จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1015
แม้จักรวรรดิซาฮารันจะปกครองทวีปตะวันตกมานานหลายร้อยปี แต่ปัจจุบันกลับหลงเหลือบุคคลระดับวีรชนเพียงเจ็ดเท่านั้น
จักรวรรดิเคยมีวีรชนมากมายในอดีต จากบรรดาทั้งหมด ที่สำคัญและโด่งดังที่สุดคงหนีไม่พล 12 ขุนพลซึ่งเป็นกำลังหลักในการก่อตั้งอาณาจักรในช่วงเริ่มแรก
พวกมันคือ 12 ดยุครุ่นที่หนึ่ง และขณะเดียวกันก็หมายความว่า จักรวรรดิเคยมีตระกูลขุนนางระดับดยุคมากถึงสิบสองครอบครัว
แต่กาลเวลาช่างโหดร้าย
ยุคสมัยผันเปลี่ยน ชนรุ่นหลังและทายาทไม่เก่งฉกาจเหมือนบรรพบุรุษ ตระกูลดยุคดั้งเดิมเริ่มล้มหายตายจาก มีบางตระกูลที่โชคร้ายขาดแคลนทายาทสืบทอด และมีบางตระกูลที่สร้างคุณงามความดีใหญ่หลวงจนถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน
จากสิบสองตระกูลเริ่มต้น ห้าตระกูลสูญหายไปตามกาลเวลา ที่เหลืออีกบางส่วนถูกลดขั้นกลับไปเป็นตระกูลขุนนางทั่วไป และบางส่วนล่มสลายกลายเป็นกองกำลังเล็ก
จากเจ็ดตระกูลในปัจจุบัน มีเพียงสองตระกูลเท่านั้นที่สืบเชื้อสายมาจาก 12 วีรชนผู้ก่อตั้งจักรวรรดิโดยตรง
“ปิอาโร่…?”
หนึ่งในเสาหลักของจักรวรรดิเมื่อสิบปีก่อน
มหาจอมดาบคนเดียวของทวีป ณ เวลานั้น
ตัวตนระดับที่สุดของที่สุด
สหายรักของจักรพรรดิฮวนเดอร์
และยังเป็น… คนทรยศ
“นี่ฉันเห็นภาพหลอนรึเปล่า?”
ดีวอสจ้องมองชาวนาเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคลือบแคลง… ดวงตา จมูก ปาก
เหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป
บรรยากาศน่าเกรงขามที่แผ่รอบตัวก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์ ถึงจะมีรอยเหี่ยวย่นใต้ตาเพิ่มเติมมาบ้างก็ตาม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุด… คือแรงกดดันระดับขุนเขาถล่มทับในยามจ้องมองศัตรู ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้วแม้แต่เศษเสี้ยว
ถึงจะสัมผัสกลิ่นอายของลมพายุและธรรมชาติได้เจือจาง แต่ออร่าซึ่งเคยเป็นพลังหลักของปิอาโร่กลับไม่หลงเหลือ
ดีวอสพยายามสำรวจละเอียดถี่ถ้วนเผื่อมองข้ามหรือขาดตกบกพร่องสิ่งใดไป แต่ไม่ผิดแน่ พลังเดียวที่มันพบบนตัวปิอาโร่คือพลังธรรมชาติซึ่งประกอบด้วยสายลม ดิน ทราย และพืชพรรณ
คล้ายคลึงคนเดิมมาก แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว
ดีวอสใช้เวลาหลายอึดใจเพื่อแยกแยะระหว่างปิอาโร่ในอดีต กับชาวนาที่กำลังปรากฏตัวเบื้องหน้าในปัจจุบัน
จนท้ายที่สุด มันก็ได้ข้อสรุป
