จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,012

ยิ่งเป็นทักษะเกรดสูง ประสิทธิภาพก็ยิ่งยอดเยี่ยม และเมื่อประสิทธิภาพยอดเยี่ยม การจะควบคุมใช้งานก็ยิ่งยากเป็นเงาตามตัว

หมายความว่า หากต้องการรีดเร้นศักยภาพทักษะให้ถึงขีดสุด ฝีมือควบคุมของผู้เล่นคือสิ่งที่ขาดไม่ได้

แต่ก็มีทักษะบางชนิดที่ฝีมือควบคุมจะส่งผลมากเป็นพิเศษ หนึ่งในนั้นคือ ‘อ่านใจ’

ทักษะอ่านใจจะ ‘ทำนาย’ ภัยคุกคามที่กำลังพุ่งเข้าหา รวมถึงพฤติกรรมล่วงหน้าของเป้าหมาย

ทุกการกระทำรอบตัวจะถูกรายงาน ไม่ว่าจะเป็น เมื่อถูกเล็งโจมตีด้วยทักษะ เมื่อเป้าหมายเคลื่อนไหวไปยังจุดหนึ่ง เมื่อเป้าหมายเปลี่ยนความสนใจ รวมถึงพฤติกรรมด้านอื่นอีกมาก

ถือเป็น ‘ระบบช่วยเหลือ’ ที่จะรายงานข้อมูลทุกชนิดแก่ผู้ใช้งานอย่างไม่มีเงื่อนไข รูปแบบการเตือนจะมีทั้งข้อความระบบมุมหน้าจอ รวมถึงการให้เสียงสัญญาณ

ต่อให้เป็นอัจฉริยะ แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะรับข้อมูลปริมาณมหาศาลตลอดเวลา ทั้งจากข้อความระบบและเสียงในสมอง จะมีสักกี่คนที่คุ้นชินกับเสียงเตือนดังระงมในหัวตลอดระยะเวลาหลายวินาที

ทุกคนย่อมต้องมีขีดจำกัด

สำหรับผู้เล่นที่ครอบครองสมญานามมหาจอมดาบ ทักษะอ่านใจจะเป็นระบบ ‘กดใช้’ โดยแสดงผลในระยะเวลาไม่กี่วินาที แต่สำหรับอริยดาบครอเกล พลังอ่านใจอยู่ในรูปแบบของแต้มสถานะ ในช่วงแรก พลังจะอ่อนแอและถูกพันธนาการขีดจำกัดมากมาย แต่เมื่อแต้มสถานะเพิ่มขึ้น สิ่งที่ถูกผนึกไว้จะเริ่มคลายออก นับเป็นข้อดีที่ช่วยให้ผู้เล่นซึมซับความเคยชินไปทีละนิด

เฉกเช่น ‘เทคนิคเงา’ ของลันเทียร์

ทักษะระดับสูงที่ผู้เล่นต้องแบ่งประสาทควบคุมออกเป็นหลายจุด เพื่อสร้างเงาให้เป็นรูปทรงอาวุธหรือรูปร่างมนุษย์ และบงการเงาเหล่านั้นโจมตีจัดการเป้าหมายในลักษณะที่แตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับรูปร่างที่สร้างขึ้น

ปัจจุบัน เทคนิคเงาลันเทียร์ของเฟคเกอร์อยู่ที่เลเวลสาม สามารถสร้างเงาได้ทั้งหมดหกวัตถุ ระบบสั่งการแยกกันอย่างอิสระ

แต่สำหรับคาซิมแล้วไม่ใช่

เฉกเช่นเมอร์เซเดสที่บรรลุ ‘เนตรทำนาย’ จนถึงระดับสุดยอด คาซิมเองก็ช่ำชองเทคนิคเงาในระดับสูงสุดไม่แพ้กัน มันเป็นถึง NPC ที่ถูกระบบเกมมอบฉายา ‘ราชันเงา’ ให้ตั้งแต่ต้น

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ—

เงาหลายร้อยหลายพันกำลังออกอาละวาดทั่วสนามรบทะเลทราย

ทหารจักรวรรดิบางคนถูกฟันที่ท้อง บางคนถูกแทงที่หลัง ด้วยฝีมือทหารเงามากมายที่ปรากฏขึ้นจากพื้นดิน

คล้ายคลึงกับทักษะอื่นอีกหลายชนิด ยิ่งเรียกเงาออกมาจำนวนมาก พลังโจมตีและประสิทธิภาพของเงาก็ยิ่งลดหลั่นลงไป กองทัพจักรวรรดิจึงแทบไม่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสจากทหารเงาของคาซิม

“อ…อะ…!”

