จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 599



    "ทั้ง 15 อาณาจักรยกเว้นจักรวรรดิล้วนส่งทูตเข้าร่วมงานงั้นรึ"

    พวกมันปฏิเสธคำเชิญ  แต่เหตุใดกลับส่งตัวแทนเข้าร่วม 
    สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างมีท่าทีแข็งกร้าวเมื่อได้ทราบข่าว

    "ทำตามอำเภอใจแบบนี้  พวกมันไม่เห็นหัวกันเลยสักนิด!"

    "ถึงจะน่ารังเกียจ  แต่สถานการณ์ก็ไม่เลวร้ายนัก  การที่พวกมันส่งตัวแทนร่วมพิธี  ย่อมหมายถึงต้องการเจรจาในบางสิ่ง"

    "ไม่น่าเป็นไปได้...  หรือนายกำลังจะบอกว่า  พวกมันยอมรับโอเวอเกียร์ให้เป็นอาณาจักรแล้วงั้นรึ"

    "เหตุใดถึงเปลี่ยนท่าทีเร็วเช่นนี้"

    "ในอนาคต  โอเวอร์เกียร์จะยิ่งใหญ่ไม่แพ้จักรวรรดิ  พวกมันต้องเล็งเห็นจุดนี้แน่  จึงพยายามทำดีกับเราให้มากยังไงล่ะ  ฮุฮุฮุ!"

    "พวกมันตระหนักถึงความสุดยอดของก็อดกริดแล้วสินะ!  ฮุฮ่าฮ่าฮ่า!"

    ยิ่งบทสนทนาดำเนินไป  บรรยากาศก็ยิ่งชื่นมื่น
    ความเห็นในเชิงบวกของพีคซอร์ดเริ่มทำให้ทุกคนคล้อยตามอย่างน่าประหลาด

    ลอเอลถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดเพื่อราดน้ำเย็นใส่ทุกคน
    "นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกนะ  เชื่อฉันสิ  พวกมันจะปฏิเสธเราจนถึงที่สุด"
    
    "เอ๋... แล้วเช่นนั้นจะส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีทำไม"

    "ฮุฮุ  ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว  และตัวฉันที่จุติใหม่ในชาตินี้ก็รับรู้ถึงเจตนาของพวกมันชัดเจน 100% แล้ว... แต่ช่างเถอะ  เพราถึงพวกมันพยายามก่อปัญหามากมายเพียงใด  แต่รับประกันว่าไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน...  กลับกัน  นี่ถือเป็นโอกาสอันดี"

    "..."

    ลอเอลกำลังมีความสุข
    สายตาของเขาชั่วร้ายประหนึ่งอสรพิษจดจ้องเหยื่อ : ทูตจากทั้ง 15 อาณาจักร

    ***

    ราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากทูตอาณาจักรเก๊าส์มาถึง
    ตัวแทนจากอีก 14 อาณาจักรที่เหลือต่างกำลังรวมตัวกันในจุดนัดพบของวังหลวงไรน์ฮาร์ท    
    บารอนคิวดันแห่งอาณาจักรเมอร์เร่แสดงท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย
    
    "คนเยอะกว่าที่คิดไว้แฮะ"

    วังหลวงไรน์ฮาร์ท  สถานที่จัดพิธีก่อตั้งอาณาจักร  คราค่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
    ไม่ว่าจะกวาดสายตามองไปทางใดล้วนมีผู้คนดาษดื่นเต็มไปหมด  
    เหตุใดถึงเนืองแน่นนัก  ทั้งที่เป็นเพียงราชวงศ์ไร้หัวนอนปลายเท้า  ไร้ประวัติศาสตร์
    เป็นที่สิ่งผิดคาดพวกมันมาก
    เมื่อเห็นบารอนคิวดันงุนงง  ตัวแทนจากอาณาจักรอุลทาน่าพลันยักไหล่

    "ก็แค่จัดฉากกระมัง  ลองดูใบหน้าคนเหล่านั้นให้ดีสิ  ไม่มีใครเลยสักคนที่โด่งดัง"

    "นั่นสินะ..."

