จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,011



“ฝ่าบาท ในงานฉลองที่จะมีขึ้น ช่วยกล่าวทักทายสมาชิกใหม่ของกิลด์โอเวอร์เกียร์ทีละคนด้วย”


“หือ… อะไรนะ?”


หูฝาดรึเปล่า?


ปัจจุบัน กิลด์โอเวอร์เกียร์มีสมาชิกมากกว่าเก้าร้อยคน หากนับรวมพลปืนใหญ่ที่กำลังจะเข้าร่วมในอนาคต สมาชิกรวมจะมีทั้งหมดเกินหนึ่งพันคน


ให้ทักทายทีละคน?


ต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงถึงจะพอ?


“ทำไมต้องทำเรื่องเสียเวลาขนาดนั้น?”


ขณะกริดกำลังฉงน ลอเอลกล่าวต่อไป


“แล้วอย่าลืมบอกพวกเขาว่า ฝ่าบาทจะสร้างไอเท็มที่เหมาะสมกับทุกคนให้”


“หา? ฉันยังจำหน้าคนกิลด์หลักไม่หมดเลย แล้วจะให้สร้างไอเท็มที่เหมาะสมกับสมาชิกกิลด์แต่ละคน?”


“เป็นถึงหัวหน้ากิลด์ แค่ใบหน้าสมาชิกกิลด์หลัก ฝ่าบาทยังจดจำได้ไม่หมด…”


“ร…เรื่องนั้น”


กริดเริ่มกระอักกระอ่วนเมื่อถูกลอเอลถามจี้


แต่เขาก็มีข้ออ้างที่ฟังขึ้น


“หน้าที่บริหารกิลด์เป็นของนายไม่ใช่รึไง? เพราะแบบนั้น ฉันถึงยอมให้เพิ่มจำนวนสมาชิก”


ถ้ารู้ว่าต้องคอยดูแลคนในกิลด์อย่างใกล้ชิด เราคงไม่รับสมาชิกเพิ่มตั้งแต่แรก


กริดไม่รู้สึกผิดกับสิ่งเหล่านี้ เขาคิดว่าเหตุผลของตัวเองมีน้ำหนักพอ


“ฉันต้องเก็บเวล สร้างไอเท็ม แล้วยังต้องใส่ใจคนในกิลด์อีกหรือ?”


กริดงานยุ่ง แถมเครียด และมีเวลาไม่พอ


นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น


“ฉันทำงานหลายอย่างพร้อมกันเหมือนนายไม่ได้ ต่อให้ทำอย่างเดียว ในบางครั้งก็ยังออกมาไม่ดี…”


ทันใดนั้น กริดที่กำลังบนอุบอิบพลันชะงัก


…งาน?


การจดจำใบหน้าพวกพ้องและกล่าวทักทายกับทุกคนถือเป็น ‘งาน’ อย่างนั้นหรือ?


ชายหนุ่มพลันขนลุก เขาเพิ่งตระหนักว่าตัวเองมีความคิดต่อสมาชิกใหม่เช่นไร


‘เรามองคนเหล่านั้นเป็นแค่แรงงานทาส…’


เรื่องแบบนี้…


กริดไม่ได้ต้องการสนิทสนมกับใคร เอาแต่สวดภาวนาให้ทุกคนแสดงฝีมือเพื่อกิลด์และอาณาจักรอย่างเต็มความสามารถ


แต่คนเหล่านั้นกลับออกศึกโดยแหกปากตะโกนว่าเป็นพวกพ้องกริด ต่อสู้เพื่อกริด


ในมองมุงดังกล่าว มันคือความสัมพันธ์แสนบอบบางและราคาถูก


วาบ—


ใบหน้ากริดเริ่มแดงก่ำ เขารู้สึกอับอายในความคิดต่ำช้าที่เคยมีต่อสมาชิกกิลด์


เมื่อเห็นกริดสลด ลอเอลโบกมือเล็กน้อย


“ฝ่าบาทไม่ต้องรู้สึกแย่ขนาดนั้น ในเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ว่าง หลังจากนี้ก็ว่างแล้วไม่ใช่หรือ? คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป หากจะกล่าวทักทายกับทุกคนเพื่อให้พวกเขารับรู้ถึงสายสัมพันธ์… กระหม่อมมิได้คิดตำหนิฝ่าบาทแต่อย่างใด”


