จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1016
องค์จักรพรรดิมิได้ต้องการให้เกิดสงครามกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตั้งแต่แรก
มันไม่ต้องการให้ปิอาโร่ติดร่างแหสงครามอย่างนั้นหรือ?
ผิดแล้ว จักรพรรดิฮวนเดอร์มิใช่ไอ้งั่งที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับบ้านเมืองไม่ออก
มีหลายสาเหตุที่จักรพรรดิไม่ต้องการเปิดศึกใหญ่กับโอเวอร์เกียร์ซึ่งหน้า
ประการแรก ราชาโอเวอร์เกียร์เป็นทั้งผู้สืบทอดแพ็กม่าและราชาวีรบุรุษ ฮวนเดอร์จึงประเมินกริดไว้สูงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังต้องการเติมเต็มความฝันของบรรพบุรุษในยุคสมัยของตัวเอง ความฝันในการยกทัพรุกรานทวีปตะวันออก
หลังจากทราบว่าปิอาโร่ยอมรับในตัวกริด ฮวนเดอร์จึงเข้าใจทันทีว่าราชาโอเวอร์เกียร์มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ มันจึงเคารพชื่นชมกริดมากกว่าจะมองเป็นศัตรู
ประการที่สอง พฤติกรรมอันแปลกประหลาดและน่าสงสัยขององค์ชายลำดับสาม·เบนัวต์
ฮวนเดอร์มิได้แจ้งพฤติกรรมของเบนัวต์ให้เจ็ดดยุคทราบ เพราะมันเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรชาย แต่ในระยะหลัง เบนัวต์เอาแต่ท่องทั่วทวีปและลงมือกระทำการลับๆ ล่อๆ อย่างน่าสงสัย
พิธีกรรมที่บุตรชายของตนเล็งไว้ ฮวนเดอร์มองไม่ออกในตอนแรก แต่หลังจากสายข่าวสืบทราบจนได้ความ มันจึงรับรู้ว่าการปรากฏตัวของจอมอสูรบีเลียลเมื่อหลายปีก่อนมีต้นตอจากเบนัวต์
เหตุใดบุตรชายของตนถึงหมกมุ่นกับการอัญเชิญจอมอสูรนัก?
การกระทำเช่นนี้ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของจักรวรรดิและทวีปตะวันตกทั้งหมด
โชคดีที่บีเลียลเป็นจอมอสูรระดับค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์พอจะกำราบไหว แต่หากจอมอสูรตนถัดไปเกิดเป็นหลักเดียวขึ้นมา ทวีปตะวันตกบางส่วนอาจถูกลบออกจากแผนที่โดยสมบูรณ์ แม้แต่มหาอำนาจอย่างจักรวรรดิก็ไม่มั่นใจว่าจะรับมือได้
ด้วยเหตุนี้ ฮวนเดอร์จึงพยายามถนอมกองทัพให้ได้มากที่สุดเพื่อเตรียมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ศัตรูเป็นถึงอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่มีอัศวินในตำนานอย่างเมอร์เซเดสนำทัพ ไม่มีทางจัดการได้ง่ายโดยไม่สูญเสียไพร่พล
‘คงต้องใช้ชานสเลอร์พาตัวเบนัวต์กลับมา’
ประการที่สาม มันไม่ต้องการให้หน่วยจักรกลเวทมนตร์ขององค์ชายลำดับสี่ อีธานได้แสดงฝีมืออย่างออกนอกหน้า
ต้องขอบคุณการขุดเหมืองศิลาเวทมนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง กองทัพจักรกลเวทมนตร์ซึ่งเป็นกำลังหลักของอีธานจึงถูกยกระดับอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้อำนาจในมือบุตรชายคนที่สี่เพิ่มขึ้นจนยากควบคุมไปทุกขณะ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากส่งจักรกลเวทมนตร์ร่วมสงคราม อีธานจะได้รับความดีความชอบและเสียงสนับสนุนจากขุนนางใหญ่หลายฝ่าย
