จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,013
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อมาถึงเรย์ดัน ในจุดที่สมาชิกกิลด์กว่าพันคนกำลังยืนรวมตัว กริดประหลาดใจมากหลังจากเห็นรูโหว่ขนาดใหญ่บนกำแพงปราสาท
แถมบ้านเรือนในรัศมีห้าร้อยเมตรจากจุดดังกล่าวก็ได้รับความเสียหายในลักษณะเดียวกัน
เมื่อประเมินจากงบประมาณที่ทุ่มทุนไปกับกำแพงเมือง ความเสียหายระดับนี้นับว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง
“กำแพงเรย์ดันมีเลเวลสูงสุดไม่ใช่รึไง? ฝ่ายจักรวรรดิพัฒนาปืนใหญ่รุ่นใหม่เสร็จแล้วหรือ?”
รูโหว่ขนาดใหญ่บนกำแพงเมืองที่มีความหนามากถึงสามเมตร แม้แต่ปืนใหญ่โอเวอร์เกียร์รุ่นใหม่ก็มิอาจกระทำได้
ขณะกริดถามด้วยสีหน้ากังวล คริสรีบอธิบาย
“เปล่า… เป็นลูกหลงการโจมตีจากหนึ่งในเจ็ดดยุคจักรวรรดิ มันคือดยุคแห่งสุรา ดีวอส”
“หนึ่งในเจ็ดดยุค? พวกมันยกทัพประชิดกำแพงเมืองแล้วหรือ?”
“ยัง… ค่ายทหารจักรวรรดิอยู่ห่างจากเรย์ดันราว 11 กิโลเมตร ดีวอสทำการยิงเวทมนตร์จากตรงนั้น… มาถึงที่นี่”
“…เอ๋?”
คริสเชื่อว่าทักษะการโจมตีชนิดดังกล่าวของดีวอสต้องไม่มีขีดจำกัดด้าน ‘ระยะทาง’ แน่
กริดอึ้งไปชั่วขณะ แต่เขาทราบดีว่าคริสไม่ได้กล่าวเกินจริง
ร่างกายคริสพลันชุ่มด้วยเหงื่อเมื่อจินตนาการถึงความป่าเถื่อนของเจ็ดดยุค ด้านกริดก็ไม่ต่างกันนัก มันเคยเผชิญหน้ากับเจ็ดดยุคตามลำพังมาแล้ว
‘แม้แต่ดยุคที่อ่อนแอที่สุดอย่างรีกัล เรายังเอาชนะด้วยตัวคนเดียวไม่ได้’
เจ็ดดยุคทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการออก
กริดขมวดคิ้วครุ่นคิดโดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
“ด…เดี๋ยวพวกเราจะรีบซ่อมให้ขอรับ!”
หลังจากได้ยินบทสนทนา ชายวัยกลางคนจำนวนสามคนรีบวิ่งไปยังรูโหว่กำแพงพร้อมกับถือกล่องเครื่องมือ
สมาชิกส่วนใหญ่ไม่รู้จักคนทั้งสาม ทราบแต่เพียงว่าเป็นสมาชิกของกิลด์โอเวอร์เกียร์สองซึ่งเป็นกิลด์แรงงาน
ทว่า
“หยุดก่อน”
กริดส่งเสียงขัดจังหวะ
“ช่างก่อสร้างลำดับ 15 เดลลอน ช่างก่อสร้างลำดับ 29 เชลล์ และช่างก่อสร้างลำดับ 42 เดรอนโต้”
“…?”
“พวกคุณแก่กว่าผมมาก ไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพ เราทุกคนเป็นสหายกัน เชิญทำตัวตามสบายได้เลย จะคิดว่าพวกคุณเป็นลุงของผมก็ได้… จริงสิ หลานสาวของเดรอนโต้เพิ่งเข้าโรงเรียนประถมใช่ไหม ขอแสดงความยินดีด้วย”
“…”
สมาชิกโอเวอร์เกียร์หลายร้อยที่ยืนมองเหตุการณ์ต่างพากันทึ่ง
เป็นเรื่องแปลกอย่างนั้นหรือที่หัวหน้ากิลด์สามารถจดจำรายละเอียดสมาชิกในกิลด์ได้?