    รอบตัวพวกมัน  ไม่มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่ปรากฏให้เห็นแม้แต่ผู้เดียว
    ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น  เพราะสถานที่จุดนี้  คนที่มารวมตัวกันส่วนใหญ่จะเป็นพิธีกรและทีมงานของสถานีโทรทัศน์เสียมาก  พวกเขาจะมีเลเวลเฉลี่ยที่น้อยและค่าชื่อเสียงต่ำ  
    ในสายตา NPC ขุนนางระดับสูง  คนเหล่านี้มิต่างจากมดปลวก

    "บารอนคอนส์ที่มาถึงก่อนหน้า  บัดนี้ไปไหนเสียแล้ว"

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น  อัศวินคนหนึ่งที่สวมเกราะสีดำหรูหราได้เดินเข้ามาหากลุ่มของทูตเพื่ออธิบาย

    "ท่านบารอนคอนส์รู้สึกไม่สบายตัว  ตอนนี้จึงพักผ่อนอยู่ที่ห้องรับรอง  พวกท่านมีสิ่งใดให้กระผมรับใช้รึไม่"

    "หืม... ไม่เป็นไร  เชิญตามสบาย"

    ชุดศึกของอัศวินผู้นี้หรูหราอลังการเหนือคำบรรยาย  รวมถึงอาวุธที่แนบตรงเอว

    "ฉันเคยคิดว่าพวกมันจะอับจนกว่านี้เสียอีก  เงินส่วนใหญ่น่าจะหมดไปกับการจัดพิธีเปิดแล้วไม่ใช่รึ"

    "อาณาจักรโอเวอร์เกียร์... มีความมั่งคั่งไม่เลวทีเดียว"

    "จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร  นี่คงแค่จัดฉาก  ชุดเกราะเหล่านั้นมีไว้สวมเพื่อหลอกตาแขกร่วมงาน  มิได้สำหรับใช้ทำศึก"

    "แต่มีอัศวินสวมเกราะดำหรูหราอยู่เต็มไปหมด..."

    "..."

    ทูตทั้ง 14 คนต่างกวาดสายตามอง  
    จำนวนอัศวินเดินขวักไขว่ในงานมีมากราวหนึ่งพันคนเห็นจะได้
    นับเป็นจำนวนที่น่าตกตะลึง

    'ได้ยังไง... แม้แต่จักรวรรดิก็ยังไม่มีอัศวินมากขนาดนี้'

    เกิดเป็นบรรยากาศเงียบงันอยู่พักใหญ่  
    จนกระทั่งบารอนบริเทนแห่งอาณาจักรอาร์คโพล่งขึ้นด้วยร่างกายสั่นระริก

    "หรือว่า… กริด... เจ้านั่นชั่วช้านัก!"

    "หมายความว่ายังไงรึ"

    "ลองนึกดูให้ดีสิ  อาณาจักรหนึ่งจะมีอัศวินมากมายเช่นนี้ได้อย่างไรหากไม่ใช่เพราะทรมาณผู้คน  อัศวินทั้งหนึ่งพันต้องเกิดจากการฝึกทรมาณประชาชนจำนวนมากแน่!  คนเช่นกริดแย่ยิ่งกว่าพวกวัวควายเสียอีก!"

    "หืม..."

    จะร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ... ทูตบางคนไม่เห็นด้วย
    ขณะเดียวกัน  บารอนคิวดันกำลังเดือดดาลสุดขีด

    "ไอ้ปีศาจชัด!"

    ชายผู้ทรยศอาณาจักรและกษัตริย์ของตน  แถมยังกดขี่ทรมาณประชาชน
    เป็นปีศาจชั่วร้ายของแท้
    อาณาจักรที่มีคนเช่นนี้ปกครอง  ย่อมไม่มีวันได้พานพบความสงบสุข
    ปล่อยให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด  บารอนคิวตันพลันเลื่อนมือลงไปจับดาบที่เอว

    'เพื่อความสงบสุขของทวีป... เราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!'