บุตรชายลำดับสี่ของมันมีจิตใจผิดเพี้ยนมาตั้งแต่เกิด หากครองอำนาจเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง การเมืองภายในจักรวรรดิจะเกิดความวุ่นวาย และนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นการก่อกบฏ
ประการที่สี่ ปัญหาด้านการเงิน
จักรวรรดิซาฮารันมีอาณาดินแดนปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปตะวันตก ย่อมมีหัวเมืองและบรรดาเมืองขึ้นกระจายตัวหลายแห่ง
อาจไม่มีปัญหาสำหรับหัวเมืองใหญ่ซึ่งปกครองอย่างเป็นระเบียบและมีระดับความปลอดภัยสูง แต่กับเมืองเล็กหรือหมู่บ้านชนเผ่านั้นไม่ใช่ พวกมันคิดก่อกบฏตลอดเวลาหากไม่คอยจับตามองอย่างใกล้ชิด
เฉกเช่นชนเผ่านีโรที่ที่เคยถูกจักรวรรดิเหยียบย่ำทำลาย ชนเผ่าอื่นก็มีชะตากรรมไม่ต่างกันนัก ย่อมต้องมีกลุ่มที่ยอมจำนนเพียงผิวเผินและรอวันแก้แค้นเอาคืน
คนเหล่านี้ล้วนแค้นฝังหุ่น ต่อให้ภายนอกถูกกดขี่อย่างไร แต่ภายในใจไม่มีวันลืมเลือน
เมื่อเม็ดเงินจำนวนมากต้องสิ้นเปลืองไปกับสงครามอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ จักรวรรดิจึงไม่เหลือเงินทุนทำสงครามกับกลุ่มชนเผ่า และพวกมันจะเหิมเกริมจนอาจก่อกบฏอีกระลอก
โดยเฉพาะ ‘เผ่าคนยักษ์’ ที่เริ่มเป็นปัญหา
“...ปวดหัวจังแฮะ”
แผนการรวมทวีปเป็นหนึ่งเริ่มเลือนรางลงตั้งแต่ตอนไหนกัน? วันที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถูกก่อตั้งอย่างนั้นหรือ?
หรือเป็นเพราะจักรวรรดิเฉื่อยชากับโครงสร้างแบบเดิมๆ มานานหลายร้อยปี จึงเกิดอาการลนลานและทำตัวไม่ถูกเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน?
ผิดแล้ว
เป็นเพราะแกรนมาสเตอร์ไม่แยแสบ้านเมือง?
เป็นเพราะห้าเสาหลักยังไม่ทรงพลังมากพอ?
เป็นเพราะความเกียจคร้านของเจ็ดดยุค?
ไม่ใช่สักอย่างเดียว
ตัวมันไม่มีสิทธิ์ตำหนิใครทั้งสิ้น
‘สาเหตุมาจากข้าพเจ้าเพียงผู้เดียว…’
ความตายของอาเรียและการทรยศของปิอาโร่ได้ทำให้จิตใจฮวนเดอร์บอบช้ำสถานหนัก มันปล่อยให้จักรพรรดินีแมรี่ใช้อำนาจบริหารบ้านเมือง ส่วนตัวเองพยายามหลีกหนีจากความเป็นจริงอันเจ็บปวด
เป็นเพราะองค์จักรพรรดิไม่ยอมกระทำสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันตลอดสิบปีที่ผ่านมา จักรวรรดิซาฮารันจึงเริ่มเสื่อมอำนาจลงทีละน้อย
“เราไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้”
เราไม่คู่ควรกับการเป็นมหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซาฮารัน
ต้องขอประทานอภัยอดีตจักรพรรดิองค์ก่อนที่ไว้ใจและมอบหมายให้เราสืบทอดตำแหน่งแทน
อดีตจักรพรรดิจะรู้สึกอย่างไรหากมีโอกาสได้ทอดพระเนตรสถานการณ์ของจักรวรรดิในปัจจุบัน…
ขณะกล่าวตำหนิตัวเอง ฮวนเดอร์กางแผนที่ทวีปตะวันตกที่ควรมีเพียงสีเดียวขึ้นมาอ่าน
ทันใดนั้น
“ฝ่าบาท ท่านดยุคเกล็นฮาลส่งพิราบสื่อสารมาแจ้งข่าวขอรับ”
“พิราบสื่อสาร…?”
ในยุคสมัยที่สามารถสื่อสารทางไกลได้ด้วยพลังเวทมนตร์ เหตุใดถึงใช้พิราบสื่อสาร?
สงครามเกิดขึ้นในจุดที่พลังเวทมนตร์ถูกปิดกั้นอย่างนั้นหรือ?