“ไม่ผิดแน่”
เป็นคนเดียวกัน… ชาวนาผู้นี้คือปิอาโร่
“นายยังไม่ตายจริงๆ ด้วย…”
ปิอาโร่ผู้เคยนำทัพอัศวินสีชาดอย่างห้าวหาญ
ในสมัยนั้น ทุกคนล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า—อัศวินสีชาดคือขุมกำลังหลักซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกองทัพจักรวรรดิ
ดีวอสก็คิดแบบเดียวกัน มันอาจไม่ชอบหน้าปิอาโร่สักเท่าไร แต่ภายในใจก็ต้องยอมรับในฝีมือ
เมื่อย้อนกลับไปในอดีต วันที่วังหลวงจักรวรรดิซาฮารันออกแถลงการณ์ว่า—ปิอาโร่คนทรยศถูกจับกุมตัวพร้อมกับประหารชีวิตเรียบร้อยแล้ว ดีวอสทำเพียงพ่นลมหายใจเหยียดหยันและพำพึม
‘คนอย่างหมอนั่นไม่มีทางถูกจับแน่’
“ไม่ได้ยินข่าวคราวมานาน นึกว่านายตายไปแล้วเสียอีก ที่แท้ก็หลบอยู่ในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์นี่เอง”
…องค์จักรพรรดิต้องดีใจมากแน่หากทราบว่าปิอาโร่ยังมีชีวิตอยู่ ฝ่าบาทเป็นคนที่ทั้งรักทั้งชิงชังปิอาโร่ยิ่งกว่าใคร ถึงจะเคียดแค้นมาก แต่ภายในใจก็โหยหามากเช่นกัน
ทันใดนั้น คำถามใหม่ผุดขึ้นในหัวดีวอส
‘เดี๋ยวก่อน… ฝ่าบาทจะไม่ทราบจริงหรือ?’
ถึงฮวนเดอร์จะเคยมีช่วงเวลาย่ำแย่หลังจากการตายของจักรพรรดินีอาเรียและการทรยศของอัศวินสีชาด แต่ท้ายที่สุด จักรพรรดิก็ครองสติกลับมาบริหารบ้านเมืองได้ตามเดิมในช่วงหลัง
…เริ่มที่การขับไล่อัศวินในตำนานเมอร์เซเดส
‘หรือสาเหตุที่พระองค์ขับไล่เมอร์เซเดสจะเป็นเพราะ…’
ฝ่าบาททราบเรื่องที่ปิอาโร่ยังมีชีวิตอยู่ จึงส่งเมอร์เซเดสมาคอยปกป้องคุ้มกัน?
‘เป็นไปได้มากทีเดียว’
ฝ่าบาทไม่มีทางไม่ทราบว่าเมอร์เซเดสจะเลือกรับใช้ราชาโอเวอร์เกียร์หลังจากถูกขับไล่ หน่วยข่าวกรองของวังหลวงเก่งฉกาจกว่าหน่วยข่าวของเจ็ดดยุคหลายช่วงตัว
แล้วเหตุใดฝ่าบาทถึงไม่ห้ามหล่อน?
ไม่มีการคัดค้านแม้แต่น้อย
แถมการประกาศสงครามกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก็ยังมีปริศนาอีกหลายจุด เหตุใดถึงไม่ออกคำสั่งให้ทุกหน่วยบุกถล่มให้ราบคาบในคราเดียว? การยื้อสงครามให้ยาวนานมีประโยชน์อันใดด้วยหรือ?
หลังจากโอเวอร์เกียร์รับเผ่าเนตรมารเป็นพลเมือง ราวกับองค์จักรพรรดิประกาศสงครามไปตามมารยาทเพียงเพื่อสนองโทสะอันเดือดดาลของเหล่าขุนนางใหญ่เท่านั้น
ไม่แม้แต่จะ ‘บังคับ’ ให้เจ็ดดยุคร่วมสงคราม และนี่คือเหตุผลที่เรเชลไม่แยแสในศึกนี้
‘ต้องใช่แน่… ฝ่าบาททราบมาตลอด’
ปิอาโร่ยังมีชีวิตอยู่
‘หมายความว่า ฝ่าบาทยกโทษปิอาโร่แม้จะเป็นผู้ทรยศจักรวรรดิอย่างนั้นหรือ…?’
