ชาวนา”


ฮูเร็นตอบห้วนพลางเลื่อนมือชักดาบที่เอว สาวกเทพสงครามเองก็ลงมือทันท่วงที มันปรี่เข้าหาพร้อมกับใช้เท้าเตะใส่


ขณะฮูเร็นเตรียมกางบาเรียออร่าตั้งรับ สีหน้าของมันพลันผงะเมื่อสัมผัสถึงอันตราย


‘แข็งแกร่งกว่าที่คิดงั้นหรือ?’


เฮ่อ… นี่เราอ่อนแอขนาดเกิดความกลัวกับมอนสเตอร์ทั่วไปเนี่ยนะ?


‘ถึงจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่ามอนสเตอร์ที่นี่มีระดับสูงกว่าปรกติก็เถอะ’


แต่มอนสเตอร์กระจอกก็เป็นแค่มอนสเตอร์กระจอกไม่ใช่หรือไง?


‘ความโอหังของเรากลายเป็นยาพิษอีกแล้ว’


ฟุ่บ—


เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!!


หมัดเท้าสาวกเทพสงครามกระหน่ำประเคนใส่ไม่หยุดพัก ฮูเร็นสร้างบาเรียออร่าตั้งรับอย่างเต็มกลืน


แต่มีหรือที่บาเรียจะทนได้ตลอดรอดฝั่ง?


เพล้ง!


ฮูเร็นเคลื่อนย้ายออร่ามายังส่วนล่างของลำตัวเพื่อเพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ชั่วขณะ มันดีดตัวถอยหลังรักษาระยะห่างจากอีกฝ่ายฉิวเฉียด


“…สุดยอด”


ด็อกวูเม่นและพวกพ้องต่างพากันอ้าปากค้าง


อาจเป็นเพราะสาวกเทพสงครามต่อสู้บนผืนทราย ฝีมือของมันจึงด้อยกว่าภายในป่า แต่ก็ไม่แตกต่างมากขนาดนั้น …สัตว์ประหลาดก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดวันยังค่ำ


แม้แต่อัศวินของสามดยุคก็มิอาจต่อกรกับสาวกเทพสงครามได้ด้วยประการทั้งปวง


แต่ชายปริศนากลับรับมือได้อย่างสูสี โดยเฉพาะความเร็วเคลื่อนที่ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าสามดยุคเลยสักนิด


ต้องเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่มากแน่ …หรือจะเป็นแรงเกอร์ระดับท็อปของโลก?


ด็อกวูเม่นกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางพึมพำ


เปรี้ยง!


หลังจากไล่ตามทัน สาวกเทพสงครามได้หมุนตัวหนึ่งรอบพร้อมกับประเคนเข่าใส่ ฮูเร็นถูกกระแทกเข้าที่คางอย่างจังจนเกือบหมดสติ เป็นผลจากความเสียหายระดับมหาศาลที่สร้างอาการมึนงงชั่วขณะ ต้องขอบคุณค่าต้านทานที่ช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว ออร่ามาสเตอร์ไม่รีรอ มันรีบปลดปล่อยท่าไม้ตายในระยะประชิด


[ท่านเริ่มบีบอัดออร่า]


[กรุณาจินตนาการรูปทรงออร่าให้เสร็จภายใน 2 วินาที หากเกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย การใช้ทักษะจะล้มเหลว]


ระยะเวลาสองวินาที ในยามปรกติรวดเร็วเหมือนกับหนึ่งอึดใจ แต่ในยามเผชิญหน้าสาวกเทพสงคราม มันช่างยาวนานดุจดังชั่วนิรันดร์


เปรี้ยง—


สาวกเทพสงครามกระแทกศอกซ้ำใส่หัวใจ


แค่ก…! ฮูเร็นกระอักเลือด แต่มันยังรักษาสมาธิไว้ได้จนถึงที่สุด กรามถูกขบแน่นเพื่อฝืนก้าวข้ามความเจ็บปวด …จนกระทั่ง


“สายฝน”


ซ่าาาา—


ปาฏิหาริย์บังเกิดต่อหน้าทุกคน สายฝนกระหน่ำตกใส่สาวกเทพสงครามจากด้านบนโดยไร้ก้อนเมฆ


โฮกกกกก!


สาวกเทพสงครามส่งเสียงคำรามด้วยสีหน้าเจ็บปวดทรมาน …นี่คงเป็นขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตประเภทมนุษย์กระมัง


การโจมตีของฮูเร็น ผู้เป็นทั้งหนึ่งในห้าปาฏิหาริย์ ออร่ามาสเตอร์ และว่าที่อริยดาบ ถือเป็นของแสลงอย่างยิ่งยวดสำหรับสิ่งมีชีวิตประเภทมนุษย์ที่มีพลังชีวิตต่ำ


…ออร่าจะโจมตีเป็นค่าคงที่และไม่สนใจพลังป้องกันหรือค่าต้านทานใดๆ ทั้งสิ้น


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,410
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ฮูเร็นจิตตก

    ReplyDelete
    Replies
    1. ระหว่างฮูเร็น กับ อัลโมเฟลร่างพลทหาร ใครจิตตกกว่ากัน 5555+ (อัลโมเฟลโดนใช้เก็บของดรอปอย่างเดียวจนจิตตก 555+)

      Delete
  2. เม็ดฝนดอกละ9900 .....

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00