    จิตสังหารดาบของบารอนคิวดันทรงพลังยิ่ง  
    มากพอจะทำให้ผู้คนรอบกายรู้สึกเย็นสันหลังวาบ
    ทูตจากอาณาจักรอื่นต่างนึกชื่นชมในใจ

    'จิตสังหารดาบยอดเยี่ยมมาก  สมแล้วที่เป็นราชสีห์แห่งเมอร์เร่'

    บารอนคิวดันโด่งดังจากเหตุการณ์เอาชนะอัศวินทมิฬแห่งจักรวรรดิแบบหนึ่งต่อสอง  
    มันคือชายผู้ซื่อตรงเกินไปจนทำให้หน้าที่การงานไม่ก้าวหน้า  
    ถึงกระนั้นวิชาดาบของมันก็มิใช่สิ่งที่ผู้ใดสามารถดูแคลน  ฉายาราชสีห์แห่งเมอร์เร่มิได้มาเพราะโชคช่วย
    ขณะทุกคนกำลังชื่นชม

    "เก็บจิตสังหารดาบนั่นซะ"

    "..."

    ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหาบารอนคิวดัน

    "แผ่จิตสังหารดาบทำไม...  หากเป็นทูตจริงล่ะก็  ควรรู้จักมารยาทพื้นฐานไว้บ้าง...  ของแค่นี้ก็ไม่รู้รึไง"

    ทหารผมบลอนด์ปริศนา  เขากำลังสวมเกราะหนังเก่าซอมซ่อ
    เพียงทหารนิรนามผู้นี้ใช้นิ้วแกะเกา  ราวกับหนังของชุดเกราะแทบฉีกขาดหลุดลุ่ยออกจากกัน
    อาณาจักรโอเวอร์เกียร์... การปฏิบัติตัวต่ออัศวินและทหารช่างต่างราวฟ้ากับเหว

    'มันนี้คือทหารแนวหน้าในสนามรบสินะ  มิใช่อัศวินสูงศักดิ์... กริดเอาคนแบบนี้มาร่วมพิธีทำไมกัน'

    เหล่าทูตต่างพากันเย้ยหยันกริดในใจ
    ทว่า... บารอนคิวดันกลับหน้าถอดสี

    'ชายคนนี้เป็นแค่ทหารจริงหรือ...'

    ทหารปริศนาผมบลอนด์ในชุดเกราะเก่าโทรม  มองผิวเผินภายนอกจะไม่ต่างจากทหารเลวทั่วไป
    เทียบกับอัศวินทมิฬที่มันเคยสู้ด้วย  ทหารเลวย่อมมิต่างจากมดปลวก  
    ทว่า  เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนผู้นี้  มันกลับมิอาจหยั่งรู้ตื้นลึกหนาบางได้เลย  
    จิตสังหารดาบที่บารอนคิวดันเคยภาคภูมิใจกลับถูกสะกดจนหมองลงถนัดตา

    'อึก...! ทำไมพลทหารถึงน่าเกรงขามเยี่ยงนี้...'

    บารอนคิวดันพลันขนลุกซู่
    หากพลทหารยังแข็งแกร่ง  นับประสาอะไรกับอัศวินนับพันที่ยืนรายรอบ!

    อึก...!

    บารอนคิวดันยืนแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้นหิน

    "กล้าเสียมารยาทต่อหน้าท่านบารอนเชียวรึ!"

    "พวกเราคือนักรบของมหาอาณาจักรเมอร์เร่เชียวนะ!"

    อัศวินของบารอนคิวดันต่างเดือดดาลและเริ่มชักดาบ
    ขณะที่พวกมันกำลังจะโจมตีใส่ทหารผมบลอนด์  บารอนคิวดันรีบส่งเสียงห้ามปราม

    "ห--หยุด!"

    หากเกิดการโจมตีขึ้น  พวกมันทุกคนต้องตายที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย
    แถมอาจยังต้องตายด้วยน้ำมือพลทหาร!  
    ทันใดนั้น  บารอนคิวดันรีบกุมท้องและล้มทรุดกับพื้น

    "อ--โอ้ย!  จู่ๆ ก็ปวดท้อง... เกิดอะไรขึ้นกับตัวฉัน!"

    "น--นายท่าน"

    อัศวินของบารอนคิวดันต่างพากันกระอักกระอ่วน  
    สุขภาพร่างกายของบารอนคิวดันแข็งแรงขนาดไหน  มีหรือพวกมันจะไม่รู้
    จึงน่าประหลาดมากที่ชายคนนี้จะปวดท้องกระทันหัน
    บารอนคิวดันรีบพูดตัดบทเพื่อมิให้อัศวินของตนเสียมารยาทกับทหารผมบลอนด์

    "รีบพาฉันกลับอาณาจักรเร็วเข้า!  ต้องเป็นเพราะเนื้อตากแห้งที่กินเข้าไประหว่างทางแน่!"