คำตอบคือไม่แปลก
หัวหน้ากิลด์ที่ยอดเยี่ยมย่อมจดจำใบหน้า ชื่อ และรายละเอียดปลีกย่อยของสมาชิกได้บางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่สนิทสนมระดับครอบครัวเดียวกัน
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หัวหน้ากิลด์จะจดจำข้อมูลของสมาชิกกิลด์หลายร้อยจนถึงเกือบพันคนได้อย่างกริด
อาจจำได้เพียงหน้าตา ชื่อ และคลาส แต่ยากที่จดจำไปถึงครอบครัวหรือปูมหลังของบุคคลเหล่านั้น
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน กริดเกาแก้มอย่างด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ฉันไม่ควรพูดถึงเรื่องที่บ้านสินะ…”
สงสัยตนจะศึกษาละเอียดเกินไปหน่อย
ไม่สิ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ศึกษาละเอียดแค่ไหน แต่อยู่ที่การพูดออกไปต่อหน้าทุกคน
กริดกล่าวโดยไม่ทันระวังเพราะเขาขาดความฉลาดด้านเข้าสังคม นี่คือปมด้อยที่เกิดจากการเป็นอดีตของมนุษย์เก็บตัวและไร้เพื่อนฝูง
ชายหนุ่มกระหายจะแสดงความใฝ่รู้ของตัวเองให้ทุกคนเห็นมากเกินไป
กริดกำหมัดพลางเผยรอยยิ้มขื่นขม
หมับ!
เดรอนโต้รีบวิ่งเข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของกริดไว้แนบแน่น
“ข…ขอบคุณมากครับ! ถ้าผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เธอฟัง หลานสาวตัวน้อยต้องดีใจมากแน่! เธอเป็นแฟนตัวยงของฝ่าบาทกริด!”
สายตาเดรอนโต้จ้องกริดไม่กะพริบ มันกำลังมีความสุขสุดขีด เป็นแววตาของชายชราวัยกว่าหกสิบปีที่กำลังชื่นชมใครสักคนจากก้นบึ้ง
บรรยากาศอึมครึมซึ่งเกิดจากความหวาดกลัวเจ็ดดยุคพลันสลายไปอย่างรวดเร็ว
“กริดเจ๋งชะมัด แม้เขาจะเป็นคนที่งานยุ่งที่สุดในโลก แต่กลับใส่ใจจะจดจำใบหน้าของสมาชิกกิลด์ทุกคน”
“นี่คือก็อดกริดยังไงล่ะ! ยอมรับในความสุดยอดกันหรือยัง? คึฮ่าฮ่าฮ่า! สนใจเข้าร่วมสมาคมเกาหลีใต้จงเจริญไหม? ฉันจะลดค่าสมาชิกให้พวกนายเป็นพิเศษ 50%!”
“…”
กริดนึกตำหนิตัวเองในใจ
ถ้าไม่เพราะคำแนะนำของลอเอล ป่านนี้ตนคงยังเป็นหัวหน้ากิลด์ที่ไม่มีข้อมูลของสมาชิกคนใดเลย
เขาเคยคิดเสมอว่า สมาชิกกิลด์แต่ละคนย่อมมีหน้าที่และเป้าหมายแตกต่างกันออกไป ไม่จำเป็นต้องมาสนิทสนมนักก็ได้
ภายในใจกริด คนเหล่านี้เปรียบดั่งพนักงานเงินเดือนที่ทำงานเพื่อองค์กรโดยแลกกับค่าตอบแทนสมเหตุสมผล
เขาเคยคิดเช่นนี้อยู่นาน จนกระทั่งเริ่มศึกษาข้อมูลของแต่ละคนเมื่อไม่กี่วันก่อน
แต่สายตาสมาชิกกิลด์ส่วนใหญ่กำลังจ้องมองกริดอย่างนึกชื่นชม พวกมันคงคิดว่ากริดคอยสอดส่องห่วงใยทุกคนมานานแล้ว
‘ถูกเข้าใจผิดอีกแล้วสินะ…’
ฉันขอโทษที่ไม่เคยใส่ใจพวกนายมาก่อน
ขณะชายหนุ่มมีสีหน้าเจ็บแปลบ เสียงกระซิบจากลอเอลดังแว่ว
> อย่าได้ตำหนิตัวเองไป เพราะฝ่าบาทมีจิตใจที่ดีงาม จึงสามารถจดจำใบหน้าและเรื่องราวของสมาชิกกว่าหนึ่งพันคนได้ในเวลาอันสั้น… แม้แต่อัจฉริยะอย่างกระหม่อมก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำสำเร็จได้เหมือนฝ่าบาท คึคึคึคึก!
