จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 598
กิลด์โอเวอร์เกียร์สามารถเอาชนะจอมอสูรบีเลียลและมีสิทธิ์ก่อตั้งอาณาจักร
ทุกสิ่งดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะสมาชิกกิลด์ทุกคนร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่ง หากขาดขุนพลคนใดไป กิลด์โอเวอร์เกียร์ย่อมไม่มีทางมาถึงจุดนี้แน่
กริดตระหนักเรื่องเหล่านี้ได้ เขาจึงต้องการสร้างยุทธภัณฑ์เวทมนตร์เพื่อตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยของสมาชิกระดับขุนพลทุกคน
แต่สิ่งนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ในทางทฤษฏี กริดมีเวลาและต้นทุนไม่มากพอ
แถมจุดประสงค์ของลอเอลก็แตกต่างจากที่กริดคิดไว้
"นายไม่รู้จักความหมายของรางวัลเกียรติยศรึไง มันคือรางวัลซึ่งมอบให้ผู้ใต้บังคัญบัญชาที่มีผลงานโดดเด่นจนส่งผลให้ก่อตั้งอาณาจักรสำเร็จ… นายกำลังจะบอกว่า เพราะพวกเราทุกคนล้วนทำงานหนัก จึงสมควรได้รับรางวัลอย่างเท่าเที่ยมถ้วนหน้างั้นหรือ… เหลวไหล! รางวัลเกียรติยศจะไม่มีคุณค่าอันใดเลย หากมิได้มอบให้กับผู้ที่มีคุณงามความดีโดดเด่นอย่างแท้จริง!"
"ก็มัน..."
แต่สิ่งที่ลอเอลพูดก็ไม่ผิดนัก
การมอบรางวัลอย่างเท่าเทียมทั้งที่แต่ละคนสร้างคุณประโยชน์ไม่เท่ากัน
คนที่ออกแรงมากกว่าคงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแน่
'นั่นสินะ… อาณาจักรเราไม่ใช่คอมมิวนิสต์สักหน่อย ทุกคนไม่จำเป็นต้องได้รับตอบแทนอย่างเท่าเทียม'
เฉกเช่นรางวัลตอบแทนหลังจากล้มจอมอสูรบีเลียล ระบบยังแจกจ่ายให้ผู้เล่นและ NPC แต่ละคนไม่เท่าเทียม นับประสาอะไรกับกริด
ชายหนุ่มยอมตัดใจในความคิดที่ต้องการตอบแทนทุกคน
เขาสลัดมิตรภาพและความสนิทสนมออกไป
'รายชื่อแรกของรางวัลเกียรติยศคือแค็ทซ์สินะ...'
ในตอนแรก แค็ทซ์คือผู้เล่นที่น่ารังเกียจในสายตากริด
แค็ทซ์ดูเหมือนชาวญี่ปุ่นฝ่ายขวาจัดที่รังเกียจชาวเกาหลีใต้เข้ากระดูก
คงเป็นการยากจะให้กริดยอมรับ
ทว่า ตัวตนที่แท้จริงของแค็ทซ์กลับตรงข้าม ไม่เพียงแต่จะขอโทษต่อหน้ากริดและชาวเกาหลีในโอเวอร์เกียร์อย่างจริงใจ เขายังพยายามผลักดันให้ธุรกิจของครอบครัวเริ่มจ้างงานชาวเกาหลีในญี่ปุ่นมากขึ้น
หลังจากเข้าร่วมโอเวอร์เกียร์ ผลงานของแค็ทซ์เป็นที่ประจักษ์ในหลายด้าน
โดยเฉพาะสงครามล่าสุด ลำพังแค็ทซ์เพียงคนเดียว เขานำทหารหนึ่งพันคอยปกป้องป้อมปราการบอร์เนียวและขับไล่กองทัพเก๊าส์สำเร็จ
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า แค็ทซ์คือผู้เอาชนะอาณาจักรเก๊าส์ตามลำพัง
