จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 597
กริดทำลายอาณาจักรอีเทอนัลและก่อตั้งอาณาจักรใหม่ขึ้น
จักรพรรดิฮวนเดอร์ย่อมได้รับรายงานฉบับนี้แล้ว แต่มันก็เลือกไม่ใส่ใจ
นี่คือทัศนคติของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่จะไม่ชายตามองความเป็นไปของมดปลวก
กริดสืบทอดพลังของตำนานและเริ่มสร้างชื่อเสียงทีละนิดทั่วทวีป
แต่สิ่งนี้มิได้สลักสำคัญ ภายในจักรวรรดิยังมีอัจฉริยะที่เก่งกาจเทียบเท่าหรือยิ่งกว่ากริดมากมายเกินนับไหว
ฮวนเดอร์ไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับศัตรูที่กำลังจะทำลายตนเองในไม่ช้า
"นั่นคือสิ่งที่ฝ่าบาทตรัส"
องค์ชายลำดับหนึ่ง โรแลนด์ มันแสยะยิ้ม
เมื่อองค์ชายลำดับสอง ดูรันดัล แลเห็นว่าชาในถ้วยโรแลนด์หมดลง มันจึงหันไปส่งสัญญาณให้สาวใช้พร้อมกับเอ่ยปากถามผู้เป็นพี่
"ท่านพี่มีความเห็นเช่นไรบ้าง... พวกเราควรปล่อยกริดไปงั้นหรือ"
โรแลนด์ยกถ้วนชาที่สาวใช้เพิ่งเติมเต็มขึ้นจิบ จากนั้นก็ผงกศีรษะ
"ฉันรู้ว่าพลังของตำนานมีศักยภาพเหนือมนุษย์ทั่วไป แต่ก็เท่านั้น ลำพังกริดตัวคนเดียวอิอาจต่อต้านจักรวรรดิซาฮารันที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราได้แน่"
"ภายในจักรวรรดิ สิ่งมีชีวิตเหนือมนุษย์มีอยู่มากมายเต็มไปหมด"
"ไม่เพียงเท่านั้น กริดคือกบฏ ไม่มีทางที่ราชวงศ์ของอาณาจักรข้างเคียงจะยอมรับในตัวกริดแน่ พวกมันไม่มีทางยอมรับกบฏที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามราชวงศ์"
"การยอมรับกริดจะเท่ากับปลูกฝังความคิดกบฏให้ประชาชน ดังนั้น อาณาจักรข้างเคียงคงมีแผนคว่ำบาตรและรอให้กริดทำลายตัวเอง"
"ใช่แล้ว พวกมันจะปิดกั้นกริดทุกวิถีทาง และคอยจับตามองทุกฝีก้าว อาณาจักรใหม่ของกริดจะทำลายตัวเองในไม่ช้า"
องค์ชายลำดับหนึ่ง โรแลนด์ และองค์ชายลำดับสอง ดูรันดัล พวกมันคือบุตรชายของจักรพรรดินีอาเรีย หญิงงามผู้ล่วงลับไปเมื่อหกปีก่อน
ในทางทฤษฏี พวกมันมีโอกาสครองบัลลังก์สืบต่อจากฮวนเดอร์มากกว่าใครทั้งหมด เนื่องด้วยความเป็นพี่ใหญ่และทักษะที่เก่งกาจหลากหลายด้าน
ทว่า หลายปีที่ผ่านมา อำนาจของพวกมันกลับตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย
สาเหตุเกิดจากคนโปรดของจักรพรรดิฮวนเดอร์ จักรพรรดินีแมรี่ เธอใช้พลังอำนาจกดดันสององค์ชายผู้พี่อย่างหนัก
ในระยะหลัง กระแสของจักรพรรดิคนต่อไปจึงตกอยู่ที่องค์ชายลำดับสี่ เอธาน
คนทั่วไปต่างลือให้แซดว่า ในไม่ช้า บุตรชายของจักรพรรดินีแมรี่จะได้รับแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท
***
หลังจากราชวงศ์อีเทอนัลล่มสลาย
นอกจากราชวงศ์ซาฮารันแล้ว ราชวงศ์ของอาณาจักรอื่นทั้ง 15 แห่งต่างมารวมตัวกันเพื่อนประชุมลับ
สถานที่ประชุมคืออาณาจักรเก๊าส์ ซึ่งอยู่ใกล้กับอีเทอนัลมากที่สุด
กษัตริย์แห่งเก๊าส์ คักทุส เปิดปากขึ้น
"ตัวเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่องค์ชายผู้สูงศักดิ์ของแต่ละอาณาจักรมารวมตัวกันที่นี่"
