จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1017



เมืองท่า กัลเลส


กองทัพจักรวรรดิกำลังเตรียมล่องเรือไปตาม ‘เส้นทาง’ ที่เกล็นฮาลทิ้งไว้


ท่ามกลางกลุ่มทหารที่ขนของอย่างกระฉับกระเฉง เอิร์ล·บาแก็ตยืนส่งเสียงตำหนิ


“แบกถุงข้าวสาลีได้แค่สามเองหรือ? หัดมองคนอื่นเป็นตัวอย่างบ้าง! กล้าเรียกตัวเองว่าทหารจักรวรรดิได้อย่างไร? ด้วยพละกำลังหางอึ่งแค่นี้ จะมีแรงปกป้องจักรวรรดิได้จริงหรือ? เหลวไหลสิ้นดี! พ่อแม่นายคงรู้สึกอับอายไปชั่วชีวิตที่มีลูกแบบนี้!”


“…!”


แต่ไหนแต่ไร เอิร์ลบาแก็ตโด่งในดังด้านวินัยทหาร ทว่า มันก็ไม่เคยพูดจาต่ำทรามกับทหารเลยสักครั้งเดียว


ถึงขั้นลามปามบุพการีเชียวหรือ?


พลทหารพลันชะงักงัน พวกมันตกตะลึงและเจ็บแปลบหัวใจ


ยิ่งเสียงตะโกนด่าทอของเอิร์ลบาแก็ตดำเนินต่อไป ขวัญกำลังใจทหารยิ่งหดหาย พวกมันสูญเสียศรัทธาที่เคยมอบให้วีรบุรุษบาแก็ต


หลังจากทราบข่าว มาร์ควิสฟูลบาจรีบเข้าพบเอิร์ลบาแก็ตเป็นการส่วนตัว


“ฉันเข้าใจว่านายกำลังเครียด แต่ช่วยใจเย็นลงก่อน เหล่าทหารพยายามเต็มที่แล้ว ถ้าไม่กล่าวชื่นชม ก็อย่าซ้ำเติมเพิ่มให้เสียน้ำใจไปเลย ฉันพูดถูกไหม?”


“เป็นถึงทหาร การตำหนิทางวินัยเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปรกติครับ! คนใจเสาะที่มิอาจทนคำดุด่า พวกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย! นี่น่ะหรือบุรุษที่สาบานว่าจะสละชีพปกป้องแผ่นดินแม่? อ่อนหัดเกินไปแล้ว! คุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเช่นกัน ท่านมาร์ควิส·ฟูลบาจ! ผมได้ฟังข่าวลือที่น่าสมเพชเกี่ยวกับคุณมาบ้าง สาเหตุที่คุณปวกเปียกและไม่เคร่งครัดวินัยทหาร เพราะคุณเติบโตในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง จึงเกิดการฝังใจและไม่กล้ากระทำต่อผู้อื่น!”


“อ…อะไรนะ!!”


ใบหน้ามาร์ควิส·ฟูลบาจพลันเปลี่ยนเป็นสี


เอิร์ล·บาแก็ตกล้าขึ้นเสียงกับมันตั้งแต่เมื่อไร?


ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลมาร์ควิส·ฟูลบาจขึ้นชื่อด้านความเมตตากรุณา ไม่มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงในครอบครัวแน่นอน


แต่กลับมีข่าวลือว่ามันถูกพ่อแม่ทำร้ายร่างกายตั้งแต่เด็ก? การกล่าวหาเช่นนี้ ถือเป็นการหมิ่นเกียรติบุพการีตนอย่างมาก


“กล้าดียังไง…! ใครมันกล้าปล่อยข่าวลือเหลวไหลเช่นนี้!!”


มาร์ควิส·ฟูลบาจที่ขึ้นชื่อด้านสุขุมและโอบอ้อมอารี มันกำลังเดือดดาล เท้ากระทืบพื้นเสียงดังพลางตะโกนโต้เถียง


“มันเป็นใครกัน? ใครกันที่ปล่อยข่าวลือ!!”