> …
> มั่นใจเข้าไว้ ฝ่าบาทคือบุคคลยอดเยี่ยมที่คู่ควรกับคำยกย่องสรรเสริญแล้ว
ทันใดนั้น
“ทางนี้เร็วเข้า!”
ณ จุดไกลออกไป ผู้เล่นกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งตรงเข้ามาทางกำแพงเมือง บุคคลเหล่านี้เป็นสมาชิกโอเวอร์เกียร์สองทั้งหมด พวกมันกำลังแบกหามก้อนหินจำนวนมากเต็มไม้เต็มมือ
คลาสนักขุดแร่
ก่อนกริดจะมาถึง ทุกคนได้รับคำสั่งจากคริสให้ขุดหาหินจำนวนมากสำหรับซ่อมแซมกำแพงปราสาทที่ชำรุด
“ค…คุณกริด!”
ชายหนุ่มวัยยี่สิบตอนต้นที่วิ่งนำหน้าสุดพลันสั่นระริกเมื่อเห็นกริดยืนจ้องมอง
มันรู้สึกผิดต่อคริสในทันที ที่พวกตนขนหินมาซ่อมแซมกำแพงเมืองไม่ทันก่อนกษัตริย์เสด็จเยือน
ลองนึกภาพตาม ลูกน้องจะรู้สึกเช่นไรเมื่อพวกมันทำงานช้าจนหัวหน้าถูกผู้บริหารตำหนิ
‘เป็นเพราะเราคิดแต่จะคัดหาหินคุณภาพสูง… กำแพงจึงซ่อมแซมไม่เสร็จก่อนฝ่าบาทกริดมาถึง’
ขณะนักขุดแร่หนุ่มกำลังยืนสำนึกผิด
กึก กึก กึก
กริดเดินเข้าไปหาพร้อมกับหยิบหินในมือชายหนุ่มคนดังกล่าวไปพิจารณา
“หินพวกนี้คุณภาพสูงมาก… ไลอ้อน นายคงตั้งใจขุดและบรรจงเลือกอยู่นานสินะ”
“ห…หามิได้! เป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้วขอรับ!”
นักขุดแร่หนุ่มมีชื่อตัวละครว่า ‘โดลเซ่’ แต่เพื่อนสนิทในโลกจริงมักชอบเรียกว่า ‘ไลอ้อน’ สาเหตุเพราะเส้นผมสีทองที่ตั้งชูชันเหมือนกับแผงคอสิงโต
แน่นอน บุคคลที่ทราบชื่อเล่นของโดลเซ่มีจำนวนน้อยนิด และทั้งหมดเป็นเพื่อนสนิทในโลกจริง มิใช่ซาทิสฟาย
ต่อให้ติดอันดับแรงเกอร์สายอาชีพ แต่คลาสนักขุดแร่นั้นไม่ได้รับเกียรติเท่าที่ควร จึงไม่มีใครในซาทิสฟายที่รู้จักชื่อเล่นของโดลเซ่
ทว่า… กริดกลับทราบ
โดลเซ่ยืนตัวแข็งทื่อ… หัวหน้ากิลด์ของตนคอยสอดส่องสมาชิกทุกคนอย่างสม่ำเสมออย่างนั้นหรือ?
“ผ…ผมจะพยายามให้มากขึ้นครับ!”
