จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 956
กริดย่อมช่ำชองกลยุทธ์ถล่มกองทัพ
เจ็ดกิลด์ใหญ่ อิมมอร์ทัล อาณาจักรอีเทอนัล จักรวรรดิซาฮารัน เมืองแวมไพร์ กองอัศวินสีชาด และอีกมาก
เขาเคยเอาชนะศัตรูระดับกองทัพนับไม่ถ้วน คงแปลกเกินไปหากไม่ซึมซับเทคนิคและกลยุทธ์ในการเอาชนะมาบ้าง
ถึงกริดจะโง่ แต่เขามิได้ปิดกั้นตัวเอง ชายหนุ่มหมั่นสั่งสมความรู้อยู่ตลอดเวลา
[ท่านอมลูกกวาดไว้ในปาก]
[ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 30% จนกว่าลูกกวาดจะละลายในอีกห้านาทีให้หลัง]
[ท่านใช้งานโทสะช่างตีเหล็ก พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 20% และความเร็วโจมตี 40%]
ในวินาทีที่ผู้เล่นผลักประตูบานใหญ่ออก หายนะพลันบังเกิดแก่กลุ่มพวกมัน เสียงกรีดร้องดังระงมทั่วทางเข้าท้องพระโรง เป็นภัยพิบัติแบบเดียวกับเมื่อครั้งสี่ราชันสวรรค์กำราบมนุษย์ผู้โง่เขลาในศึกแรก
กริดเปิดฉากโจมตีอย่างไร้ความปรานี
หวาดกลัว
ต่อให้เป็นคนกลุ่มใหญ่ แต่ก็ถูกทำลายได้ไม่ยากนัก ขอเพียงห้วงอารมณ์ของพวกมันบิดเบี้ยวถึงขีดสุด สถานการณ์ดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นกับฝ่ายผู้เล่นและเริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้าง
‘ทำลายล้างสังหาร’
ทักษะโจมตีที่รุนแรง 2,000% ของพลังโจมตีกายภาพและมองข้ามเกราะป้องกันทุกชนิด
“โทษประหาร”
มันถูกใช้ในชื่อที่ต่างออกไป
นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของภาษามนุษย์
ซิวรอนรีบขยับดาบปัดป้องหลังจากเห็นการโจมตีของราชาอสูรพุ่งใส่ตัวมัน
แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันการ
อาวุธในมือราชาอสูรเกิดหักเหกลางคันและแทงใส่มันในวิถีอันน่าเหลือเชื่อ
[คริติคอล!]
โทษประหารกลายเป็นความจริง
ซิวรอนเสียชีวิตไปพร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนกสุดขีด กริดแสยะยิ้มรับสายตาสุดฉงนที่อีกฝ่ายมอบให้
ซิวรอนไม่มีวันรู้เลยว่า นี่คือความเมตตาที่กริดประทานแก่มัน
ราชาอสูรใจดี เขามอบความตายที่ไม่เจ็บปวดทรมานแก่คนบาปอย่างซิวรอน
มันคือคนบาปที่แพร่กระจายข่าวลือว่ากริดเป็นริดสีดวงทวาร
กริดเป็นคนใจกว้างฉิบหาย
“…”
สายตาราชาอสูรมองทะลวงผ่านฝูงชนและประสานกับใครบางคนที่ด้านหลัง
ครอเกลกำลังยืนกอดอกโดยไม่ชักอาวุธ
คนทั้งสองสบตากันท่ามกลางกลุ่มมนุษย์กว่าสี่ร้อยชีวิต
“บ้าน่า…!”
“ทุกคนตั้งสติ! ล้อมมันไว้!”
