จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 956



กริดย่อมช่ำชองกลยุทธ์ถล่มกองทัพ


เจ็ดกิลด์ใหญ่ อิมมอร์ทัล อาณาจักรอีเทอนัล จักรวรรดิซาฮารัน เมืองแวมไพร์ กองอัศวินสีชาด และอีกมาก


เขาเคยเอาชนะศัตรูระดับกองทัพนับไม่ถ้วน คงแปลกเกินไปหากไม่ซึมซับเทคนิคและกลยุทธ์ในการเอาชนะมาบ้าง


ถึงกริดจะโง่ แต่เขามิได้ปิดกั้นตัวเอง ชายหนุ่มหมั่นสั่งสมความรู้อยู่ตลอดเวลา


[ท่านอมลูกกวาดไว้ในปาก]


[ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 30% จนกว่าลูกกวาดจะละลายในอีกห้านาทีให้หลัง]


[ท่านใช้งานโทสะช่างตีเหล็ก พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 20% และความเร็วโจมตี 40%]


ในวินาทีที่ผู้เล่นผลักประตูบานใหญ่ออก หายนะพลันบังเกิดแก่กลุ่มพวกมัน เสียงกรีดร้องดังระงมทั่วทางเข้าท้องพระโรง เป็นภัยพิบัติแบบเดียวกับเมื่อครั้งสี่ราชันสวรรค์กำราบมนุษย์ผู้โง่เขลาในศึกแรก


กริดเปิดฉากโจมตีอย่างไร้ความปรานี


หวาดกลัว


ต่อให้เป็นคนกลุ่มใหญ่ แต่ก็ถูกทำลายได้ไม่ยากนัก ขอเพียงห้วงอารมณ์ของพวกมันบิดเบี้ยวถึงขีดสุด สถานการณ์ดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นกับฝ่ายผู้เล่นและเริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้าง


‘ทำลายล้างสังหาร’


ทักษะโจมตีที่รุนแรง 2,000% ของพลังโจมตีกายภาพและมองข้ามเกราะป้องกันทุกชนิด


“โทษประหาร”


มันถูกใช้ในชื่อที่ต่างออกไป


นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของภาษามนุษย์


ซิวรอนรีบขยับดาบปัดป้องหลังจากเห็นการโจมตีของราชาอสูรพุ่งใส่ตัวมัน


แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันการ


อาวุธในมือราชาอสูรเกิดหักเหกลางคันและแทงใส่มันในวิถีอันน่าเหลือเชื่อ


[คริติคอล!]


โทษประหารกลายเป็นความจริง


ซิวรอนเสียชีวิตไปพร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนกสุดขีด กริดแสยะยิ้มรับสายตาสุดฉงนที่อีกฝ่ายมอบให้


ซิวรอนไม่มีวันรู้เลยว่า นี่คือความเมตตาที่กริดประทานแก่มัน


ราชาอสูรใจดี เขามอบความตายที่ไม่เจ็บปวดทรมานแก่คนบาปอย่างซิวรอน


มันคือคนบาปที่แพร่กระจายข่าวลือว่ากริดเป็นริดสีดวงทวาร


กริดเป็นคนใจกว้างฉิบหาย


“…”


สายตาราชาอสูรมองทะลวงผ่านฝูงชนและประสานกับใครบางคนที่ด้านหลัง


ครอเกลกำลังยืนกอดอกโดยไม่ชักอาวุธ


คนทั้งสองสบตากันท่ามกลางกลุ่มมนุษย์กว่าสี่ร้อยชีวิต


“บ้าน่า…!”


“ทุกคนตั้งสติ! ล้อมมันไว้!”