“…ต่อให้มีดจ่อคอ ผมก็ไม่มีวันขายเพื่อนแน่นอน มิตรภาพของลูกผู้ชายมิได้ราคาถูกขนาดนั้น แต่ขณะเดียวกัน ท่านก็เป็นผู้บังคับบัญชา คงจะปิดปากเงียบไม่ได้ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ผมจะบอกใบ้ให้ บุคคลที่ปล่อยข่าวลือดังกล่าวเป็นหนึ่งในเอิร์ลของกองทัพท่าน”


“เอิร์ล…? ทั้งที่ฉันทำดีกับพวกมาตลอด แต่กลับแอบแทงหลังอย่างนั้นหรือ…?!”


มาร์ควิส·ฟูลบาจโกรธจนตัวสั่น ใบหน้าแดงก่ำถึงลำคอ มันพ่นลมหายใจกระฟัดกระเฟียดก่อนจะเดินจากไป


ทันใดนั้น ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาหาเอิร์ล·บาแก็ตที่มีหน้าอิดโรยประหนึ่งอายุสั้นลงไปสิบปี


ชื่อของมันคือ ‘เซิร์น’


นักแปลงโฉม


“สุดยอดมาก! คุณยั่วยุพวกมันทุกวันโดยไม่เหน็ดเหนื่อย ทำได้ยังไงกัน?”


“ก็ไม่ได้รู้สึกดีนักหรอก… แต่นี่เป็นงาน ย่อมช่วยไม่ได้”


“แต่ผมเห็นคุณกำลังมีความสุข…”


“…”


เซิร์นชอบพัวพันรอบตัวเอิร์ล·บาแก็ตบ่อยครั้ง ฮิวรอยชำเลืองมองด้วยสีหน้าหงุดหงิด ปากเกือบหลุดคำด่าพ่อล่อแม่เหมือนเช่นทุกที


แต่มันยั้งไว้ทัน


ทักษะ ‘แปลงโฉม’ จะคงสภาพได้แค่สามวัน


หากไม่ได้เซิร์นช่วยเหลือต่อเนื่อง มันคงมิอาจทำภารกิจแฝงตัวที่ยาวนานขนาดนี้ได้


เซิร์นอมยิ้ม


“ผมสนุกมาก เหมือนกับได้ออกผจญภัยอย่างแท้จริง คิดถูกแล้วที่เลือกมากับคุณ ไม่ผิดจากที่มิสยูเฟอมิน่ากล่าวไว้เลย”


“…”


แต่ตูเครียดจะตายอยู่แล้ว…


ฮิวรอยฝันเห็นตัวเองถูกจับได้เกินกว่าสิบครั้ง แต่เพื่อกริด ให้เสี่ยงอันตรายกว่านี้ก็ยอม


‘ต้องรีบขโมยเส้นทางเดินเรือโดยเร็ว… เจ้าบ้าฟูลบาจไม่ยอมเปิดช่องว่างสักที!’


***


“เมื่อลองนึกดูให้ดี… น่าอับอายชะมัด”


ผ่านมาแล้วสามวัน นับตั้งแต่จักรวรรดิถอยทัพโดยไม่คิดเหลียวหลังกลับ


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างช่วยกันปลอบประโลมและจ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต คลาสสายผลิตมีหน้าที่ซ่อมบำรุงเรย์ดันรวมถึงอุปกรณ์สงคราม


ความสำคัญลำดับหนึ่งควรเป็นการสำรวจโบราณสถานเทพสงคราม


แต่พวกมันจะฝ่าด่านกองทัพจักรวรรดิเข้าไปสำรวจได้จริงหรือ?