ผู้เล่นสายประชิดกรูเข้าโจมตีกริดจากทุกทิศด้วยท่าทีระส่ำระสาย
ความหวั่นวิตกพลันแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ยากจะให้เชื่อลงว่า หนึ่งในผู้เล่นแกนหลักอย่างซิวรอนจะสิ้นท่าในดาบเดียว
แต่กระนั้น ไม่มีใครโกรธแค้นหรือเดือดดาลแทนซิวรอนที่ตายไป นี่คือการแข่งขันทางอ้อม พวกมันแต่ละคนเพียงหวังทำคะแนนสูงสุดเพื่อคว้าเหรียญรางวัล
รูปขบวนการรบเป็นไปอย่างสามัคคีจนน่าทึ่ง แทงค์ด้านหน้าสุดยกโล่กำบัง พลหอกด้านหลังคอยทิ่มแทงใส่ราชาอสูรผ่านช่องว่างโล่ที่เปิดออก
กลุ่มผู้เล่นเปิดฉากรุมแทงใส่ราชาอสูรไม่หยุดพัก แต่กริดห่างไกลจากความเป็นอันตรายมาก ชายหนุ่มกระโจนเหยียบโล่แทงค์คนใกล้พร้อมกับกระโดดลอยกลางอากาศ
‘บอสชนิดบิน?’
‘ให้ตายสิ…’
อึก
ค่ายกลที่มีระบบระเบียบช่วยสกัดบอสใหญ่ได้เพียงไม่นาน
ผู้เล่นต่างแหงนหน้ามองราชาอสูรกลางอากาศพลางกลืนน้ำลายลงคอ
ผมสีดำขลับยาวสลวยถึงแผ่นหลัง บนหน้าผากมีสามเขา ดวงตาแดงก่ำซ่อนเบื้องหลังหน้ากากสีเทา ปีกหนึ่งคู่สยายกระพือด้านหลังอย่างองอาจ
ฝ่ามือใหญ่ยิ่งกว่าใบหน้า สิบเล็บยาวแหลมคมประหนึ่งใบดาบ
ท่าทีโอหังสง่างามสมกับเป็นมหาราชาอสูร ริมฝีปากใต้หน้ากากกำลังแสยะยิ้มชั่วร้าย ประหนึ่งเหยียดหยันกองทัพผู้เล่นเป็นเพียงมดปลวก
‘สีของชื่อ… ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน’
โดยทั่วไป นามของ NPC พิเศษจะถูกเขียนด้วยอักษรทองอร่าม แต่ครานี้ ถ้อยคำ ‘ราชาอสูร’ กลับถูกแสดงด้วยอักษรแดงสดเคลือบขอบทอง เป็นความพิเศษที่ไม่เคยปรากฏที่ใด
ประหนึ่งมีแรงกดดันมหาศาลแผ่พุ่งออกจากอักษรเหล่านั้น
“เข้ามาพร้อมกันให้หมด”
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที
ฝ่ายผู้เล่นยังไม่ทันสำรวจพลังราชาอสูรอย่างละเอียด เม็ดฝนเริ่มสาดเทลงจากท้องฟ้า
“…!”
