จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 589
'หล่อนแข็งแกร่งกว่าที่คิด'
หลังจากไวท์เสียชีวิต ลมหายใจคาซิมเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด
เขาตกตะลึงอย่างมากเมื่อไวท์พยายามขัดขืนสุดความสามารถ แม้จะถูกพันธนาการอยู่ใน <ละโมภ> ก็ตาม
อีกเพียงนิดเดียวเธอจะสลัดหลุด
คาซิมกำลังหวั่นวิตก ยิ่งกริดเติบโต ศัตรูของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
บางทีสักวัน กริดอาจได้รับความบอบช้ำแสนสาหัส
'โดยเฉพาะเจ้าพวกอัศวินหลักเดียว...'
อัศวินสีชาดแห่งจักรวรรดิซาฮารัน พวกมันคือกลุ่มกำลังรบอันดับหนึ่งของทวีปตะวันตก จุดสูงสุดอัศวินสีชาดคืออัศวินหลักหน่วย ทุกคนล้วนถูกประเมินให้สามารถทำลายปราสาทได้ในชั่วข้ามคืน
แต่การประเมินนี้ยังไม่ถูกต้องนัก
ก่อนได้พบกริด คาซิมเคยตรวจสอบกองกำลังของจักรวรรดิมาแล้วหนหนึ่งเพื่อหวังแก้แค้น แต่เขากลับได้พบความจริงอันน่าตกตะลึง
อัศวินหลักเดียว โดยเฉพาะลำดับหนึ่งถึงเจ็ด พวกมันคือตัวตนระดับปีศาจที่สามารถสั่นคลอนอาณาจักรใหญ่ได้ตามลำพัง
สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะเดิมที คนเหล่านี้ถูกเลือกเฟ้นสำหรับแทนที่ปิอาโร่อยู่แล้ว ความแข็งแกร่งย่อมเหนือคำบรรยาย ทั้งพรสวรรค์และหลักสูตรฝึกซ้อมนับว่าเข้มข้นจนอัศวินธรรมดาเทียบไม่ติด
ไม่ผิดนักที่จะยกให้อยู่ระดับเดียวกับปิอาโร่
แม้กระทั่งคาซิม ราชันย์แห่งเงา ก็ยังเป็นเพียบตัวตนแสนอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าปีศาจเหล่านั้น
'จักรวรรดิคืออุปสรรคที่ข้ามผ่านได้ยากที่สุด'
กริดต้องเร่งมือพัฒนาตนเองโดยเร็ว
คาซิมเชื่อว่า สักวันกริดจะข้ามขุนเขาลูกที่ชื่อว่าจักรวรรดิได้สำเร็จ
ไม่สิ ไม่เพียงข้ามผ่าน แต่กริดจะป่นมันให้เป็นเศษธุลี
นี่มิใช่ความฝันลมแล้งของคาซิม หากแต่เป็นการพิจารณาจากศักยภาพในตัวกริดตามความจริง
จนกว่าวันนั้นจะมาถึง หน้าที่คาซิมคือการปกป้องสิ่งสำคัญทั้งหมดของกริด เพื่อให้กริดออกไปพัฒนาตนเองอย่างหมดห่วงไร้กังวล
'เพื่อการนั้น เราเองก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น'
แม้ความยากจะอยู่ในระดับสูง แต่คงได้เวลาที่ตนต้องกลับไปทำภารกิจเลื่อนคลาสระดับสี่ที่ค้างคาไว้นาน
"หืม… นั่นอะไรหรือ"
ขณะคาซิมจมอยู่ในห้วงความคิด ลอร์ดแสดงความสนใจต่อสร้อยคอที่ไวท์ดรอป
คาซิมอมยิ้มพร้อมกับอธิบาย
"ไอเท็มจะดรอปเสมอหลังจากเอาชนะศัตรูหรือมอนสเตอร์ได้ เป็นรางวัลตอบแทนสำหรับผู้ชนะ"
"เห..."
