จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,010



จักรพรรดิองค์ก่อนเชื่อในหลักการพัฒนาคุณภาพประชากร ยิ่งพลเมืองแข็งแกร่ง จักรวรรดิก็ยิ่งทรงพลังและเติบโตได้เร็ว


นั่นคือสาเหตุที่จักรวรรดิมิได้มั่งคั่งล้นฟ้า พวกมันลงทุนเม็ดเงินมหาศาลไปกับการอำนวยความสะดวกให้ประชากรภายในประกาศ


แต่ขณะเดียวกันก็ขูดรีดเอาเปรียบอาณาจักรที่เป็นเมืองขึ้นสถานหนัก


ด้วยความหวังที่ว่า เหล่าอัจฉริยะที่เติบโตภายในจักรวรรดิจะจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองตราบจนชีวิตจะหาไม่


เป็นการลงทุนที่ยาวนานนับพันปี


—!


ธนูทอง เรนฮู้ด


หนึ่งในนักรบฝีมือเยี่ยมของจักรวรรดิซาฮารัน


มันสัมผัสถึงการไหลของกระแสอากาศที่เปลี่ยนไป รวมถึงเสียงระเบิดที่ดังอย่างบางเบาจากระยะไกล


มีบางสิ่งกำลังพุ่งเข้ามา


“…”


เรนฮู้ดหันมองไปยังจุดที่มีบางสิ่งผิดธรรมชาติ แล้วมันก็ได้เห็น ณ จุดใกล้กับเส้นขอบฟ้า กระสุนมานาสีเขียวกำลังพุ่งตรงมายังกองทัพจักรวรรดิด้วยความเร็วสูง


จุดซุ่มยิงของยูร่า… เรนฮู้ดเห็นแล้ว


พรืด—


คันศรถูกโก่งไปด้านหลัง


ศัตรูที่บังอาจโจมตีใส่จักรวรรดิ เรนฮู้ดไม่คิดปล่อยให้มันผู้นั้นรอดกลับไป


แต่ก่อนที่ลูกธนูจะถูกปลดปล่อย


เปรี้ยงงง—


กระสุนสีเขียวกระทบเข้ากับบาเรียเวทมนตร์จนเกิดระเบิดรุนแรง


วาบ!


กระสุนเกิดระเบิดด้วยแสงที่เข้มข้นกว่าปรกติมาก สามารถบดบังการมองเห็นและสมาธิเรนฮู้ดได้ชั่วขณะ


“ชิ…!”


ศรดอกแรกถูกปล่อยออกไปอย่างไม่เต็มพลังนัก โดยเฉพาะด้านความรุนแรง


ด้วยเหตุนี้


บึ้ม—


ลูกธนูของเรนฮู้ดที่ควรคร่าชีวิตยูร่าในพริบตา ได้ถูกศรปริศนาปะทะจนสลายไป


ลูกธนูยัฟฟ่า… มันจดจำได้แม้จะเหลือบเห็นเพียงเสี้ยววินาที


ไม่ผิดแน่ นี่คือลูกธนูของหญิงสาวที่มันเคยฆ่าไปแล้วสองครั้ง


“บัดซบ!”


สำหรับมือธนู ความอับอายสูงสุด ไม่ได้เกิดขึ้นในขณะยิงพลาด แต่เป็นขณะที่ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวโดยมิอาจลงมือตอบโต้อีกฝ่าย


ความอับอายเมื่อศรของตัวเองถูกยิงสกัด… เรนฮู้ดหงุดหงิดจนแสดงออกชัดเจนทางสีหน้า


ไม่มีข้ออ้างใดทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับแรงระเบิดที่รบกวนสมาธิและบดบังการมองเห็นไปชั่วครู่


เรนฮู้ดต้องการแก้ตัว คันศรในมือถูกโก่งไปด้านหลังอีกครั้ง


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


แวมไพร์โนลล์ลงมืออาละวาดฉับพลัน มันปลดปล่อยเวทมนตร์โจมตีหมู่อย่างต่อเนื่อง จุดเกิดเหตุไม่ไกลจากจุดที่เรนฮู้ดยืนมากนัก ส่งผลให้ผืนทะเลทรายสั่นสะเทือนหนัก


เรนฮู้ดเสียการทรงตัวเล็กน้อย


เมื่อตั้งตัวได้ มันเงยหน้าขึ้นและหันไปเห็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ มือธนูสาวแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังขี่อูฐเข้าใกล้ราวกับคนเสียสติ


“คิดจะฆ่าตัวตายรึไง?”