“ไม่เลย มันคือสิ่งสำคัญที่ฉันมองข้ามมาตลอด หน้าที่ของนายคือการชี้นำฉันให้เดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง”


มีผู้คนจำนวนมากรอต่อคิวเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์ในทุกวัน บางส่วนต้องการเข้าเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทน แต่บางส่วนก็ต้องการเข้าโดยมีจุดประสงค์ร้ายแอบแฝง


เป็นหน้าที่ลอเอลที่คอยคัดกรอง เสียเวลาเสียเงินทองมากมายเพื่อสืบประวัติอย่างคร่าว เลือกเฟ้นคนที่มีคุณสมบัติและจิตใจปรกติเข้ากิลด์


เป็นเพราะการหลั่งหยาดเหงื่อ หลั่งน้ำตา หลั่งโลหิตของลอเอล กิลด์โอเวอร์เกียร์จึงมีสมาชิกคุณภาพเฉกเช่นปัจจุบัน หากกริดไม่คิดสานสัมพันธ์กับกลุ่มคนคุณภาพที่ลอเอลคัดสรรอย่างยากลำบาก เกรงว่าคงนั่นเป็นการเสียน้ำใจจนเกินไป


“…ฉันเพิ่งตระหนักได้เมื่อครู่ ว่านิสัยคนเราเปลี่ยนแปลงได้ไม่ง่ายเลย”


เรายังเห็นแก่ตัวและมองโลกในมุมแคบ


กริดตัดพ้อใจใน รอยยิ้มขื่นขมปรากฏบนใบหน้า


“ฝ…ฝ่าบาท”


เมื่อกริดก้มหน้าลงและตำหนิตัวเองอย่างหนัก ลอเอลเริ่มทำตัวไม่ถูก มันเสียใจที่ทำให้บุคคลซึ่งงานยุ่งที่สุดคนหนึ่งของโลก ต้องแบกรับแรงกดดันเพิ่มเติม


หลังจากเงียบงันไปสักพัก กริดได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้น


“ตกลงตามนั้น ฉันจะกล่าวคำทักทายกับสมาชิกทุกคนเป็นการส่วนตัว”


นัยน์ตาที่เคยสั่นคลอนกลับมาแน่วแน่อีกครั้ง


หลังจากก่อตั้งกิลด์ที่สี่ รับพลปืนใหญ่เข้ากิลด์เพิ่มอีกหนึ่งร้อยคน ภายในงานเลี้ยง กริดสัญญากับตัวเองว่าจะสนทนากับสมาชิกใหม่ทุกคนด้วยบรรยากาศอบอุ่น แม้อาจต้องใช้เวลาหลายวันหลายคืนก็ตาม


บทบาทของกริดในปัจจุบันมีทั้ง ราชา นักรบ ช่างเหล็ก ช่างตัดเย็บ และหัวหน้ากิลด์


เขาเชื่อว่าตัวเองมีร่างกายไม่พอสำหรับรับหน้าที่ทุกบทบาทอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เชื่อมั่นในพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร… ความเพียรพยายาม


***


กลางคืนเป็นเวลาของแวมไพร์ทายาทและนักลอบสังหาร กลางวันเป็นเวลาของท็อปแรงเกอร์และหนอนยักษ์


กองทัพจักรวรรดิถูกหมุนเวียนโจมตีตลอดทางเคลื่อนทัพไปยังเรย์ดัน สปีดการเดินเท้าช้ากว่ากำหนดการมาก แถมยังพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ เป็นบ่อเกิดอาการอ่อนล้าสะสม


โดยเฉพาะม้า พวกมันมีสภาพย่ำแย่เป็นพิเศษ ภูมิประเทศและสภาพอากาศทะเลทรายมิใช่สิ่งที่ม้าถนัด ทัพม้าทั้งหมดถูกลดประสิทธิภาพความคล่องตัวที่เป็นจุดเด่น


“ขวัญกำลังใจทหารย่ำแย่มาก ลำพังเมื่อคืน มีทหารคิดหนีทัพมากถึง 359 นาย”


“ฝั่งศัตรูก็คงไม่ต่างกันนัก ทุกครั้งที่พวกมันบุกเข้ามา ทหารโอเวอร์เกียร์ก็ล้มตายไปไม่น้อย”