'ด้วยเหตุนี้ ทัพหลักของพวกเราจึงมีสมาธิกับสงครามและการปราบจอมอสูร'
มันจะเป็นหนังคนละม้วนหากบอร์เนียวตกอยู่ในมือเก๊าส์
อาณาจักรอีเทอนัลจะร่วมมือกับเก๊าส์ และนั่นจะทำให้โอเวอร์เกียร์ตกอยู่ในวงล้อมการโจมตีสองด้าน ไม่นานต้องพ่ายแพ้
'ดังนั้น แค็ทซ์คือผู้ที่สมควรได้รับรางวัลเกียรติยศยิ่งกว่าใคร'
ถัดมาคือจิสึกะ
หากไม่นับเรื่องคันศรฟินิกซ์แดง ก่อนที่กริดจะมาถึงแพเทรี่ยน จิสึกะสามารถป้องกันป้อมปราการแห่งนี้ไว้ได้นานหลายวันหลายคืนโดยแทบไม่ได้พักผ่อน
ยิ่งเมื่อได้รับคันศรฟินิกซ์แดง เธอกลายดั่งเทพธิดาติดปีก ลำพังจิสึกะคนเดียวสามารถปกป้องแพเทรี่ยนจากการรุกรานของกองทัพอีเทอนัลได้ง่ายดาย
แม้ค่าเรี่ยวแรงจะไม่มีวันหมด แต่พลังใจของมนุษย์ย่อมมีขีดจำกัด
จิสึกะฝืนข้ามผ่านอุปสรรคได้อย่างน่าอัศจรรย์
ไม่เพียงเท่านั้น ในการต่อสู้กับบีเลียล ทักษะการยิงธนูที่แม่นยำได้ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตพวกพ้องได้หลายส่วน NPC แสนล้ำค่าที่จะเสียไปไม่ได้เด็ดขาดอย่างปิอาโร่และอิสซาเบล ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่าพวกเขารอดมาได้เพราะการฮีลของจิสึกะ
แม้แขนจะหัก กระดูกนิ้วแตกละเอียด แต่เธอยังพยายามฝืนยิง...
'ปิอาโร่ก็เช่นกัน'
หากไม่มีปิโอโร่ กล้าพูดได้เต็มปากว่ากิลด์โอเวอร์เกียร์ไม่มีทางเอาชนะจอมอสูรบีเลียล และนั่นหมายถึงความพังพินาศที่รออยู่
'อัสโมเฟลก็ไม่น้อยหน้า'
กริดตะหนักถึงความจริงที่น่าตกตะลึงของสงครามไบรันหลังจากการดูวิดีโอย้อนหลัง
สงครามหนึ่งต่อแสนงั้นหรือ... น่าขัน
'หากไม่มีอัสโมเฟลคอยลอบสังหารขุนพลศัตรู… เราคงตายในสงครามนั้นไปแล้ว'
จะเกิดอะไรขึ้นหากกริดตายในไบรัน
'เราจะไปสมทบกับปาร์ตี้ล่าจอมอสูรไม่ทัน… และถ้าไม่มีเรา ปิอาโร่กับสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนคงตายกันหมด'
คุณงามความดีของอัสโมเฟลมิได้จบลงเพียงเท่านี้
ระหว่างสงคราม เขาแสร้งทำเป็นพลทหารฝ่ายศัตรูเพื่อรวบรวมข้อมูลและทำลายขวัญกำลังใจกองทัพ
ยังมีอื่นๆ อีกมาก
'แสร้งเป็นไม่รู้ดีกว่า...'
กริดรู้สึกผิดต่ออัสโมเฟล ทว่าเขาจำเป็นต้องทำ
อัสโมเฟลมีทักษะติดตัว <ความมุ่งมั่นของหมายเลขสอง>
สิ่งนี้จะกลายเป็นแรงผลักดันเมื่อตัวตนอัสฟัสโมเฟลยังไม่ถูกยอมรับ
'ทันทีที่เรายอมรับฝีมือของอัสโมเฟล ทักษะความมุ่งมั่นของหมายเลขสองจะอ่อนแอลง ส่งผลให้อัตราการพัฒนาช้าลงไปด้วย'
แต่ไม่ได้หมายความว่าอัสโมเฟลจะไม่ได้รับรางวัลเกียรติยศ
อัสโมเฟลคือขุมกำลังหลักของอาณาจักร ชายคนนี้ต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
"หืม..."