อีกฝ่ายคงปิดกั้นทางเข้าออกเพื่อผูกขาดโบราณสถานเป็นแน่ และที่แย่คือ ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ยังไม่มีเส้นทางเดินเรือไปยังโบราณสถาน ลืมเรื่องฝ่าด่านกองทัพจักรวรรดิได้เลย


ด้วยเหตุนี้ จนกว่าข้อมูลเส้นทางจะถูกสืบทราบ โอเวอร์เกียร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเตรียมตัวให้พร้อม และพักฟื้นกำลังรบสำหรับทำศึกเต็มรูปแบบ


สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่มีเวลาว่างจะจับกลุ่มปรึกษาหารือ หัวข้อส่วนมากหนีไม่พ้นสงครามกับจักรวรรดิ และบรรยากาศมักเปี่ยมด้วยโทสะเดือดดาลเสมอ


สงครามกับจักรวรรดิที่ชายแดนเรย์ดัน เหล่าขุนพลทุกคนต่างเตรียมใจทำศึกแบบถวายชีวิตโดยไม่กลัวตาย สมองถูกรีดเร้นเค้นหากลยุทธ์ที่ดีที่สุด ต้องนอนน้อยกว่าปรกติเพื่อเข้าเวรจู่โจมแบบกองโจร เป็นสงครามที่ใช้อนาคตตัวเป็นเดิมพัน


แต่สำหรับจักรวรรดิ พวกมันมองเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นเองหรือ?


หลังจากค้นพบโบราณสถาน จักรวรรดิรีบยกทัพกลับโดยไม่แม้แต่ละเหลียวหลังมอง ทะเลทรายกลายเป็นดินแดนรกร้างว่างเปล่า ราวกับไม่เคยมีสงครามเกิดขึ้นที่นี่มาก่อน


สิ่งเดียวที่เหลือทิ้งไว้คือความอัปยศของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


“ไอ้พวกหัวค*ยนั่น”


นักรบโลหิต·แค็ทซ์


แม้จะเป็นชาวญี่ปุ่น แต่แค็ทซ์พ่นคำด่าภาษาเกาหลีอย่างไม่กระดากปาก มันมองว่าภาษาญี่ปุ่นมีคำด่าน้อยเกินไป ไม่เข้าถึงอารมณ์และอรรถรสเหมือนกับภาษาเกาหลี


“ให้ตายสิ! ทำไมถึงน่าโมโหแบบนี้!!”


โครม!


แค็ทซ์ใช้กำปั้นทุบใส่โต๊ะไม้กลมใจกลางห้องประชุม


“…”


เหล่าสิบวีรชนไม่มีใครกล่าวสิ่งใด


รวมถึงกริดด้วย


ทุกคนเข้าใจหัวอกแค็ทซ์ จึงปล่อยให้มันได้ระบายโทสะออกมา ถึงท่าทีจะก้าวร้าวจนเกินงามไปบ้างก็ตาม แต่ไม่มีสักคนที่ถือสา


แค็ทซ์สังหารทหารจักรวรรดิทั้งสิ้น 4,891 นาย ถูกฆ่าไปถึงสามครั้ง ผลงานโดดเด่นกว่าขุนพลคนใดทั้งหมด เก่งกาจทรงพลังสมกับฉายา ‘ปีศาจในสนามรบ’ ที่พวกพ้องตั้งให้


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


นี่คือครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมา ที่แค็ทซ์มีอารมณ์ร่วมกับองค์กรที่สังกัด รู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพวกพ้อง


แต่ไอ้จักรวรรดิบัดซบกลับเหยียบย่ำศักดิ์ศรี


สงครามที่ทุกคนเอาชีวิตเข้าแลก


แต่กลับ…


แต่กลับ!


“ไอ้พวกหัวค*ยนั่นคิดอะไรอยู่? ไม่ได้คิดเอาจริงอย่างนั้นหรือ? ทั้งที่พวกเราหลั่งเลือด ทั้งที่พวกเราเสียสละไปมากขนาดนี้!! ค*ย! ค*ย! ค*ย! ค*ย!!!”