“ถูกต้อง ต่อให้ความเสียหายใกล้เคียงกัน แต่จำนวนของทัพเรามีมากกว่า ในทางจิตวิทยา ฝ่ายนั้นย่อมเผชิญความเครียดมากกว่า ฝั่งเรามีทหารหนีทัพ 359 นายงั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้น ฝั่งพวกมันก็คงเกินพันนายกระมัง”


“มองโลกในแง่ดีไปแล้ว พวกมันมีเสบียงและน้ำสะอาดครบครัน ได้หลบหลังกำแพงปราสาทที่แน่นหนาอบอุ่น ส่วนฝ่ายเรามีเพียงค่ายทหารชั่วคราว เสบียงและน้ำสะอาดมีจำนวนจำกัด”


เดิมที ทัพจักรวรรดิวางแผนเคลื่อนพลให้ถึงเรย์ดันภายในสองวัน นั่นคือเวลาประเมินจากความเร็วเคลื่อนทัพต่ำสุด สาเหตุเพราะ ปราสาทเรย์ดันอยู่ไม่ห่างจากชายแดนจักรวรรดิมากนัก


แต่ความจริงไม่เหมือนสิ่งที่คิด


ศัตรูลอบจู่โจมอย่างต่อเนื่องตลอดคืนวัน ไม่เปิดโอกาสให้พวกมันพักหายใจหายคอ เมื่อลองคำนวณเวลาเคลื่อนทัพใหม่ อาจไม่ถึงเรย์ดันภายในสี่วันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สองวันเลย


ในกรณีเลวร้าย ทหารอาจแห้งตายท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้งเสียก่อน


ปัญหาสำคัญคือน้ำสะอาดสำหรับดื่ม โอเอซิสทั้งหมดถูกผสมยาพิษไว้นานแล้ว แหล่งน้ำเดียวที่พึ่งพาได้คือหน่วยเสบียงที่ส่งเข้ามาเติมในทุกวัน แต่คิดว่านั่นจะเพียงพอกับทหารหลายแสนนายอย่างงั้นหรือ?


ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ไม่โง่พอจะปล่อยให้เสบียงขนส่งได้ตามใจชอบ พวกมันคอยดักซุ่มทำลายขบวนเสบียงเป็นระยะ


“…”


กระโจมประชุมกลยุทธ์ตกอยู่ในบรรยากาศเงียบงันและอึดอัด ในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกมันไม่มี ‘ปัญญา’ มากพอจะหาทางออกอย่างเฉลียวฉลาด


หลังจากไม่มีใครกล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน ขุนนางหนุ่มผู้หนึ่งแสดงความเห็น


“แล้วทำไมพวกเราไม่ถอยก่อน?”


“…”


ไม่มีเสียงคัดค้าน


ไม่มีใครเสนอความเห็นที่ดีกว่านี้ได้


เมื่อบรรยากาศเป็นใจ ขุนนางหนุ่มกล่าวต่อ


“กองทัพของพวกเราที่นี่ยังขาดประสบการณ์ พวกเขาไม่คุ้นชินกับการรบในทะเลทราย จึงเป็นสาเหตุที่แสดงฝีมือได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่กลับกัน ทหารหลวงของจักรวรรดินั้นคัดกรองเฉพาะหัวกะทิเจนศึก ถ้าเป็นทหารเหล่านั้นต้องแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมบนทะเลทรายแน่ โดยเฉพาะกองทัพของเจ็ดดยุค คงไม่แคล้วเริงร่าประหนึ่งมัจฉาถูกปล่อยลงทะเล”


“พวกเราถอยกลับไปรบที่ชายแดนดีไหม? รอจนกว่ากองทัพหลวงจะมาถึง”


“อา…”


“…”


กองทัพหลายแสนที่ประจำการชายแดนเรย์ดันในตอนแรก ภารกิจที่แท้จริงพวกมันไม่ใช่การยึดครองเรย์ดัน หากแต่เป็นการตรึงกองกำลังโอเวอร์เกียร์ให้ประจำการอยู่แต่ในกำแพงเมือง ไม่สามารถส่งความช่วยเหลือไปถึงไบรันที่มีกองทัพอากาศบุกจู่โจมได้


ทัพหนุนของจักรวรรดิถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง แม้ในตอนจะมีจำนวน 280,000 แต่ปัจจุบันล้มตายเหลือ 230,000 นาย


หน้าที่ของพวกมันง่ายดายและไม่ซับซ้อน


แต่ขณะรอฟังข่าวดี กลับต้องได้รับข่าวร้ายแทน กองทัพอากาศของราชาท้องฟ้า รีกัล ถูกจำกัดอย่างราบคาบโดยไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว


ด้วยเหตุนี้ กองทัพหลักสองแสนที่ชายแดนจึงเดือดดาลและหวังแก้แค้นด้วยการยึดครองเรย์ดันให้ได้ หากทำสำเร็จ พวกมันที่เข้าร่วมศึกจะได้รับความดีความชอบมากมายแก่วงศ์ตระกูล


ทว่า ถึงเวลาที่ต้องทบทวนภาพรวมสงครามเสียใหม่อย่างใจเย็น


“อืม…”


แม่ทัพใหญ่ มาร์ควิสฟูลบาจ มันกำลังก้มหน้าครุ่นคิด


แววตาของเหล่าขุนนางเผยท่าทีเจ็บแปลบชัดเจน พวกมันต้องการสั่งถอนกำลังกลับเดี๋ยวนี้ ถึงแม้ต้องฝืนกล้ำกลืนความอัปยศลงคอ


จักรวรรดิอ่อนแอเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?


ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา จักรวรรดิคือผู้ปกครองทวีปด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จดุจดังสัตว์ป่าดุร้ายมาตลอด แล้วเหตุไฉนถึงได้กลายเป็นไอ้ขี้แพ้ที่หลงลืมวิธีการล่าเหยื่อไปแล้ว


“จักรวรรดิไม่ต้องการคนปอดแหก”


ฉึบ—


“…!”


ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายในเสี้ยวอึดใจ


วินาทีที่กลิ่นเหล้าฉุนโชยเตะจมูก โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนกระโจมอย่างสยดสยอง


ศีรษะสามเศียรกลิ้งกองกับพื้น เจ้าของไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสามขุนนางหนุ่มที่เสนอให้ถอยทัพเมื่อครู่


“ท…ท่านดยุคดีวอส!”


มาร์ควิสฟูลบาจโพล่งขึ้น เหล่าขุนนางระดับสูงที่นั่งรายล้อมต่างพากันหน้าถอดสี


ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลวมโครก บนใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นหลายจุด


บุคคลสภาพเยี่ยงขอทาน มันยังมีกะจิตกะใจกระดกขวดเหล้าหลังจากตัดหัวขุนนางไปสามคน ตัวตนที่แท้จริงของมันคือ ดยุคแห่งสุรา ดีวอส


หนึ่งในเจ็ดดยุคผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักร


“ถ…ถวายบังคมท่านดยุค!!”


เหล่าขุนนางและอัศวินต่างก้มศีรษะคำนับอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ต้องให้ใครสั่ง


ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงความผิดโทษฐานสังหารสามขุนนางแห่งจักรวรรดิ ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเจ็ดดยุค ไม่มีคำว่ากฎหมายหรือศีลธรรมใดทั้งสิ้น


แม้แต่มาร์ควิสอย่างฟูลบาจยังทำได้เพียงเงียบงัน สีหน้าของมันกำลังขื่นขม ไม่สู้ดีนัก


เมื่อเห็นฟูลบาจอึดอัดใจ ดีวอสแสยะยิ้ม


“นายโกรธที่ฉันฆ่าพวกปอดแหกนี่หรือ?”


“จะดีจะร้าย พวกเขาเป็นถึงขุนนางแห่งจักรวรรดิ มีดินแดนในปกครอง มีประชาชนและทหารที่ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิทรงประทานให้… ต่อให้เป็นถึงท่านดยุคดีวอสก็ตาม แต่คงมิอาจหลีกเลี่ยงความโกรธแค้นของชาวเมืองและทหารได้”


“หืม… แต่ชาวเมืองน่าจะดีใจมากกว่า ที่ฉันช่วยฆ่าเจ้านายปอดแหกและไร้ความสามารถให้ ไม่คิดเช่นนั้นกันหรือ?”