หรือว่าจะเป็นอย่างที่เรเชล เกล็นฮาล และมอร์ริสกล่าวไว้? แท้จริงแล้วปิอาโร่ไม่ใช่คนทรยศดังข่าวลือ
ถ้าเป็นเช่นนั้น จิกซอทุกส่วนจะประกอบกันลงล็อกพอดิบพอดี
“หืม…”
ดีวอสชะงักงัน มันหันกลับไปมองกองทัพจักรวรรดิที่ตั้งแนวรบอยู่ด้านล่าง ห่างจากกำแพงเรย์ดันไปไกลพอสมควร
กองทัพนับแสนก็กำลังมองดีวอสเป็นตาเดียวเช่นกัน ส่วนพลปืนใหญ่หลายร้อยหลายพันกำลังช่วยกันยกหินยักษ์สำหรับบรรจุกระสุนรถยิงหินตามคำสั่ง
‘ถ้าคนเหล่านี้ทราบว่าปิอาโร่ยังมีชีวิตอยู่…’
เสียงคงแตกออกเป็นหลายฝ่าย อาจเกิดการจลาจลระหว่างผู้ที่จงรักภักดีและผู้ที่เกลียดชังต่อปิอาโร่
นั่นจะเป็นบ่อเกิดความปั่นป่วนภายในกองทัพ
‘หรือปิอาโร่คิดจะเป็นกาวใจคอยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโอเวอร์เกียร์และจักรวรรดิ?’
ไม่มีทางเด็ดขาด ไร้เหตุผลรองรับเกินไป
ปิอาโร่ไม่มีวันอภัยจักรวรรดิที่ทำลายชีวิตตนจนพังพินาศ ครอบครัวของมันทุกคนล้วนถูกตัดเศียรเสียบประจานอย่างอำมหิต
‘ในเมื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ยอมรับว่าจักรวรรดิเป็นผู้ปกครองทวีป พวกมันคือภัยคุกคามใหญ่หลวงในอนาคต’
ดังนั้น… ดีวอสตัดสินใจได้
มันต้องฆ่าปิอาโร่ทิ้งเสียตรงนี้
เพื่อป้องกันมิให้ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในกองทัพ และเพื่อให้จักรวรรดิชนะสงครามจนกลายเป็นผู้ปกครองทวีปอย่างชอบธรรมอีกครั้ง
“ปิอาโร่ นายรู้อะไรไหม ฉันเคยไม่ชอบหน้านายมาก่อน ฉันรังเกียจทุกครั้งที่นายสร้างคุณงามความดีจนเด่นเกินหน้าเกินตา และสิ่งเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกแย่เอามากๆ … แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว เมื่อเติบโตขึ้น อารมณ์ความรู้สึกคนเราก็เปลี่ยนไป ฉันไม่ได้ชิงชังนายเหมือนเมื่อก่อน”
ที่มันกล่าวล้วนเป็นความจริง
“เห็นแก่ความดีความชอบที่นายเคยกระทำแก่จักรวรรดิ ฉันจะฆ่านายแบบไม่ให้ทรมาน”
ตายในการโจมตีเดียว…
เมื่อสิ้นเสียง ดีวอสกระดกขวดพร้อมกับซดเหล้าเข้าปากอึกใหญ่
มันต้องเร่งมือ
จากบรรดาเจ็ดดยุคทั้งหมด นอกเหนือจาก ‘มงกุฎทอง·บาซาร่า’ ดยุคที่เหลือล้วนปักใจเชื่อในความบริสุทธิ์ของปิอาโร่
ในวันที่ราชโองการประหารชีวิตตระกูลปิอาโร่ถูกประกาศออกไป พวกมันพยายามคัดค้านยับยั้งอย่างเต็มที่ หวังโน้มน้าวให้ฝ่าบาทเปลี่ยนพระทัยและเชื่อว่าปิอาโร่ถูกป้ายสี
