จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 952
การแข่งนานาชาติจะมีเซิร์ฟเวอร์แยกกับตัวเกม ข้อมูลไอเท็มและข้อมูลตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเซิร์ฟเวอร์หลัก
นี่คือกฎใหม่เอี่ยมที่ถูกนำมาใช้กับงานแข่งนานาชาติครั้งที่สี่โดยเฉพาะ
ผู้เล่นส่วนใหญ่อ้าแขนต้อนรับกฎใหม่ด้วยความยินดี ไม่มีใครต้องการสูญเสียไอเท็มถาวรเพราะถูกทำลายในงานแข่ง มันเป็นภาพที่น่าเจ็บปวดเกินไป
นี่คือมาตรการที่ดีสำหรับปกป้องไม่ให้เกิดเหยื่อรายใหม่
…จนกระทั่งการแข่งตะลุมบอนราชาอสูรเริ่มขึ้น ผู้เล่นจึงตระหนักได้ว่า เหตุใดถึงต้องมีกฎใหม่คอยคุ้มครองความปลอดภัย
[‘โล่เดอร์นิไฮลด์’ สูญเสียความทนทานและถูกทำลาย!]
[ไอเท็มที่ถูกทำลายจะกลับคืนสภาพเดิมหลังจากราชันสวรรค์ถูกโค่น]
“อั่ก…!”
ยี่สิบนาทีหลังจากการรอบสี่ราชันสวรรค์เริ่มแข่ง เสียงครวญครางเช่นนี้ดังระงมจากประตูทั้งสี่ทิศ
เหล่าท็อปแรงเกอร์ของโลกที่สวมใส่ไอเท็มเกรดยูนีคหรือเลเจนดารีเต็มตัวเมื่อยี่สิบนาทีก่อน ยามนี้พวกเขากำลังมีสภาพเละทะทรุดโทรมประหนึ่งนุ่งผ้าขี้ริ้ว
ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลหลักที่ทาง SA กรุปแยกเซิร์ฟเวอร์งานแข่งให้เป็นอิสระจากเซิร์ฟเวอร์หลักอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของตัวผู้เล่นเอง เป็นความเมตตาที่ผู้จัดงานมอบให้กับผู้เล่นที่ต้องเผชิญด่านนรกของสี่ราชันสวรรค์
กฎใหม่ข้อนี้ถูกกำหนดขึ้นเพิ่มเติมหลังจากลิมชอลโฮผุดไอเดียนำกริดมาเป็นราชาอสูร
“แค่ก…! บ้าน่า…”
ณ ประตูทิศตะวันออก แรงเกอร์ชาวเยอรมัน ‘เวลดอน’ กำลังหน้าซีดเผือดพลางกระอักโลหิตคำโต
ในฐานะที่มันช่ำชองการล่าบอสมายาวนาน โล่ของมันแทบไม่เคยถูกทำลายเลยสักครั้ง หนเดียวที่มันสูญเสียโล่คือเมื่อคราวที่ต้องล่าบอสพิเศษนานถึงแปดชั่วโมงติดต่อ
แต่สี่ราชันสวรรค์บัดซบนามว่าเบนซ์กลับซัดโล่ของมันจนแหลกละเอียดภายในระยะเวลาเพียงยี่สิบนาที
ที่น่าตกใจไปกว่านั้น เวลดอนไม่ใช่แทงค์คนเดียวของทีม B ประตูทิศตะวันตกมีแทงค์รวมกันกับเกือบยี่สิบคน หมายความว่าเวลดอนใช้โล่ปัดป้องดาบของเบนซ์แค่เพียงสิบห้าครั้งเท่านั้น
ใช่แล้ว โล่เกรดยูนีคที่เคลือบทักษะ ‘โล่ชั้นสูง Lv.8’ กลับถูกทำลายจากการฟันแทงเพียงสิบห้าครั้ง