อัสโมเฟลสมควรได้รับการชื่นชม แต่ศักยภาพของเขาจะลดลงทันทีหากได้รับการชื่นชม
กริดต้องทำอย่างไรดี...
ชายหนุ่มครุ่นคิดหาวิธีตอบแทนอัสโมเฟลอย่างเหมาะสมอยู่นาน
'ไว้ค่อยปรึกษาลอเอล...'
หากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดสินใจได้เอง เขาควรปรึกษาลอเอล
เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา...
'ขอบคุณมาก'
เป็นความเคยชินไปแล้วที่กริดคอยรู้สึกขอบคุณลอเอลเสมอ
จากนั้น ชายหนุ่มไล่เรียงจัดการรายชื่อรางวัลเกียรติยศทั้งหมด
"นายต้องการไอเท็มแบบไหน"
แน่นอนว่าทุกคนย่อมต้องการไอเท็มแตกต่างชนิดกันไป
บางคนต้องการอาวุธที่ช่วยดึงพลังของคลาสออกมาถึงขีดสุด
บางคนต้องการชุดเกราะที่ช่วยให้ถึกทนมากขึ้น
แต่ก็มีบางคนที่ต้องการเครื่องมือทำฟาร์มเพื่อให้ผลผลิตบานสะพรั่ง
ทว่า ทั้งหมดล้วนมีสิ่งหนึ่งที่ตรงกัน
"หากเป็นไอเท็มเวทมนตร์จากริด... ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า"
"เข้าใจแล้ว"
เป็นขอที่กริดพึงพอใจมาก ส่งผลให้เขายินดีมุ่งมั่นทำงานหนัก
หลังจากรวบรวมโลหะสำหรับสร้างเรียบร้อย กริดจึงรบกวนสติกส์ให้ส่งตนกลับเรย์ดัน
ท่ามกลางข่านและช่างตีเหล็กของเรย์ดัน ชายหนุ่มทำการจุดเตาหลอมให้ลุกโชนด้วยฟืนไม้ฟอสฟอรัสขาว
"ช่างตีเหล็กขั้นกลางคอยรักษาอุณหภูมิไว้ ช่างตีเหล็กขั้นสูงคอยลงมือถลุงแร่เหล็ก ส่วนข่านมาช่วยฉัน"
"เข้าใจแล้ว… ถ้าอย่างนั้นจะให้ช่างตีเหล็กขั้นต้นทำอะไรดี"
"บอกพวกเขาให้จับตามองทุกการกระทำของฉัน"
"..."
ช่างตีเหล็กทุกคนต่างตกตะลึง
ช่างตีเหล็กขั้นต้นมีฝีมือมากพอจะทำงานในโรงเหล็กขนาดเล็ก
ช่างตีเหล็กขั้นกลางฝีมือมากพอจะทำงานในโรงเหล็กขนาดใหญ่
และช่างตีเหล็กขั้นสูงฝีมือมากพอจะทำงานในโรงตีเหล็กวังหลวง
นี่คือความสามารถของพวกเขา
แต่กริดกลับสั่งให้ช่างตีเหล็กขั้นตนยืนมอง ขั้นกลางเฝ้าฟืน และขั้นสูงถลุงแร่เนี่ยนะ
แม้กระทั่งข่าน ช่างตีเหล็กที่ระดับใกล้เคียงช่างฝีมือ ซึ่งเก่งกาจพอจะทำงานในวังหลวงของจักรวรรดิ กลับเป็นได้เพียงลูกมือกริด
ถึงทุกคนจะเคลือบแคลง แต่ก็ไม่มีผู้ใดขัดคำสั่งกริด
พวกเขาตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของกริดเป็นอย่างดี ชางตีเหล็กในตำนานผู้มีฝีมืออันน่าตื่นตะลึง ทุกคนเคยเฝ้ามองกริดทำงานมานานหลายปี
แม้กระทั่งข่านยังเทียบกริดไม่ติด
'เรากำลังจะกลายเป็นช่างตีเหล็กขั้นกลางได้เพราะกริด'
'เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำงานให้กับเขา'
ช่างตีเหล็กของเรย์ดันเข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี จึงไม่มีใครเปิดปากโต้แย้งคำสั่ง
"ท่านพ่อ… สู้เค้า!"