หากคนเหล่านั้นทราบว่าปิอาโร่ยังมีชีวิตอยู่ สถานการณ์การเมืองจะสับสนและยุ่งเหยิงกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าอย่างไร มันก็ต้องรีบกำจัดปิอาโร่
‘โชคดีที่ดยุคคนอื่นกำลังไล่พลิกแผ่นดินหานักสำรวจที่ชื่อสกังค์’
ยอดนักสำรวจที่ถูกพบตัวเข้าโดยบังเอิญภายในเมืองกัลเลส
มันคือบุคคลพรสวรรค์ที่จักรวรรดิซาฮารันจับตามองมาสักพักใหญ่ เมื่อสกังค์ทำการเช่าเรือโดยมีจุดประสงค์สำรวจทะเลแดง เจ็ดดยุคคนอื่นจึงต้องจับตามองเป็นพิเศษ
พวกมันมิได้หลงลืมว่ากำลังอยู่ในยามสงคราม เพียงแต่ประเมินว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือศัตรูแสนอ่อนแอที่ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง
ซู่วว—
พลังเวทมหาศาลถูกรวบรวมรอบตัวดีวอส กลิ่นสุราคละคลุ้งโชยเหม็นไปทั่วกำแพงเมือง
ปิอาโร่ที่สูญเสียจิตวิญญาณนักสู้และกลายเป็นชาวนา ดีวอสมีแผนจะดับลมหายใจมันในการโจมตีเดียว
‘ได้โปรดตายไปโดยไร้ความเจ็บปวด… ได้โปรดเป็นอิสระจากอดีตอันโหดร้ายที่ตามหลอกหลอนทุกคืนวัน’
แม้จะเคยเกลียดมาก แต่ก็ยกย่องมากเช่นกัน
ในฐานะอดีตวีรบุรุษ ดีวอสมีเมตตาพอที่จะไม่สังหารอย่างทารุณ
ไม่เข้ากับสภาพที่ดูเหมือนขอทานเลยสักนิด ดยุคแห่งสุราใช้ปาก ‘พ่น’ พลังเวทมนตร์สีขาวสว่างเจิดจ้าใส่ปิอาโร่โดยไม่ลังเล
แต่ผลลัพธ์กลับสร้างความตกตะลึงให้มัน
ไม่เหมือนกับสมัยอดีต ปิอาโร่บกพร่องด้านจิตวิญญาณนักรบอย่างชัดเจน ดีวอสจึงเข้าใจว่าชายคนนี้อ่อนแอลง
เปรี้ยง—
ปิอาโร่สลายการโจมตีง่ายดายด้วยพลั่วสั้น
“ยังเอาแต่คิดเองเออเองฝ่ายเดียวเหมือนเคย แล้วเลิกนิสัยทำร้ายทหารตอนเมารึยัง?”
ขณะปิอาโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ห้วงมิติว่างเปล่ารอบตัวเริ่มเกิดการบิดเบี้ยวจนผิดรูป
ซู่วว—
ทั้งสายลม อากาศ ดิน ทราย รวมถึงพืชพรรณธรรมชาติทุกชนิดภายในรัศมีหลายสิบเมตรรอบตัว ทุกสรรพสิ่งเริ่มสูญเสียอายุขัยเพื่อส่งมอบพลังให้ปิอาโร่
ต้นไม้เริ่มเหี่ยวเฉา สายลมหยุดพัดผ่าน เม็ดทรายเริ่มระเหิด
ทั้งหมดมีสาเหตุมาจากตัวปิอาโร่ ธรรมชาติเต็มใจมอบพลังและชีวิตของพวกมันให้ปิอาโร่
“อย่าบอกนะว่า…”
ดีวอสเริ่มหน้าถอดสี มันย่อมทราบถึงพลัง ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’
“นายเข้าถึงภาวะนี้ได้ยังไง…!”