ดวงตาลอร์ดส่องประกาย
คาซิมมอบสร้อยที่ไวท์ดรอปให้ลอร์ดอย่างเต็มใจ
"นี่คือของวิเศษที่จะทำให้ทักษะของผู้สวมใส่อัพเลเวลได้ไวขึ้น เป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่จักรวรรดิก็หามาครอบครองได้ยาก กรุณาเก็บรักษาให้ดี"
ลอร์ดปฏิเสธ
"ม--ไม่ได้! ท่านอาจารย์เป็นคนเอาชนะพี่สาวนิสัยไม่ดี... ไม่ใช่ผม"
"พยายามทำตัวเป็นเด็กน่ารักอยู่หรือ"
คาซิมทั้งชื่นชมและนึกเป็นห่วง นายน้อยของตนคงเติบโตได้รวดเร็วจนไม่มีเพื่อนในวัยเดียวกันคอยเล่นสนุก
"จงรับไว้เถิด ถือเป็นรางวัลสำหรับความตั้งใจเรียนของนายน้อย"
"อื้ม! ขอบคุณครับ"
นายน้อยช่างไร้เดียงสา
คาซิมรู้สึกผิดที่ลอร์ดดีใจจนหลั่งน้ำตากับสิ่งของแค่นี้
'เราคงต้องมอบรางวัลให้บ่อยขึ้น เขาจะได้คุ้นชิน'
สำหรับลอร์ด เด็กคนนี้ไม่เคยได้รับแม้แต่เค้กวันเกิด
ย่อมช่วยไม่ได้ กริดงานยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาปลีกมาหา
การขาดหายไปของบิดาจะเกิดช่องโหว่ขนาดไหนกันนะ
คาซิมลั่นวาจาหนักแน่น ตนจะเติมเต็มช่องว่างของบิดาแทนให้เอง
"ผมจะมอบสร้อยเส้นนี้ให้ท่านพ่อ มันจะช่วยปกป้องเขา"
"...ท่านเป็นเด็กที่วิเศษมาก"
หากเผ่านีโร่ไม่ถูกจักรวรรดิทำลาย… ป่านนี้ตนจะมีชีวิตที่สงบสุขกับลูกชายน่ารักแบบลอร์ดรึเปล่านะ
'แต่ตอนนี้สายไปแล้ว...'
มือของตนเปื้อนเลือดมากเกินไป
คาซิมมอบความตายและความสิ้นหวังให้กับผู้คนนับไม่ถ้วน เขาไม่มีสิทธิ์ได้รับความสุขในชีวิตอีก
คาซิมก้มศีรษะลงด้วยใบหน้าหม่นหมอง
ทันใดนั้น ลอร์ดลูบไล้ฝ่ามืออันหยาบกร้านของคาซิมก่อนจะนำไปสัมผัสกับแก้มตน
"อุ่นจัง..."
"..."
***
[ นักบุญหญิง <รูบี้> ได้รับรางวัลพิเศษตอบแทนสำหรับการเผาผลาญดวงวิญญาณจอมอสูร ]
[ คลาสนักบุญหญิงพัฒนาเป็นเกรดยูนีค ทักษะทุกชนิดอัพเลเวลเพิ่มขึ้น 2 ระดับ ท่านจะได้รับทักษะใหม่ 2 ชนิดเมื่อเลเวลเพิ่มถึง 300 ]
[ อาวุธประจำตัวนักบุญหญิง <คทาไม้> พัฒนาเป็นเกรดยูนีค ค่าเสริมแกร่งกลายเป็น +0 ]
[ ท่านได้รับสมญานาม <ผู้ปฏิเสธ> ]
[ ผู้ปฏิเสธ ]
พลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านมิได้มาจากความศรัทธาในตัวเทพ หากแต่เกิดจากความศรัทธาที่ผู้คนมีต่อตัวท่าน
บนโลกที่ถูกสร้างโดยเทพ… ท่านเท่านั้นที่มีสิทธิ์ปฏิเสธเทพ
* เมื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่สร้างโดยเทพ ( จอมอสูร สิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ ครึ่งอสูร และอื่นๆ ) ค่าสถานะทุกชนิดและความรุนแรงทักษะของท่านจะเพิ่มขึ้น แถมท่านยังมีพลังทำให้พวกมันหลับไหลไปตลอดกาล
* ทักษะฮีลของท่านจะไม่ยอมรับการฮีลจากนักบวชศาสนาอื่น เมื่อท่านฮีลผู้ใด เป้าหมายจะได้รับเพียงการฮีลจากท่านเท่านั้น
ทั้งหมดคือเนื้อหาของรางวัลพิเศษที่นักบุญหญิงรูบี้ได้รับจากการปราบจอมอสูรบีเลียล