โครม! โครม! โครม!!!


แค็ทซ์ทุบกำปั้นใส่โต๊ะอีกหลายครั้ง มันมิอาจระงับโทสะไว้ได้ จนท้ายที่สุด ชะตากรรมของโต๊ะกลมมีอันต้องพังลงคามือ


ทว่า


“ฉันขอโทษ”


สีหน้าของสิบวีรชนฯ พลันผงะ แค็ทซ์ก็เช่นเดียวกัน ขณะพวกมันกำลังสับสน


“ต้องขอโทษจริงๆ”


กริดกล่าวกับแค็ทซ์ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและก้มศีรษะลงให้พวกพ้องทุกคน


“เป็นเพราะฉันมาถึงช้า ความเสียหายฝ่ายเราจึงมากมายขนาดนี้ พวกนายหลายคนต้องตาย แถมฉันยังปล่อยให้กองทัพจักรวรรดิหนีกลับไปต่อหน้าต่อตา… ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง”


กริดแสร้งพูดให้ตัวเองดูดี?


ผิดแล้ว


สิบวีรชนรู้จักกริดดีกว่าใครทั้งหมด ชายคนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างภาพ


ทุกคนเป็นสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าไหล่มาหลายปี สื่อสารผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด เป็นมิตรแท้ที่ชีวิตนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว


หน้ากากไม่จำเป็นเลยสักนิด


หรืออีกนัยหนึ่ง กริดกำลังขอโทษจากก้นบึ้ง


“ในวันที่เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ถ้าฉันแสดงท่าทีเข้มแข็งให้พวกมันเห็น สงครามที่ผ่านมาอาจไม่เกิดขึ้น”


ผู้เล่นอาจยกย่องให้ตนเป็นท้องฟ้า แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เมื่ออยู่ต่อหน้า NPC พิเศษ ตัวเขาเป็นได้เพียงสามัญชนไร้พลัง


เมื่อต้องเผชิญหน้าพวกมันเป็นหนแรก ความสะพรึงของเจ็ดดยุคอยู่เหนือสามัญสำนึก ไม่แปลกที่กริดจะแสดงท่าทีอ่อนแอ


“ในวันที่จักรวรรดิประกาศสงคราม ฉันควรอยู่เคียงข้างพวกนาย คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษา คอยรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน… ถ้าเป็นแบบนั้น ความสูญเสียที่ผ่านมาก็จะลดลง… แต่ฉันไม่ได้ทำ”


หลังจากตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ทหาร กริดประเมินว่า ถึงเวลาต้องยกระดับไอเท็มให้ทหารบางหน่วยที่เริ่มมีเลเวลสูง


ด้วยเหตุนี้ ตัวเขาที่อ่อนประสบการณ์ด้านสงครามจึงออกคำสั่งให้ช่างเหล็กหลวงสร้างดาบและเกราะจำนวนมาก ซึ่งนั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่


ในมหาสงครามที่มนุษย์หลายแสนรบพุ่งฆ่าฟัน สิ่งควรมุ่งเป้าไม่ใช่อุปกรณ์สวมใส่พลทหาร หากแต่เป็นอุปกรณ์สวมใส่ของสิบวีรชนที่มีพลังรบเทียบเท่าหนึ่งกองพัน


แต่กริดละโมบ


เอาแต่หมกตัวในโรงเหล็ก ขบคิดหาทางพัฒนาตัวละครให้แข็งแกร่งขึ้น จนหลงลืมความสำคัญของพวกพ้องเสียสนิท


ผลลัพธ์ก็คือ


มิตรหายที่อุตส่าห์เลือกรางวัลตอบแทนจากงานแข่งเป็น ‘ลมหายใจสัตว์เทพ’ กลับไม่ถึงคิวยกระดับไอเท็ม


แทบทุกคนย่ำอยู่ที่เก่า การเผชิญหน้ากองทัพจักรวรรดิอันเกรียงไกรจึงลงเอยด้วยความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“…ฉันผิดเอง”


“นายพูดอะไร? โดนธนูปักหัวมารึไง?”