แต่ถึงอย่างนั้น ขวัญกำลังใจกองทัพฝ่ายจักรวรรดิก็กำลังดำดิ่ง การปรากฏกายของกองทัพเงาหลายพันหลายหมื่น ไม่ต่างอะไรกับฉากภัยพิบัติร้ายแรงทางธรรมชาติ

แต่มีอยู่หนึ่งคน

ขณะกลุ่มทหารก้าวถอยหลังอย่างลนลานและหวาดผวา ดยุคแห่งสุรา ดีวอส มันยืนใจกลางความวุ่นวายด้วยสีหน้าสงบนิ่ง…

ไม่สิ เป็นสีหน้าแห่งความสุข

สายตาดีวอสกำลังจดจ้องตัวจริงของคาซิมที่หลบซ่อนภายในเงามืดอย่างไม่กะพริบ

“แกคือแมวดำที่เหลือรอดสินะ”

โครม!

ดีวอสขว้างโนลล์ในมือกระแทกกับพื้น

แค่ก…! แวมไพร์เด็กชายกระอักเลือดด้วยสีหน้าเจ็บปวด

บาดแผลไม่ฟื้นฟูอย่างที่ควร สาเหตุเพราะ แอลกอฮอล์ปริศนาที่แทรกซึมเข้าร่างกายปริมาณมาก ทำการขัดขวางวงจรเวทมนตร์มิให้ฟื้นฟูอวัยวะภายใน

ตุ้บ!

ดีวอสใช้เท้าเตะร่างโนลล์จนกระเด็นเข้าไปใจกลางกลุ่มอัศวินจักรวรรดิ

“แกโชคดีมากที่เหล่าเสนาบดีจักรวรรดิไม่ทราบว่ายังมีผู้เหลือรอด… นับว่าซ่อนตัวเก่งใช่เล่น แต่น่าเสียดายที่โทสะอันโง่เขลาทำให้แกคิดสั้นเปิดเผยตัวตนต่อหน้าฉันคนนี้… มันจบแล้ว แกจะตายก่อนมีโอกาสได้แก้แค้นจักรวรรดิ…”

“ถอนคำพูดซะ!”

คาซิมตะโกนแทรกดีวอส

เมื่อการพรางตัวไม่เป็นผล คาซิมตัดสินใจปรากฏกายจากความมืดมิดด้วยแววตาอาฆาต

ดีวอสเกาศีรษะ

“หมายความว่ายังไง?”

“แมวดำ… ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!!”

แมวดำ

นี่คือคำที่จักรวรรดิมักใช้เรียกเผ่านีโร ผิวหนังของพวกมันมีสีดำสนิท ว่องไวปราดเปรียวประหนึ่งแมว

อันที่จริง นั่นไม่ใช่ถ้อยคำที่มีความหมายเชิงดูแคลนหรือเย้ยหยัน

เหตุใดจักรวรรดิต้องเสียเวลาประดิษฐ์คำถากถางเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำด้วย? ไม่จำเป็นเลยสักนิด พวกมันพึงพอใจจะเรียกเช่นนี้เพราะสะดวกและติดปากมากกว่า

“พวกเรานีโรไม่ใช่สัตว์! แต่เป็นมนุษย์!!”

เผ่าพันธุ์ที่จักรวรรดิเหยียบย่ำทำลาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ล้วนถูกสังหารอย่างอำมหิต

มีเพียงคาซิมเท่านั้นที่เหลือรอด

ครืนนนน!

เสียงคำรามของคาซิมเริ่มทำให้ผืนปฐพีสั่นไหว เงาดำก่อตัวเป็นคลื่นกระเพื่อมวูบวาบภายในหมู่พลทหารของกองทัพ

ซู่ว! ซู่วซู่ว!

กองทัพทหารเงาหลายพันต่างรุมขว้างศาสตราเงาเข้าใส่ดีวอสจากทุกทิศ

ดยุคแห่งสุราตวัดมือโต้ตอบเพียงเล็กน้อย

“กระจอก”

บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!