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับกษัตริย์คักทุสตัวเป็นๆ"
บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น เพราะทุกฝ่ายล้วนคิดแบบเดียวกัน
เหตุผลที่มารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อหารือว่า พวกมันจะจัดการกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์อย่างไรดี
"อาณาจักรที่ก่อตั้งโดยกบฏไม่มีทางสงบสุขแน่"
"ถูกต้อง พวกกบฏไม่ควรได้รับการยกย่อง พวกเราต้องทำให้ประชาชนคิดเช่นนั้น"
"อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องถูกทำลายโดยเร็ว"
"พวกเราควรเพิ่มแรงกดดันเข้าไป"
"แน่นอน ทุกอาณาจักรห้ามมีปฏิสัมพันธ์ทางการเมืองกับโอเวอร์เกียร์เด็ดขาด"
"ใช่แล้ว พวกเราต้องโดดเดี่ยวมัน อีกไม่นานก็คงทำลายตัวเองแน่"
องค์ชายแต่ละอาณาจักรเริ่มแสดงความเห็น
กษัตริย์คักทุสกำลังแสยะยิ้มชั่วในยามจ้องมองเหล่าองค์ชายด้วยสายตาเอ็นดู เป็นรอยยิ้มที่ดูคล้ายกับคางคกไม่มีผิด
"พวกเราต้องโดดเดี่ยวมัน... เอาอย่างนี้เป็นไง ให้ทั้ง 15 อาณาจักรส่งตัวแทนไปร่วมพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์"
"หืม..."
เหล่าองค์ชายต่างขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังข้อเสนอจากกษัตริย์คักทุส
"ในเมื่อพวกเราไม่ยอมรับมัน เหตุใดต้องส่งตัวแทนไปร่วมพิธีด้วยเล่า"
"จะให้เฉลิมฉลองงั้นหรือ"
เริ่มมีเสียงขัดแย้งมาจากฝั่งองค์ชาย
กษัตริย์คักทุสส่ายศีรษะ
"พวกเราจะส่งทูตไปป่าวประกาศว่า หากอาณาจักรใหม่ไม่ส่งบรรณาการให้กับพวกเราทุกฝ่าย พันธมิตร 15 อาณาจักรจะไม่ยอมรับการมีตัวตนของโอเวอร์เกียร์… แบบนี้เป็นอย่างไรบ้าง"
"โฮ่... น่าสนใจ"
"บีบบังคับให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องส่งบรรณาการสินะ..."
"นั่นจะยิ่งเร่งความเร็วทำลายตัวเองของพวกมัน! ฮ่าฮ่าฮ่า!"
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังกังวาลไปทั่วห้องประชุม
เหลือเวลาอีก 10 วันก่อนพิธีก่อตั้งอาณาจักรจะเริ่มขึ้น
***
เลวานฟิลด์
หมู่บ้านขนาดเล็กตั้งอยู่ไม่ไกลจากไรน์ฮาร์ทมากนัก รายล้อมด้วยภูเขาเกือบทุกทิศ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบราวหนูตาย
หากมองจากภายนอกจะเหมือนกับหมู่บ้านร่างไม่มีผิด
"อึ๋ย.... ด--ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย..."
ณ คลังเสบียงหมู่บ้านเลวานฟิลด์
ชาวบ้านกว่าสองพันคนกำลังนั่งร้องห่มร้องไห้ขอชีวิต
เอิร์ลโลแกนตวาดใส่
"หุบปาก! กษัตริย์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว! อาณาจักรกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วน แต่พวกแกกลับเอาแต่ห่วงชีวิตอันด้อยค่าของตัวเองงั้นรึ!"
เอิร์ลโลแกนกำลังโกรธจัด
ธงที่ปักอยู่ใจกลางหมู่บ้านเลวานฟิลด์มิใช่ธงมังกรเงิน หากแต่เป็นธงค้อนทั่ง
"ไอ้พวกสามัญชน...! หมู่บ้านนี้สนับสนุนกบฏให้ยึดครองอาณาจักร! พวกแกเองก็เป็นกบฏที่สมควรตาย!"
"อ--อึ๋ย...!"