ผู้เล่นสายประชิดกรูเข้าโจมตีกริดจากทุกทิศด้วยท่าทีระส่ำระสาย


ความหวั่นวิตกพลันแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ยากจะให้เชื่อลงว่า หนึ่งในผู้เล่นแกนหลักอย่างซิวรอนจะสิ้นท่าในดาบเดียว


แต่กระนั้น ไม่มีใครโกรธแค้นหรือเดือดดาลแทนซิวรอนที่ตายไป นี่คือการแข่งขันทางอ้อม พวกมันแต่ละคนเพียงหวังทำคะแนนสูงสุดเพื่อคว้าเหรียญรางวัล


รูปขบวนการรบเป็นไปอย่างสามัคคีจนน่าทึ่ง แทงค์ด้านหน้าสุดยกโล่กำบัง พลหอกด้านหลังคอยทิ่มแทงใส่ราชาอสูรผ่านช่องว่างโล่ที่เปิดออก


กลุ่มผู้เล่นเปิดฉากรุมแทงใส่ราชาอสูรไม่หยุดพัก แต่กริดห่างไกลจากความเป็นอันตรายมาก ชายหนุ่มกระโจนเหยียบโล่แทงค์คนใกล้พร้อมกับกระโดดลอยกลางอากาศ


‘บอสชนิดบิน?’


‘ให้ตายสิ…’


อึก


ค่ายกลที่มีระบบระเบียบช่วยสกัดบอสใหญ่ได้เพียงไม่นาน


ผู้เล่นต่างแหงนหน้ามองราชาอสูรกลางอากาศพลางกลืนน้ำลายลงคอ


ผมสีดำขลับยาวสลวยถึงแผ่นหลัง บนหน้าผากมีสามเขา ดวงตาแดงก่ำซ่อนเบื้องหลังหน้ากากสีเทา ปีกหนึ่งคู่สยายกระพือด้านหลังอย่างองอาจ


ฝ่ามือใหญ่ยิ่งกว่าใบหน้า สิบเล็บยาวแหลมคมประหนึ่งใบดาบ


ท่าทีโอหังสง่างามสมกับเป็นมหาราชาอสูร ริมฝีปากใต้หน้ากากกำลังแสยะยิ้มชั่วร้าย ประหนึ่งเหยียดหยันกองทัพผู้เล่นเป็นเพียงมดปลวก


‘สีของชื่อ… ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน’


โดยทั่วไป นามของ NPC พิเศษจะถูกเขียนด้วยอักษรทองอร่าม แต่ครานี้ ถ้อยคำ ‘ราชาอสูร’ กลับถูกแสดงด้วยอักษรแดงสดเคลือบขอบทอง เป็นความพิเศษที่ไม่เคยปรากฏที่ใด


ประหนึ่งมีแรงกดดันมหาศาลแผ่พุ่งออกจากอักษรเหล่านั้น


“เข้ามาพร้อมกันให้หมด”


เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที


ฝ่ายผู้เล่นยังไม่ทันสำรวจพลังราชาอสูรอย่างละเอียด เม็ดฝนเริ่มสาดเทลงจากท้องฟ้า


“…!”


คริสรีบตะโกนเรียกสติพวกเดียวกันพลางออกคำสั่งถอย


ผู้เล่นต่างถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ พวกมันรีบถอยเต็มกำลัง แต่ยังเหลืออีกหลายคนที่ยืนใกล้กับราชาอสูรมาก


ไม่แปลกที่แรงเกอร์จำนวนมากจะหนีไม่ทัน พวกมันเป็นฝ่ายบุกเข้าหาราชาอสูรเอง


ราชาอสูรโฉบลงด้านล่างพร้อมกับใช้ฝ่ามือคว้าใบหน้าตัวแทงค์แสนเชื่องช้า


มันส่งเสียงกระซิบแหบพร่า


“พายุละเลงเลือด”


ชื่อเดิมของมันคือ ‘เขตแดนพายุสายฟ้าอสูร’


ลมกระโชกและสายฝนโหมกระหน่ำได้ลดความเร็วผู้เล่นลง ส่วนสายฟ้าจากเบื้องบนคอยลงทัณฑ์ใส่เหยื่อที่หนีไม่พ้นระยะขอบเขต