ดีวอสชำเลืองมองรอบกระโจม ขุนนางหรืออัศวินคนใดที่ถูกสบตา ร่างกายพวกมันพลันสั่นระริกและรีบพยักหน้าเห็นด้วย


ดีวอสในสภาพเมามายขึ้นชื่อว่ามีนิสัยป่าเถื่อนและจิตใจอำมหิต ไม่ต่างจากเจ็ดดยุคคนอื่น ขุนนางที่ระดับต่ำกว่าเอิร์ลลงไปไม่กล้าแม้แต่จะสบตา


ตึก ตึก ตึก


ดีวอสเดินมาหาฟูลบาจที่กำลังถอนหายใจยาว ดยุคขี้เมาคว้า ‘คทาแม่ทัพ’ ไปจากฟูลบาจและทำการตะโกนด้วยเสียงกังวาน


(เป็นเครื่องหมายแทนตัวแม่ทัพในค่ายทหารเกาหลี ใช้ในเวลาแม่ทัพส่งตัวแทนออกคำสั่ง คล้ายกับตราหยกฮ่องเต้ของจีน)


“อีกฝ่ายคือพวกระยำที่บังอาจสังหารหนึ่งในเจ็ดดยุคของจักรวรรดิ! พวกแกกล้าดียังไงถึงคิดถอยทัพ! ทั้งที่การชำแหละเนื้อพวกมันให้สุนัขกิน ก็ยังแก้แค้นได้ไม่สาสมด้วยซ้ำ!”


มวลมานาอันเข้มข้นที่ผสมกลิ่นอายสุราได้ฟุ้งกระจายไปทั่วกระโจมประชุม


ขุนนางและอัศวินจำนวนมากพลันถูกบรรยากาศมึนเมาเข้าครอบงำ สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง


มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่รอดจากผลสะกด ประกอบด้วยมาร์ควิสฟูลบาสและขุนนางชั้นเอิร์ลอีกสี่


ขณะดีวอสกำลังแสยะยิ้มพึงพอใจ


“ศ…ศัตรูบุกครับ!!”


อัศวินผู้หนึ่งรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในกระโจมพร้อมกับตะโกนรายงาน


“กองทัพนำโดยคริสกำลังมุ่งหน้ามาที่ค่ายทหารของพวกเราครับ!”


“เจ้านั่นเองหรือ?”


ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด อาจเพราะดีวอสสามารถสลัดอาการเมามายของตนได้ทุกเมื่อ ดวงตาของมันกลับมาเรียบเฉยและสงบนิ่งอีกครั้ง


เมื่อเหลือบเห็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ อัศวินที่รายงานข่าวพลันหน้าถอดสี มันรีบโค้งคำนับอย่างลนลาน


“ข…ขอรับ! แต่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน…”


“ตกดินแล้วทำไม?”


มีอะไรพิเศษอย่างนั้นหรือ?


ขณะดีวอสเอียงคอสงสัย สิ่งที่สร้างความกระจ่างได้ปรากฏตัว


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


ผืนดินรอบค่ายทหารเริ่มสะเทือน ไม่เว้นแม้แต่กระโจมประชุมกลยุทธ์


เสียงหวีดร้องของทหารดังระงมทั่วค่าย


กลิ่นอายเวทมนตร์อันทรงพลังที่ทำให้มนุษย์ธรรมดาเนื้อตัวชา ไร้ความรู้สึก


…มาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง


“แวมไพร์!”


ดีวอสสัมผัสถึงเหตุการณ์ผิดปรกติภายนอก มันรีบวิ่งออกจากกระโจมทันที


เหนือท้องฟ้าใจกลางค่ายทหาร เด็กชายใบหน้าสง่างามกำลังแสยะยิ้มจนเผยเขี้ยวยาวแหลมสีขาวโพลน


“คิฮ่าฮ่าฮ่า! จนมาเป็นอาหารของข้า!!”


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


เวทมนตร์ถูกยิงกระจายออกไปทั่วค่ายทหารกองทัพจักรวรรดิ ธรรมชาติของเวทมนตร์ชนิดนี้จะระเบิดเมื่อกระทบเป้าหมาย และเมื่อระเบิด โลหิตจะถูกดูดกลับไปหาผู้ใช้


“อ๊ากกกกกกกกก!!”