เรนฮู้ดยกธนูขึ้นและเล็งไปที่หล่อนครู่หนึ่ง ก่อนจะลดมือลงเมื่อเห็นว่าไม่มีความจำเป็น ทหารหลายสิบหลายร้อยนายกำลังลงมือโจมตีแทน


ทันใดนั้น ฟินิกซ์ยักษ์สีแดงฉานพลันปรากฏกายเหนือท้องฟ้าด้านหลังสตรีคนดังกล่าว


ฟินิกซ์เพลิงแผ่ไอความร้อนปริมาณมหาศาล ราวกับทะเลทรายอันกว้างใหญ่กำลังหลอมละลายกลายเป็นของเหลว


“ไม่ต้องแตกตื่น! อย่าถูกหลอกเอาได้!”


“ก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้น!”


เหล่าทหารต่างไม่แยแสฟินิกซ์เพลิง สาเหตุเพราะ ฟินิกซ์ลักษณะนี้เคยถูกบาเรียเวทมนตร์สลายอย่างหมดจดเมื่อหลายวันก่อน พวกเมื่อเชื่อใจบาเรียที่จอมเวทกางขึ้น


ทว่า… ในวันนี้ ฟินิกซ์ถูกปลดปล่อยในระยะประชิด บาเรียเวทมนตร์ที่ต่อต้านการซุ่มยิงจึงไม่แสดงผล


เมื่อเห็นท่าไม่ดี เรนฮู้ดพลันหน้าซีด มันรีบยกธนูขึ้นอีกครั้งและเล็งไปยังสตรีผมแดงที่คล้ายกับคนเสียสติ เป้าหมายของมันคือ ต้องสังหารเธอให้ได้ก่อนที่นกสีแดงบนท้องฟ้าจะสร้างหายนะแก่กองทัพ


ทว่า


“ย๊ากกก!!”


ชายผิวดำคนหนึ่งวิ่งมายืนหน้ามือธนูสาวพร้อมกับยกโล่ใหญ่ขึ้นเพื่อสร้างกำบัง ร่างกายมันถึกทนกว่าคนทั่วไปมาก ไม่ยอมล้มลงแม้จะถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“โธ่เว่ย!”


เรนฮู้ดเริ่มสัมผัสถึงภัยพิบัติที่มาจากฟากฟ้า


กองทัพจักรวรรดิกำลังระส่ำเพราะสิ่งนั้น


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


เสียงโหยหวนของทหารดังผสมปนเปไปกับเสียงระเบิดจากอุกกาบาตเพลิง


ท่ามกลางเสาแสงเทาที่ก่อตัวขึ้นต้นแล้วต้นเล่ารอบตัว เรนฮู้ดในสภาพตาบอดหนึ่งข้างสูญเสียพลังการยิงธนูลงจากเดิมมาก


“ว๊ากกกกก!!”


มันแหกปากตะโกนอย่างโกรธแค้น ความอาฆาตพุ่งตรงไปยังจิสึกะเพียงผู้เดียว


นี่คือจุดเริ่มต้นการเติบโตครั้งใหม่


[★ภารกิจลับ★ ‘ความอาฆาตของธนูทอง’]


<ความอาฆาตของธนูทอง>

★ภารกิจลับ★

ธนูทอง ผู้ไม่เปิดเผยชื่อจริง เคียดแค้นท่าน และจะตามล่าท่านไปชั่วชีวิต

จงเอาชีวิตรอดจากการซุ่มยิง!