ม่านบาเรียเวทมนตร์ที่กลิ่นคาวสุราโชยคละคลุ้ง ได้สะท้อนศาสตราเงาทุกชนิดกลับไปในทิศทางที่มันถูกซัดออกมา

“ต่อหน้าดยุคแห่งจักรวรรดิ กล้าแบ่งเงามากมายขนาดนี้เชียว?”

ดีวอสไม่รู้จักคาซิม

แต่มันรู้จักราชันเงา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองจักรวรรดิทั่วทั้งทวีปทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พวกมันทราบว่าราชันเงาคือลูกศิษย์ของอดีตนักลอบสังหารในตำนาน ลันเทียร์ ซึ่งใช้เทคนิคเงาเป็นอาวุธหลัก

“ยิ่งแบ่งเงามาก พลังทำลายก็ยิ่งลดทอนลง หากต้องการทำให้ดยุคอย่างฉันได้รับรอยขีดข่วน อย่างน้อยก็ต้องรวบรวมเงาทั้งหมดไว้ที่จุดเดียวกัน… แบบนี้เป็นต้น”

ซู่วว—

มวลพลังเวทมหาศาลกำลังถูกบีบอัดที่ปลายนิ้วดีวอส เป้าหมายที่เล็งคือคาซิม

ขณะเดียวกัน โนลล์ซึ่งถูกอัศวินจักรวรรดิกุมตัวไว้ ร่างกายมันพลันสั่นระริก ใบหน้าเริ่มขาวซีด

“มนุษย์มีพลังเวทมากขนาดนี้ได้ยังไง…!”

ซู่มมมมมมม—!

ผืนทะเลทรายแยกออกเป็นสอง

เวทมนตร์พุ่งจากปลายนิ้วดีวอสเป็นเส้นตรงทางยาว หัวใจคาซิมถูกทะลวงอย่างโหดเหี้ยม เส้นเวทมนตร์ดังกล่าวยังคงทอดต่อไปจนถึงสุดเส้นขอบฟ้าด้านหลัง

ไม่มีใครทราบว่าไปสิ้นสุดที่ตรงไหน เพราะไม่มีการระเบิดซึ่งเป็นปลายทางเกิดขึ้นให้เห็น…

ตุ้บ…

คาซิมทรุดคุกเข่าลง สภาพร่างไร้วิญญาณราวกับตุ๊กตากลที่ถูกตัดเส้นเอ็น

“คาซิม!!”

ในตอนที่คาซิมปรากฏตัว คริสเริ่มเกิดความหวังภายในใจ แต่เมื่อทราบว่าแผนการกำลังจะล้มเหลว มันฝืนเปิดใช้งานพลังวิถีแห่งทรราชโดยไม่ลังเล

ไม่ว่าอย่างไร คาซิมและโนลล์ก็ต้องมีชีวิตรอดกลับไป คริสหวังดึงความสนใจจากดีวอสไว้ชั่วขณะ เผื่อว่าจะมีกำลังเสริมช่วยเหลือคาซิมและโนลล์ได้ทันเวลา

มันแหวกฝูงทหารจักรวรรดิด้วยตัวคนเดียวและปรี่เข้าหาดีวอสโดยไม่คิดชีวิต

หมับ!

ท่ามกลางดงพลทหารจำนวนมาก มือสีดำข้างหนึ่งโผล่ออกมาคว้าแขนคริสไว้

ตามต่อด้วยเสียง

“ท่านอาจารย์ยังไม่ตาย”

คาซิม ผู้มีชีวิตเพื่อแก้แค้นจักรวรรดิทุกลมหายใจ หลังจากรับภารกิจเฝ้าปกป้ององค์ชายมานานหลายปี ความสุขุมของคาซิมค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดไปตามอายุและประสบการณ์

โทสะอันเดือดดาลรวมถึงการอาละวาดอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ล้วนเป็นเพียงการแสดง

แต่การแสดงต้องแลกมากับการเสียสละอย่างใหญ่หลวง จักรวรรดิได้รับรู้ว่ายังมีเผ่านีโรรอดชีวิตอยู่หนึ่งคน

ทว่า นับว่าคุ้มค่าแล้ว เมื่อสามารถดึงความสนใจจากดีวอสได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ธรรมชาติของเผ่านีโรที่ผิวหนังดำสนิท ภายใต้ความมืดมิดและเงา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกตรวจพบร่างจริง แม้จะเป็นถึงเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิก็ตาม

โดยเป้าหมายที่แท้จริงคือ

ฉัวะฉัวะ!!