    "ต--แต่พระราชโองการของฝ่าบาท..."

    "จ--เจ็บบ!!  รีบพาฉันกลับเร็วเข้า!"

    "ข--ขอรับ!!"

    อัศวินของบารอนคิวดันรีบพยุงมันกลับไป   
    นี่คือวินาทีที่ทูตของอาณาจักรเมอร์เร่หนีกลับไปและไม่มาเหยียบไรน์ฮาร์ทอีกเลย

    "จะไปไหน!  บารอนคิวดัน!"

    "เห... เกิดอะไรขึ้น"

    เหล่าทูตที่เหลือต่างฉงนหนัก  
    บารอนคิวดันกลับไปโดยที่ยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเลยสักนิดเดียว

    'ไม่สมกับเป็นอาณาจักรเมอร์เร่ที่เคร่งครัดกฏระเบียบเลยแฮะ'

    เหล่าทูตต่างเย้ยหยันบารอนคิวดันที่รีบกลับก่อนพิธีจะเริ่ม
    พวกมันตัดสินใจว่าจะไม่ยอมรับในตัวอาณาจักรเมอร์เร่อีก

    กลับกัน  บารอนคิวดันมีสีหน้าซีดเผือดขณะเดินทางออกจากไรน์ฮาร์ท
    
    'ต้องรีบแจ้งฝ่าบาทโดยเร็ว... พวกเราต้องเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์!'

    ชายที่ชื่อกริดผู้นี้อาจมีพลังอำนาจไม่แพ้องค์จักรพรรดิก็เป็นได้...
    แม้อาจมีพื้นฐานเป็นกบฏ  แต่สิ่งที่คำสัญเหนือสิ่งอื่นใดในโลกซาทิสฟายคือพลัง
    บารอนคิวดันต้องจับกระแสทิศทางอนาคตให้ถูก

    ***

    "อะไรนะ  ทูตของเก๊าส์ก็กลับไปแล้วงั้นรึ!"

    สองจาก 15 กลับไปแล้ว
    ทูตจาก 13 อาณาจักรที่เหลือต่างสับสน

    "เป็นทูตประสาอะไรถึงกลับก่อนทำภารกิจลุล่วง"

    "บารอนคอนส์และบารอนคิวดันช่างไร้ความรับผิดชอบยิ่งนัก"

    "แสดงให้เห็นว่ากษัตริย์พวกมันไม่น่าเกรงขามมากพอ"

    บารอนเพติก้าคือทูตจากอาณาจักรอุลทาน่า  ฉายาของมันคือ <บารอนแวมไพร์>
    สืบเนื่องจากมันได้รับแหวนแวมไพร์  จากการสังหารแวมไพร์ระดับกลางที่ปรากฏตัวในดินแดนตนเอง
    นับแต่นั้น  ชื่อเสียงของมันก็โด่งดังมากในฐานนะนักรบผู้ไม่มีวันตาย  การโจมตีของเพติก้าจะดูดกลืนพลังชีวิตของศัตรูมาเป็นของตน  มีข่าวลือว่า  มันไม่เคยพ่ายแพ้ใครมาก่อนในการดวล
    มันเย้ยหยันว่าบารอนคอนส์และบารอนคิวดันเป็นพวกขี้ขลาด

    'พวกมันเผ่นหากจุดตูดเพียงเพราะเห็นอัศวินจำนวนพันคนสินะ'

    ไอ้ขี้ขลาดสองคนนั้นคงคิดว่า  หากร้องขอให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถวายบรรณาการซึ่งหน้า  พวกมันคงไม่แคล้วถูกอัศวินทั้งหนึ่งพันรุมกุดหัวในทันที

    'น่าสมเพช... เป็นถึงทูตของอาณาจักร  ก็ควรเทิดทูนภารกิจไว้เหนือชีวิต  มิควรนำความหวาดกลัวมาเป็นปัจจัยละทิ้งหน้าที่... จุ๊จุ๊'

    อันที่จริง  บารอนเพติก้าก็รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย  
    ภารกิจคราวนี้อาจมอบความดีความชอบให้มหาศาล  แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงที่อาจถูกอัศวินทั้งหนึ่งพันรุมโจมตี
    ถึงกระนั้น  มันก็มิได้กังวลถึงความตาย
    
    'เรามีแหวนแวมไพร์ซะอย่าง'

    แหวนที่ได้รับจากการล่าแวมไพร์ระดับกลางที่อาละวาดในดินแดนของตน
    บารอนเพติก้าเชื่อมั่นว่า  ด้วยแหวนแวมไพร์ที่มันถือครอง  ตนสามารถรอดชีวิตจากวงล้อมอัศวินทั้งพันคนได้

    "ฮุฮุฮุ... หือ...!"