เป็นเรื่องน่ายินดีที่คลาสพัฒนาเกรดไปเป็นยูนีค แต่สมญานามใหม่อ่านแล้วค่อนข้างสับสน รูบี้ที่ยังไม่เข้าใจตัวเกมมากนักจึงหันไปถามพี่ชาย
"เป็นสมญานามที่ดีใช่ไหมพี่"
"อืม... เพิ่มค่าสถานะทุกชนิดและประสิทธิภาพของทักษะทั้งหมด… สิ่งเหล่านี้ย่อมต้องดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการยกระดับเวทฮีลของเธอ พวกเราจะมีโอกาสรอดชีวิตในการต่อสู้สูงขึ้น"
ถึงกระนั้น กริดก็คิดว่ามันน้อยเกินไปสำหรับหน้าที่แสนยิ่งใหญ่อย่างการทำลายดวงวิญญาณจอมอสูร แถมผลข้างเคียงก็รุนแรงใช่เล่น นับจากนี้ไป เวทฮีลของรูบี้จะไม่ซ้อนทับกับเวทฮีลของนักบวชอีกแล้ว
ช่างน่าเสียดาย เพราะแผนในอนาคตของโอเวอร์เกียร์ ลอเอลได้กำหนดให้นักบวชของโบสถ์รีเบคก้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของขุมกำลังรบ
'คงต้องล้มเลิกความคิดที่จะให้เซฮีเป็นหัวหน้าหน่วยฮีล'
นั่นคือเรื่องราวก่อนหน้าประมาณสองชั่วโมง
ในตอนที่กริดยังไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของ <ผู้ปฏิเสธ>
ทว่าปัจจุบัน ความคิดนี้ได้เปลี่ยนไปเมื่อกริดพยายามดัดแปลงโครงสร้างหอกไลฟาเอล
'พลังของเซฮีจะช่วยสะกดพลังเทพธิดารีเบคก้าได้รึเปล่านะ'
ปัญหาของหอกไลฟาเอลคือ พลังของเทพธิดารีเบคก้าแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งเสียจนกัดกินอายุขัยของผู้ใช้งาน
หากพลังเทพในส่วนนี้ถูกเซฮีสะกดไว้ ทักษะร่างสีขาวอาจไม่กัดกินอายุขัยของผู้ใช้อีก
'ต้องลองเสี่ยงดู'
กริดระบุพิกัดของตนเพื่อให้เซฮีรีบมาหา
***
"สำเร็จ!"
"เจ๋ง!"
เป็นไปตามที่กริดคาด
เมื่อเซฮีทำการปัดเป่าเส้นผมเทพธิดา พลังเทพอันรุนแรงพลันสงบลงทันที
[ เส้นผมอ่อนนุ่มของเทพธิดา ]
เส้นผมยาวสลวยของเทพธิดาแห่งแสง รีเบคก้า
อัดแน่นด้วยพลังเทพมหาศาลที่มนุษย์มิอาจรับไหว แต่บัดนี้ พลังเทพลดลงครึ่งหนึ่งจากการสะกดของนักบุญหญิง
น้ำหนัก : 0
'เมื่อพลังเทพอ่อนแอลง หมายความว่าร่างสีขาวก็จะลดความเก่งกาจลงด้วย'
ปัญหาจุดนี้ กริดต้องเอาชนะมันด้วยเทคนิคการตีเหล็ก
"เฮ่อ..."
ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยเพื่อรวบรวมสมาธิ
สูตรการผลิตไอเท็มทุกชนิดที่เคยสร้างหลังจากเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า บัดนี้แล่นเข้ามาในหัวอย่างครบถ้วน
'ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมา เราไม่ด้อยไปกว่าผู้ใดทั้งสิ้น ต้องมีสักทางที่สามารถดัดแปลงหอกไลฟาเอลให้ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม'
ฉึบ
สมาธิของกริดกำลังคมกริบประหนึ่งมีดแหลม ชายหนุ่มเปี่ยมด้วยความมั่นใจและเจตนาอันแน่วแน่ที่จะช่วยเหลืออิสซาเบล
เขานำไม้ฟอสฟอรัสขาวออกมาพร้อมกับเริ่มลงมือสร้างไอเท็ม
อิสซาเบลที่เห็นภาพดังกล่าวพลันหัวใจเต้นระรัว
'กริดยิ่งเท่มากเมื่อยืนอยู่หน้าเตาหลอม'
"..."