“…!?”

การช่วยเหลือโนลล์

ประกายแสงจากอาวุธคาซิม เมื่อสว่างวาบหนึ่งครั้ง หมายถึงการล้มลงไปของอัศวินจักรวรรดิหนึ่งคน เหยื่อคือเหล่าอัศวินที่กำลังรุมล้อมจับกุมตัวโนลล์

“หยุดมันไว้!”

เมื่ออัศวินหลายคนชักอาวุธอย่างเดือดดาล กลุ่มจอมเวทจักรวรรดิเริ่มลงมือสนับสนุน

แต่ด้วยฐานะหนึ่งในนักลอบสังหารที่เก่งกาจที่สุดของทวีป อัศวินและจอมเวทธรรมดาย่อมมิอาจรับมือคาซิมไหว

คาซิมใช้ท่อนแขนที่เหยียดยาวคว้าตัวโนลล์ไว้ด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็สำแดงเทคนิคเงาที่ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากใช้โดยเผ่านีโร

“หายไปแล้ว?!”

ปรากฏตัวเหมือนผี

หายตัวไปเหมือนผี

คาซิมถอนตัวอย่างรวดเร็วโดยหลบซ่อนและกระโจนจากเงาสู่เงาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เป้าหมายที่เจ็ดดยุคจะหาพบได้ง่ายนัก

“โดนหลอกเข้าจนได้”

หลังจากปลดปล่อยพลังเวทมหาศาล ดีวอสเริ่มคลายจากสภาพเมามาย

เมื่อสร่างเมา ดยุคแห่งสุราพลันหมดอารมณ์ต่อสู้ มันโยนไม้ต่อให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมาร์ควิสฟูลบาจ

“จับพวกที่เหลือเป็นเชลยให้หมด”

ถึงจะผิดจากที่หวังไว้ แต่นี่คือสิ่งที่ควรรีบทำในสถานการณ์ปัจจุบัน

สายตาฟูลบาจหันชำเลืองคริสที่กำลังหน้าซีด

แน่นอน ฟูลบาจย่อมสัมผัสถึง ‘มือปริศนา’ ที่รั้งคริสไว้เมื่อครู่

“เจ้าเมืองเรย์ดันคริส… นับว่าเป็นตัวประกันที่ไม่เลว”

ชิ้ง—

เมื่อมาร์ควิสฟูลบาจชักดาบ เอิร์ลอีกสี่คนข้างกายมันพลันชักอาวุธตาม ทุกคนล้วนแข็งแกร่งกว่าคริส

แถมยังมีทหารจักรวรรดิกว่าแสนนายซึ่งกำลังปิดล้อมคริสไว้ทุกทิศทาง

อันที่จริง ต่อให้ไม่มีฟูลบาจและสี่เอิร์ล คริสก็มิอาจตีฝ่าวงล้อมทหารหลักแสนหนีออกไปได้ตามลำพัง

‘เราต้องไม่ตกเป็นตัวประกัน’

หากกลายเป็นตัวประกัน สถานการณ์สงครามจะแย่ลงถนัดตา พวกพ้องจะลงมือได้ไม่เต็มที่นัก

ทุกสิ่งที่พยายามร่วมกันมาจะสูญเปล่าทันที

‘ยอมตายเสียยังดีกว่า’

ดูเหมือนคาซิมกับโนลล์จะหนีรอดแล้ว ไม่มีสิ่งใดให้ต้องนึกเสียใจภายหลัง

คริสทำการถอดชุดเกราะของตนออก

มันขอตายในการโจมตีแรกจากศัตรู ดีกว่าต้องตกเป็นตัวประกันให้พวกพ้องต้องลำบากใจ

แน่นอน ความตายของแม่ทัพเรย์ดันอาจส่งผลให้ขวัญกำลังใจทหารลดลง แต่นั่นย่อมดีกว่าถูกจับเป็นตัวประกัน

ทันใดนั้น

ฟ้าววววว—

สายลมกระโชกหมุนวนรอบตัวคริสอย่างเกรี้ยวกราด ทหารกองทัพจักรวรรดิถูกแยกเป็นสองประหนึ่งโมเสกแหวกทะเล แถมม่านวายุยังทำหน้าที่กีดขวางมิให้เอิร์ลและมาร์ควิสฟูลบาจเข้าถึงตัวคริสได้

เท่าที่คริสทราบ มีจอมเวทเพียงคนเดียวในโลกที่ควบคุมลมได้ดุจดั่งแขนขาเช่นนี้

“เซ็ดนอส!”