เมื่อกริดยอมรับผิดไว้เพียงผู้เดียว ทุกคนต่างออกอาการตกตะลึงลนลาน ทันใดนั้น ใครบางคนโพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย


“มันใช่ความผิดนายที่ไหน? ความผิดของพวกเราต่างหาก ที่แข็งแกร่งไม่ได้แม้เพียงครึ่งของนาย”


จิสึกะลุกจากเก้าอี้พร้อมกับแผดเสียงฉุนเฉียว


“ถ้าใครหน้าไหนกล้าตำหนิกริด ฉันจะฆ่ามันทิ้งให้หมด!”


นี่มิใช่การเอนเอียงเข้าข้าง แต่เป็นความฉุนเฉียวมีเหตุและผลรอบรัง


ในฐานะมือธนูและอดีตหัวหน้ากิลด์ เธอมีมุมมองกว้างขวางกว่าผู้อื่นเสมอ ทุกการกระทำ ทุกการตัดสินใจ ล้วนเยือกเย็นดุจดังน้ำแข็ง


“โดยเฉพาะพวกเด็กกิลด์เซดากาห์เก่า พวกนายต่างหากที่ต้องก้มศีรษะขอโทษกริด! เหล่าอัจฉริยะของโลกงั้นหรือ? ช่างน่าขัน! ตั้งแต่มาอยู่กับกริด พวกนายเป็นฝ่ายช่วยเหลือ หรือฝ่ายถูกช่วยเหลือกันแน่!”


เพล้ง!!


จิสึกะไม่เหมือนแค็ทซ์


สิ่งของที่เธอทำลายมิใช่โต๊ะไม้ราคาถูก แต่เป็นกระจกบานใหญ่ระยิบระยิบของปราสาท มูลค่าของมันค่อนข้างสูง และไม่ใช่เพียงบานเดียว กระจกทุกบานภายในห้องประชุมล้วนแหลกละเอียดถ้วนหน้า


สายเริ่มลมพัดผ่านเข้าปราสาทจากทุกทิศ


“เห็นไหมกริด ไม่มีใครปฏิเสธ นี่ไม่ใช่ความผิดของนายสัก ปัญหาอยู่ที่ความอ่อนหัดของพวกเราต่างหาก!”


เมื่อกระจกบานสุดท้ายแตก จิสึกะแสยะยิ้มพลางใช้มือเสยผมที่ยาวสลวย


แสงแดดส่องกระทบเส้นผมแดงเพลิงเงางามที่อยู่เหนือไหปลาร้าและเนินอกอันเย้ายวน


“…”


จิสึกะแสดงสีหน้ามั่นใจยิ่งกว่าใครมั้งหมด


ขณะเดียวกัน ยูร่ากำลังอิจฉาจิสึกะที่สามารถกล่าวความในใจอย่างไม่กระดากปาก อิจฉาที่จิสึกะสามารถปลอมประโลมกริดได้โดยไม่ทำร้ายน้ำใจใคร


ไม่เหมือนจิสึกะ ยูร่าเข้ากิลด์ทีหลังเพื่อน


เธอไม่มีสิทธิ์ตวาดพวกพ้อง แม้จะคิดแบบเดียวกันก็ตาม


แถมวันเวลาที่ได้อยู่กับคนเหล่านี้ยังแสนสั้น ภารกิจพิเศษของเธอคือขุมนรก ที่นั่นคือบ้านหลังเดียวของยูร่า บ้านที่ไม่มีเพื่อนคนใดร่วมพักอาศัย


เธอไม่สนิทกับพวกพ้องมากพอจะพูดถึงในทางเสียหายโดยไม่ถูกโกรธเคือง


หมับ!