ลอร์ดจูงมือไอรีนเดินเข้ามาในโรงตีเหล็ก
บุตรชายตัวน้อยกล่าวให้กำลังใจ เป็นคำที่เรียนมาจากท่านอารูบี้ จากนั้นลอร์ดก็นำค้อนเล็กออกมาชูพร้อมกับดวงตาเป็นประกาย
ทุกการกระทำของผู้เป็นพ่อจะสลักลงในความทรงจำลอร์ด
เคร้ง! เคร้ง!
เคร้ง! เคร้ง!
ฉากที่บิดากำลังตั้งใจทำงานอย่างหนักโดยมีบุตรชายเฝ้ามองไม่ห่าง สิ่งนี้ได้มอบความสุขอันล้นปรี่ให้ไอรีนอย่างบอกไม่ถูก
***
"ชักอยากเห็นสีหน้าตกตะลึงของเจ้ากริดแล้วสิ"
บารอนคอนส์กำลังตื่นเต้นขณะโดยสารมากับรถม้า
มันได้แต่นึกสงสัย ว่ากริดจะทำหน้าอย่างไรเมื่อรู้ว่าทั้ง 15 อาณาจักร รวมถึงเก๊าส์ ต่างบังคับให้กิลด์โอเวอร์เกียร์ส่งบรรณาการ
"การก่อตั้งอาณาจักรไม่ง่ายหรอกนะ"
หากง่ายดายเช่นนั้นล่ะก็ ป่านนี้คงมีอาณาจักรนับร้อยทั่วทั้งทวีปไปแล้ว
บารอนคอนส์แสยะยิ้มชั่วเมื่อจินตนาการใบหน้าหวาดผวาของกริด
"ถึงแล้วขอรับ"
ขบวนรถม้าบารอนคอนส์หยุดลงตรงหน้าราชวังไรน์ฮาร์ท
"หืม..."
บารอนคอนส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่เหมือนกับที่มันคิดไว้ ซากปรักหักพังจากสงครามแทบไม่ปรากฏให้เห็นในไรน์ฮาร์ท
'ซ่อมแซมเมืองได้รวดเร็วขนาดนี้เชียว… เจ้านั่นใช้แรงงานประชาชนเยี่ยงทาสรึไง'
ไอ้งั่งที่ชื่อกริดคงสมองทึบแน่ การบังคับเข็ญใจชาวเมืองเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วจะเกิดความไม่พอใจขึ้น เมื่อความโกรธของชาวเมืองปะทุ อาณาจักรก็จะถึงคราวล่มสลาย
"จุ๊จุ๊... ใช้แรงงานเกินกำลังตั้งแต่ยังไม่ก่อตั้งอาณาจักรเช่นนี้... อย่างที่คิด ไม่ใช่ใครหน้าไหนก็เป็นกษัตริย์ได้"
"ขอประทานโทษครับ"
อัศวินผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาบารอนคอนส์ ชายคนนี้สวมชุดเกราะสีดำหรูหราราคาแพง
"ท่านคือบารอนคอนส์จากอาณาจักรเก๊าส์ใช่ไหม"
"เข้าใจถูกแล้ว"
เพิ่งผ่านศึกสงครามมาไม่นาน แต่เหตุใดชุดเกราะอัศวินกลับใหม่เอี่ยมขนาดนี้
บารอนคอนส์พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ขณะเดียวกัน อัศวินคนดังกล่าวเริ่มเกาศีรษะอย่างเคอะเขิน
"ท่านมิต้องสุภาพกับพลทหารอย่างพวกเราก็ได้"
"เชิญทำตัวตามสบายขอรับ"
"..."