ผู้เล่นจำนวนมากพยายามยกโล่และอาวุธเพื่อปัดป้องสายฟ้า แต่นั่นเป็นการกระทำที่โง่เขลา โลหะและสายฟ้าคือของคู่กัน แผ่นโล่โลหะคืออุปกรณ์เรียกหาสายฟ้าชั้นเลิศ


“…”


คนที่หนีพ้นระยะพายุอย่างฉิวเฉียดต่างพากันอ้าปากค้าง


ตัวแทนทีมชาติเยอรมัน เวลดอน มันคือผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกราชาอสูรใช้ฝ่ามือคว้าใบหน้าไว้ตอนแรก


พายุสายฟ้ากระหน่ำโจมตีจากเบื้องบนโดยไม่ปล่อยให้เหยื่อพักหายใจ ผู้เล่นหลายสิบกลายเป็นหมอกละอองเทาคละคลุ้งฉับพลัน สนามรบแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเลือดที่อัดแน่นด้วยเสียงโหยหวน


บ่อลาวาอุบัติขึ้นบนพื้น ฝนที่ตกกระทบเริ่มระเหยกลายเป็นไอน้ำ บรรยากาศคละคลุ้งเข้มข้นเหนือคำบรรยาย


“เวลดอน! ลืมตาสักที!”


“รีบสลัดให้หลุดเร็วเข้า!”


แรงเกอร์ชาวเยอรมันอีกสองคนต่างตะเบ็งเรียกสุดเสียง แต่เวลดอนยังคงไม่ได้สติกลับคืน


เป็นเพราะค่าพละกำลังมหาศาลของราชาอสูรงั้นหรือ? เวลดอนถึงยังไม่หลุดจากเงื้อมมือเสียที


คำตอบคือไม่ใช่ เวลดอนเป็นถึงอัศวินผู้พิทักษ์แรงค์หกของโลก มันย่อมมีทักษะเอาตัวรอดจากอาการผิดปรกตินานับชนิด


เช่นนั้นแล้ว มันกำลังหวาดกลัวจนสติแตกหรืออย่างไร?


อาจใช่ คงเป็นการโกหกหากตอบว่าไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย อีกฝ่ายคือสัตว์ประหลาดที่ดับลมหายใจซิวรอนในพริบตา แถมยังคว้าร่างเวลดอนได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว


ทว่า ตัวแทงค์เกิดมาเพื่อเป็นแนวหน้าเผชิญศัตรู คนขี้กลัวจะเลือกเล่นคลาสแทงค์อย่างนั้นหรือ? ไม่น่าใช่แน่


เช่นนั้นแล้ว เหตุใดเวลดอนถึงไม่ยอมหลุดจากพันธนาการสักที


คำตอบคือ


“ฮ๊าง~”


นิ้วที่ยาวเรียวของราชาอสูรกำลังสัมผัสใบหน้า แก้ม และลำคอของเวลดอน มันรู้สึกเสียวซาบซ่านสุดขีด


เรียกว่าเป็นความกระสันก็ไม่ผิดนัก เวนดอนไม่ต้องการหลุดจากห้วงความรู้สึกซาบซ่านที่กำลังเผชิญ มันอยากอยู่ในอ้อมฝ่ามือราชาอสูรตลอดกาล


เหล่าแรงเกอร์ที่เฝ้ามองสถานการณ์เริ่มสังเกตุเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของเวลดอน


‘เวทหลงใหล!’


‘ราชาอสูรเป็นบอสประเภทอินคิวบัสรึไง? พวกเราถูกลวงด้วยรูปลักษณ์ภายนอก!’


‘ชิ! ปวดหัวจังโว้ย’


“อย่าลนลาน! ห้ามหยุดกางบาเรียเด็ดขาด!”