คริสรีบตะโกนเรียกสติพวกเดียวกันพลางออกคำสั่งถอย
ผู้เล่นต่างถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ พวกมันรีบถอยเต็มกำลัง แต่ยังเหลืออีกหลายคนที่ยืนใกล้กับราชาอสูรมาก
ไม่แปลกที่แรงเกอร์จำนวนมากจะหนีไม่ทัน พวกมันเป็นฝ่ายบุกเข้าหาราชาอสูรเอง
ราชาอสูรโฉบลงด้านล่างพร้อมกับใช้ฝ่ามือคว้าใบหน้าตัวแทงค์แสนเชื่องช้า
มันส่งเสียงกระซิบแหบพร่า
“พายุละเลงเลือด”
ชื่อเดิมของมันคือ ‘เขตแดนพายุสายฟ้าอสูร’
ลมกระโชกและสายฝนโหมกระหน่ำได้ลดความเร็วผู้เล่นลง ส่วนสายฟ้าจากเบื้องบนคอยลงทัณฑ์ใส่เหยื่อที่หนีไม่พ้นระยะขอบเขต
ผู้เล่นจำนวนมากพยายามยกโล่และอาวุธเพื่อปัดป้องสายฟ้า แต่นั่นเป็นการกระทำที่โง่เขลา โลหะและสายฟ้าคือของคู่กัน แผ่นโล่โลหะคืออุปกรณ์เรียกหาสายฟ้าชั้นเลิศ
“…”
คนที่หนีพ้นระยะพายุอย่างฉิวเฉียดต่างพากันอ้าปากค้าง
ตัวแทนทีมชาติเยอรมัน เวลดอน มันคือผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกราชาอสูรใช้ฝ่ามือคว้าใบหน้าไว้ตอนแรก
พายุสายฟ้ากระหน่ำโจมตีจากเบื้องบนโดยไม่ปล่อยให้เหยื่อพักหายใจ ผู้เล่นหลายสิบกลายเป็นหมอกละอองเทาคละคลุ้งฉับพลัน สนามรบแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเลือดที่อัดแน่นด้วยเสียงโหยหวน
บ่อลาวาอุบัติขึ้นบนพื้น ฝนที่ตกกระทบเริ่มระเหยกลายเป็นไอน้ำ บรรยากาศคละคลุ้งเข้มข้นเหนือคำบรรยาย
“เวลดอน! ลืมตาสักที!”
“รีบสลัดให้หลุดเร็วเข้า!”
แรงเกอร์ชาวเยอรมันอีกสองคนต่างตะเบ็งเรียกสุดเสียง แต่เวลดอนยังคงไม่ได้สติกลับคืน
เป็นเพราะค่าพละกำลังมหาศาลของราชาอสูรงั้นหรือ? เวลดอนถึงยังไม่หลุดจากเงื้อมมือเสียที
คำตอบคือไม่ใช่ เวลดอนเป็นถึงอัศวินผู้พิทักษ์แรงค์หกของโลก มันย่อมมีทักษะเอาตัวรอดจากอาการผิดปรกตินานับชนิด
เช่นนั้นแล้ว มันกำลังหวาดกลัวจนสติแตกหรืออย่างไร?
อาจใช่ คงเป็นการโกหกหากตอบว่าไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย อีกฝ่ายคือสัตว์ประหลาดที่ดับลมหายใจซิวรอนในพริบตา แถมยังคว้าร่างเวลดอนได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
ทว่า ตัวแทงค์เกิดมาเพื่อเป็นแนวหน้าเผชิญศัตรู คนขี้กลัวจะเลือกเล่นคลาสแทงค์อย่างนั้นหรือ? ไม่น่าใช่แน่
เช่นนั้นแล้ว เหตุใดเวลดอนถึงไม่ยอมหลุดจากพันธนาการสักที
คำตอบคือ
“ฮ๊าง~”
นิ้วที่ยาวเรียวของราชาอสูรกำลังสัมผัสใบหน้า แก้ม และลำคอของเวลดอน มันรู้สึกเสียวซาบซ่านสุดขีด
เรียกว่าเป็นความกระสันก็ไม่ผิดนัก เวนดอนไม่ต้องการหลุดจากห้วงความรู้สึกซาบซ่านที่กำลังเผชิญ มันอยากอยู่ในอ้อมฝ่ามือราชาอสูรตลอดกาล
เหล่าแรงเกอร์ที่เฝ้ามองสถานการณ์เริ่มสังเกตุเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของเวลดอน
‘เวทหลงใหล!’
‘ราชาอสูรเป็นบอสประเภทอินคิวบัสรึไง? พวกเราถูกลวงด้วยรูปลักษณ์ภายนอก!’
‘ชิ! ปวดหัวจังโว้ย’
“อย่าลนลาน! ห้ามหยุดกางบาเรียเด็ดขาด!”