เอิร์ลโลแกนชักดาบโดยหมายจะสังหารชาวบ้านเลวานฟิลด์ทุกคน
แต่มาร์ควิสเพตามันน์ห้ามไว้
"นายจะทำให้ดาบตัวเองทื่อลงก่อนถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์วันพรุ่งงั้นหรือ... อย่าได้ใส่ใจกับพวกสุกรนักเลย พวกมันยอมคุกเข่ากับทุกคนที่นำอาหารมาป้อนให้"
"มาร์ควิสเพตามันน์พูดถูก เหตุผลที่เรามาที่นี่มิได้เพื่อสังหารมดปลวก หากแต่เป็นการกอบกู้อาณาจักรคืนจากกบฏ"
"ฮึ่ม..."
เอิร์ลโลแกนชะงักดาบตามคำแนะนำของขุนนาง
เหล่าชาวบ้านต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก
มาร์ควิสเพตามันน์เอ่ยปากถาม
"ธงค้อนทั่งเป็นสัญลักษณ์ของเจ้ากบฏกริดงั้นหรือ"
"ช--ใช่แล้วขอรับ! เมื่อไม่กี่วันก่อน ทหารจากไรน์ฮาร์ทมาที่นี่พร้อมกับเปลี่ยนธงหมู่บ้าน--"
ทันใดนั้น
ฉัวะ!
เอิร์ลโลแกนที่กำลังจะเก็บดาบเมื่อครู่ บัดนี้เปลี่ยนใจฟาดดาบใส่ชาวบ้านคนดังกล่าวอย่างสุดแรง
ศีรษะชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายหลุดจากบ่าและกลิ้งตกไปชนเท้ามาร์ควิสเพตามันน์
เอิร์ลโลแกนขบกรามแน่นอย่างโกรธแค้น
"พวกแก...! ยอมรับธงของกบฏได้ยังไง!!"
"อ--อึ๋ย...!"
สีหน้าของชาวบ้านกำลังขาวซีด
พวกเขากำลังสับสนอย่างหนัก ทุกคนต่างไม่เข้าใจเลยว่า ความผิดของพวกตนคือสิ่งใด
กษัตริย์อีเทอนัล ผู้ไม่เคยทำคุณประโยชน์ใดให้เลย เอาแต่ขูดรีดภาษี แถมยังนำอาหารในคลังเสบียงหมู่บ้านไป
ความตายของมัน... เหตุใดพวกตนควรเสียใจ
เหตุใดพวกตนควรเกลียดฝ่ายกบฏที่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง
เหตุใดถึงเป็นความผิดของพวกตนที่ทหารกบฏมาเปลี่ยนธงตามใจชอบ
ชาวบ้านทุกคนถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีต่อผู้ปกครองแผ่นดินและขุนนาง
พวกเขาเพียงทำในสิ่งที่ถูกปลูกฝังมา
"อันที่จริง... ไม่ใช่ความผิดพวกเราสักหน่อยที่อาณาจักรต้องล่มสลาย! คนที่ควรกล่าวโทษมากที่สุดคือพวกแกต่างหาก! เป็นเพราะพวกแกไร้ความสามารถเองไม่ใช่รึไง!"
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งโพล่งขึ้นพร้อมกับกอดร่างไร้ศีรษะของบิดา
"แถมพวกเราก็เป็นประชาชนของอาณาจักร! มิใช่ปศุสัตว์! มิใช่มดปลวก!"
"แกนะแก!"
เอิร์ลโลแกนพลันดวงตาปูนโปนอย่างเดือดดาล
ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวราวกับปีศาจ
ขณะกำลังจะเหวี่ยงดาบอีกหน
"พอแค่นั้นแหละ"
ประตูคลังเสบียงเปิดออก เผยให้เห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
ร่างกายของเขาใหญ่โตกำยำเหมือนหมี
วินาทีที่คนผู้นี้ปรากฏตัว ออร่าความน่าเกรงขามได้แผ่ปกคลุมทั่วคลังเสบียง สะกดขุนนางและชาวบ้านลาเวนฟิลด์จนอยู่หมัด
"มาร์ควิสสไตม...!"