จักรพรรดิฮวนเดอร์นึกชื่นชมการเตรียมตัวของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ภายในใจ ก่อนจะเปิดอ่านสารที่แนบมากับพิราบ
กระดาษฉบับเล็กเขียนรายงานเกี่ยวกับการค้นพบโบราณสถานเทพสงครามในทะเลแดง… เกล็นฮาลได้เสริมอีกเล็กน้อยว่า ฝ่ายจักรวรรดิควรรีบส่งทีมสำรวจมาที่เกาะโดยด่วน
“ฮะ…ฮะฮะ!”
ฮวนเดอร์กำลังมีความสุข
มันเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าเทพบนสวรรค์ช่วยอำนวยพรให้จักรวรรดิไม่ต้องทำสงครามอันไร้ประโยชน์กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
แต่มีหนึ่งสิ่งที่น่าประหลาด
เหตุใดดยุคเกล็นฮาลที่ควรรบพุ่งอยู่กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถึงแจ้งข่าวจากทะเลแดง?
‘หรือแม้แต่ดยุคเกล็นฮาลก็…’
เกล็นฮาลคือคนสำคัญที่ช่วยฮวนเดอร์คานอำนาจของจักรพรรดินีแมรี่บ่อยครั้ง แถมยังคอยสอดส่องพฤติกรรมมิชอบที่แมรี่และขุนนางแอบซุ่มลอบกระทำ
ฮวนเดอร์ไม่คิดว่าบุคคลที่รอบคอบเช่นนั้นจะติดประมาทและไม่แยแสอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เฉกเช่นดยุคคนอื่น เอาแต่เที่ยวเล่นในทะเลแดงเสียอย่างนั้น
“เฮ่อ…”
ยิ่งไว้เนื้อเชื่อใจมาก ยามผิดหวังยิ่งเจ็บปวดกว่าปรกติ
จักรพรรดิขยำกระดาษทิ้งพลางหันไปออกคำสั่งแก่หัวหน้าองค์รักหลวง·เบอิน
“ร่างราชโองการให้ทุกกองทัพที่กำลังรบกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์รีบถอนตัวและเตรียมเดินทางสำรวจโบราณสถานเทพสงคราม”
ในเมื่อเป็นสถานที่แห่งเทพ ต้องมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่ในโบราณสถานเป็นแน่ และยิ่งเก่าแก่มากเพียงใด อันตรายก็ยิ่งมากเป็นเงาตามตัวเพียงนั้น
โองการเร่งด่วนจากจักรพรรดิที่สั่งถอนทัพทั้งหมดเพื่อดำเนินแผนขุดค้นโบราณสถาน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ยกมือคัดค้าน
***
นับเป็นประสบการณ์เดินเรือแสนวิเศษ
‘เราโชคดีชะมัด’
สกังค์ทราบดีว่าจักรวรรดิคอยจับตามองมันอยู่ตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าดยุคแห่งจักรวรรดิจะขอร่วมทางไปกับเรือด้วยตัวเอง แถมพวกมันยังจัดหาเรือลำที่ดีที่สุดของทวีปมาให้!
ด้วย ‘เข็มทิศแท้จริง’ เส้นทางเดินเรือจึงแม่นยำเที่ยงตรง… ด้วยพลังของเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิ มงกุฎทอง·บาซาร่า การก่อกวนของเผ่าวารีจึงไม่เป็นผล และด้วยพลังของราชาสัตว์ป่า·มอริส สัตว์ทะเลจึงมิอาจทำอันตรายกับเรือ
[ท่านค้นพบ ‘โบราณสถานเทพสงคราม’ !]
[ความสำเร็จครั้งนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาล!]