เสียงหนึ่งดังแว่วจากนอกโซนพายุ
กอช่ากำลังช่วยเหลือเวลดอนด้วยเวทดินที่มันถนัด ขณะเดียวกันก็หันไปออกคำสั่งเหล่าจอมเวท
กลุ่มผู้เล่นที่แตกตื่นเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน คลาสประชิดโจมตีด้วยทักษะระยะกลางถึงไกล ส่วนบรรดาจอมเวทรีบร่ายบาเรียคุ้มกายหลายชั้นใส่พวกพ้องที่ติดในพายุ
แต่ก็ไม่ทันการ
พายุละเลงเลือดเกิดจากพลังของกริดที่กำลังอมลูกกวาด
แรงเกอร์เคราะห์ร้ายที่ติดในขอบเขตพายุล้วนถูกสังหารอย่างทารุณในเสี้ยวอึดใจ
“บ้าน่า…”
“พลังโจมตีอะไรกัน!”
เสาแสงเทาผุดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน บรรดาจอมเวทต่างพากันหัวเสีย พวกมันพยายามมองหาผู้เล่นที่ยังรอดชีวิตทามกลางพายุ แต่ทุกครั้งที่หาพบ ยังไม่ทันจะร่ายบาเรียจบ ผู้เคราะห์ร้ายดังกล่าวพลันสิ้นลมไปต่อหน้า
“เรกัส! อย่า!”
ป็อนตะโกนหยุดเรกัสที่คิดกระโจนใส่พายุเพื่อหวังช่วยพวกพ้อง จากนั้นก็หันเหลือบมองจิสึกะ
ในเวลาไล่เลี่ย ด้านหลังจิสึกะปรากฏเงาลางของวิหคเพลิงสีแดงฉานขนาดใหญ่
“โบยบิน!”
พลังฟินิกซ์แดงที่ลือลั่นไปทั่วโลก ไม่มีใครไม่รู้จักเทพฟินิกซ์แดงที่จิสึกะครอบครอง
นี่คือทักษะที่ติดมากับคันศรฟินิกซ์แดงเกรดมิธ ทรงพลังและรุนแรงกว่าคันศรแบบจำลองที่กริดสร้างหลายเท่า
พลังของมันจะช่วยเยียวยาพวกพ้องทั้งหมดในระยะสายตา
“เฮ—!!”
นักกีฬาและผู้ชมทางบ้านต่างโห่ร้องยินดีเป็นเสียงเดียว นี่คือพลังฟินิกซ์แดงอันโด่งดังที่มีอำนาจฮีลหมู่มหาศาล
ไม่มีใครสงสัยหรือเคลือบแคลง บรรดาผู้เล่นที่เหลือรอดภายในพายุต้องรอดชีวิตแน่นอน
ทว่า…
“เฮ่อะ!”
ราชาอสูรพ่นลมหายใจเหยียดหยันพลางพุ่งปรี่เข้าหาฟินิกซ์แดง
ทันใดนั้น นกเพลิงขนาดมหึมาถูกดูดหายเข้าไปในฝ่ามือราชาอสูรอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีอยู่
สิ่งนี้เป็นผลจากพลัง ‘ลบล้าง’ ของแหวนดาร์คบัส
กริดเตรียมใช้ไพ่ตายทั้งหมดในศึกตรงหน้าโดยไม่หวงแหน
ไม่ใช่เพื่อของรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพื่อยูร่าด้วย
‘เธอต้องอยู่กับฉันเท่านั้น’
หลังจากฟินิกซ์แดงถูกทำลาย ความหวาดกลัวพลันครอบงำบรรยากาศและจิตใจทุกคนในพริบตา
กริดหันใบหน้าจ้องมองกล้องหลัก เขามั่นใจว่ายูร่ากำลังรับชมถ่ายทอดสดอยู่
ชายหนุ่มต้องการส่งสารหาเธอ
***
『นี่มันอะไรกันครับ! เป็นการยั่วยุจากราชาอสูรงั้นหรือ』