ทหารจักรวรรดิที่ยังไม่ทันตั้งตัว หลายสิบคนส่งเสียงร้องโหยหวนพร้อมกับร่างกายที่ซูบผอมในพริบตาประหนึ่งมัมมี่ไม่พันผ้า โลหิตไหลทะลักออกจากร่างลอยขึ้นท้องฟ้าไปหาแวมไพร์ตนดังกล่าว


“คิฮ่าฮ่าฮ่า!!”


แวมไพร์เด็กชาย โนลล์


มันหัวเราะอย่างมีความสุข กระเพาะอาหารขนาดเล็กเริ่มป่องออกหลังจากสูบเลือดมนุษย์ปริมาณมหาศาล


แวมไพร์ทายาทกำลังดื่มด่ำไปกับห้วงเวลาอันยอดเยี่ยม มื้ออาหารค่ำถูกเสิร์ฟอย่างไม่มีวันหมดประหนึ่งร้านบุฟเฟ่ต์


ทว่า ไม่มีสุขใดคงอยู่ตลอดไป


“แค่ก…!”


โนลล์ที่กำลังลิ้มรสเลือดมนุษย์อย่างเอร็ดอร่อยจากผลของเวทมนตร์ มันพลันชะงักเสียงหัวเราะและใช้มือกุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ ร่างกายเริ่มขาวซีดผิดธรรมชาติ


ในบรรดาศัตรูเบื้องล่างจำนวนมากที่กำลังยื่นสั่นกลัว มีอยู่หนึ่งคนที่ผิดแผกไปจากปรกติ สิ่งที่เวทมนตร์ดูดกลืนจากร่างคนผู้นั้นกลับไม่ใช่โลหิตมนุษย์อย่างที่ควร… แต่เป็นของเหลวปริศนา


ชายขี้เมาที่กำลังถือขวดเหล้าไว้ในมือ


ดยุคแห่งสุรา ดีวอส


“ดื่มนิดหน่อยก็เมาแล้วหรือ? คอไม่แข็งเท่าไรเลยนี่ หรือเพราะแกยังเด็กอยู่?”


ตึง—


ดีวอสกระโจนขึ้นไปในอากาศ ทุกสิ่งอุบัติเร็วมากจนเหล่าทหารมองตามไม่ทัน


เปรี้ยงงงงง—


เสียงดังสนั่นมาก่อนภาพ… ประหนึ่งอสนีบาตฟาดผ่าท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน


โครม!!


แวมไพร์เด็กชายร่วงหล่นจากท้องฟ้ากระแทกพื้นดินจนสะเทือน ในวินาทีนี้ ทหารทุกนายต่างมั่นใจ สัตว์ประหลาดตัวนี้คงอายุไม่ยืนอีกแล้ว


หมับ!


ดีวอสใช้ฝ่ามือคว้าคอโนลล์ยกขึ้นชู


หงึกหงึก…


โนลล์ที่กำลังถูกยกลอย ฝ่าเท้าของมันพยายามดิ้นรนขัดขืน


ปัจจุบัน ใบหน้าของแวมไพร์เด็กชายแสดงอาการเมามายอย่างชัดเจน


เพล้ง!!


ดีวอสฟาดด้วยขวดเหล้าในมือ


เศษแก้วแหลกละเอียดพุ่งกระจัดกระจาย บางส่วนกรีดเฉือนใบหน้าโนลล์จนเกิดแผล กลิ่นสุราคละคลุ้งที่ฟุ้งทั่วอากาศ มากพอจะทำให้แวมไพร์ที่ประสาทสัมผัสดมกลิ่นเป็นเลิศ ตกอยู่ในอาการมึนเมาสถานหนัก


“ดูเหมือนจะไม่ได้หลอกกันสินะ… ที่คนขายบอกว่าเหล้าในขวดถูกบ่มจากรากไม้ศักดิ์สิทธิ์”


ดีวอสหัวเราะคิกคักพลางหยิบเหล้าขวดใหม่ออกมาซดจนเกลี้ยงในรวดเดียว ทันใดนั้น ใบหน้าพลันแดงก่ำคล้ายคนเมามายไม่ได้สติ เหมือนกับตอนปรากฏตัวครั้งแรก


“ปล่อยมือของแกซะ!!”