กลุ่มคนที่เข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์จะแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ หนึ่งคือพวกที่ต้องการบินสูงไปพร้อมกับกิลด์ สร้างผลประโยชน์ให้กิลด์อย่างสม่ำเสมอโดยได้รับผลตอบแทนเป็นไอเท็มชั้นเลิศจากฝีมือกริด
และพวกที่สองคือ กลุ่มคนที่เทิดทูนบูชาท้องฟ้าคนใหม่อย่างกริดอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน
โดลเซ่เป็นแบบหลัง มันตื้นตันใจเมื่อบุคคลที่ตนคลั่งไคล้และยึดถือเป็นแบบอย่างเห็นคุณค่าในความพยายามของมัน
“นายว่ากริดจะรู้จักฉันรึเปล่า? นักอบขนมปังนิรนามคนนี้…”
“อาจจะรู้จักก็ได้นะ ถึงขนมปังของนายจะชิ้นเล็ก แต่มาพร้อมบัฟที่ยิ่งใหญ่… ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”
“ฉันคิดว่ากริดรู้จักพวกเราทุกคน เขาคงจับตามองเราอยู่เสมอ”
“แม้จะเป็นบุคคลที่ต้องต่อสู้ไปพร้อมกับตีเหล็กจนแทบไม่มีเวลาว่างเลยก็ตาม…”
บรรยากาศกำลังชื่นมื่น
เมื่อผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ ลอเอลฉีกยิ้มกว้างพลางหัวเราะไหล่สั่นอยู่ตามลำพัง
ลอเอลและสมาชิกกิลด์ทุกคนล้วนคิดแบบเดียวกัน… การชื่อมั่นในตัวเองคือพรอันประเสริฐ
ทุกคนสาบานว่าจะทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
“พักการสนทนาไว้แค่นี้ก่อน! รีบซ่อมแซมกำแพงให้เสร็จ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลางานเลี้ยงฉลองก่อตั้งกิลด์ที่สี่!”
โทบันปรบมือเสียงดังพร้อมกับตะโกนด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม บรรยากาศความกระฉับกระเฉงเข้าครอบงำทันที
แตกต่างจากพวกบ้าๆ บอๆ คนอื่นในกิลด์โอเวอร์เกียร์ โทบันค่อนข้างสุขุมกว่าใคร การที่อาณาจักรพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ส่วนหนึ่งเพราะความเอาจริงเอาจังและวิสัยทัศน์ที่ดีของชายคนนี้ แถมยังเป็นตัวแทงค์ระดับหัวแถวของโลก ส่งผลให้กริดชื่นชอบในตัวโทบันไม่น้อย
แต่เมื่อย้อนกลับไปในอดีต… โทบันเคยทำเรื่องไม่ดีกับกริดไว้หนหนึ่ง มันรู้สึกผิดต่อเรื่องนั้นมาตลอด จึงพยายามชดเชยให้กริดมากเท่าที่จะทำได้
ทว่า…
‘เมื่อฮิวรอยทราบว่าโทบันเคยคิดหักหลังเรา หมอนั่นพาลเกลียดขี้หน้าโทบันทันที…’
เฉกเช่นสิ่งที่เกิดกับยูเฟอมิน่า
เดิมทีฮิวรอยเคยชื่นชอบยูเฟอมิน่ามากจากเหตุการณ์บริษัทเมโร่ แต่หลังจากต่างคนต่างเติบโตขึ้น เมื่อฮิวรอยทราบว่ากริดหวาดกลัวยูเฟอมิน่าจนอุจจาระขึ้นสมอง มันจึงเริ่มไม่พอใจในตัวเธอ และความโกรธของฮิวรอยได้ปะทุถึงขีดสุดหลังจากเกิดเหตุการณ์แอ็กนัส
เป็นความจงรักภักดีอย่างสุดโต่ง
‘เราต้องคอยรักษาสมดุลไว้…’
ความรู้สึกที่ฮิวรอยมอบให้ กริดทั้งอุ่นใจและปวดเศียรเวียนเกล้าในเวลาเดียวกัน
เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ เขาต้องคลายปมใจในและปรับทัศนคติฮิวรอยให้เหมือนมนุษย์ปรกติ
ขณะกริดกำลังทบทวนกับตัวเอง…
“อ…ออร่ามาสเตอร์!”
“ฮ…ฮูเร็น!”
“เป็นเรื่องจริงสินะที่ว่าฮูเร็นอยู่กิลด์เรา!”