ปิอาโร่ที่มันเคยคิดว่าอ่อนแอลง แท้จริงแล้วกลับแข็งแกร่งขึ้นมาก ถึงวิชาดาบจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังธรรมชาติ แต่นั่นไม่เรียนว่าถอยหลัง
กลับกัน มันคือวิวัฒนาการ
“ทำฟาร์มอิสระ”
ธรรมชาติรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นพลังโอบกอดร่างชาวนาในตำนาน อากาศธาตุสลายไปโดยไม่หลงเหลือให้มนุษย์ผู้อื่นหายใจ แรงโน้มถ่วงเกิดการบิดเบือนเปลี่ยนผัน พลั่วสั้นในมือถูกยกขึ้นพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่พุ่ง
“เดี๋ยวก่อน”
กริดส่งเสียงห้ามไว้ ปิอาโร่ชะงักโดยไม่ฝ่าฝืน
“ปิอาโร่ เมอร์เซเดส ทั้งสองคนออกไปจัดการรถยิงหินให้ฉัน”
ในซาทิสฟาย มีบ่อยครั้งที่อาวุธกับอาวุธปะทะกัน รวมถึงเวทมนตร์กับเวทมนตร์
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า นี่คือความสุดยอดของระบบเทคโนโลยีสุดล้ำของเกมออนไลน์เสมือนจริง
อาวุธ เวทมนตร์ และทักษะโจมตีจำพวกคลื่นพลัง ทั้งหมดคือสิ่งที่มีตัวตนและจับต้องได้ หมายความว่า มันย่อมถูกสลายได้เช่นกันหากปะทะเข้ากับการโจมตีที่เท่าเทียมหรือรุนแรงกว่า
แต่ถ้าฝ่ายโจมตีทรงพลังกว่ามาก ฝ่ายปัดป้องย่อมทำได้ไม่สำเร็จ นี่คือกฎเหล็กของซาทิสฟาย
สรุปโดยสั้นคือ การโจมตีทุกชนิดที่พุ่งตรงเข้าหา สามารถสลายได้ด้วยพลังทำลายที่เท่าเทียม
ด้วยเหตุนี้ ศึกดวลระหว่างนักดาบมือฉมังจึงเกิดการปะทะกันของอาวุธบ่อยครั้ง นั่นเพื่อสลายการโจมตีของอีกฝ่ายมิให้ถึงตัว
แต่มีบางสิ่งที่อยู่ในเงื่อนไขยกเว้น หนึ่งในนั้นคือการโจมตีจากอาวุธหนักที่มีขนาดกระสุนมหึมา ทั้งน้ำหนักและขนาดที่ใหญ่โตผิดแผกจะก่อให้เกิดการโจมตีซึ่ง ‘ไม่ถูกสลายกลางอากาศ’
หมายความว่าเวทมนตร์หรือทักษะคลื่นพลังจะมิอาจทำลายกระสุนรถยิงหินได้ด้วยการใช้ ‘พลัง’ เข้าหักหาญ
ระบบประเมินให้การโจมตีในรูปแบบนี้เป็นชนิด ‘การโจมตีทรงพลังฝ่ายเดียว’
ใช่แล้ว หากกระสุนรถยิงหินถูกปลดปล่อย นั่นจะหมายถึงจุดจบของกำแพงเมืองเรย์ดันอย่างหมดทางแก้ไข
ถ้าทำลายรถยิงหินไม่ทัน ความฉิบหายก็จะมาเยือนกองทัพโอเวอร์เกียร์ นี่คือสมการที่เข้าใจได้ไม่ยาก