เวลดอนคือฟูลแทงค์ที่ไม่มีค่าหลบหลีกแม้แต่น้อย เขาทุ่มเททุกอย่างไปกับพลังป้องกัน สิ่งนี้หมายความว่าเบนซ์มีพลังโจมตีรุนแรงเทียบเท่ากริดในงานแข่งนานาชาติเมื่อหนึ่งปีก่อน
ไม่สิ อาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ
“ถัดจากสี่ราชันสวรรค์ยังมีราชาอสูรรออยู่ พวกเราจะเอาชนะได้จริงหรือ”
เวลดอนไม่หลงเหลือกำลังใจที่จะสู้ มันแสดงสีหน้าสิ้นหวังสุดขีด ถ้อยคำของเวลดอนส่งผลให้นักกีฬากลุ่ม B ต่างมีบรรยากาศอึมครึม
แต่ไม่มีใครคิดกล่าวโทษเวลดอน ในใจของคนส่วนใหญ่รู้สึกเช่นเดียวกันมานานแล้ว
ทว่า นักกีฬาเกินกว่าครึ่งยังคงไม่คิดท้อถอย พวกเขามองว่าช่วงเวลายี่สิบนาทีที่ผ่านมามิได้สูญเปล่า ใครหลายคนเริ่มจับทิศทางและรูปแบบการโจมตีของเบนซ์ได้
‘หล่อนไม่ใช่สายกระหน่ำโจมตีด้วยทักษะ การออกทักษะจะถูกสอดแทรกไว้ระหว่างการฟันธรรมดาเสมอ’
‘ทักษะโจมตีหมู่ไม่ใช่ปัญหา อาจรุนแรงจนสังหารผู้เล่นในคราเดียวก็จริง แต่ก็เป็นเพียงกลุ่มไม่ใหญ่มาก’
‘พลังป้องกันอาจสูง แต่เธอไม่มีทักษะฟื้นฟูตัวเองจำพวกฮีล’
‘ถึงอย่างนั้น…’
‘ยิ่งพลังชีวิตต่ำ หล่อนกลับยิ่งโจมตีได้รุนแรงขึ้น’
‘เธอต้องเป็นนักรบคลั่งแน่!’
ราชันสวรรค์ทิศใต้นามว่าเบนซ์… ตัวตนแท้จริงของเธอคือเมอร์เซเดส
ในฐานะอัศวินประจำตัวกริดและอัศวินในตำนาน เมอร์เซเดสสวมเกราะราชาวีรบุรุษไว้ตลอดเวลา มันคือชุดเกราะเกรดมิธที่สร้างโดยกริด จุดเด่นสำคัญของเกราะตัวนี้คือ ยิ่งผู้สวมถูกโจมตีมากครั้ง ค่าพลังโจมตีของผู้สวมก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่เหล่านักกีฬาย่อมไม่ทราบเรื่องนี้ ไม่มีใครทราบถึงออปชั่นสุดพิเศษของเกราะราชาวีรบุรุษ แม้แต่ขุนพลโอเวอร์เกียร์หรือสิบวีรชนก็ไม่ ส่งผลให้พวกเขาเข้าใจธรรมชาติของเบนซ์ผิดไป และพากันตัดสินว่าเธอเป็นคลาสนักรบคลั่ง
“นักรบคลั่งจะมีจุดอ่อนใหญ่หลวงอยู่หนึ่งข้อ… เพื่อแลกมากับพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้น นักรบคลั่งจะมีพลังป้องกันต่ำลงจากเดิมมาก หากพวกเราร่วมมือรุมใช้ท่าไม้ตายใส่ในจังหวะที่เหมาะสม…”
“ทุกคนเก็บท่าไม้ตายไว้! หลังจากพลังชีวิตของหล่อนลดถึงจุดหนึ่ง การบุกถล่มที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น!”