ชายผู้นี้อาศัยความกล้าบ้าบิ่นในการนำกองทัพตระเวนกวาดล้างมอนสเตอร์ดุร้ายบนดินแดนอันหนาวเหน็บ จนในที่สุดก็ได้ขึ้นเป็นใหญ่ในแดนเหนือ
การปรากฏกายของขุนนางทรงอิทธิพลได้ทำให้เหล่าขุนนางเด็กน้อยต่างหน้าซีด
ไม่เว้นแม้กระทั่งเอิร์ลโลแกน มันกำลังสับสนหนัก
มาร์ควิสสไตมกวาดสายตามองไปยังกลุ่มชาวบ้านด้วยสีหน้าผิดหวัง
"พวกนายนำประชาชนมาเกี่ยวข้องกับการเมืองทำไม... น่าละอายใจนักที่ต้องเป็นขุนนางร่วมอาณาจักร"
"อ...อะ!"
เอิร์ลโลแกนอ้ำอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะโพล่งขึ้นด้วยท่าทีเดือดดาล
"มาร์ควิสสไตม! แกมาที่นี่ทำไม!"
กบฏกริดคือบุตรเขยของมาร์ควิสสไตม
แถมมาร์ควิสสไตมยังนิ่งเฉยตลอดสงคราม ชายคนนี้ยืนมองอาณาจักรล่มสลายต่อหน้าต่อตาอย่างเลือดเย็น
เอิร์ลโลแกนมั่นใจมาก ว่ามาร์ควิสสไตมอยู่ฝ่ายกริดแน่นอน
ทว่า ขุนนางคนอื่นกลับคิดต่าง
"เอิร์ลโลแกน! ช่วยสำรวมต่อหน้ามาร์ควิสสไตมด้วย!"
"มาร์ควิสสไตมไม่มีวันทรยศอาณาจักร!"
มาร์ควิสไตมคือขุนนางที่โด่ดดังในด้านความจงรักภักดีต่ออาณาจักร
สาเหตุที่ชายคนนี้นิ่งเฉยระหว่างสงคราม ย่อมหมายความเขาไม่ได้เข้าร่วมฝ่ายกริด
มาร์ควิสเพตามันน์มั่นใจมาก ว่ามาร์ควิสสไตมจะร่วมมือกับพันธมิตรอดีตขุนนางเพื่อกอบกู้อาณาจักร มันจึงส่งจดหมายแจ้งให้มาร์ควิสสไตมทราบถึงจุดระดมพลคราวนี้
"ฉันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ว่าตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างมาร์ควิสสไตมจะเอนเอียงไปกับสิ่งเล็กน้อยเช่นสายสัมพันธ์สมรส ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ตอบรับคำเชิญ พวกเราจะร่วมกันลงโทษกริดและกอบกู้อาณาจักรอีเทอนัลกลับมาอีกครั้ง"
"..."
มาร์ควิสเพตามันน์ยื่นแขนออกไปขอจับมือ
มาร์ควิสสไตมจ้องมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นจึงกล่าวว่า
"พวกนายรู้ถึงสาเหตุที่กษัตริย์อัสลันได้ครองบัลลังก์รึไม่..."
"...แน่นอน ทุกคนย่อมรู้ กษัตริย์อัสลันคือผู้สังหารองค์ชายเร็น แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่พวกเราต้องแตกแยกเพราะการกระทำของกษัตริย์อัสลัน ตอนนี้ต้องร่วมมือกันปราบกบฏและกอบกู้อาณาจักร จากนั้นค่อยสถาปนากษัตริย์พระองค์ใหม่"
มาร์ควิสสไตมส่ายศีรษะ
"ไม่เลย ปัจจุบันไม่มีผู้ใดเหมาะสมเป็นกษัตริย์อีกแล้ว ในวินาทีที่องค์ชายเร็นและกษัตริย์อัสลันสิ้นพระชนม์ สายเลือดโดยชอบธรรมของอดีตกษัตริย์วิสดาเบนก็ถูกลบออกจากโลกนี้โดยสมบูรณ์"
"อะไรกัน..."
แม้จะเพียงน้อยนิด แต่ย่อมต้องมีสายเลือดของราชวงศ์อีเทอนัลหลงเหลืออยู่ที่ใดสักแห่งในอาณาจักรแน่ สิ่งนี้คือความจริง
และคำตอบเมื่อครู่ยังแสดงให้เห็นว่า มาร์ควิสสไตมกำลังมีความคิดอันตราย
"มาร์ควิสสไตม! หรือเรื่องที่นายอยู่ฝ่ายบุตรเขยจะเป็นความจริง!"