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : รอดชีวิตจากการลอบสังหารใน 10 ครั้งถัดไป

รางวัลภารกิจ : เพิ่มค่า ‘ความว่องไว’ ทุกครั้งที่รอดชีวิตจากการถูกลอบสังหาร


“เจ๋งเป้ง!”


ปัจจุบัน จิสึกะกำลังเกาะหลังยูร่าหลบหนีในสภาพร่อแร่


หลังจากความตายสองครั้งเมื่อก่อนหน้า ในที่สุดเธอก็มีชีวิตรอดกลับไปจากสมรภูมิสงครามเสียที พร้อมด้วยโอกาสพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด


จิสึกะมิใช่เพียงคนเดียว… เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ทุกคนล้วนถูกยกระดับผ่านมหาสงครามในคราวนี้กันถ้วนหน้า


***


ในซาทิสฟายมีคลาสให้เลือกเล่นมากมาย


บางคลาสยอดนิยมจนอยู่เหนือสุดของลำดับชั้นพีระมิด เฉกเช่นนักดาบหรือจอมเวท ส่วนคลาสที่เหลือก็ได้รับความสนใจลดหลั่นลงมา


แต่หนึ่งในคลาสที่ไม่มีใครเอาเลยก็คือ…


พลปืนใหญ่


ลูกเมียน้อยที่ถูกเหยียดหยันสถานหนัก


ณ ปัจจุบัน ซาทิสฟายยังไม่มีอาวุธล้ำยุคจำพวก ‘บาซูก้า’ ในเกม


อาจมีข่าวลือที่ว่า อาวุธประเภทปืนใหญ่ขนาดพกพาจะมีอยู่จริงในเมืองคนแคระ แต่ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้… ตลาดซื้อขายทั่วไปไม่มีของแบบนั้นอยู่ในรายการแลกเปลี่ยน


ด้วยเหตุนี้ อาวุธเดียวของ ‘พลปืนใหญ่’ จึงเป็น ‘ปืนใหญ่สงคราม’ ที่ต้องใช้อย่างน้อยสามคนในการขับเคลื่อน ยิ่งไปกว่านั้น กระสุนปืนใหญ่ตามท้องตลาดล้วนถูกกว้านซื้อโดยจักรวรรดิและอาณาจักรจนหมดสิ้น


ใช่แล้ว ในเมื่อราคากระสุนสูงเกือบเท่าราคาอาวุธ ไม่มีทางที่คลาสพลปืนใหญ่จะเก็บเลเวลได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าคลาสอื่น


หนทางรอดเดียวในซาทิสฟาย คือการเข้าร่วมกองทัพของอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง


“ไอ้อาชีพสุดห่วยนี่… ไม่มีอะไรให้ทำในสงครามเลยรึไง”


พลปืนใหญ่แรงค์หนึ่งของโลก ‘ไร้มิตร’


เธอไม่เคยอวดโอ่ว่าตนเป็นแรงค์หนึ่ง สาเหตุเพราะ จากผู้เล่นกว่าสองพันล้านทั่วโลก มีเพียงไม่ถึงหมื่นที่เลือกเล่นคลาสพลปืนใหญ่


แถมเลเวลของเธอยังแค่ 180… สูงกว่าเลเวลค่าเฉลี่ยผู้เล่นทั่วโลกเพียงเล็กน้อย


ด้วยความที่มิอาจล่ามอนสเตอร์ได้ด้วยตัวเอง ค่าประสบการณ์เพียงทางเดียวจึงมาจากการทำภารกิจฝึกฝนของกองทัพจักรวรรดิในแต่ละวัน


แม้แต่ทักษะ ‘ความชำนาญอาวุธปืน’ ก็ยังอยู่แค่ระดับ ‘ขั้นต้น’


อ่านไม่ผิด… ขั้นต้น


เมื่อเทียบกับ NPC พลปืนใหญ่ของจักรวรรดิ ‘ไร้มิตร’ ก็เหมือนขยะเปียกก้อนหนึ่ง


แม้สงครามระหว่างจักรวรรดิและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะดำเนินผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน แต่เธอยังไม่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมสมรภูมิเลยสักครั้งเดียว


“เฮ่อ…”


ขณะที่คนอื่นออกไปฆ่าฟันสนุกนาน ตัวเธอทำได้เพียงนั่งดูดนิ้วไปวันๆ อย่างนั้นหรือ?