เสียงตกใจและชื่นชมดังจากทุกสารทิศ
ทุกสายตากำลังจับจ้องชายวัยกลางคนที่มีสภาพซอมซ่อไม่ต่างจากขอทาน ผมเผ้ารุงรัง เนื้อตัวมอมแมม กางเกงขายาวพับขาเพราะกลัวเปียกน้ำ รองเท้าบูตยางมีคราบดินเกรอะกรัง
“ฉันมาตามคำเชิญแล้ว แต่ว่า…”
ขณะยืนเผชิญหน้ากริด ท่าทีของฮูเร็นกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด
นับตั้งแต่พ่ายแพ้กริดในงานแข่ง มันเร้นกายมานานกว่าสามปีโดยแทบไม่ได้แสดงฝีมือ เมื่อชาชินกับชีวิตอันเงียบสงบของทุ่งนา การถูกคนรอบข้างจ้องมองจึงเป็นของแสลงที่ไม่คุ้นชิน
ฮูเร็นไม่ชอบที่จะออกงาน ไม่ชอบพบปะผู้คน หลงใหลในการทำนาและฝึกวิชามากกว่า
แต่กริดเป็นฝ่ายชักเชิญด้วยตัวเองในคราวนี้
สำหรับฮูเร็น กริดคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ผู้ยอมให้อภัยแม้จะตนเคยนำทัพอีเทอนัลรุกรานเรย์ดันมาก่อน รวมถึงการที่ผู้มีพระคุณของมัน—ปิอาโร่—ยอมถวายตัวจงรักภักดีต่อกริดยิ่งชีพ
มันยอมรับให้กริดเป็นผู้นำ จึงไม่กล้าปฏิเสธคำชักชวนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
หลังจากได้ยินว่ากริดจะจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ที่เรย์ดัน ฮูเร็นรีบวิ่งหน้าตั้งมาหาโดยไม่รีรอ
“…”
จิสึกะ ป็อน เรกัส และอีกหลายคน เหล่าสมาชิกระดับขุนพลของโอเวอร์เกียร์ไม่ได้ฮือฮากับการปรากฏตัวของฮูเร็นมากนัก แม้แต่หางตาก็ไม่เหลียวมอง
‘นั่นสินะ… เรายังอ่อนแอ การที่คนเหล่านี้ไม่สนใจ ก็แปลว่าเราไม่แข็งแกร่งพอจะอยู่ในสายตาพวกเขา’
ทันใดนั้น
“ขอบคุณที่ช่วยทำให้งานเลี้ยงของฉันเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม”
ขณะกริดกล่าวพร้อมกับยื่นแขนขอจับมือ ออร่ามาสเตอร์ฮูเร็นพึมพำเสียงค่อย
“เจิดจ้าอะไรกัน… แค่งานฉลองของนายไม่หมองลงเพราะฉันก็ดีใจมากแล้ว”
แต่ไหนแต่ไรมา กริดไม่เคยก้าวก่ายหรือออกคำสั่งกับฮูเร็นเลยสักครั้ง ชีวิตประจำวันของมันมีเพียงทำนา ฝึกซ้อม และรอคำสั่งพิเศษจากเทศมนตรีแร็บบิทหรือไม่ก็ปิอาโร่
การเรียกรวมตัวที่เรย์ดันถือเป็นคำสั่งแรกอย่างแท้จริง หมายความว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนผิดปรกติ
จุดประสงค์ที่กริดแจ้งอาจเป็นการเฉลิมฉลองก่อตั้งกิลด์ที่สี่ก็จริง… แต่คงมีเหตุผลอื่นแอบแฝงอยู่แน่
ไม่สมเหตุสมผลที่จะจัดงานเลี้ยงก่อตั้งกิลด์ใหม่ขณะอยู่ในภาวะสงคราม แถมยังเป็นสงครามกับศัตรูอย่างจักรวรรดิซาฮารัน
‘ถ้ากริดเตรียมทำสงครามเต็มรูปแบบ เราก็พร้อมจะร่วมสู้’
แต่ว่า…
มันไม่ได้ทำสงครามมานานแล้ว นับตั้งแต่พ่ายแพ้กริดในงานแข่งนานาชาติ นับตั้งแต่กองทัพอีเทอนัลรุกรานเรย์ดันล้มเหลว
คนอ่อนแออย่างมันจะเป็นพลังในสงครามให้กริดได้จริงหรือ?
อีกฝ่ายเป็นถึงกองทัพอันดับหนึ่งของทวีปตะวันตก เป็นชาติมหาอำนาจที่ทรงพลังที่สุด ณ ขณะนี้
กับพลทหารอาจไม่มีปัญหา ตัวมันจะฆ่ามากมายเท่าไรก็ย่อมได้ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับระดับอัศวินโดยตรง ตนจะไม่ถูกเชือดทิ้งอย่างสุนัขข้างถนนเอาหรือ?