ยูร่ากำหมัดแน่น


ขณะจิสึกะแผดเสียงทั่วท้องประชุม ขณะกริดกำลังจ้องมองหล่อนพลางอ้าปากค้าง นัยน์ตาของยูร่ากำลังสั่นระริกชัดเจน


‘นี่คงเป็นสาเหตุที่ยองวูเลื่อนการมอบคำตอบออกไป…’


กริดชื่นชอบจิสึกะมากกว่าตน


หัวใจที่มอบให้อาจไม่ต่างกัน แต่ขนาดหน้าอกแตกต่างชัดเจน


กระทั่งสตรีด้วยกันยังสัมผัสได้ว่าจิสึกะมีเสน่ห์น่าหลงใหลเพียงใด


อีกฝ่ายอยู่กับกริดมาตั้งแต่สมัยกิลด์เซดากาห์ และกริดก็เอาแต่มองจิสึกะด้วยสายตาหลงเสน่ห์เช่นนี้มาตลอด


ทันใดนั้น


“อะแฮ่ม… ใจเย็นก่อน สถานการณ์ภาพรวมดีกว่าที่ทุกคนเข้าใจ”


ลอเอลที่เงียบงันมานานเริ่มเปิดปากแสดงความเห็น สายตาทุกคนพลันจับจ้อง


เสนาธิการใหญ่เชิดคางขึ้น ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว


“อีกไม่นาน ฮิวรอยจะส่งข้อมูลเส้นทางเดินเรือมาให้ ดังนั้นพวกเราต้องรีบก่อตั้งทีมสำรวจ”


ลอเอลไม่แยแสท่าทีโอหังของจักรวรรดิ ไม่แยแสการสูญเสียของฝ่ายโอเวอร์เกียร์ สิ่งเดียวที่มันกำลังสนใจคือโบราณสถานเทพสงคราม


หากสิบวีรชนไม่รู้จักลอเอลมากพอ หากสิบวีรชนไม่เชื่อใจลอเอลเหนือสิ่งอื่นใด พวกมันคงเกิดความเข้าใจผิดไปถนัด


ลอเอลไม่ได้เข้าร่วมสงคราม ไม่ได้หลั่งเลือดหรือเสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว จึงอาจไม่เข้าใจว่า ความสูญเสียและความตายของพวกพ้องร้ายแรงเพียงใด ในหัวหวังแต่จะกอบโกยหาผลประโยชน์จากโบราณสถานอย่างไม่ลืมหูลืมตา


แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น สิบวีรชนเชื่อใจลอเอลมาตลอด และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกแสนนาน


ลอเอลทำงานหนักกว่าใคร สิ้นเปลืองสมองมากกว่าใคร และนอนน้อยยิ่งกว่าใครทั้งหมด


ทุกคนจึงคาดหวังเหตุผลที่ดีจากปากลอเอล คำตอบที่จะลบล้างความเจ็บแค้นและโศกเศร้าจากการถูกจักรวรรดิหยามเกียรติ


อัจฉริยะที่ร่วมก่อตั้งกิลด์โอเวอร์เกียร์และอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะมีมุมมองทางสงครามเช่นไร?


เหตุใดถึงบอกว่าสถานการณ์กำลังไปได้สวย?


ท่ามกลางความเงียบงัน ลอเอลกล่าวในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง


“ในวินาทีที่โบราณสถานปรากฏ จักรพรรดิมีราชโองการถอยทัพทันทีโดยไม่เหลียวหลัง สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่า จักรวรรดิอาจไม่ต้องการทำสงครามกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตั้งแต่แรก”


“อะไรนะ? จักรวรรดิไม่อยากเปิดศึกกับเรา?”