เสียงหนึ่งดังแว่วจากนอกโซนพายุ


กอช่ากำลังช่วยเหลือเวลดอนด้วยเวทดินที่มันถนัด ขณะเดียวกันก็หันไปออกคำสั่งเหล่าจอมเวท


กลุ่มผู้เล่นที่แตกตื่นเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน คลาสประชิดโจมตีด้วยทักษะระยะกลางถึงไกล ส่วนบรรดาจอมเวทรีบร่ายบาเรียคุ้มกายหลายชั้นใส่พวกพ้องที่ติดในพายุ


แต่ก็ไม่ทันการ


พายุละเลงเลือดเกิดจากพลังของกริดที่กำลังอมลูกกวาด


แรงเกอร์เคราะห์ร้ายที่ติดในขอบเขตพายุล้วนถูกสังหารอย่างทารุณในเสี้ยวอึดใจ


“บ้าน่า…”


“พลังโจมตีอะไรกัน!”


เสาแสงเทาผุดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน บรรดาจอมเวทต่างพากันหัวเสีย พวกมันพยายามมองหาผู้เล่นที่ยังรอดชีวิตทามกลางพายุ แต่ทุกครั้งที่หาพบ ยังไม่ทันจะร่ายบาเรียจบ ผู้เคราะห์ร้ายดังกล่าวพลันสิ้นลมไปต่อหน้า


“เรกัส! อย่า!”


ป็อนตะโกนหยุดเรกัสที่คิดกระโจนใส่พายุเพื่อหวังช่วยพวกพ้อง จากนั้นก็หันเหลือบมองจิสึกะ


ในเวลาไล่เลี่ย ด้านหลังจิสึกะปรากฏเงาลางของวิหคเพลิงสีแดงฉานขนาดใหญ่


“โบยบิน!”


พลังฟินิกซ์แดงที่ลือลั่นไปทั่วโลก ไม่มีใครไม่รู้จักเทพฟินิกซ์แดงที่จิสึกะครอบครอง


นี่คือทักษะที่ติดมากับคันศรฟินิกซ์แดงเกรดมิธ ทรงพลังและรุนแรงกว่าคันศรแบบจำลองที่กริดสร้างหลายเท่า


พลังของมันจะช่วยเยียวยาพวกพ้องทั้งหมดในระยะสายตา


“เฮ—!!”


นักกีฬาและผู้ชมทางบ้านต่างโห่ร้องยินดีเป็นเสียงเดียว นี่คือพลังฟินิกซ์แดงอันโด่งดังที่มีอำนาจฮีลหมู่มหาศาล


ไม่มีใครสงสัยหรือเคลือบแคลง บรรดาผู้เล่นที่เหลือรอดภายในพายุต้องรอดชีวิตแน่นอน


ทว่า…


“เฮ่อะ!”


ราชาอสูรพ่นลมหายใจเหยียดหยันพลางพุ่งปรี่เข้าหาฟินิกซ์แดง


ทันใดนั้น นกเพลิงขนาดมหึมาถูกดูดหายเข้าไปในฝ่ามือราชาอสูรอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีอยู่


สิ่งนี้เป็นผลจากพลัง ‘ลบล้าง’ ของแหวนดาร์คบัส


กริดเตรียมใช้ไพ่ตายทั้งหมดในศึกตรงหน้าโดยไม่หวงแหน


ไม่ใช่เพื่อของรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพื่อยูร่าด้วย


‘เธอต้องอยู่กับฉันเท่านั้น’


หลังจากฟินิกซ์แดงถูกทำลาย ความหวาดกลัวพลันครอบงำบรรยากาศและจิตใจทุกคนในพริบตา


กริดหันใบหน้าจ้องมองกล้องหลัก เขามั่นใจว่ายูร่ากำลังรับชมถ่ายทอดสดอยู่


ชายหนุ่มต้องการส่งสารหาเธอ


***


『นี่มันอะไรกันครับ! เป็นการยั่วยุจากราชาอสูรงั้นหรือ』


『ไม่ผิดแน่ครับ! ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ผิดแน่! 』


พิธีกรต่างพากันขนลุกเมื่อกล้องหลักเริ่มซูมถ่ายใบหน้าราชาอสูร


ราวกับมันกำลังกล่าวว่า ‘วีรบุรุษที่พวกแกฝากความหวัง พวกมันเป็นเพียงมดปลวกในสายตาข้า’