สมาชิกชุดแรกเริ่มของกิลด์โอเวอร์เกียร์

อดีตสมาชิกเซดากาห์ จอมเวทวายุแรงค์หนึ่งของโลก เซ็ดนอส มันส่งข้อความส่วนตัวหาคริส

> ฉันยื้อได้แค่สามวินาที รีบหนีเร็วเข้า!

ปาฏิหาริย์มิใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างได้ง่ายนัก

หากต้องการเปิดทางหนีไปพร้อมกับกีดขวางเหล่าเอิร์ลและมาร์ควิส เซ็ดนอสต้องใช้มานาทั้งหมดที่มีในคราวเดียว และหลังจากนี้คงขยับตัวไม่ได้อีกสักระยะ

ขณะเดียวกัน หนึ่งในสี่เอิร์ลกำลังรวบรวมออร่าไว้ยังปลายดาบ กำแพงวายุที่เริ่มอ่อนกำลัง มันมีชะตากรรมต้องถูกทำลายในอีกไม่กี่อึดใจ

> ตกลง!

ในเมื่อพวกพ้องยอมเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือ หากปล่อยตัวเองให้ตายเยี่ยงสุนัข คงเป็นการเสียมารยาทไปสักหน่อย

คริสรีบสวมชุดเกราะ มันวิ่งหนีพร้อมกับพยายามหลบหลีกฝนธนูที่สาดเทจากด้านบน

ภาพการมองเห็นของคริส วิวทิวทัศน์ซึ่งเคยมีแต่ทหารศัตรูละลานตา ถูกแทนที่ด้วยภาพของพวกพ้องจำนวนมากที่กำลังเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือตนออกไป

ยูร่าและจิสึกะกระหน่ำยิงสกัดเพื่อเปิดทางหนี ส่วนป็อน พีคซอร์ด และเรกัสคอยกำจัดทหารจักรวรรดิบนผิวทะเลทราย ด้านโทบันและแวนเนอร์แหวกลึกเข้ากลางดงศัตรูและคอยใช้ทักษะยั่วยุหมู่อย่างต่อเนื่อง ยังมีเซอร์คานและลาเอลล่าที่ช่วยอุดรอยรั่วในส่วนที่พวกพ้องคนอื่นทำพลาด

“ทางนี้! คริส!”

“วิ่งเร็ว!”

“…มีแต่พวกบ้าเต็มไปหมด”

คริสขบกรามแน่น มันกวัดแกว่งดาบใหญ่ฆ่าฟันทหารที่พยายามขัดขวาง ภายในใจกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข

เดิมที สมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์จะกระจายตัวตามโอเอซิสรอบทะเลทราย เพื่อหมุนเวียนสับเปลี่ยนทำสงครามกองโจรกับจักรวรรดิในเวลากลางวัน ส่งผลให้ค่าเรี่ยวแรงหลายคนยังคงเต็มปรี่

เฉกเช่นที่คริสหวังช่วยโนลล์โดยไม่ห่วงชีวิต กลุ่มคนเหล่านี้ก็กำลังช่วยเหลือคริสในลักษณะเดียวกัน

ไม่มีใครห่วงความตายของตัวเอง

ทุกคนล้วนมองชีวิตพวกพ้องสำคัญยิ่งกว่า

ทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นจากกริด ขุนพลโอเวอร์เกียร์พัฒนาตัวเองโดยยึดกริดเป็นเยี่ยงอย่าง

เปรี้ยง—

ขณะคริสกำลังวิ่งหนีให้ถึงจุดปลอดภัย แผ่นหลังกลับถูกเวทมนตร์กระแทกอย่างรุนแรงจนเริ่มเสียการทรงตัว

เมื่อเห็นร่างกายคริสโงนเงน กองทัพจักรวรรดิไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย

ซู่วซู่ว! ซู่ว—

เวทมนตร์หลายสิบชนิดสาดเทลงจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง พลังชีวิตคริสถูกลดทอนมหาศาลจนร่างกายมีสภาพร่อแร่ หากไม่เพราะมีคำสั่งจับเป็นของฟูลบาจ คริสคงได้ตายไปนานแล้ว

เมื่อสัมผัสว่าเอิร์ลกำลังเข้ามาใกล้ คริสฝืนเปล่งเสียงตะโกนอย่างสุดลมหายใจ

“ทิ้งฉันไว้! ทุกคนรีบหนีไป!!”