[ท่านได้รับรางวัลตอบแทนและสิทธิประโยชน์เป็น…]
สกังค์สร้างชื่อให้กับตัวเองอีกครั้ง
หลังจากสำรวจทวีปตะวันตกครบถ้วนไม่นาน มันก็ประสบความสำเร็จครั้งใหม่ต่อเนื่องทันที
หัวใจสกังค์กำลังเต้นโครมคราม
ภาพเบื้องหน้า มันเดินเรือมาถึงเกาะแห่งใหม่พร้อมกับพวกพ้องที่เชื่อใจและสามดยุคแห่งจักรวรรดิ
เมื่อหันกลับไปมอง ทีมสำรวจทุกคนกำลังยืนจ้องสกังค์ด้วยสีหน้าชื่นชม ประหนึ่งมันคือพระเอกของโลกที่ชื่อซาทิสฟาย
นี่คงเป็นสิ่งที่กริดรู้สึกมานานหลายปีสินะ…
“ก่อนอื่น”
หลังจากอ่านรายละเอียดของรางวัลและบัฟสิทธิประโยชน์ครบถ้วน สกังค์ทำการปลูก ‘เมล็ดพันธุ์’ ซึ่งเป็นความสามารถใหม่ลงบนเกาะ
เมล็ดพันธุ์จะงอกเงยกลายเป็นต้นไม้ภายในระยะเวลาหนึ่งปี
มันหันไปกล่าวกับทุกคนอย่างสุขุม
“ได้ยินมาว่า ภายในโบราณสถานจะมีผู้พิทักษ์ทรงพลังและกับดักอันตรายอยู่มาก พวกเราตั้งค่ายรอที่นี่จนกว่ากองทัพจะมาถึงดีไหม?”
ทรายสีขาวรอบหาดกำลังส่องประกายระยิบระยับงดงาม
ทีมสำรวจของสกังค์เริ่มเตรียมอุปกรณ์สำหรับสร้างค่ายที่พักชั่วคราว พวกมันเต็มใจที่จะสำรวจโบราณสถานไปพร้อมกับกองทัพจักรวรรดิ โอกาสสำคัญเช่นนี้พบได้ไม่บ่อยนัก
นอกจากพวกมันจะตะลุยดงกับดักและฝ่าด่านผู้พิทักษ์ตามลำพังไม่ไหว หลังจากข้อความโลกประกาศออกไป ผู้เล่นทั่วโลกคงหลั่งไหลมารวมตัวโดยหวังครอบครองสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ขาดสาย
ก่อนแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน การได้ร่วมสำรวจไปพร้อมจักรวรรดิซาฮารันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
สตรีเลอโฉมผู้สวมมงกุฎสีทองใบเล็กเหนือศีรษะ—บาซาร่า เธอหลับตาลงพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
“เซอร์สกังค์กล่าวถูกต้องแล้ว พวกเราควรรอที่นี่จนกว่ากองทัพจักรวรรดิจะมาถึง”
เป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล
แต่ราชาสัตว์ป่า·มอริสรีบดับเทียน
“มีเธอ มีฉัน มีเกล็นฮาล แค่พวกเราสามคนยังไม่พออีกหรือ? รีบเข้าไปสำรวจและรีบคว้าสมบัติก่อนใครเถอะน่า!”
ราชาอมตะ·เกล็นฮาลพยักหน้า
“มอริสพูดถูก ถึงด้านในจะน่ากลัวและมีอุปสรรคมากมาย แต่ถ้าพวกเราสามคนร่วมมือ ไม่มีปัญหาใดที่จัดการไม่ได้”
เกล็นฮาลกับมอริสออกอาการร้อนรนชัดเจน สาเหตุเพราะโบราณสถานแห่งนี้มิใช่ของเทพทั่วไป หากแต่เป็นเทพสงคราม
เทพสงครามเซราทุล
ดาบและโล่ของเทพธิดาแห่งแสง·รีเบคก้า
ว่ากันว่า เซราทุลคือเทพเพียงองค์เดียวที่สามารถดวลกับเทพยาธานผู้มีพลังอำนาจเหลือล้นได้อย่างสูสี
ภายในโบราณสถานอาจมี ‘หนังสือหายาก’ ที่บรรจุพลังของสาวกเทพสงครามไว้… พลังที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเคยถูกบรรยายไว้ในบันทึกมหาสงครามระหว่างเทพและเจ็ดมาร
[กองกำลังที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในมหาสงครามระหว่างเทพและเจ็ดมารคือ ‘สาวกเทพสงคราม’ ฝืมือการต่อสู้ฉกาจฉกรรจ์ของพวกมันทำให้เหล่าเจ็ดมารมิอาจนิ่งเฉย]
เทพสงครามมิได้ลงมือด้วยตนเอง หากแต่ส่งสาวกจำนวนมากออกศึกแทน ว่ากันว่ากองทัพเหล่านี้คือสาเหตุหลักที่ฝ่ายเจ็ดมารพ่ายแพ้
แม้บันทึกตำนานจะถูกเขียนไว้โดยผู้ชนะและอาจกล่าวเกินจริงไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น สาวกเทพสงครามยังเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในสายตามนุษย์อยู่ดี
ทั้งเกล็นฮาลและมอริสต่างปรารถนาพลังของสาวกเทพสงครามที่อาจหลับใหลสักแห่งภายในโบราณสถาน พวกมันต้องการครอบครองให้ได้ก่อนใคร