ในที่สุดมาร์ควิสเพตามันน์ก็ตระหนักได้
ส่งผลให้ขุนนาง อัศวิน และทหารโดยรอบต่างชักอาวุธอย่างพร้อมเพรียง
ทหารที่อยู่ด้านนอกคลังเสบียงเริ่มล้อมวงและบีบเข้ามา มาร์ควิสสไตมกำลังยืนอยู่ท่ามกลางฝ่ายศัตรูนับพันคน
แต่ถึงกระนั้น ชายคนนี้กลับมิได้เปลี่ยนสีหน้า
"บุตรเขยของฉันอาจมิใช่กษัตริย์ที่สืบบัลลังก์อย่างถูกต้อง แต่เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่… โลกนี้จะยังมีใครเหมาะสมไปกว่าบุตรเขยของฉันอีกหรือ ผู้เพียบพร้อมทุกสิ่งทั้งพลังอำนาจ กลศึก และความมั่งคั่ง… ฉันมั่นใจว่า แม้แต่จักรพรรดิของจักรวรรดิก็ยังไม่มีคุณสมบัติเทียบเท่าเขา!"
"เหลวไหลสิ้นดี!"
เอิร์ลโลแกนมิอาจทนฟังต่อได้ มันย่างสามขุมเข้าไปหมายจะตัดศีรษะมาร์ควิสสไตมให้หลุดจากบ่า
ทว่า... จู่ๆ โลแกนก็กระอั่กเลือดคำโตและตายไปก่อนจะถึงตัว ร่างของมันทรุดลงกับพื้นคลังเสบียงอันเย็นเฉียบ
เอิร์ลโลแกนถูกดาบแทงจากด้านหลัง เป็นดาบของขุนนางผู้ที่ไม่มีใครคิดว่าจะทรยศไปเข้าฝ่ายกริด...
นี่คือจุดเริ่มต้นการแปรพักตร์ของวิสเคาต์คริส
"แกเป็นใคร!"
มาร์ควิสเพตามันน์แผดเสียงถามอย่างอาฆาต แต่คริสมิได้แยแสหันไปตอบ
เขาก้มศีรษะให้มาร์ควิสสไตมที่กำลังจ้องมองมายังตน
"สหายของกริด"
มาร์ควิสสไตมอมยิ้มอย่างเอ็นดู
"สหายของบุตรเขยถือเป็นสหายของฉัน… ลาเด็น ฆ่าศัตรูให้หมด"
"ขอรับ"
กัมปนาทแดนเหนือคนใหม่ ลาเด็น อัศวินหนุ่มอัจฉริยะระดับอาณาจักร
เมื่อสิ้นเสียงมาร์ควิสสไตม ลาเด็นพุ่งจู่โจมฉับพลันประหนึ่งอัสนีทมิฬฟาดผ่า
ทุกครั้งที่ลงมือ ทหารนับสิบจะกลายเป็นเสาแสงสีเทา
แต่ทางฝั่งพันธมิตรย่อมมีอัศวินชั้นยอดไม่น้อย พวกมันกรูเข้ารุมล้อมลาเด็นไว้ทุกทิศ
คริสและกิลด์ไจแอนต์เริ่มลงมือบ้าง
แคร้งงง!
ดาบใหญ่กริด
อาวุธชนิดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสัตวป่าที่สูบเลือดทหารฝ่ายขุนนางกบฏ
[ ภารกิจ <กลุ่มขุนนางต่อต้านกริด> ถูกยกเลิก รางวัลตอบแทนถูกทำลายทั้งหมด ]
รางวัลตอบแทนงั้นหรือ… ช่างปะไรสิ
มันจะสลักสำคัญกว่าการมีอนาคตร่วมกับกริดได้ยังไง
คริสและสมาชิกกิลด์ต่างคิดเช่นนั้น
"ฆ่าพวกมันให้หมด! อย่าปล่อยให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไรน์ฮาร์ท!"
"อ๊ากกก! คริสสสส! แกกกกก!"
ขุนนางกลุ่มกบฏที่เหลือต่างพากันล้มตาย
เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเริ่มพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
มันส์อะ
ReplyDeleteไม่ได้อ่านนอนไม่หลับ
ReplyDeleteรออีกสองวันกว่าจะได้อ่านอีก อ่านจนติดจริงๆเรื่องนี้ สนุกมาก
ReplyDeleteขอบคุณผู้แปลสนุกมากครับ
ReplyDelete