『ไม่ผิดแน่ครับ! ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ผิดแน่! 』
พิธีกรต่างพากันขนลุกเมื่อกล้องหลักเริ่มซูมถ่ายใบหน้าราชาอสูร
ราวกับมันกำลังกล่าวว่า ‘วีรบุรุษที่พวกแกฝากความหวัง พวกมันเป็นเพียงมดปลวกในสายตาข้า’
หากกริดรู้เช่นนี้คงต้องพูดไปแน่
แต่ในความเป็นจริง เจตนาของเขาตรงกันข้าม ชายหนุ่มหวังส่งรอยยิ้มให้กำลังใจยูร่าอย่างอบอุ่น
กริดพยายามปั้นหน้าให้ดูดีที่สุด แต่ผู้ชมทั่วโลกกลับมองเป็นรอยยิ้มแสนชั่วช้าของจอมมาร
『พายุหายไปแล้วครับ! 』
『พลังทำลายมหาศาลมาก แต่ระยะเวลาก็สั้นมากเช่นกัน ผมคิดว่าต้องมีระยะหน่วงที่นานแน่ ผู้เล่นควรรีบฉวยโอกาสหลังจากนี้ให้เกิดประโยชน์』
『นักกีฬาป็อนและเรกัสนำทัพบุกแล้วครับ! โจมตีเข้าเป้าครับ! หอกของป็อนทะลวงหน้าแข้งอย่างแม่นยำ ส่วนลูกถีบเรกัสเสยเข้าคางอย่างจังเลยครับ! เจ๋งเป้ง! 』
『ดาเมี่ยนเน้นบัฟแค่จิสึกะและคริสครับ! นักกีฬาคริสพยายามฟันใส่ราชาอสูรด้วยท่าไม้ตาย แต่อีกฝ่ายหลบได้ฉิวเฉียด! 』
『ราชาอสูรเป็นกังวลกับคริสมากครับ เขาหลีกเลี่ยงคริสอย่างชัดเจน… อ๊ะ! จิสึกะยิงเข้าเป้าแล้วครับ! แม้แต่ราชาอสูรก็หลบศรจากเธอไม่พ้นงั้นหรือ』
『ราชาอสูรถูกศรปักอกจนดาบของมันต้องชะงักครับ! 』
แรงเกอร์หัวกะทิของโลกต่างลงมืออย่างรอบคอบรัดกุม
จิสึกะทราบถึงพลังป้องกันและพลังชีวิตระดับสัตว์ประหลาดของอีกฝ่าย เธอจึงไม่โจมตีหวังผลสังหาร แต่หวังให้เกิดอาการผิดปรกติจำพวกแขนชา ชะงัก และกระดูกแตก
ราชาอสูรรีบสลับอาวุธให้มืออีกข้างถือ
『ริ้วผ้าของเหมยเซียวรัดพันแขนซ้ายราชาอสูรได้แล้วครับ! 』
『พีคซอร์ดกับแค็ทซ์ลอบโจมตีจากด้านหลังสำเร็จครับ! 』
ศึกสี่ร้อยต่อหนึ่งของแท้
ฝ่ายผู้เล่นเคยสู้กับราชันสวรรค์ถึงสองยกเต็ม พวกเขาย่อมโจมตีสอดประสานอย่างสามัคคี
ราชาอสูรที่ทุกคนมองว่ายากจะล้มไหว ยามนี้เริ่มถูกรุกหนักฝ่ายเดียว
ผู้ชมในสนามและทั่วโลกต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดี
‘ต้องเป็นกับดักแน่!’
เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ย่อมทราบตัวจริงของราชาอสูร พวกมันกำลังยืนสั่นระริก
ต้องมีเหตุผลบางประการที่ราชาอสูรปล่อยให้ถูกโจมตีฝ่ายเดียว คงมีบางสิ่งร้ายแรงใกล้เกิดขึ้น
แต่กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อสาย
คุฮ่าฮ่าฮ่า!