นักกีฬากลุ่ม B เหลือรอดทั้งสิ้น 59 คน หมายความว่าเบนซ์สังหาร 41 คนภายในระยะเวลาเพียงยี่สิบนาที
คนเหล่านี้ถือเป็นมือดีและแนวหน้าของแต่ละประเทศ ย่อมไม่ล้มตายไปอย่างสูญเปล่า ก่อนจะถูกเธอฆ่า พวกเขาฝืนกัดฟันสร้างความเสียหายต่อเบนซ์ให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบัน ราชันสวรรค์ทิศตะวันตกเหลือพลังชีวิตไม่ถึง 70% แล้ว
‘ขออีกนิด’
‘ขอสัก 30%… ไม่สิ 40% ก็เกินพอ’
นักกีฬากลุ่ม B พยายามลดพลังชีวิตเบนซ์โดยมีสวาปามจกบัลเผ็ดเป็นศูนย์กลาง
ยามใดที่เขาสร้างดันเจี้ยนชั่วคราวขึ้น โครงสร้างของภูมิประเทศจะง่ายต่อการต่อสู้สำหรับฝ่ายเดียวกัน รวมถึงการแจกจ่ายบัฟเพิ่มค่าสถานะ
โค้กเดินออกไปยืนตรงทางแคบหน้าสุดระหว่างกำบังสูงที่จกบัลสร้างไว้ล่วงหน้า อาวุธในมือเปลี่ยนเป็นโล่และโซ่ยาว เขายอมสูญเสียพลังโจมตีเพื่อเน้นหนักด้านป้องกันและถ่วงเวลา
“ผมจะแทงค์ให้จนกว่าดันเจี้ยนจะสร้างเสร็จ”
“นายยื้อไหวรึเปล่า…”
“ทุกคนที่นี่ล้วนแข็งแกร่ง แถมยังมีอาจารย์พีคซอร์ดคอยสนับสนุน… ผมทำได้แน่”
“ฉันเชื่อใจนาย ขอทุ่มสมาธิไปกับการสร้างดันเจี้ยนก็แล้วกัน”
สวาปามจกบัลเผ็ดเชื่อใจโค้ก
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น หากไม่ฝากความหวังไว้กับโค้ก แล้วจะให้ฝากไว้กับใครได้อีก?
เด็กหนุ่มผู้นี้คือแรงเกอร์ที่แม้แต่กริดและสิบวีรชนฯ เลือกฝากความหวังและปลุกปั้นให้เป็นอาวุธลับอาณาจักร
จกบัลชื่อว่าโค้กทำได้ เขาก้มหน้าสร้างดันเจี้ยนโดยไม่เสียสมาธิ
…
โค้กตอบแทนความไว้ใจด้วยผลลัพธ์แสนวิเศษ ทักษะการใช้โล่และโซ่ตรึงได้ยื้อเมอร์เซเดสไว้เป็นเวลานาน
ผ่านไปแล้วห้านาที ตลอดห้านาทีที่ผ่านมา ลำพังโค้กช่วยดึงดูดความสนใจจากเบนซ์ไว้เพียงผู้เดียว แน่นอนว่าไม่ใช่การดวลหนึ่งต่อหนึ่ง ผู้เหลือรอดทั้งหมดต่างส่งพลังสนับสนุนโค้กเต็มความสามารถ นักบวชร่ายฮีลมือระวิง พาลาดินแจกจ่ายบัฟ จอมเวทช่วยกันสร้างวงเวทบัฟและดีบัฟใส่ศัตรู นักธนูกระหน่ำโจมตีจากระยะไกลอย่างต่อเนื่อง
มองผิวเผินอาจเหมือนโค้กดวลเดี่ยวกับเบนซ์ตามลำพังในที่แคบ แต่ความจริงแล้วเป็นศึกหมาหมู่ 59 ต่อ 1
ทว่า ยิ่งเวลาผ่านไป โค้กเริ่มเกิดอาการหวั่นวิตก การดวลกับสัตว์ประหลาดย่อมต้องใช้พลังสมาธิและค่าเรี่ยวแรงมาก หากบริหารไม่ดีอาจพลาดพลั้งจนตกที่นั่งลำบาก
และที่แย่ไปกว่านั้น แรงสะเทือนจากดาบของเบนซ์ส่งผลให้ข้อมือของโค้กเริ่มชา เมื่อการเคลื่อนที่ทำได้ช้าลง การหลบหลีกก็เริ่มเกิดความผิดพลาด
โค้กถูกโจมตีบ่อยครั้งขึ้นจนกลุ่มนักบวชด้านหลังเริ่มรักษาไม่ทัน
“โค้ก!”
ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย โค้กรีบก้มหัวลงตามสัญชาตญาณหลังจากนามของตนถูกเรียกขาน
เส้นดาบสีแดงฉานตัดผ่าอากาศเป็นแนวตรงข้ามศีรษะโค้กไป สิ่งนี้คือพลังทำลายจากยารุกต์ที่ถูกฝักดาบชาร์จประจุ 70%
เมอร์เซเดสถูกฟันเข้าที่หน้าอกอย่างจังในทีเผลอ เธอออกอาการเสียหลักเป็นหนแรกนับตั้งแต่เริ่มต่อสู้
หลอดพลังชีวิตเบนซ์ลดเหลือเพียง 40% พร้อมกับท่าทางที่โงนเงนเล็กน้อย
ทันใดนั้น…
“…สดชื่น”
เนื่องด้วยถูกชาร์จที่ประจุ 70% และเข้าสู่โหมด ‘ตื่นเต้น’ ยารุกต์จึงออกมาสู่โลกภายนอกตามอำเภอใจ
อสูรเขายาวสูดลมหายใจเข้าปอดพลางชำเลืองมองเบนซ์
มันคือนักดาบอันดับหนึ่งของขุมนรกที่มีฝีมือทัดเทียมจอมอสูร แม้กำลังอยู่ในภาวะอ่อนแอ แต่สัญชาตญาณนักดาบยังคงเฉียบคมไม่แปรเปลี่ยน ภายในใจร่ำร้องบอกว่าเบนซ์แข็งแกร่งมาก
มันไม่คิดประมาทเธอ ยารุกไม่มีเวลามากพอให้ดื่มด่ำอากาศบริสุทธิ์อีกแล้ว
“ทายาทมหาขุนเขา”
เมอร์เซเดสใช้พลัง ‘จิตวิญญาณแห่งเสือขาว’ ด้วยชื่อเรียกคนละแบบ นี่คือทักษะเฉพาะสำหรับ ‘ดาบพญาเสือขาวสยบโลกา’ เกรดมิธที่กริดสร้างขึ้น
ถึงเวลาเบนซ์เริ่มเอาจริงบ้างแล้ว
ขณะเดียวกัน โค้กได้สับเปลี่ยนอาวุธจากโซ่ยาวเป็นดาบ นี่คือช่วงเวลาที่ทุกคนต้องรีดเร้นความเสียหายด้วยการปลดปล่อยท่าไม้ตายใส่เบนซ์ โค้กและนักกีฬากลุ่ม B ต่างรุมโจมตีราชันสวรรค์ด้วยท่าใหญ่นานับชนิด
ทุกคนต่างเชื่อสนิทใจว่า หากเบนซ์เข้าสู่โหมดคลุ้มคลั่ง พลังป้องกันของเธอต้องลดลงจนแทบไม่เหลือ
แต่นี่คือความผิดพลาดร้ายแรง เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เบนซ์มิใช่นักรบคลั่ง เธอไม่ได้ถูกลดพลังป้องกันเลยสักนิด
และที่แย่กว่านั้น ศัตรูที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นนักรบคลั่งได้เพิ่มพลังป้องกันอีกสองเท่าจนกลายเป็นสัตว์ประหลาด
ทักษะจิตวิญญาณแห่งเสือขาวจะเพิ่มพลังป้องกันผู้ใช้ 198% และลดพลังโจมตีลง 80% แต่เบนซ์มีพลังโจมตีที่มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“บ้าน่า…!”
“เหลวไหลสิ้นดี!”