บารอนคอนส์ถึงกับผงะ
พลหทารจะมีชุดเกราะมูลค่าสูงลิบขนาดนี้สวมใส่ได้อย่างไร
บ้าบอสิ้นดี!
'พวกมันพยายามปั่นหัวเรารึไง'
เหตุใดอัศวินถึงพยายามแสร้งเป็นพลทหารเพื่อหลอกตน...
บารอนคอนส์เริ่มโมโห
'นั่นสินะ… พวกมันกำลังจะสื่อว่า พลทหารของที่นี่ล้วนถูกฝึกและสวมใส่ชุดเกราะระดับเดียวกับอัศวิน'
ใช่แล้ว นี่เป็นเพียงการแสดง
'ใครจะไปหลงกลกันเล่า'
บารอนคอนส์ส่ายศีรษะก่อนจะเดินเข้าไปในวัง
'จะรู้จักใครไหมนะ...'
ไม่มีทางที่ตัวตนอันโด่งดังจะเข้าร่วมพิธีก่อตั้งอาณาจักรของพวกกบฏแน่
บารอนคอนส์คาดว่า ในงานจะเต็มไปด้วยสามัญชนแปลกหน้า รึไม่ก็เป็นงานที่รกร้างว่างเปล่า
ทว่า...
"โฮ่! หลวงพ่อ ดูนั่นสิ! รูปปั้นของท่านกริดช่างเด่นสง่าเหลือเกิน"
"จะดีรึไม่หากพวกเรานำรูปปั้นเทพธิดารีเบคก้ามาวางตั้งเคียงข้าง"
"กริดไม่จ่ายหรอกนะ"
"ฮุฮุ หลวงพ่อก็พูดเกินไป… ท่านกริดทำคุณประโยชน์ให้กับโบสถ์พวกเรามาก ใครจะไปกล้าเรียกร้องเงินค่าสร้างรูปปั้นเทพธิดารีเบคก้ากันเล่า ทางเราต้องเป็นฝ่ายออกถึงจะถูก"
"เชี่ย..."
บารอนคอนส์แทบหยุดหายใจเมื่อมันเดินผ่านสวนในวัง
สภาอาวุโส 15 คนของโบสถ์รีเบคก้ากำลังเรียกชายหนุ่มผู้นั้นว่า 'หลวงพ่อ'
ย่อมหมายความว่า… เขาคือสันตะปาปา!
'เหลวไหลสิ้นดี!'
สันตะปาปาและสภาอาวุโสทั้ง 15 ของโบสถ์รีเบคก้า...
ตัวตนเช่นนี้ไม่เคยปรากฏสู่สาธารณะพร้อมกันมาก่อน แม้แต่ภายในงานพิธีอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิก็ตาม
แต่คนเหล่านั้นกลับมาร่วมพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เนี่ยนะ
บารอนคอนส์ไม่อยากเชื่อ
'ต้องอำกันแน่ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! คนพวกนี้คือตัวปลอม!'
สันตะปาปาคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ จึงอาจไม่มีผู้ใดกล้าวิจารณ์มากนัก
แต่สำหรับสภาอาวุโสทั้งหลาย พวกเขาแต่ละคนล้วนทรนงในศักดิ์ศรีสูงลิบ แทบไม่เคยตอบรับคำเชิญของใครหน้าไหนทั้งสิ้น แม้แต่กษัตริย์คักทุสแห่งเก๊าส์ หากต้องการพบหน้าสักครั้ง พวกมันต้องถ่อเดินทางไปไกลถึงวาติกัน
"ขอทางหน่อย"
คนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านบารอนคอนส์ไป ในตอนแรกมันมิได้ใส่ใจ
'หืม… กลิ่นคาวปลา!'
บารอนคอนส์ขมวดคิ้วพร้อมกับปิดจมูก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นกลุ่มคนดังกล่าวเต็มสองตา
สีหน้าของมันพลันขาวซีดประหนึ่งเห็นผี
"ผ--เผ่าวารี!"