โดยเฉพาะเกล็นฮาล
‘ถ้าเราได้ครอบครองความลับดังกล่าว… ต่อให้เป็นแกรนมาสเตอร์ก็เถอะ’
แม้กระทั่งเจ็ดดยุคก็ไม่ทราบถึงตัวตนของที่แท้จริงของชายชราที่ชื่อแกรนมาสเตอร์
จากบันทึกของจักรวรรดิ แกรนมาสเตอร์อายุยืนกว่าร้อยปีและทำหน้าที่อารักขาจักรพรรดิมาแล้วหลายรุ่น การมีตัวตนของมันไม่เพียงเป็นภัยอันตรายต่อภายนอก แม้แต่บุคคลภายในยังหวาดระแวง
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ความสำเร็จอย่างลับๆ ในอดีตของแกรนมาสเตอร์ได้ช่วยให้จักรวรรดิยิ่งใหญ่ดังทุกวันนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า การกระทำล่าสุดของมันห่างไกลจากความจงรักภักดีต่อราชวงศ์มาก
‘คงเป็นปัญหาแน่ ถ้าสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งกว่าเจ็ดดยุคเอาแต่ทำตามใจตัวเอง’
การมีอยู่ของแกรนมาสเตอร์คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่เจ็ดดยุคกลายเป็นกลุ่มคนเกียจคร้านและเฉื่อยชา
ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด พวกมันก็มิอาจสืบหาตัวจริงของสัตว์ประหลาดลึกลับที่คอยปกป้องข้างกายองค์จักรพรรดิได้เลย
แถมสัตว์ประหลาดตัวเดียวกันยังกุมชะตากรรมของจักรวรรดิซาฮารันไว้ในกำมืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่า ในเมื่อไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย เจ็ดดยุคจึงเข้าสู่ภาวะตึงเครียดและไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม พวกมันไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แสร้งปิดหูปิดตาและไม่รับทราบความเป็นไปของจักรวรรดิ
แต่หลังจากนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญ
‘เราจะแข็งแกร่งขึ้นและกำจัดแกรนมาสเตอร์ให้พ้นทาง จากนั้นจะยกฐานะของเจ็ดดยุคให้สูงกว่าเดิม และจับตามองการกระทำของสมาชิกเชื้อพระวงศ์ทุกฝีก้าว’
หมับ!
ดยุคเกล็นฮาลสาบานกับตัวเอง
เป็นความเอาจริงเอาจังไม่เหมือนเมื่อครั้งทำสงครามแบบขอไปทีกับอาณาจักรเล็กอย่างโอเวอร์เกียร์
บาซาร่าถอนหายใจ
เมื่อเห็นเกล็นฮาลเป็นเช่นนี้ เธอทราบดีว่าไม่มีทางหยุดยั้งหมอนั่นได้แน่
“ตกลงตามนั้น พวกเราลองสำรวจเบื้องต้นหน้าปากทางเข้าให้หมดก่อน เพราะยิ่งลึกเข้าไปด้านใน ระดับความอันตรายจะยิ่งสูงขึ้นมาก”
“ถึงจะน่าเบื่อไปสักนิด แต่ก็ตามนั้น”
“…”
การคิดเองเออเองของสามดยุคแห่งจักรวรรดิส่งผลให้ทีมสำรวจสกังค์เริ่มหน้าถอดสี
ด็อก·วูเม่นกระซิบข้างหูสกังค์ที่ไม่กล้าคัดค้านและเอาแต่กัดเล็บอย่างตื่นตระหนก
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ? พวกเขาเป็นถึงเจ็ดดยุค หากมีคนเหล่านี้นำทาง พวกเราคงไม่ได้รับอันตราย และอาจได้พบความลับของเกาะเพิ่ม”
“ที่นี่ไม่ใช่โบราณสถานธรรมดา แต่เป็นของเทพสงคราม”
สกังค์ยังไม่ลืมเลือนความโหดเหี้ยมของ ‘สาวกเทพสงครามผู้ครอบครองเทคนิคลับสองชนิด’ ในวิหารกัลกุนอส
ริมฝีปากของมันกำลังสั่นระริก
“ถ้ามีสาวกเทพสงครามที่ครอบครองเทคนิคลับสามถึงสี่ชนิดปรากฏตัว ไม่สิ อาจจะมากกว่านั้น ต่อให้เป็นเจ็ดดยุคก็คง…”
“ก็ยังไม่น่ากังวลอยู่ดี เจ็ดดยุคมีมากถึงสามคน ต่อให้สัตว์ประหลาดดังกล่าวปรากฏตัวออกมา แต่พวกเขาต้องรับมือได้แน่”
“นั่นสินะ…”
และอันที่จริง การปรึกษากันเองระหว่างทีมสำรวจก็ไม่ทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนไป
เจ็ดดยุคเริ่มเดินเข้าไปในป่ากันแล้ว
พวกมันค่อนข้างให้ความสำคัญกับสกังค์ ดูได้จากการสั่งให้อัศวินจำนวนมากคอยตามอารักขาสกังค์ไม่ห่างตัว
ฟุ่บ!