เธอคิดมาตลอดว่าสงครามคือโอกาสทอง แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้ายนัก


ไร้มิตรเคยทบทวนตัวเองนับร้อยนับพันครั้ง ว่าจะเริ่มเล่มใหม่แล้วเปลี่ยนอาชีพดีไหม?


หมกมุ่นครุ่นคิดบ่อยครั้งจนกลายเป็นนิสัยติดตัวด้านลบ


แต่ปัจจัยสำคัญที่รั้งเธอไว้ไม่ให้เปลี่ยนใจ คือความพยายามอย่างยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอภูมิใจกับมันมาก ที่ตนมีความอดทนสูงกว่าคนอื่นจนกลายเป็นแรงค์หนึ่ง คงเจ็บปวดเกินไปที่ต้องละทิ้งทั้งหมดไปชั่วข้ามคืน


สาเหตุหลักที่ไร้มิตรเลือกเล่นคลาสพลปืนใหญ่ เพราะเธอคิดว่าปลอดภัยกว่าคลาสอื่น หน้าที่มีเพียงต่อสู้อยู่แนวหลังโดยไม่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง


[ได้รับคำขอเพิ่มเพื่อนจากผู้เล่น ‘ลอเอล’]


“…?”


ขณะเหม่อมองภูเขาห่างไกลและถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ข้อความระบบที่ไม่คาดฝันปรากฏขึ้นที่มุมสายตา


ไร้มิตรแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น


เธอพยายามขยี้ตาอยู่หลายครั้ง


คำขอเพิ่มเพื่อน…?


กำลังจะบอกว่า… มีใครสักคน อยากเป็นเพื่อนกับเรา?


นับเป็นปรากฏการณ์อันน่าเหลือเชื่อสำหรับคลาสพลปืนใหญ่ทุกคน คลาสที่ไม่มีปาร์ตี้ไหนต้องการ คลาสที่ไม่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้เล่นคนใด


“จ…จริงหรือเนี่ย?”


ทั้งตื่นเต้นและกระวนกระวายใจ แต่ท้ายที่สุด ไร้มิตรก็กดตอบรับโดยไม่คิดเยอะ


เธอไม่ได้อ่านด้วยซ้ำว่าคนที่ขอเพิ่มเพื่อนมีชื่อว่าอะไร ภายในใจมีเพียงความสุขและความยินดี


[ท่านเป็นเพื่อนกับผู้เล่น ‘ลอเอล’]


> สวัสดี ฉันคือลอเอล เสนาธิการใหญ่แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และกิลด์โอเวอร์เกียร์


> อ…อื้ม! ส…สวัสดีค่ะ… ฮ…ฮะฮะ!


ในที่สุดก็ถึงวันที่ได้ใช้ระบบข้อความเสียง!


บุคคลที่ไม่เคยมีเพื่อนในซาทิสฟายแม้แต่คนเดียวอย่างเธอ การได้ยินข้อความเสียงครั้งแรกจึงนับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่มาก


มันแตกต่างจากการโทรศัพท์โดยสิ้นเชิง


> …เอ๋?


เธอตื่นเต้นเกินไป


ไร้มิตร หญิงสาวที่หัวใจกำลังสูบฉีดเพราะไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน เริ่มตระหนักถึงบางสิ่งไม่ชอบมาพากล ใบหน้าของเธอพลันเหม่อลอย


> อ…โอเวอร์เกียร์?