“ไม่”

“…?”

เงาดำของคริสเริ่มวูบวาบ

ถ้อยคำใหม่ดังจากใต้ฝ่าเท้า

“แม่ทัพจะตายไม่ได้”

ฟุ่บ—

บุรุษผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นจากเงา เส้นผมสีดำขลับกำลังปลิวไสวตามแรงลม

“เฟคเกอร์…!”

ฉัวะ!

เอิร์ลที่ใกล้ที่สุดถูกแทงจนเสียหลักล้มลง เฟคเกอร์กระโจนขึ้นไปในอากาศโดยเหยียบมันเป็นฐาน เอิร์ลคนถัดไปถูกเตะเข้าที่ข้อพับขา จากนั้นก็ถูกจ้วงแทงด้วยมีดคมซ้ำ

นับเป็นศิลปะการต่อสู้อันประณีตงดงาม ทักษะแล้วทักษะเล่า เฟคเกอร์สานต่อคอมโบอย่างรวดเร็วไร้ที่ติ

คล้ายคลึงกับการต่อสู้แสนสง่างามของหนึ่งในสุดยอดนักลอบสังหารที่มีเพียงกริดรู้จัก

…โดรัน

“บัดซบ!”

เอิร์ลที่ล้มลงต่างพยุงตัวลุกขึ้นใหม่ ดาบสี่เล่มจากสี่เอิร์ลพุ่งเข้าหาเฟคเกอร์ทุกทิศทางโดยพร้อมเพรียง

วืด—

เฟคเกอร์หลบได้หนึ่งดาบ

ฉัวะ—

มันแทงสวนกลับใส่ช่องท้องเอิร์ลได้หนึ่งคน

ฉึก!!

แต่แลกกับการที่ร่างกายถูกคมดาบเอิร์ลที่เหลือเสียดแทงอย่างโหดเหี้ยม

ฉากเฟคเกอร์โลหิตสาดเซ็น คริสไม่เคยเห็นเลยสักครั้งในชีวิตของมัน

เฟคเกอร์เก่งกว่าตนมาก นี่คือสิ่งที่คริสเข้าใจและยอมรับมาตลอด

“ฟ…เฟคเกอร์!!”

“หนีไป”

เฟคเกอร์เปล่งเสียงโดยไม่หันหลังมอง

ทันใดนั้น รอบตัวคริสมีทหารเงาหกนายปรากฏ พวกมันทำหน้าที่คุ้มกันภัยอันตรายจากทุกทิศทาง

เฉกเช่นดาบบินของครอเกล ทหารเงาของเฟคเกอร์ต้องแยกจิตควบคุมทั้งหกร่างอย่างเท่าเทียม ส่งผลให้ร่างหลักสูญเสียปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไม่มีทางเลือก

แต่มันไม่สน

ตัวมันเป็นเพียงเงาที่คอยปกป้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จากความมืด

หนึ่งในหน้าที่ของเงาคือการเสียสละ

ไม่มีใครรู้จักมัน

ความตายของมันจะไม่ส่งผลต่อขวัญกำลังใจทหารฝ่ายเดียวกันหรือกองทัพศัตรู

ภาพรวมสงครามไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปทั้งสิ้น

“จันทรคราส”

เฟคเกอร์หลอมรวมกับความมืดโดยสมบูรณ์

แต่ถึงอย่างนั้น ร่างหลักก็มิอาจเคลื่อนไหวได้เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากต้องแบ่งจิตบงการทหารเงาหกนายคอยเป็นโล่กำบังให้คริส

สี่เอิร์ลไม่ปล่อยให้เฟคเกอร์รอดชีวิตกลับไป พวกมันรุมแทงด้วยดาบจนเกิดแผลฉกรรจ์ แต่ขณะเดียวกัน เฟคเกอร์ก็บรรลุจุดประสงค์ในการถ่วงเวลาได้สมบูรณ์แบบ

“คราวหน้า… คราวหน้าฉันจะปกป้องนายให้ได้!!”