หลังจากย่างกรายเข้าป่าเพียงไม่กี่ก้าว เกล็นฮาลตกเป็นเหยื่อของกำปั้นปริศนาที่พุ่งเข้าใส่ มันรีบยกโล่ป้องกันตามสัญชาตญาณ
เปรี้ยงงง—
กำปั้นอาจกระแทกโล่เพียงหนึ่งหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับเป็นการโจมตีสี่ครั้งรวด
ทุกครั้งที่กระแทกใส่เป้าเดิมจะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ลงเอยด้วย ฮิปโปสองหัวที่เกล็นฮาลขี่มีอันต้องกระเด็นถอยหลังสามไปก้าว
“หือ…”
เกล็นฮาลส่งเสียงประหลาดใจ เพราะนี่คือหนแรกที่มันเคยเห็นฮิปโปสองหัวซึ่งหนัก 2.5 ตันและมีพละกำลังมากกว่ายักษ์สามเท่าต้องกระเด็นถอยหลังเพราะแรงกระแทก
ฟุ่บ!
แสงประกายดาบเกล็นฮาลส่องวาบ
เป็นการสวนกลับที่ช่ำชองและว่องไวมาก แต่เป้าหมายที่ถูกโจมตีอย่างผู้พิทักษ์กลับโยกตัวหลบและกระโจนขึ้นต้นไม้ไปง่ายดาย
มันยืนกอดอกบนกิ่งไม้พร้อมกับจ้องมองลงมาด้านล่าง ชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า ‘สาวกเทพสงครามผู้ครอบครองเทคนิคลับห้าชนิด’
“บ้าบอสิ้นดี…”
หัวใจสกังค์หล่นไปอยู่ตาตุ่ม
แค่สาวกเทคนิคลับสองชนิดก็แข็งแกร่งกว่าท็อปแรงเกอร์อย่างเทียบไม่ติด มันไม่อยากจินตนาการว่าห้าชนิดจะเป็นสัตว์ประหลาดระดับใด
ศัตรูตัวแรกก็เป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังอย่างไร้เหตุผลเลยหรือ?
‘แถมชื่อของมันถูกเขียนด้วยอักษรสีขาว’
หมายความว่าเป็นมอนสเตอร์ ‘ทั่วไป’ ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าระดับความยากของโบราณสถานแห่งนี้เป็นเช่นไร
“จัดการไอ้ลิงนั่นซะ!”
ราชาสัตว์ป่า·มอริสส่งเสียงคำราม
เสือเขี้ยวดาบที่มันพามาด้วยทำการกระโจนขึ้นต้นไม้และใช้อุ้งเท้าหน้าตะปบใส่สาวกเทพสงครามที่กำลังยืนกอดอก
ทว่า
พรืดดด!!
ในวินาทีที่ร่างเสื้อเขี้ยวดาบใกล้ถึงกิ่งไม้ กับดักตาข่ายถูกปลดปล่อย เสือตัวใหญ่ถูกรัดตึงไว้กลางอากาศอย่างหมดทางดิ้นรน
ขณะเดียวกัน มงกุฎทอง·บาซาร่าส่งเสียงพึมพำทั้งที่ยังหลับตา
“มีกับดักเต็มไปหมด”
ผืนป่าที่นี่เปรียบดั่งป้อมปราการ
ต้นไม้ใหญ่เรียงรายสุดลูกหูลูกตา กิ่งและใบขัดสานแน่นถนัดประหนึ่งใยแมงมุมดักเหยื่อ
จิตสัมผัสของบาซาร่าตรวจจับกับดักภายในป่าได้เกินกว่าครึ่ง
หลังจากช่วยเหลืออัศวินและทหารให้รอดพ้นจากกับดักชนิดอื่น บาซาร่าหันไปตะโกนกับมอริสและเกล็นฮาล
“พวกเราต้องถอยก่อน”
“ความคิดไม่เลว”
กับดักที่นี่ค่อนข้างเป็นปัญหา เกล็นฮาลทำตามคำแนะนำของบาซาร่าอย่างว่าง่าย
“ไอ้บัดซบ! บังอาจนัก!”