ตัวตนที่อยู่บนโลกคนละใบ


อีกฝ่ายคือดาราดังระดับโลก กลุ่มผู้เล่นระดับอัจฉริยะที่อาจหาญทำสงครามกับจักรวรรดิ


ในสายตาไร้มิตร โอเวอร์เกียร์เป็นตัวตนที่พบได้เฉพาะบนจอทีวี แต่อีกฝ่ายกลับติดต่อมาหาเธอก่อนเนี่ยนะ?


บุคคลที่ส่งข้อความเสียงเมื่อครู่ จะใช่ลอเอลผู้เป็นมือขวาของกริดจริงหรือ?


“หรือเป็นแก๊งค์ต้มตุ๋น?”


สถานการณ์ชี้นำไปในทางน่าสงสัย ไร้มิตรตัดสินใจเปิดหน้าต่างรายชื่อเพื่อน


ชื่อตัวละครเดียวที่ถูกเขียนไว้บนรายการอันว่างเปล่าคือ ‘ลอเอล’ เธอรีบตรวจสอบรายละเอียดทันที


<ลอเอล>

เลเวล : 335

กิลด์ : กิลด์โอเวอร์เกียร์

อาณาจักร : อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


“3…335!”


ในปัจจุบัน เลเวลของท็อปแรงเกอร์จะอยู่ในช่วง 370… เมื่อเทียบกับคนเหล่านั้น เลเวลของลอเอลจะค่อนข้างต่ำ


แต่ช่วยไม่ได้ ลอเอลมิใช่บุคคลที่เด่นด้านเลเวลแต่ไหนแต่ไร คลาสของมันคือราชันแห่งกระแสซึ่งเก็บเลเวลได้ยาก แถมยังต้องเตรียมตัวและวางแผนทำศึกกับจักรวรรดิ คงไม่มีกะจิตกะใจเก็บเลเวลมากนัก


แต่ถึงอย่างนั้น ในสายตาไร้มิตร เลเวลของลอเอลคือจำนวนที่เธอไม่มีวันเอื้อมถึง


อยู่คนละระดับ… คนละมิติโดยสิ้นเชิง


> ค…คุณคือตัวจริงสินะ! ม…ไม่ผิดแน่!


>คึคึ? เธอคิดว่าฉันเป็นตัวปลอมสินะ? คงช่วยไม่ได้ ถ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับฉัน จะมีพวกต้มตุ๋นปลอมชื่อบ้างก็ไม่แปลก คึคึคึก!


> …อา แล้วคุณมีธุระอะไร?


ไม่มีสตรีที่ไหนชอบผู้ชายหลงตัวเอง ไร้มิตรก็เช่นกัน ความประทับใจแรกไม่ค่อยดีนัก เกรงว่า สนทนาต่อไปรังแต่จะเกิดความเหนื่อยหน่าย


เมื่ออาการตื่นเต้นลนลานของอีกฝ่ายลดลง ลอเอลรีบเข้าประเด็นทันที


> พวกเรากำลังรับสมัครพลปืนใหญ่


> ค่ะ… เข้าใจแล้ว… อ…เอ๋!? พลปืนใหญ่? กิลด์โอเวอร์เกียร์เนี่ยนะ? ทำไมกัน?


> พวกเราขาดแคลนกำลังคน


> แต่กิลด์โอเวอร์เกียร์คัดเลือกเฉพาะอัจฉริยะหัวกะทิเข้าร่วม แต่คลาสพลปืนใหญ่มันขยะเปียก…


> ขยะเปียก… ไม่ใช่เลยสักนิด พลปืนใหญ่คือสิ่งที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ขาดแคลนมาก


> นี่เป็นการต้มตุ๋นรูปแบบใหม่รึไง?