เผ่าวารี สายพันธ์สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในไซเรน อาณาจักรใต้ทะเลลึก
พวกเขาโด่งดังในด้านพลังที่แข็งแกร่ง หลายอาณาจักรรวมถึงเก๊าส์ต่างต้องการเป็นพันธมิตรกับเผ่าวารี
ทว่าเผ่าวารีทุกคนล้วนเกลียดมนุษย์เข้ากระดูก ไม่เคยมีอาณาจักรใดได้รับการตอบรับที่ดี แม้ยามไซเรนกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่เผ่าวารีก็ไม่คิดขอความช่วยเหลือจากมนุษย์เด็ดขาด
ถึงกระนั้น เผ่าวารีกลับเข้าร่วมพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์!
'ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่'
ไม่สิ บางทีเผ่าวารีมิได้เข้าร่วมเพื่อเฉลิมฉลอง หากแต่เป็นเหตุผลอื่น
'กริดอาจติดหนี้เผ่าวารีอยู่...'
บารอนคอนส์พยายามไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
แต่เหตุการณ์ก็ดำเนินมาถึงจุดที่… จะไม่เชื่อคงไม่ได้อีกแล้ว
"กษัตริย์มาซงแห่งเผ่าวารีเสด็จ!"
"!!!!!"
กษัตริย์เผ่าวารี...!
บารอนคอนส์พลันดวงตาเบิกโพลงเมื่อหันไปมองยังทางเข้าสวน
สิ่งมีชีวิตที่ขนาดร่างกายใหญ่โตกว่าเผ่าวารีเมื่อครู่… บรรยากาศรอบตัวเปี่ยมด้วยความน่าเกรงขามและทรงพลัง
'ก--กษัตริย์เผ่าวารีตัวจริง!'
ขณะบารอนคอนส์กำลังทึ่ง กษัตริย์มาซงได้เดินเข้าไปทักทายกับกลุ่มคนที่ปลอมตัวเป็นสันตะปาปาและสภาอาวุโส
"สวัสดี กษัตริย์มาซง"
"โฮ่! หลวงพ่อเองรึ! ไม่ได้พบกันนาน ว่าแต่ท่านกริดอยู่ที่ใด"
"เราก็ยังไม่ได้พบเช่นกัน"
"..."
บรรยากาศเช่นนี้ ดูเหมือนสันตะปาปาและสภาอาวุโสคงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากตัวจริง
นัยร์ตาบารอนคอนส์เริ่มสั่นระริก
'หรือข่าวลือนั่นจะเป็นจริง ที่จอมอสูรปรากฏตัวขึ้นในไรน์ฮาร์ท และกริดร่วมมือกับสันตะปาปากำจัดสำเร็จ...'
ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปว่ากริดเป็นผู้ปราบจอมอสูรลงได้
แต่น้อยคนนักที่จะเชื่อ
จอมอสูรคือตัวตนอันยิ่งใหญ่ซึ่งสามารถทำลายอาณาจักรมนุษย์ได้ในพริบตา
อย่างกริดไม่มีทางเอาชนะได้แน่ ถึงแม้เขาจะเป็นตำนานก็ตาม
ทุกคนล้วนคิดว่ากริดเผยแพร่ข่าวลือดังเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง
แต่บัดนี้ บารอนคอนส์เริ่มตะหนักแล้วว่า
นั่นอาจไม่ใช่ข่าวลือเสียทีเดียว...
'กษัตริย์คักทุส… กระหม่อมมิอาจ...'
ต่อหน้าตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างสันตะปาปาและกษัตริย์เผ่าวารี
มดปลวกอย่างมันต้องลุกขึ้นชี้หน้ากริดและขู่เข็ญเรียกร้องบรรณาการ...
เรื่องบ้าบอเช่นนั้น ให้มีอีกสิบชีวิตก็มิกล้า
สนุกมาก 🙏🙏ขอบคุณที่แปลครับ
ReplyDeleteขอบคุณคับยังรออ่านอยู่นะคับ
ReplyDeleteชอบๆๆๆๆ จะสะใจกว่านี้ท่า......
ReplyDeleteคิดถึงตอนมิโมรุเปิดประเทศเลย 555+
ReplyDelete