แต่มอริสไม่ มันหงุดหงิดที่สาวกเทพสงครามเอาแต่ยืนกอดอกด้วยท่าทียียวน
หลังจากใช้มีดตัดตาข่ายที่พันธนาการเสือเขี้ยวดาบและปล่อยมันเป็นอิสระ มอริสหมุนตัวควงสว่านเตะใส่สาวกเทพสงครามบนต้นไม้ทันที
เปรี้ยงง—
เกิดคลื่นกระแทกแผ่พุ่งเป็นวงกว้าง
แม้ลูกเตะของมอริสจะสมบูรณ์แบบ แต่สาวกเทพสงครามก็ใช้เข่ารับไว้ง่ายดาย
ยังไม่จบแค่นั้น
มอริสใช้ปลายเท้าเกี่ยวข้อพับขาของสาวกเทพสงครามไว้ประหนึ่งตะขอ ก่อนจะหมุนตัวเหวี่ยงให้ร่วงหล่นลงจากต้นไม้ด้วยกันทั้งคู่
โครม—
ใบหน้าของสาวกเทพสงครามถูกกระแทกจมดินอย่างหมดสภาพ
เมื่อได้เห็นคอมโบอันน่าตื่นตะลึง ทีมสำรวจของสกังค์ต่างพากันอ้าปากค้าง พวกมันไม่เคยคิดว่าเจ็ดดยุคจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
‘เป็นเพราะกริดปราบรีกัลได้… เราจึงเข้าใจว่าพลังของเจ็ดดยุคถูกยกยอเกินจริง’
แต่ไม่ใช่แบบนั้นเลย… กริดต่างหากที่เป็นสัตว์ประหลาดผิดมนุษย์
เมื่อทราบว่ากริดแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สกังค์อมยิ้มครู่หนึ่งก่อนจะหันไปกล่าวกับบาซาร่า
“ตามต้นไม้มีรูกุญแจอยู่ ผมคิดว่านั่นอาจไว้สำหรับเปิด-ปิดกลไกกับดักภายในป่า ความสำคัญในตอนนี้คือการรวบรวมกุญแจให้ได้มากที่สุด”
ภายในระยะเวลาสั้นๆ สกังค์กวาดสายตามองและสำรวจทุกซอกมุมของผืนป่าเบื้องหน้า
ในฐานะว่าที่นักสำรวจในตำนาน ทักษะตรวจสอบสิ่งผิดปรกติรอบตัวจึงมีระดับสูง และตลอดหลายปีที่ผ่านมา สกังค์ใช้มันอย่างชำนาญเพื่อหาทางออกจากวงกตและผืนป่าอันตรายนับไม่ถ้วน
แต่ปัญหาคือ จะหากุญแจได้จากที่ไหน
‘และกว่าจะหากุญแจครบทุกดอก คงได้แก่ตายก่อนพอดี’
ถ้าซาทิสฟายมีสิ่งที่เรียกว่า ‘มาสเตอร์คีย์’ ก็คงดี… พวกมันจะได้ไม่ต้องติดอยู่กับด่านป่าวงกตเป็นเวลานาน
กริดมันมีมาสเตอร์คีย์นี่ ทำไว้ตั้งแต่ตอนเป็นตำนานใหม่ๆ
ReplyDelete😆👍
Deleteใช่ งานนี้คงเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก แต่จะยากตรงจัดการกับเทพสงครามและเจ็ดดยุก
Deleteขอบคุณมากครับ😊
ReplyDeleteให้ท้ายสะด้วย
ReplyDeleteอื้มมม รู้เลยว่าเกาะนี้จะเป็นของใคร 55555
ReplyDeleteคงไม่ใช่กริดเดินหลงจนไปถึงจุดสุดท้ายหรอกนะ
ReplyDelete