> ไม่ใช่


> …


นั่นสินะ… คงไม่ใช่การต้มตุ๋น


ฝ่ายต้มตุ๋นจะได้อะไร? ถ้าต้องเสียวเวลาสนทนากับผู้เล่นกระจอกคลาสขยะเปียกอย่างเธอ


ลอเอลอธิบายต่อ


> บริเวณชายแดนจักรวรรดิจะมีหมู่บ้านร้างซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าอัล เดินทางไปที่นั่นและส่งข้อความเสียงหาฉัน แล้วจะส่งคนไปรับทันที


***


ขั้นตอนการผลิตปืนใหญ่โอเวอร์เกียร์กำลังไปได้สวย แต่ลอเอลกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าสถานหนัก


ในการออกแบบปืนใหญ่ กริดหลงลืมสิ่งสำคัญไป… นั่นคือจำนวนพลปืนใหญ่


ในฐานะอาณาจักรที่ขึ้นชื่อด้านเซตกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก ทหารส่วนใหญ่จึงถูกฝึกฝนให้ทำการศึกในรูปแบบพื้นฐาน ประกอบด้วยพลโล่ พลหอก และพลธนู


พลปืนใหญ่คือสิ่งที่ถูกมองข้ามมาตลอด


กวาดสายตามองทั่วทั้งอาณาจักร พลปืนใหญ่ที่เรียกใช้งานได้ทันทีมีไม่ถึงหนึ่งร้อยคน และมิได้อยู่ในระดับเก่งกาจ


สาเหตุสำคัญคือ การฝึกซ้อมพลปืนใหญ่ต้องสิ้นเปลืองกระสุนจำนวนมาก และนั่นหมายถึงเงินคงคลังอาณาจักร กริดจึงหลีกเลี่ยงมาตลอด


‘น้อยเกินไป’


ด้วยพลปืนใหญ่หนึ่งร้อยคน จะมีปืนใหญ่พร้อมใช้งานเพียง 33 กระบอกเท่านั้น


จำนวนปืนใหญ่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป เพราะไม่ใช่เพียงกริดที่สร้างได้ แต่ยังมีช่างฝีมือจากทั่วทั้งอาณาจักร


หากคำนึงถึงเหล็กนิลในท้องตลาด ปืนใหญ่โอเวอร์เกียร์หลายสิบหลายร้อยกระบอกจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า


ดังนั้น สิ่งที่ขาดแคลนคือพลปืน


ความคิดแวบแรกในหัวลอเอลคือ ‘ผู้เล่น’


มันรีบเปิดตารางอันดับแรงค์ผู้เล่นพลปืนใหญ่ โดยเลือกแสดงเฉพาะท็อป 100 คนแรก


แล้วลอเอลก็ได้พบความจริงอันน่าตกตะลึง


‘แรงค์หนึ่งมีเลเวลแค่ 180…’


ส่วนแรงค์ 100 มีเลเวลเพียง 113


ลอเอลรู้สึกเหมือนกับ… กำลังได้อ่านตารางอันดับเลเวลจากห้าปีก่อน


‘คลาสพลปืนใหญ่ถูกหยุดเวลาไว้รึไง?’


ลอเอลผุดความคิดใหม่ทันที


สมองกำลังประมวลผล ข้อความเชิญเพื่อนถูกส่งไปยังผู้เล่นคลาสพลปืนใหญ่ทั้งหนึ่งร้อยคน ไล่เรียงตั้งแต่แรงค์หนึ่งอย่าง ‘ไร้มิตร’ จนไปถึงแรงค์ร้อยอย่าง ‘บาซูก้า’


เพียงพริบตา ลอเอลได้เปิดโลกทัศน์ใหม่


หากออนไลน์ พลปืนทั้งร้อยคนจะตอบรับคำเชิญเพื่อนในพริบตา


ราวกับ… กลุ่มคนที่โหยหาความอบอุ่น


“นี่มัน…”


เดิมที มันเคยคิดจะต้อนรับเหล่าพลปืนใหญ่ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่ล่อตาล่อใจ เพราะอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เป็นฝ่ายเข้าหาก่อน จึงต้องทุ่มทุนโน้มน้าวใจอย่างเหมาะสมให้ย้ายฝ่าย