“ถูกต้อง ถึงจะอ้างเหตุผลสำรวจโบราณสถาน แต่ฉันกลับมองว่า เป็นการกระทำที่สุดโต่งเกินไปสักหน่อย”


“…”


“เมื่อลองคิดคำนวณจากสภาพแวดล้อมหลายด้าน สมมติฐานดังกล่าวมีโอกาสเป็นไปได้มาก เครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ การที่จักรวรรดิไม่เหลือทหารไว้คอยหยั่งเชิงพวกเราเลย”


ลอเอลชำเลืองมองเมอร์เซเดสที่ยืนอารักขาข้างกายกริดตลอดเวลา


“และบางที เหตุผลที่องค์จักรพรรดิขับไล่เซอร์เมอร์เซเดส…”


ลอเอลพยายามสวมบทบาทเป็นฮวนเดอร์เสียเอง สมองของมันกำลังประมวลผลอย่างหนัก


“องค์จักรพรรดิอาจไม่ต้องการเป็นศัตรูกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แต่หวังผูกมิตรมากกว่า และสงครามในหนนี้มิใช่ความปรารถนาของเขา”


แวนเนอร์ที่นั่งฟังเงียบงันมานาน มันเกาศีรษะล้านก่อนจะถามแทรก


“หมายความว่า จักรพรรดิต้องการอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา?”


“ถูกต้อง หากระบุให้ชัดคือ ไม่ได้ต้องการผูกมิตรกับพวกเรา แต่เป็นกริด… ฉันรู้สึกมานานแล้วว่า เป้าหมายสูงสุดขององค์จักรพรรดิมิใช่แค่การรวมทวีปเป็นหนึ่ง แต่เป็นสิ่งยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก”


“ยิ่งใหญ่กว่านั้น? ทวีปตะวันออก?”


“มีความเป็นไปได้สูง… แต่เมื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์รับชนเผ่าเนตรมารมาเป็นพลเมืองขุนนางหลายฝ่ายของจักรวรรดิจึงเกิดความไม่พอใจ เพื่อจะคานอำนาจ องค์จักรพรรดิจึงต้องประกาศสงครามบังหน้า”


“หืม…”


บรรยากาศห้องประชุมพลันเงียบงัน


กริดเป็นที่ชื่นชอบขององค์จักรพรรดิ?


ถือเป็นข่าวดีอย่างมาก!


แต่ไหนแต่ไรมา ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ไม่ได้ต้องการทำสงครามกับจักรวรรดิ กิจกรรมเช่นนี้ไม่ก่อประโยชน์อันใด


ขุมพลังสองฝ่ายต่างชั้นมากเกินไป สงครามที่ไม่มีวันชนะ คือสงครามที่ไม่สนุกและไม่เกิดผลดี


ยิ่งหายนะยืดเยื้อยาวนาน ความฉิบหายก็ยิ่งครอบงำฝ่ายโอเวอร์เกียร์มากขึ้น


ถึงจะได้เปรียบเล็กน้อยจากปืนใหญ่รุ่นใหม่ แต่สิบวีรชนก็ทราบดีกว่า จักรวรรดิยังไม่ได้เอาจริงเลยสักนิด


สัตว์ประหลาดที่ชื่อแกรนมาสเตอร์ยังไม่ลงมือ เจ็ดดยุคเคลื่อนไหวจริงจังเพียงสอง อัศวินสีชาดรุ่นใหม่ยังไม่ออกโรง และเหนือสิ่งอื่นใด จักรกลเวทมนตร์


ไม่เพียงเท่านั้น ต่อให้วันนี้ชนะและยึดครองชายแดนจักรวรรดิได้บางส่วน แต่กำลังคนอันน้อยนิดของพวกมัน จะกระจายตัวปกครองครอบคลุมได้หรือ?