อิสซาเบลจ้องมองกริดราวกับหญิงสาวขี้อายที่แอบหลงรักชายหนุ่มฝ่ายเดียว
สีหน้าดาเมี่ยนพลันหม่นหมอง
อิสซาเบลผู้ใสซื่อและน่ารัก เธอไม่เคยลืมรักแรกของตน สิ่งนี้ทั้งน่าเอ็นดูและขมขื่นใจในเวลาเดียวกัน
เมื่อไรเธอจะหันกลับมามองเขาบ้างนะ
'บางทีวันนั้นอาจมาไม่ถึง...'
ดาเมี่ยนเริ่มถอดใจ
เขาอมยิ้มอย่างเจ็บปวดพร้อมกับก้มศีรษะลง
ทันใดนั้นเดาเมี่ยนก็ต้องประหลาดใจ เพราะจู่ๆ อิสซาเบลได้กุมมือตนไว้แน่น
"อ--อิสซาเบลจัง..."
ฝ่ามือที่อบอุ่นและสั่นระริกของอิสซาเบลทำให้ดาเมี่ยนหัวใจเต้นระรัว
อิสซาเบลหันไปพูดกับดาเมี่ยนด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"ห--หากกริดช่วยปลดปล่อยฉันจากร่างสีขาวได้ล่ะก็... "
"..."
"เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะยอมรับความรู้สึกที่หลวงพ่อมอบให้"
"อิสซาเบล...จัง... "
อันที่จริง อิสซาเบลเคยคิดว่าดาเมี่ยนเป็นคนไม่หนักแน่น เขาพรรณาพร่ำเพ้อความรักที่มีต่อตนบ่อยครั้งเกินจำเป็น บางครั้งก็น่ารำคาญ แถมยังเป็นชายอ่อนไหวง่ายที่ร้องไห้เป็นประจำ
แต่นั่นคืออดีต ภายหลังอิสซาเบลได้ตระหนักว่า แม้ดาเมี่ยนอาจสารภาพรักกับตนอย่างพร่ำเพื่อราวกับไม่ใช่สิ่งสำคัญ ทว่าความรู้สึกของเขาเป็นเรื่องจริง
เธอเฝ้ามองการกระทำของดาเมี่ยนมาตลอด และได้เห็นความจริงใจและมั่นคงของชายผู้นี้ ดาเมี่ยนบอกรักกับเธออย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้าที่ไม่สั่นคลอน
การกระทำของดาเมี่ยนได้เริ่มกัดเซาะหัวใจอิสซาเบลที่เคยมีแต่กริด
จนกระทั่งวันหนึ่ง ตัวตนของดาเมี่ยนก็เอาชนะตัวตนของกริดในใจได้สำเร็จ
นี่คือความรักอย่างแท้จริงที่อิสซาเบลมอบให้ใครสักคน
แต่ท้ายที่สุด เธอกลับปฏิเสธความรักจากดาเมี่ยน
ทำไมกัน...
เหตุผลคือร่างสีขาว
อายุขัยของเธอถูกกัดกินทุกครั้งที่ใช้มัน อิสซาเบลไม่รู้ว่าตนมีชีวิตเหลืออยู่นานแค่ไหน เธอไม่ต้องการให้ความหวังลมแล้งกับผู้อื่น เธอไม่อยากตายไปก่อนจะได้มีความสุข
เมื่ออิสซาเบลคิดว่าตนสามารถตายได้ทุกเมื่อ เธอจึงตัดสินใจปฏิเสธรักดาเมี่ยน
แต่กับตอนนี้...
"เอาล่ะ ฉันเริ่มเลยก็แล้วกัน"
เคร้ง! เคร้ง!
ชายคนหนึ่งกำลังหลั่งหยาดเหงื่อเพื่อเธออีกครั้ง
กริด ผู้เคยช่วยชีวิตอิสซาเบลหนแล้วหนเล่านับตั้งแต่รู้จักกัน
หากเป็นกริดล่ะก็ ความฝันในการหลุดพ้นจากพันธนาการร่างสีขาวอาจเป็นจริงขึ้นมาได้
หมับ...