หากกริดรู้เช่นนี้คงต้องพูดไปแน่


แต่ในความเป็นจริง เจตนาของเขาตรงกันข้าม ชายหนุ่มหวังส่งรอยยิ้มให้กำลังใจยูร่าอย่างอบอุ่น


กริดพยายามปั้นหน้าให้ดูดีที่สุด แต่ผู้ชมทั่วโลกกลับมองเป็นรอยยิ้มแสนชั่วช้าของจอมมาร


『พายุหายไปแล้วครับ! 』


『พลังทำลายมหาศาลมาก แต่ระยะเวลาก็สั้นมากเช่นกัน ผมคิดว่าต้องมีระยะหน่วงที่นานแน่ ผู้เล่นควรรีบฉวยโอกาสหลังจากนี้ให้เกิดประโยชน์』


『นักกีฬาป็อนและเรกัสนำทัพบุกแล้วครับ! โจมตีเข้าเป้าครับ! หอกของป็อนทะลวงหน้าแข้งอย่างแม่นยำ ส่วนลูกถีบเรกัสเสยเข้าคางอย่างจังเลยครับ! เจ๋งเป้ง! 』


『ดาเมี่ยนเน้นบัฟแค่จิสึกะและคริสครับ! นักกีฬาคริสพยายามฟันใส่ราชาอสูรด้วยท่าไม้ตาย แต่อีกฝ่ายหลบได้ฉิวเฉียด! 』


『ราชาอสูรเป็นกังวลกับคริสมากครับ เขาหลีกเลี่ยงคริสอย่างชัดเจน… อ๊ะ! จิสึกะยิงเข้าเป้าแล้วครับ! แม้แต่ราชาอสูรก็หลบศรจากเธอไม่พ้นงั้นหรือ』


『ราชาอสูรถูกศรปักอกจนดาบของมันต้องชะงักครับ! 』


แรงเกอร์หัวกะทิของโลกต่างลงมืออย่างรอบคอบรัดกุม


จิสึกะทราบถึงพลังป้องกันและพลังชีวิตระดับสัตว์ประหลาดของอีกฝ่าย เธอจึงไม่โจมตีหวังผลสังหาร แต่หวังให้เกิดอาการผิดปรกติจำพวกแขนชา ชะงัก และกระดูกแตก


ราชาอสูรรีบสลับอาวุธให้มืออีกข้างถือ


『ริ้วผ้าของเหมยเซียวรัดพันแขนซ้ายราชาอสูรได้แล้วครับ! 』


『พีคซอร์ดกับแค็ทซ์ลอบโจมตีจากด้านหลังสำเร็จครับ! 』


ศึกสี่ร้อยต่อหนึ่งของแท้


ฝ่ายผู้เล่นเคยสู้กับราชันสวรรค์ถึงสองยกเต็ม พวกเขาย่อมโจมตีสอดประสานอย่างสามัคคี


ราชาอสูรที่ทุกคนมองว่ายากจะล้มไหว ยามนี้เริ่มถูกรุกหนักฝ่ายเดียว


ผู้ชมในสนามและทั่วโลกต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดี


‘ต้องเป็นกับดักแน่!’


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ย่อมทราบตัวจริงของราชาอสูร พวกมันกำลังยืนสั่นระริก


ต้องมีเหตุผลบางประการที่ราชาอสูรปล่อยให้ถูกโจมตีฝ่ายเดียว คงมีบางสิ่งร้ายแรงใกล้เกิดขึ้น


แต่กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อสาย


คุฮ่าฮ่าฮ่า!