คริสไล่ฆ่าทหารจักรวรรดิอยู่แนวหน้าอย่างบ้าคลั่งหลังจากโนลล์ดึงความสนใจให้ นั่นคือแผนการปรกติ เมื่อครบกำหนดที่นัดแนะ มันก็จะรีบถอนกำลังกลับ


ทว่า คริสสัมผัสถึงเหตุการณ์ประหลาดภายในค่าย มันจึงตะลุยฟันฝ่าจนลึกเข้ามาถึงบริเวณเกิดเหตุ


“ดาบพันชั่ง!!”


ครืนนนน—


ปราณดาบอันทรงพลังพวยพุ่งจากบนหลังอูฐเรย์ดัน การโจมตีจากผู้เล่นดาบใหญ่แรงค์หนึ่งของโลก เป้าหมายคือศีรษะของดีวอสที่กำลังคว้าคอโนลล์ไว้


หากมองจากความน่าเกรงขาม พลังทำลายอาจมากพอจะคร่าชีวิตดีวอสในดาบเดียว


แต่ไม่มีทางเป็นเช่นนั้น


ฟุ่บ!


ขณะเมามายสุดขีด ดีวอสโยกตัวหลบรัศมีดาบที่พุ่งเข้าใส่อย่างง่ายดาย ทันใดนั้น มันก้มตัวไปด้านหน้าและพุ่งเข้าประชิดอูฐ เตะเสยใส่คริสจนร่วงตกหลังพาหนะ


“แค่ก…! แค่ก!!”


แทบสิ้นชีพในการโจมตีเดียว


คริสพลันขาสั่นเมื่อได้รับความเสียหายในปริมาณที่น่าเหลือเชื่อ แต่มันก็มิได้เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป คริสเตรียมใจตายในวินาทีที่มันบุกตะลุยเข้าใจกลางทัพศัตรูแล้ว


แต่อย่างน้อย


‘โนลล์…’


เมื่อเห็นโนลล์ตกอยู่ในสภาพรอแร่คามือดีวอส คริสรีบกระโจนเข้าใส่โดยไม่คิดชีวิต


มันเสียใจไหม?


ไม่เลย… ตัวมันจะตายสักกี่ครั้งก็ได้ แต่โนลล์ต้องรอด


ด้วยความคิดเช่นนี้ พลังคลาสรองทรราชจึงถูกรีดเร้นถึงขีดสุด ถึงอีกฝ่ายจะมีชื่อตัวละครเหนือศีรษะสีทองอร่ามว่า ‘ดยุคแห่งสุรา ดีวอส’ แต่คริสมิได้ลังเลแม้แต่อึดใจเดียว


ดีวอสแสยะยิ้ม


“ถ้าเป็นคนปรกติคงยืนไม่ได้ไปสักพัก นับว่าแกอึดเอาเรื่อง”


คริสแสยะยิ้มกว้างกว่า


“ฉันถูกกริดอัดจนชินแล้ว การโจมตีกระจอกของแกไม่มีทางเทียบเขาได้”


“กริด…?”


“ราชาโอเวอร์เกียร์ของพวกเรายังไงล่ะ!”


“…ไอ้ราชาโอเวอร์เกียร์บัดซบนั่นเองหรือ”


ใบหน้าดีวอสพลันบิดเบี้ยว มันไม่ชอบใจที่ถูกนำไปเปรียบกับกษัตริย์อาณาจักรเล็กในทางที่ด้อยกว่า


ทันใดนั้น


“กล้าดียังไงถึงดูแคลนฝ่าบาทต่อหน้าฉัน!”


บุคคลในเงามืดไม่คิดปล่อยให้ดีวอสรอดชีวิตกลับไป


ซู่วว—


ซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่ว—


เงานับพันนับหมื่นที่กระจัดกระจายรอบสนามรบเริ่มไหววูบวาบ


“ฉันจะสู้เพื่อปกป้องบ้านหลังใหม่ และจะเข่นฆ่าเพื่อแก้แค้นให้บ้านหลังเก่า!”


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม


บึ้มมมม—!!


คมมีดและหอกที่สร้างจากเงากำลังดำอาละวาดอย่างบ้าคลั่งทั่วสนามรบ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,400
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00