เสียงหัวเราะของราชาอสูรดังแว่วจากด้านหลังกองทัพผู้เล่นสี่ร้อย
นักกีฬาทุกคนพลันเหลียวหลังหันมองเป็นตาเดียว
พวกเขากำลังหวาดผวาสุดขีด
หลายคนเริ่มคิดว่าราชาอสูรที่ถูกรุมยำเป็นตัวปลอม และตัวจริงกำลังเปิดฉากโจมตีจากด้านหลัง
แต่ผิดถนัด
เสียงหัวเราะที่ดังแว่วเป็นเพียงลูกไม้จากเวทตั้งเวลาของกริด
“ขอสละเนตรหนึ่งข้าง”
“…!!”
ผู้เล่นรีบหันกลับมามองราชาอสูรตัวจริงอีกครั้ง
สีหน้าพวกเขาเปี่ยมด้วยความทึ่ง
ราชาอสูรรอดพ้นจากวงล้อมด้วยเสียงหัวเราะปลอมแค่หนเดียว
“คุกเข่าลง!”
ชื่อเดิมของมันคือ ‘ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน’
สร้างความเสียหาย 20% แก่ทุกเป้าหมายในระยะมองเห็น ทุกเป้าหมายจะตกอยู่ในอาการ ‘ถูกผนึก’ สามวินาที เป้าหมายที่ถูกผนึกจะมิอาจขยับตัวหรือใช้ทักษะได้
ข้อเสียเดียวคือ ทักษะชนิดนี้สิ้นเปลืองปราณต่อสู้ค่อนข้างมาก แต่หากเป็นศึกหนึ่งต่อสี่ร้อยเช่นนี้ ถือเป็นไพ่ตายสุดโกงที่สมควรใช้ด้วยประการทั้งปวง
คลาสประชิดที่กำลังง้างทักษะ รวมถึงคลาสจอมเวทที่กำลังท่องมนตร์ร่ายเวทใหญ่
ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนเท่าเทียมกันต่อหน้ามหาราชาอสูร
พวกมันทุกคนถูกแรงสะกดข่มจากฟากฟ้าบีบบังคับให้คุกเข่าศิโรราบ
“…”
พิธีกร ผู้ชมทั้งในสนามและทางบ้าน ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดจากปาก
แรงเกอร์เกือบสี่ร้อยทรุดคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าราชาอสูรราวกับยอมจำนน
“อั่ก…! ชิ!”
บรรยากาศสนามรบพลันสงบนิ่งประหนึ่งความวุ่นวายก่อนหน้าเป็นของเทียม
บางคนไม่เข้าใจสถานการณ์ บางคนสั่นระริกอย่างเจ็บใจ และบางคนกำลังเดือดดาลสุดขีด
แต่มีอยู่หนึ่งคน
“…”
อริยดาบครอเกลยืนเด่นตระหง่านท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ที่กำลังคุกเข่าสิ้นสภาพ
ทุกสายตาจับจ้องพร้อมเพรียง
พวกมันอยากเห็นว่าอริยดาบจะใช้พลังใดปกป้องพวกตนให้รอดพ้นจากสถานการณ์แสนสิ้นหวัง
ทว่า ครอเกลมิได้สนองความหวังของใคร มันทำเพียงยืนกอดอกและจ้องมอง
‘พวกเรายังเหลือศึกตัดสินอีกหนึ่งยก’
นี่คือถ้อยคำที่กริดกล่าวกับครอเกลในปีก่อน
ครอเกลไม่คิดเมินเฉยต่อคำมั่นสัญญา แม้ต้องถูกคนทั่วโลกรุมประณามก็ตาม
‘ดวลกันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง’
สายตาครอเกลกำลังบ่งบอก กริดรับสารพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าคอแรงเกอร์ชาวจีนคนหนึ่ง
เหมยเซียว
คำตอบจากกริดคือ ‘ย่อมได้’
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,349
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
มันส์~~
ReplyDeleteสนุกมากครับ
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง☺️🙏
โคตรเดือดเลยโว้ยยยยย
ReplyDeleteเหมยเซียวบอก : แล้วเกี่ยวอะไรกับชั้น
ReplyDelete5555+