‘ถ้าเป็นแบบนั้น เราคงกลับไปเป็นไอ้ขี้แพ้น่าอับอายคนเก่าอีกครั้ง…’
ฮูเร็นถอนหายใจยาวสุดปอด
ขณะเดียวกัน ผู้เล่น 100 คนที่มุมห้องกำลังจ้องมองฮูเร็นด้วยสายตาชื่นชมและอิจฉา
‘ขอบคุณสวรรค์ที่ออร่ามาสเตอร์อยู่ฝ่ายเรา!’
‘ถึงจะเคยแพ้กริดง่ายดาย แต่ก่อนหน้านั้นฮูเร็นคือแรงเกอร์ระดับท็อปของโลก’
‘ชาวอเมริกันยังคงรอให้ฮูเร็นกลับไป’
‘เขาซุ่มเก็บตัวนานหลายปี ฝีมือคงพัฒนาขึ้นจนจินตนาการไม่ออก’
ทั้งหนึ่งร้อยคนคือพระเอกของงานฉลอง—พลปืนใหญ่ท็อปหนึ่งร้อยซึ่งลอเอลออกปากชักชวนด้วยตัวเอง แต่หากเทียบกับสัตว์ประหลาดภายในกิลด์ คนเหล่านี้คือตัวตนแสนจืดชืด
หลังจากผ่านไปไม่นาน ในที่สุดสายตาของกริดก็ชำเลืองมองมาทางพวกมัน
ในความคิดของพลปืนใหญ่ทั้งหนึ่งร้อย ตัวตนอย่างกริดคงไม่เสียเวลากล่าวทักทายผู้เล่นเลเวลต่ำแน่
คงมีเหตุผลบางประการที่ต้องสร้างกิลด์สำหรับพลปืนใหญ่โดยเฉพาะ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ตัวตนของพวกมันสำคัญขึ้นกว่าเดิม
แรงเกอร์พลปืนใหญ่ล้วนเป็นกลุ่มคนขยะเปียก ไม่มีใครเลเวลเกินสองร้อยแม้แต่คนเดียว การที่บุคคลระดับท้องฟ้าลดตัวลงมาทักทายคงเป็นเรื่องเสียเวลาเกินไป
ขณะพวกมันกำลังคิดเช่นนี้…
“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวโอเวอร์เกียร์อย่างเป็นทางการ”
กริดเดินเข้าไปหากลุ่มพลปืนใหญ่พร้อมกับกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
ท่าทีตอบสนองแต่ละคนแตกต่างกันไป
บ้างยืนตัวแข็งทื่อ บ้างก้มมองดินมองฟ้าไม่กล้าสบตา และบ้างพยักหน้าตัวสั่น
เป็นเรื่องของความมั่นใจล้วนๆ
กริดเริ่มเห็นภาพตัวเองในอดีตซ้อนทับกับคนเหล่านี้ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปขอจับมือกับสาวสวยที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด
ชื่อของเธอคือ ‘ชองอุยซังซิล*’
(ขอแก้ ‘ไร้มิตร’ เป็น ‘ชองอุยซังซิล’
“ฉันดีใจมากที่ผู้เล่นอันดับหนึ่งแรงค์พลปืนใหญ่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์”
“ม…ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ! ป…เป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ!”
ชองอุยซังซิลใช้มือทั้งสองข้ามกุมมือกริดที่ยืนเข้าหาอย่างแนบแน่น
อันที่จริง กริดไม่ค่อยสบายใจกับชื่อตัวละครของหล่อนสักเท่าไร
…ชองอุยซังซิล (ไร้มิตร)
ไม่ใช่ว่าเป็นชื่อตัวละครที่คนรังเกียจโลกชอบตั้งกันหรอกหรือ? ชายหนุ่มมั่นใจว่าเธอคงมีแผลใจบางชนิด ทำให้ต้องตั้งชื่อที่ชิงชังโลกขนาดนี้
‘ไม่เป็นไร เราจะเป็นที่ปรึกษาให้เอง ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน’
แน่นอน เขาจะไม่ทำอย่างประเจิดประเจ้อ กริดจะแอบจับตามองชองอุยซังซิลอยู่ห่างๆ โดยไม่ให้เธอรู้ตัว
หวังว่าหล่อนจะพัฒนาตัวเองจนมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ
“แล้วเธอจะได้เห็นว่ากิลด์โอเวอร์เกียร์คือบ้านที่อบอุ่น คือมิตรสหายที่น่าคบหา… พวกเรามามีความสุขไปด้วยกันเถอะนะ”
“…?”