ทว่า ความคิดดังกล่าวถูกเก็บเข้ากรุรวดเร็ว


ลอเอลเพียงชวนเข้ากิลด์ตามธรรมดา มิได้เสนอสิ่งแลกเปลี่ยนใดให้อีกฝ่ายเลย


และแทบจะในพริบตาเหมือนเดิม ที่ทุกคนตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงว่า ‘ตกลง’ โดยไม่ตัดสินใจให้เนิ่นนาน


‘คงถึงเวลาตั้งกิลด์ที่สี่แล้ว’


และชื่อของมันต้องเป็น…


กิลด์โอเวอร์เกียร์หน่วยปืนใหญ่


“แต่ปัญหาอยู่ที่ จะเอาใครไปบริหารกิลด์…”


บุคคลที่จะต้องปกครองผู้เล่นท็อปร้อยแรงค์พลปืนใหญ่ ลอเอลมองว่า หน่วยปืนใหญ่จะเป็นกำลังสำคัญกับสงครามในอนาคต ผู้นำที่ดีและมีความสามารถคือสิ่งที่ขาดไม่ได้


‘เวทีหลักของพลปืนใหญ่คือสนามรบ ดังนั้น ต้องเป็นคนที่เจนสงครามมาก ต้องอ่านทิศทางและกระแสสงครามออก หน่วยปืนใหญ่เคลื่อนที่ได้ช้ากว่าปรกติ จึงต้องเป็นคนที่หลบเลี่ยงความสนใจเก่ง…’


ผู้ที่ตัดสินใจได้เร็ว ฉลาด และวิสัยทัศน์กว้างขวาง แถมต้องอ่านทางลมได้ดี…


มีใครบ้างที่เข้าเงื่อนไขเหล่านี้?


หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ลอเอลได้ข้อสรุป


“…ไม่มี”


กิลด์โอเวอร์เกียร์ประกอบด้วยอัจฉริยะหลายแขนง คนเหล่านั้นมักโอหัง ทระนงตัวเอง และมีนิสัยเห็นแก่ตัวเล็กน้อยตามประสาแรงเกอร์


อย่างน้อยก็ในหมู่สมาชิกระดับขุนพล ไม่มีใครที่เหมาะสมจะเป็นหัวหน้ากิลด์หน่วยปืนใหญ่


“คงช่วยไม่ได้”


ต้องให้โทบันรับหน้าที่นี้ไปก่อน ในฐานะอดีตรองหัวหน้ากิลด์เซดากาห์ผู้เคยบริหารเมืองไบรัน โทบันมีคุณสมบัติใกล้เคียงที่สุดแล้ว


ด้วยฐานะพาลาดินเจนศึก และด้วยหน้าที่ตัวแทงค์หลักของกิลด์ โทบันจึงมีมุมมองการรบที่ดี มีทักษะช่วยปกป้องหน่วยปืนใหญ่ได้


จากการประเมินของลอเอล ยังไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าโทบัน


‘คงต้องศึกษาสมาชิกหน้าใหม่ให้มากขึ้น’


กิลด์โอเวอร์เกียร์


กิลด์โอเวอร์เกียร์แรงงานทาส… ไม่สิ กิลด์สอง


และกิลด์โอเวอร์เกียร์เงา


ปัจจุบัน โอเวอร์เกียร์แบ่งออกเป็นสามกิลด์ สมาชิกรวมทั้งสิ้น 913 คน ลอเอลอาจจดจำใบหน้าได้ทุกคน รู้ว่าแต่ละคนเป็นคลาสอะไร และทราบถึงความสามารถพื้นฐานเล็กน้อย


แต่มันมิได้เจาะลึกไปถึงปูมหลัง หรือลักษณะนิสัยส่วนตัว


ข้ออ้างยอดฮิตก็คือ… ไม่มีเวลา


สำหรับสมาชิกเก่า ลอเอลอาจคุ้นเคยและทราบรายละเอียดเชิงลึก แต่ไม่ใช่กับสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมได้ไม่กี่เดือน