    ขณะบารอนเพติก้ากำลังลูบแหวนในมืออย่างทะนุถนอม  สีหน้ามันพลันกระตุกเล็กน้อย

    "พวกเรามีกิจกรรมใดต้องทำร่วมกันหลังจากจบพิธีรึเปล่า"

    "มีสิ... ตั้งปาร์ตี้เคลียร์เมืองแวมไพร์ไง"

    "อีกแล้วหรือ... พวกแวมไพร์กระจอกฉิบ  น่าเบื่อมาก  แถมค่าประสบการณ์ก็น้อยนิด"

    "แต่ก็เป็นวันที่ดีนะ  ทุกคนอยู่พร้อมหน้าเช่นนี้  พาเด็กกิลด์รองไปเก็บเลเวลสักหน่อยเป็นไรไป"

    "นั่นสินะ... มาพยายามให้เต็มที่กันเถอะ"

    "คงสนุกกว่านี้ถ้าลองไปเมืองใหม่ที่ยังไม่เคยเคลียร์มาก่อน"

    "..."

    ตั้งปาร์ตี้ล่าแวมไพร์... 
    แวมไพร์อ่อนแอเกินไป...

    'พวกมันกำลังพล่ามสิ่งใดอยู่!'

    บารอนเพติก้าแสยะยิ้มเหยียดหยันให้กับกลุ่มคนที่เพิ่งเดินผ่านไป
    มันมองว่า  คนเหล่านี้ทำเป็นคุยโวโอ้อวดใหญ่โต
    เพติก้าเคยคิดเช่นนั้นจนกระทั่งได้เห็นแหวนที่แต่ละคนสวมอยู่

    "ฮ--เฮ้ย..."

    บารอนเพติก้าแทบไม่เชื่อสายตา
    กลุ่มคนหลายสิบ  รวมถึงชายหัวล้านที่พูดจาอวดโอ่เสียงดัง  ทั้งหมดล้วนสวมแหวนแวมไพร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าของมัน
    บารอนเพติก้าอ้าปากค้างอย่างตะตกลึง  จากนั้น  มันรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปถามชายหัวล้าน

    "ขออภัยที่เสียมารยาท... แต่ขอถามหน่อยได้รึไม่ว่า  พวกท่านเป็นใครกัน  และมาทำอะไรที่นี่"

    อึก...

    บารอนเพติก้าถามเสียงสั่นอย่างประหม่า 
    ชาวหัวล้านหันมาตอบ

    "หืม... พวกเราล้วนเป็นบริวารของกริด  ย่อมต้องเข้าร่วมพิธีอยู่แล้ว...  ถามทำไมรึ"

    "...อ--เอ่อ... แย่จังเลยแฮะ  โรคโลหิตจางดันกำเริบเสียได้...  น่าแปลกจัง"

    ลงเอยด้วย  ทูตจากอาณาจักรอุลทาน่าเดินทางกลับไปอีกคน

    "..."

    เหล่าทูตทั้ง 12 ที่เหลือต่างไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
    พวกมันหลวมตัวเข้าร่วมพิธีเปิดโดยไม่ตระหนักถึงชะตากรรมที่รออยู่

Comments

  1. ช่างน่าสงสาร 😂😂

    ReplyDelete
  2. แต่ละคน สงสารเค้านะครับแบบนี้ป่วยกระทันหันทุกราย😂😂

    ReplyDelete
  3. แล้วทูตเหล่านั้นก็ไม่เคยได้ก้าวออกมาจากประตูอีกเลย

    ReplyDelete
    Replies
    1. ไม่มีอาณาจักรใดที่จะลงมือกับทูตของอาณาจักรอื่น ยกเว้นการดวลตัวต่อตัว ถ้าจำไม่ผิดนะ

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00