ผลลัพธ์แตกต่างจากที่กลุ่ม B คาดไว้มาก เบนซ์ใช้ทักษะ ‘ขุนนางอาจหาญ’ และ ‘ปณิธานอัศวิน’ เพื่อรีดเร้นพลังป้องกันของตัวเองจนถึงขีดสุด
หลังจากการรุมกระหน่ำด้วยท่าไม้ตายจากแรงเกอร์กว่าห้าสิบคนจบลง พลังชีวิตของเบนซ์ยังเหลือมากถึง 20%
ไม่เพียงเท่านั้น รอบกายเธอเริ่มห้อมล้อมด้วยหมอกสีม่วงแดง ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างทึ่งเมื่อเบนซ์ครอบครองในสิ่งที่คล้ายคลึงกับปราณต่อสู้ของกริด
ขณะเดียวกัน ผ้าปิดตาของเธอถูกคลายออกโดยสมบูรณ์ ดวงตาอันลุ่มลึกที่ราวกับบรรจุจักรวาลไว้ด้านในพลันแผ่พลังสยบทุกสรรพสิ่งในสนามรบ
…ไม่เว้นแม้กระทั่งยารุกต์
[ดวงตาอันลุ่มลึกของผู้พิทักษ์ประตูตะวันตก ‘เบนซ์’ กำลังจ้องมองท่าน]
[ข้อมูลค่าสถานะและทักษะของท่านถูกส่งไปยังเบนซ์]
[ท่านมิอาจต้านทาน]
[ปราณดาบอันแหลมคมของผู้พิทักษ์ประตูตะวันตก ‘เบนซ์’ กำลังสะกดท่าน แรงกดดันดังกล่าวมหาศาลจนร่างกายของท่านต้องสั่นระริกอย่างมิอาจขัดขืน ความเร็วทุกชนิดลดลง 30% การร่ายเวทช้าลง 20%]
[ท่านมิอาจต้านทาน]
เป็นพลังสะกดข่มที่รุนแรงเหนือคำบรรยาย ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รอดพ้นจากการถูกคุกคาม
ขณะเดียวกัน เบนซ์ทำการสยายปีกสีดำสนิทออกจากแผ่นหลัง รอบกายกำลังคละคลุ้งฟุ้งไปด้วยหมอกม่วงแดงของ ‘ปราณต่อสู้เทียม’ ซึ่งเป็นออปชั่นจากชุดเกราะราชาวีรบุรุษเกรดมิธ
เบนซ์ในโหมดเอาจริงเริ่มเป็นฝ่ายเปิดฉากบุกหนักบ้าง เธอลงมือดับลมหายใจยารุกต์เป็นรายแรก
‘นี่มัน…!’
‘อัศวินของฝ่าบาท…!’
มีเพียงสองคนเท่านั้น…
สองสมาชิกโอเวอร์เกียร์—โค้กและพีคซอร์ด ในฐานะคนสนิทของกริด พวกเขาทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเบนซ์ได้ทันที
อัศวินในตำนาน เมอร์เซเดส
สำหรับพีคซอร์ดและโค้ก นี่คือชื่อที่มาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล พวกเขาบังเกิดความสิ้นหวังอย่างฉับพลัน
คนทั้งสองเริ่มเชื่อมั่นจากก้นบึ้งหัวใจว่า การแข่งตะลุมบอนราชาอสูรมิได้ถูกออกแบบให้ฝ่ายผู้เล่นได้รับชัยชนะตั้งแต่ต้น
เมื่อเบนซ์สยายปีกเอาจริงและเริ่มปลดปล่อยพลังทำลายด้วยปราณอัศวินสีดำ (ของเดิมคือสีเทา) ปราณอัศวินทมิฬหนึ่งเส้นจะคร่าชีวิตท็อปแรงเกอร์ของโลกได้สองคนในคราเดียว
นักกีฬาจากกลุ่ม B กลายเป็นแสงสีเทาด้วยความเร็ววินาทีละสิบคน…
เหตุการณ์สังหารหมู่เกิดขึ้นหลังจากผู้เล่นรุมถล่มไม้ตายไปจนหมดและเข้าสู่ภาวะอ่อนแรง
…ส่วนเบนซ์เพิ่งเริ่มเอาจริง
แม้กระทั่งสวาปามจกบัลเผ็ดกับดันเจี้ยนที่ใช้เวลาสร้างแสนนาน ก็ยังมิอาจต้านทานสัตว์ประหลาดนามว่าเบนซ์ไหว
***
[นักกีฬากลุ่ม B ผู้รับหน้าที่ถล่มประตูทิศตะวันตก พวกเขาถูกจัดการอย่างราบคาบ]
[ผู้พิทักษ์ประตูทิศตะวันตกได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแนะนำให้รีบโจมตีขณะที่พลังชีวิตยังไม่ฟื้นฟูกลับคืน]
ข้อความระบบประกาศขึ้นที่มุมหน้าจอของนักกีฬากลุ่ม A C และ D
“…”
สีหน้าทุกคนต่างบิดเบี้ยว
นักกีฬากลุ่ม B ถูกโค่นราบคาบภายในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเองหรือ?