กริดเองก็ไม่ต่าง แถมรายนั้นอาจเลวร้ายกว่า


อย่างน้อยลอเอลก็ยังจดจำในหน้า ชื่อ และคลาสของทุกคนได้ เพราะมันเป็นผู้อนุมัติรับเข้าด้วยตัวเอง แต่กับกริดนั้น… เกรงว่า แม้แต่ภายในกิลด์หลักก็อาจจำหน้าพวกพ้องได้ไม่หมด


นี่คือเวลาเหมาะสมที่ต้องสะสางเรื่องดังกล่าว ลอเอลไตร่ตรองภายในใจ


‘หากต้องรับมือการศึกภายนอก อย่าได้ละเลยบุคคลภายในเด็ดขาด’


ลอเอลรีบมุ่งหน้าไปยังโรงเหล็กหลวง


กริดและช่างเหล็กช่างฝีมือกำลังก้มหน้าผลิตลำกล้องปืนที่มีขนาดใหญ่กว่าตัว


“ฉันได้ยินมาว่า นายตัดสินใจจะรับพลปืนใหญ่เข้ากิลด์เพิ่มใช่ไหม? คงเหนื่อยหน่อยนะ”


ประสาทสัมผัสของหมอนั่นพัฒนาขึ้นอีกแล้วหรือ? ลอเอลมีอันต้องทึ่ง เมื่อกริดกล่าวทักทายทันทีที่มันเดินเข้าโรงเหล็ก ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าสร้างปืนใหญ่ภายใต้บรรยากาศอึกทึกครึกโครม


“คึคึคึก! สมกับเป็นบุคคลที่กระหม่อมเลือกมอบชีวิตให้!”


ลอเอลปิดหน้าพลางหัวเราะไหล่สั่น


กริดเลือกที่จะเมินเฉย… ประสบการณ์ได้สอนเขาว่า หากลอเอลอาการกำเริบ ให้อยู่เฉยไว้และปล่อยผ่าน เพียงไม่นานก็จะหายไปเอง


แล้วก็เป็นเช่นนั้น


“แฮ่ม! กระหม่อมคิดว่าเราควรสร้างกิลด์ที่สี่”


ลอเอลกระแอมหนึ่งครั้งด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนจะเข้าเรื่องโดยไม่อ้อมค้อม


“เพราะพลปืนใหญ่ที่เพิ่งรับสมัครมาใช่ไหม?”


“ถูกต้อง”


“ไม่มีปัญหา สร้างได้เลย”


“แล้วก็ กระหม่อมจะจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสสร้างกิลด์ที่สี่”


“…งานฉลอง?”


พวกเราอยู่ในสงคราม จะเอาเวลาที่ไหนไปเฉลิมฉลอง?


ลอเอลแสยะยิ้ม ก่อนจะอธิบายต่อ


“เมื่อถึงเวลานั้น สมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์ทุกคนจะรวมตัวที่เรย์ดันเพื่อจัดงานแสดงพลุไฟ”


“นายจะแสดงให้จักรวรรดิเห็นว่าพวกเราไม่ได้ตึงเครียดในภาวะสงคราม?”


“ถูกต้อง เป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาชนิดหนึ่ง กองทัพจักรวรรดิจะเสียขวัญและตัดพ้อ หากได้เห็นพวกเราจัดปาร์ตี้อย่างสนุกสนานระหว่างสงคราม”


“ตกลง ไม่มีปัญหา”


ถ้าบอกว่าเป็นงานฉลอง ก็ต้องมีกิจกรรมรื่นเริงและมหรสพสินะ จะหามาจากไหน…


ขณะกริดกำลังจินตนาการไปไกล ลอเอลกล่าวในสิ่งที่คาดไม่มีใครคาดคิด


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,399

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. กล่าวอะไร​ อะไรไม่คาดคิด
    ???
    ขอบคุณ​ครับ​😁

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00