อิสซาเบลบีบมือดาเมี่ยนแน่นหนักยิ่งกว่าเดิม เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า เธอกำลังปรารถนาอย่างแรงกล้าให้กริดทำมันสำเร็จ
'ได้โปรด… ได้โปรดช่วยฉันด้วย'
เธอต้องการมีความสุขเฉกเช่นหญิงสาวทั่วไป
และครั้งนี้ คำสวดอ้อนวอนจากก้นบึ้งของหัวใจอิสซาเบลสามารถส่งไปถึงกริด
[ บุตรีแห่งรีเบคก้า <อิสซาเบล> ยกย่องเทิดทูนท่านเหนือสิ่งอื่นใด ความศรัทธาที่เธอมอบให้ท่าน มีมากกว่าที่เธอมอบให้เทพธิดารีเบคก้าเสียอีก นี่มิใช่ความศรัทธาที่ถูกบิดเบือน แต่เป็นด้วยใจบริสุทธิ์ เทพธิดารีเบคก้าจึงยอมรับและเข้าใจในเรื่องนี้ ท่านรอดพ้นจากความพิโรธของเทพธิดา ]
[ หากท่านเคยสร้างไอเท็มเกรดมิธมาก่อน ท่านจะมีคุณสมบัติมากพอให้ผู้อื่นเคารพบูชา ]
[ สมญานาม <เศษเสี้ยวแห่งเทวะตำนาน> มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด ]
[ เศษเสี้ยวแห่งเทวะตำนาน ]
เงื่อนไขต่ำสุดสำหรับเลื่อนคลาสเป็นเกรด 'มิธ'
*ค่าสถานะ <ความเป็นเทพ> ถูกเปิดใช้งาน
[ ความเป็นเทพ ]
ตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรถูกลบหลู่ดูหมิ่นด้วยประการทั้งปวง
ทุกครั้งที่ค่านี้เพิ่มครบ 10 แต้ม ท่านจะได้รับพลังชนิดใหม่
พลังใหม่ของท่านขึ้นอยู่กับอุปนิสัยส่วนตัว
"..."
เชี่ยไรเนี่ย...
กริดผงะจนหยุดทุบค้อน จากนั้นเขาก็รีบหันไปมองอิสซาเบลด้านหลัง
บัดนี้ อิสซาเบลกำลังจ้องมองตนพร้อมกับส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นมาให้ ศีรษะของเธอเอนพิงซบดาเมี่ยนอย่างแนบแน่น ฝ่ามือทั้งสองกอดกุมไว้ไม่มีใครปล่อย
ราวกับเป็นคู่รักหวานชื่นไม่มีผิด
'ดาเมี่ยน… ความพยายามของนายผลิดอกออกผลแล้วสินะ'
กริดรู้ดีว่า ดาเมี่ยนมอบความรักให้อิสซาเบลมากมายเพียงใด
ชายหนุ่มแต่งงานกับไอรีนและมีบุตรด้วยกัน ทำให้เข้าใจความรักระหว่าง NPC และผู้เล่นเป็นอย่างดี
กริดสนับสนุนคนทั้งสองอย่างเต็มที่
'หากพวกนายมีลูกสาวล่ะก็ อย่างลืมส่งมาให้ลอร์ดของฉันด้วย'
รากฐานที่มั่นคงของกริดกำลังแผ่ขยายไปทั่วซาทิสฟาย
กริดและพวกพ้องกำลังทำให้พลังอำนาจของตนเป็นบึกแผ่นและยิ่งใหญ่มากขึ้นในทุกขณะ
ประธานลิมชอลโฮเคยกล่าวไว้ว่า
'ผมหวังให้ซาทิสฟายไม่ใช่เกมธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็นโลกเสมือนจริงอีกใบหนึ่งที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน'
[ ★ภารกิจลับ★ <เพื่ออิสซาเบล> ถูกสร้างขึ้น ]
NTR
ReplyDeleteจริง
Deleteสนุกมากครับ ขอบคุณคนแปล ติดตามเรื่องนี้ตลอด และชอบมากๆ
ReplyDeleteความเป็นเทพกับพลังอสุน
ReplyDeleteความเป็นเทพเพิ่มขึ้น พลังอสุรเดี๋ยวก็หาย
Deleteนี่แกกะจะให้ผู้หญิงทุกคนในอาณาจักรเป็นของลูกชายแกคนเดียวรึไง
ReplyDeleteแง ทำไมไม่เคยฉลองวันเกิดกับลอร์ดเลย
ReplyDeleteเวลาทามสคลีปดูแปลกๆด้วย
Delete24 ชม. : 3 วัน ..รู้สึกเหมือนผ่านมาแค่ราวปีเดียว แต่หลอดอายุ 5 ขวบ