คริสตะโกนสาบานด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบ หกทหารเงาพาตัวคริสทะลวงผ่านกองทัพจักรวรรดิ ไปจนถึงจุดปลอดภัยที่เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์รออยู่

พวกพ้องโอเวอร์เกียร์รีบเข้ามาพยุงคริสที่มีสภาพร่อแร่เจียนตาย

ขณะเดียวกัน มาร์ควิสฟูลบาจกำลังตามหลังคริสมาไม่ห่าง

“ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

นี่คือโอกาสอันดีที่จะได้เชือดขุนพลโอเวอร์เกียร์ทั้งหมดในคราเดียว

ในวินาทีที่ฟูลบาจกำลังคว้าโอกาสหายากซึ่งพันปีจะมีสักครั้ง ดาบของมันกลับชะงักค้าง

“ไสหัวไปซะ!!”

คาซิมที่พาตัวโนลล์หลบซ่อนในเงามืดอยู่นาน หลังจากรักษาอาการมึนเมาของโนลล์หายขาด คาซิมปล่อยให้แวมไพร์เด็กชายอาละวาดใส่มาร์ควิสฟูลบาจอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อฟูลบาจเห็นโนลล์พื้นคืนสภาพ ปราศจากการมึนเมาและกลิ่นสุรา มันไม่คิดเอาตัวเข้าเสี่ยง ฟูลบาจเลิกไล่ตาม ดาบในมือถูกชักกลับเข้าฝัก ภายในใจรำพันตัดพ้อดยุคแห่งสุรา ดีวอส ที่ไม่ยอมสู้จนถึงที่สุด

‘ถ้าท่านดีวอสลงมือต่อ ศัตรูทั้งหมดก็จะถูกกำราบในคราเดียว’

น่าเสียดาย ดีวอสในร่างไม่มึนเมา คือดีวอสที่เกียจคร้าน มันปราศจากแรงจูงใจที่จะสู้ เว้นเสียแต่จะเป็นสถานการณ์พิเศษ

ดยุคแห่งสุราที่สังหารสามขุนนางหนุ่มโดยอ้างว่าพวกมันขี้ขลาด… ตัวมันกลับไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก

เหล่าเจ็ดดยุคล้วนมีมุมมืดเช่นนี้ทุกคน ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า จักรวรรดิเน่าเฟะจากภายใน ไล่มาตั้งแต่จุดบนสุดของการปกครอง

ฟูลบาจถอนหายใจยาว มันตะโกนออกคำสั่งแก่พลทหารจักรวรรดิทั้งหมด

“ทุกคนพักผ่อนได้”

“เฮ—!!”

ไม่ได้พักมากี่วันแล้วนะ?

เมื่อทราบว่าวันนี้จะไม่มีการรุกรานจากโนลล์หรือขุนพลโอเวอร์เกียร์อีก ทหารจักรวรรดิต่างโห่ร้องยินดีอย่างมีความสุข

…

ยามเช้าวันถัดมา

หน่วยสอดแนมจักรวรรดิตรวจพบมวลมานาปริมาณมหาศาลเหนือน่านฟ้าปราสาทเรย์ดัน

“เวทเคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่ม?”

มาควิสฟูลบาจรีบออกมาสังเกตการณ์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

ขณะเดียวกัน เอิร์ลบาแก็ตเดินมาหาฟูลบาจพร้อมกับกล่าว

“กำลังเสริมฝ่ายศัตรูมาถึงแล้วสินะครับ”

อาการของเอิร์ลบาแก็ตดีขึ้นมาก หลังจากบาดเจ็บสาหัสจวนเจียนตาย ด้วยฝีมือนักลอบสังหารหนุ่มของโอเวอร์เกียร์ในศึกเมื่อคืน

“ตอนแรกฉันนึกกังวลอยู่นาน แต่นายเดินได้แบบนี้คงไม่เป็นไรแล้วสินะ”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ”

เอิร์ลบาแก็ตขานตอบ เนื้อตัวของมันส่งกลิ่นเหม็นบัดซบราวกับนอนหมกขี้ไก่มาทั้งคืน

…ในศึกที่ผ่านมา สงสัยมันจะตื่นเต้นจนเหงื่อออกมากไปหน่อย

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,401

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

• Next
• Previous