จึงเป็นสาเหตุที่โทบันออกคำสั่งให้พลปืนใหญ่เล็งทำลายรถยิงหินเป็นอันดับแรก
ถึงแม้จะเป็นตัวละครสุดโกงอย่างกริด แต่ก็ไม่ทรงพลังพอจะกระโจนเข้าไปกลางวงล้อมพลทหารนับแสนและทำลายรถยิงหินทั้ง 20 คันให้ราบคาบได้ทันการ
และด้วยความที่กองทัพจักรวรรดิตั้งแนวรบค่อนข้างห่าง กริดจึงมิอาจใช้ดาบพินาศทัพหนึ่งแสนให้โดนเป้าหมายได้ด้วยระยะทางขนาดนี้
ส่วนอาวุธโจมตีระยะไกลจำพวกธนูหรือปืนจะก่อความเสียหายต่อเป้าหมายประเภทสิ่งก่อสร้างและรถศึกได้ไม่มากเท่าที่ควร ไม่เหมือนกับการยิงใส่มนุษย์
“ขอฝากด้วยนะ”
กริดเดินเข้าใกล้เมอร์เซเดสและปิอาโร่พร้อมกับออกคำสั่ง
“ห้ามตายเด็ดขาด”
หากกริดไม่พบเครย์เชอร์และได้ทราบความจริงเรื่องการ ‘สั่งสมบารมี’ เขาคงไม่กล้าส่งอัศวินของตัวเองเสี่ยงภัยในสงคราม
แต่หลังจากได้รับข้อมูลของ ‘เหนือมนุษย์’ และการยืดอายุขัยของ ‘ตำนาน’ ชายหนุ่มจึงปล่อยให้อัศวินของตนเป็นไข่ในหินตลอดกาลไม่ได้ นั่นจะส่งผลร้ายต่อพัฒนาการในอนาคต
ด้วยเหตุนี้
“รีบทำภารกิจให้เสร็จและกลับมาอย่างปลอดภัย”
เมื่อไม่ควรขัดขวาง ก็มีแต่ต้องสนับสนุน
“กระหม่อมจะจำใส่ใจไว้”
ความเชื่อใจระหว่างผู้เป็นนายและบริวารได้เกิดเป็นสายสัมพันธ์อันแนบแน่น
หัวใจของปิอาโร่และเมอร์เซเดสต่างถูกสั่นคลอนระลอกใหญ่ บุคคลในตำนานทั้งสองพร้อมแล้วที่กระโจนเข้าทำลายกองทัพศัตรูให้ราบคาบเพื่อนายเหนือหัวของตัวเอง
แต่ก่อนอื่น
“รับนี่ไป”
กริดมอบดาบอัสนีฯ ให้เมอร์เซเดส
และผ้าคลุมลันเทียร์ให้ปิอาโร่
“พวกเรามิบังอาจรับไว้!”
“ห้ามปฏิเสธ”
ปิอาโร่ชะงัก
เมอร์เซเดสกระอักกระอ่วน
ดาบเล่มนี้คืออาวุธคู่กายกริด ทุกคนในอาณาจักรล้วนทราบดี เมอร์เซเดสไม่กล้ารับศาสตราคู่บารมีของกษัตริย์
ผ้าคลุมผืนนี้คือสิ่งที่ราชาโอเวอร์เกียร์สวมออกศึกมานานหลายปี ปิอาโร่ไม่ต้องการให้ราชาของตนสละอุปกรณ์ป้องกันเพื่อแลกกับความปลอดภัยของบริวาร
แม่ข้างกายกริดอาจมีจู๊ด คาซิม รวมถึงขุนพลโอเวอร์เกียร์อีกมาก แต่ดีวอสในร่างมึนเมามิใช่ศัตรูที่เอาชนะได้ง่ายขนาดนั้น
ขณะทั้งสองกำลังกังวล
แปะ!
กริดใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งตบไปที่เกราะวัลฮัลล่าฯ พร้อมกับอมยิ้ม ส่วนมืออีกข้างกำลังถือดาบท้าทายเทพแน่นถนัด
“ฉันยังเหลืออุปกรณ์เจ๋งๆ อีกมาก”
แต่ไหนแต่ไรมา กริดชื่นชอบที่จะใช้งานดาบอัสนีฯ มากกว่า สาเหตุหลักคือออปชันเพลิงทมิฬที่สะดวกสบายและมีพลังทำลายสูง
เพลิงทมิฬช่วยให้ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแถมยังมองข้ามค่าต้านทานบางส่วน ส่งผลให้มันมีพลังทำลายโดยรวมสูงกว่าดาบท้าทายเทพพอสมควร
ยิ่งไปกว่านั้น ระดับเสริมแกร่งของดาบอัสนีฯ ยังมากถึง +4 ทำให้ ‘พลังโจมตีเพียวๆ’ ของอาวุธไม่ด้อยไปกว่าดาบท้าทายเทพที่สร้างจากพาเฟรเนี่ยมมากนัก
ใช่แล้ว หากเทียบประสิทธิภาพโดยรวมในปัจจุบัน ดาบอัสนีฯ จะทรงพลังกว่าดาบท้าทายเทพอย่างไรข้อกังขา
แต่สาเหตุกริดตัดสินใจมอบดาบอัสนีฯ ให้เมอร์เซเดส เพราะเขาหวังให้เธอ ‘ฆ่าล้างบาง’ ทหารจักรวรรดิจนเหี้ยนด้วยอาวุธสุดโกงเล่มนี้
ชายหนุ่มไม่อยากจินตนาการถึงเมอร์เซเดสในโหมดเอาจริงที่กวัดแกว่งดาบอัสนีฯ เข้าร่วมสงคราม
…ต่อให้อีกฝ่ายเป็นทหารนับแสนก็ตาม
แล้วก็
‘ถ้าศัตรูคือเจ็ดดยุค ดาบท้าทายเทพจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า’
ชายหนุ่มคาดหวังกับออปชันพิเศษของมัน
* สร้างความเสียหายรุนแรงขึ้น 50% ต่อสิ่งมีชีวิตประเภทเทพ เทวทูต จอมอสูร บอส และ NPC พิเศษ
ข้อความระบบชนิดนี้ยังบอกเป็นนัยด้วยว่า มอนสเตอร์บอสและ NPC พิเศษถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับสิ่งมีชีวิตเหนือมนุษย์
ดังนั้นถ้าศัตรูคือดยุคแห่งสุรา·ดีวอส มีความเป็นไปได้มากว่า ดาบท้าทายเทพจะแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่าดาบอัสนี แต่ค่อนข้างน่าเสียดายที่ทักษะ ‘ดูแคลนสามัญชน’ จะไม่แสดงผลต่อเจ็ดดยุค
<ดูแคลนสามัญชน>
สร้างความเสียหายรุนแรงใส่สิ่งมีชีวิต ‘ทั่วไป’
* โจมตีรุนแรงเทียบเท่า 80% ของพลังชีวิตที่เหลืออยู่ของเป้าหมาย
มานาที่ใช้ : 5,000
ระยะหน่วง : 1 ชั่วโมง
กรอด!
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างกริดและอัศวินทั้งสอง ดีวอสพลันขบกรามแน่นอย่างเจ็บแค้น
“เป็นแค่กษัตริย์อาณาจักรเล็ก ริอ่านยกตนเทียบชั้นเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิเชียวหรือ… ไม่สำเหนียกตัวเองบ้างรึไง!!”
ดีวอสกำลังเมามายสุดขีด แค่พยุงตัวตั้งตรงยังทำได้ยาก ร่างกายเริ่มออกอาการโงนเงน
“ปิอาโร่! เมอร์เซเดส ฉันไม่ปล่อยพวกแกผ่านไปได้แน่!”