เสียงหัวเราะของราชาอสูรดังแว่วจากด้านหลังกองทัพผู้เล่นสี่ร้อย


นักกีฬาทุกคนพลันเหลียวหลังหันมองเป็นตาเดียว


พวกเขากำลังหวาดผวาสุดขีด


หลายคนเริ่มคิดว่าราชาอสูรที่ถูกรุมยำเป็นตัวปลอม และตัวจริงกำลังเปิดฉากโจมตีจากด้านหลัง


แต่ผิดถนัด


เสียงหัวเราะที่ดังแว่วเป็นเพียงลูกไม้จากเวทตั้งเวลาของกริด


“ขอสละเนตรหนึ่งข้าง”


“…!!”


ผู้เล่นรีบหันกลับมามองราชาอสูรตัวจริงอีกครั้ง


สีหน้าพวกเขาเปี่ยมด้วยความทึ่ง


ราชาอสูรรอดพ้นจากวงล้อมด้วยเสียงหัวเราะปลอมแค่หนเดียว


“คุกเข่าลง!”


ชื่อเดิมของมันคือ ‘ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน’


สร้างความเสียหาย 20% แก่ทุกเป้าหมายในระยะมองเห็น ทุกเป้าหมายจะตกอยู่ในอาการ ‘ถูกผนึก’ สามวินาที เป้าหมายที่ถูกผนึกจะมิอาจขยับตัวหรือใช้ทักษะได้


ข้อเสียเดียวคือ ทักษะชนิดนี้สิ้นเปลืองปราณต่อสู้ค่อนข้างมาก แต่หากเป็นศึกหนึ่งต่อสี่ร้อยเช่นนี้ ถือเป็นไพ่ตายสุดโกงที่สมควรใช้ด้วยประการทั้งปวง


คลาสประชิดที่กำลังง้างทักษะ รวมถึงคลาสจอมเวทที่กำลังท่องมนตร์ร่ายเวทใหญ่


ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนเท่าเทียมกันต่อหน้ามหาราชาอสูร


พวกมันทุกคนถูกแรงสะกดข่มจากฟากฟ้าบีบบังคับให้คุกเข่าศิโรราบ


“…”


พิธีกร ผู้ชมทั้งในสนามและทางบ้าน ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดจากปาก


แรงเกอร์เกือบสี่ร้อยทรุดคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าราชาอสูรราวกับยอมจำนน


“อั่ก…! ชิ!”


บรรยากาศสนามรบพลันสงบนิ่งประหนึ่งความวุ่นวายก่อนหน้าเป็นของเทียม


บางคนไม่เข้าใจสถานการณ์ บางคนสั่นระริกอย่างเจ็บใจ และบางคนกำลังเดือดดาลสุดขีด


แต่มีอยู่หนึ่งคน


“…”


อริยดาบครอเกลยืนเด่นตระหง่านท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ที่กำลังคุกเข่าสิ้นสภาพ


ทุกสายตาจับจ้องพร้อมเพรียง


พวกมันอยากเห็นว่าอริยดาบจะใช้พลังใดปกป้องพวกตนให้รอดพ้นจากสถานการณ์แสนสิ้นหวัง


ทว่า ครอเกลมิได้สนองความหวังของใคร มันทำเพียงยืนกอดอกและจ้องมอง


‘พวกเรายังเหลือศึกตัดสินอีกหนึ่งยก’


นี่คือถ้อยคำที่กริดกล่าวกับครอเกลในปีก่อน


ครอเกลไม่คิดเมินเฉยต่อคำมั่นสัญญา แม้ต้องถูกคนทั่วโลกรุมประณามก็ตาม


‘ดวลกันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง’


สายตาครอเกลกำลังบ่งบอก กริดรับสารพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าคอแรงเกอร์ชาวจีนคนหนึ่ง


เหมยเซียว


คำตอบจากกริดคือ ‘ย่อมได้’



▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,349

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. มันส์​~~
    สนุก​มาก​ครับ
    ขอบพระคุณ​เป็น​อย่างยิ่ง​☺️🙏

    ReplyDelete
  2. โคตรเดือดเลยโว้ยยยยย

    ReplyDelete
  3. เหมยเซียวบอก : แล้วเกี่ยวอะไรกับชั้น
    5555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00