ไม่มีทางเลย


และอีกปัจจัยที่จะมองข้ามไปไม่ได้


‘กริดไม่เคยพูดว่าอยากเป็นจักรพรรดิ’


ใช่แล้ว ราชาโอเวอร์เกียร์มิได้ปรารถนาบัลลังก์ใหญ่ สาเหตุเพราะ แม้แต่หน้าที่ราชายังทำได้ไม่ดี ต้องฝากให้ผู้อื่นคอยจัดการ แล้วตนจะดำรงตำแหน่งจักรพรรดิแสนวุ่นวายได้อย่างไร?


การเป็นจักรพรรดิซับซ้อนวุ่นวายกว่าราชามาก ระเบียบบริหารเป็นขั้นเป็นตอน ต้องมีพลังทางการเมืองสูง จึงจะควบคุมผู้ปกครองหัวเมืองให้อยู่ใต้อาณัติโดยไม่ก่อกบฏ และในบางหน้าที่สำคัญ กริดมิอาจฝากให้ลอเอลกระทำแทนได้


จากสภาพปัจจุบัน ไม่มีใครจินตนาการว่ากริดจะรบกับจักรวรรดิจนถึงขั้นแตกหักและก่อตั้งจักรวรรดิใหม่เป็นของตัวเอง


“เข้าเรื่องกันดีกว่า ทีมสำรวจเฉพาะกิจจะก่อตั้งจากกลุ่มผู้เล่นหัวกะทิจำนวนน้อย โบราณสถานต้องมีระดับความยากสูงมากแน่ ชนิดที่ผู้เล่นฝีมือปานกลางจะกลายเป็นตัวถ่วง”


ลอเอลกล่าวต่อ


“ในเวลาเดียวกัน พวกเรายังเหลือกำลังรบมากพอสำหรับปกป้องอาณาจักรในยามวิกฤติ”


“แล้วนายคิดส่งใครไปบ้าง?”


“แน่นอน ฝ่าบาทและสิบวีรชนฯ”


“พวกเราทุกคน?”


“ใช่ ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อให้ขุมกำลังแข็งแกร่งมากขึ้น ฉันจะให้มิสเตอร์ฮูเร็นร่วมทางด้วย”


ครืด!


โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง พีคซอร์ดที่เงียบงันมาตลอดการประชุมได้ลุกพรวดขึ้น


“ไปลุยกันเถอะ!”


มันกำลังตื่นเต้น


นานแล้วที่เหล่าสิบวีรชนฯ มิได้ออกผจญภัยพร้อมกับกริด แถมคราวนี้ยังมีออร่ามาสเตอร์เข้าร่วมปาร์ตี้ นี่คือกองทัพผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกอย่างไร้ข้อกังขา


“อาจได้กำจัดเจ็ดดยุคไปพร้อมกับรวบรวมสมบัติ… ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว”


เฟคเกอร์พึมพำ


“ฆ่าแม่ง! ฆ่าพวกจักรวรรดิแม่งให้หมด!”


แค็ทซ์คำราม


ลอเอลพยายามสงบสติทุกคน


“ใจเย็นก่อน พวกเราต้องสำรวจเกาะอย่างรอบคอบ”


ขณะเดียวกัน


ณ ฟาร์มเกษตรเรย์ดัน


“ทำไมต้องเป็นเรา…”


หลังจากได้รับคำสั่งเรียกตัวกลางคันระหว่างทำฟาร์ม ฮูเร็นถอนหายใจยาว


โบราณสถานอันตรายแบบนั้น ทำไมพวกนายถึงให้คนอ่อนแออย่างฉันร่วมทางไปด้วย?


สมองของลอเอลคงไม่เฉียบแหลมเหมือนแต่ก่อนแล้วกระมัง…


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,406
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เรื่องนี้​ คนเขาชอบมโนไปเองเนอะ😁
    ขอบคุณ​ครับ​🙏

    ReplyDelete
  2. ฮูเร็นคือ จะไปสายชาวนาให้ได้อ่ะ เค้ารบกันตายไปหลาย แต่ตัวเองมุ่งมั่นทำนา 5555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00