ทั้งสองเป็นอดีตวีรบุรุษและวีรสตรีแห่งยุคสมัยใหม่ในกองทัพจักรวรรดิ
หากทั้งปิอาโร่และเมอร์เซเดสปรากฏตัวต่อหน้าทหาร คงได้เกิดความระส่ำระสายและสับสนอย่างหนักเป็นแน่
ฟุ่บ!
ดีวอสกระโจนใส่ปิอาโร่โดยไม่รีรอ
ทันใดนั้น…
พรึบ—!
ธงส้ม—สัญญาณการถอยทัพ เริ่มโบกสะบัดจากใจกลางกองทัพจักรวรรดิในหลายจุด
“เกิดอะไรขึ้น?”
ถอยทัพเนี่ยนะ? ทั้งที่เคลื่อนพลประชิดกำแพงเมืองศัตรูได้แล้ว?
แถมยังไม่ปรึกษามันสักคำ…
ดีวอสอึ้งจนกล่าวสิ่งใดไม่ถูก
ขณะเดียวกัน ฟูลบาจเปล่งเสียงตะโกนด้วยพลังเวทมนตร์จนกังวานทั่วสนามรบ
“ท่านดยุคดีวอส! มีราชโองการให้ถอนทัพ!!”
“ราชโองการ?”
“ราชโองการ?”
ไม่เพียงดีวอส แม้แต่กริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างก็พากันฉงน
ทำไมถึงมีคำสั่งถอยทัพตอนนี้?
แต่เพียงไม่นาน ข้อข้องใจของทุกคนก็ถูกไขกระจ่าง สิ่งที่มอบคำตอบคือข้อความโลก
[ยอดนักสำรวจได้ค้นพบเกาะแห่งใหม่ท่ามกลางทะเลแดง!]
[ชื่อของเกาะดังกล่าวคือ ‘โบราณสถานเทพสงคราม’]
“…!!”
นัยน์ตาดีวอสพลันเบิกโพลง มันเข้าใจเหตุผลของราชโองการถอยทัพทันที
“สำรวจโบราณสถาน…!”
แถมยังเป็นโบราณสถานเทพสงคราม!
ผู้ที่ไปถึงและสำรวจเป็นคนแรกจะได้รับสิทธิประโยชน์รวมถึงรางวัลก้อนโตติดไม้ติดมืออย่างไม่ต้องสงสัย
ตุ้บ!
ดีวอสกระโจนลงจากกำแพงโดยไม่รีรอ
ปิอาโร่และเมอร์เซเดสพยายามไล่ตามขัดขวางไว้ แต่ดีวอสในสภาพเมามายสุดขีดนั้นยากเหลือเกินที่จะจับกุมตัว การโจมตีส่วนใหญ่ล้วนพลาดเป้า ร่างกายคลับคล้ายขอทานกำลังโยกเอนอย่างพลิ้วไหวจนน่าหวาดหวั่น
และอันที่จริง กริดมิได้แยแสดีวอสอีกแล้ว เสียงข้อความส่วนตัวจากลอเอลกำลังทำให้มันยืนตัวแข็งทื่อ
> สมบัติล้ำค่าที่ไม่เคยมีใครขุดค้นมาก่อน มูลค่าของมันมิอาจประเมินเป็นตัวเลขได้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องส่งคนไปสำรวจ
ล้ำค่าถึงขนาดที่องค์จักรพรรดิสั่งถอนทัพใหญ่กลางคัน เห็นทีตนคงนั่งดูดนิ้วรอชมอย่างนิ่งดูดายไม่ได้แล้ว
ทั้งลอเอลและกริดต่างคิดเห็นตรงกัน
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,405
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
หาตี้ลงดันครับ😁
ReplyDeleteลงด้วยๆ555
Deleteคลาสดาบเสือขาวคับ. ตามลอยอริยะดาบ
Delete