สมาชิกโอเวอร์เกียร์แทบทุกคนพลันขมวดคิ้ว พวกมันกำลังฉงนในถ้อยคำที่กริดเพิ่งกล่าวไป
แต่ขณะเดียวกัน สมาชิกชาวเกาหลีใต้พอจะเข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง
เหตุผลนั้นง่ายมาก
มีเพียงผู้เล่นเกาหลีใต้ที่เห็นชื่อตัวละครของเธอเขียนว่า ‘ชองอุยซังซิล’ (정의상실) ส่วนผู้เล่นต่างชาติจะเห็นเป็นภาษาที่ถูกแปลได้ใจความว่า ‘ห้องเสื้อ’ (정+의상실)
อีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้เล่นคนอื่นจะเห็นเป็นเพียง ‘ห้องเสื้อ’ ในภาษาของตัวเอง ตัวอย่างเช่นผู้เล่นชาวอังกฤษจะเห็นเป็นคำว่า ‘Boutique’
ใช่แล้ว… ชื่อตัวละครชองอุยซังซิลไม่ได้แปลว่าไร้มิตรแต่อย่างใด หากแต่เธอตั้งใจสื่อความหมายให้เป็น ‘ห้องเสื้อ’ แสนธรรมดา
“…”
กริดเพิ่งรับรู้ความจริงหลังจากเห็นสีหน้าสุดประหลาดใจจากคนรอบข้าง เขารีบกระแอมเสียงค่อยหนึ่งครั้งเพื่อแก้เขิน
“แฮ่ม! มันเป็นมุกน่ะ! เป็นมุก!”
“อ…อ้อ… แบบนี้นี่เอง”
ขณะเดียวกัน ชองอุยซังซิลพลันระเบิดเสียงหัวเราะหลังจากประหม่าและเป็นกังวลอยู่นาน
ในฐานะชาวเกาหลี เธอย่อมทราบว่ากริดเข้าใจผิดไปถนัด และนั่นไม่ใช่มุกตลก
“คุณกริดน่ารักจังเลย”
ด้วยความที่ไม่เจนโลกและเข้าสังคมไม่เก่ง สาวสวยจึงเผยความรู้สึกตัวเองออกไปโดยไม่ตั้งใจ
เปรี้ยะ—!
“อ…เอ๋!?”
จิสึกะ ยูร่า และรูบี้จ้องมองเธอด้วยสายตาอาฆาตปานจะกินเลือดกินเนื้อ
มีเพียงเซ็กซี่สคูลเกิร์ลที่อมยิ้ม
เยริมอาจเคยเป็นนักเรียนมัธยมมาก่อน แต่ตอนนี้เธอคือนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว
“ผู้ชายที่ฮอตในหมู่สาวๆ มีเสน่ห์จะตายไป”
เยริมไล่ตามตื้อกริดมานานหลายปี เธอจ้องมองชาหนุ่มด้วยสายตาดุจดังสัตว์ป่าที่รอให้เหยื่ออวบอ้วนจนถึงที่สุดแล้วค่อยกระโจนเข้าใส่
ขณะเดียวกัน…
พลังอสูรปริมาณมหาศาลกำลังถูกรวบรวมเหนือท้องฟ้าใจกลางสนามรบระหว่างโบสถ์รีเบคก้า กองทัพวัลฮัลล่า และวิหารยาธาน
ทหารจำนวนมากที่ตายในสงครามกลายเป็นเครื่องเซ่นสังเวย
“คราวนี้ต้องใช่แน่”
จอมอสูร ‘คามิคิน’ ต้องจุติ
ขณะแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีดำมืด เบนัวต์—องค์ชายลำดับสามแห่งจักรวรรดิกำลังสวดภาวนาจากก้นบึ้งหัวใจ
ขอบคุณครับ สนุกมาก🙏🙏
ReplyDeleteตอนต้นๆนี้ขนลุกเลย
ReplyDelete😊
ชอบๆ กริดพัฒนา👍
ขอบคุณครับ