แต่ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิหรือกล่าวโทษพวกเขา สถานการณ์ทางกลุ่มอื่นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก หลังจากตระหนักถึงพลังที่แท้จริงของสี่ราชันสวรรค์ ทุกคนต่างคิดตรงกันว่า การที่กลุ่ม B พ่ายแพ้ มิใช่เพราะพวกเขาทำพลาดหรืออ่อนแอ
…หากแต่เป็นความแข็งแกร่งสุดบัดซบของราชันสวรรค์
กระนั้น ผู้ชมทางบ้านกลับมองต่าง
“กลุ่ม B อ่อนแอชะมัด”
“เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่มีแรงเกอร์สหรัฐแม้แต่คนเดียว แถมขุนพลโอเวอร์เกียร์ก็ยังน้อยมาก”
“ฉันเสียดายแทนเกาหลีใต้ นี่เป็นโอกาสสำคัญที่พวกเขาจะแย่งชิงเหรียญทองสำเร็จ”
“เสียดายแทนทำไม อยากเห็นจีนแพ้พวกมันอีกปีงั้นหรือ”
“เหมยเซียวสู้เค้า! หากเธอคว้าเหรียญทองได้ ชาวจีนทุกคนจะ… หือ?”
ผู้ชมชาวจีนที่กำลังส่งเสียงตื่นเต้นพลันเงียบเป็นเป่าสาก
เหมยเซียวอยู่ในกลุ่ม C ซึ่งประกอบด้วยแรงเกอร์ที่แข็งแกร่งอย่างซีบาลและซิวรอน
[นักกีฬากลุ่ม C ผู้รับหน้าที่ถล่มประตูทิศใต้ พวกเขาถูกจัดการอย่างราบคาบ]
[ผู้พิทักษ์ประตูทิศใต้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแนะนำให้รีบโจมตีขณะที่พลังชีวิตยังไม่ฟื้นฟูกลับคืน]
กลุ่ม C ถูกเก็บจนหมด และไม่ต่างกันกับกลุ่ม D ของจิสึกะ ดาเมี่ยน และแค็ทซ์
[นักกีฬากลุ่ม D ผู้รับหน้าที่ถล่มประตูทิศเหนือ พวกเขาถูกจัดการอย่างราบคาบ]
[ผู้พิทักษ์ประตูทิศเหนือได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแนะนำให้รีบโจมตีขณะที่พลังชีวิตยังไม่ฟื้นฟูกลับคืน]
“บ้าน่า…!”
ผู้ชมทั่วโลกที่กำลังตกตะลึงต่างรีบหันไปมองกลุ่ม A ซึ่งยังเหลือรอด
ฉากบนหน้าจอ… ครอเกลถูกซัดจนหมดท่าด้วยห่าฝนกองทัพสัตว์ทะเล เปลือกหอยน้อยใหญ่มากมายเกิดระเบิดพร้อมกับสร้างสะเก็ดแหลมคมพุ่งกระจายทุกทิศ ไม่มีใครสามารถหลบการโจมตีสุดบัดซบนี่พ้น
ทันใดนั้น ปูจังไรได้ใช้ก้ามหนีบเอ็นร้อยหวายครอเกลจนขาดสะบั้น เขาสูญเสียความเร็วชั่วขณะจนมิอาจลงมือทำสิ่งใด
ด้านคริสกำลังถูกตรึงด้วยแหทอดปลาจนมิอาจขยับเขยื้อนร่างกาย ส่วนป็อนและเรกัสทำได้เพียงนอนกลิ้งคลุกโคลนราวกับมีงานเทศกาลรื่นเริง
“…”
นี่พวกตนจะไม่ได้เห็นหน้าราชาอสูรงั้นหรือ?
ทั่วโลกพลันถูกครอบงำด้วยความสิ้นหวังและหวาดหวั่น มีเพียงกริดคนเดียวที่ยังคงก้มหน้าทุบค้อนโดยไม่แยแสสิ่งรอบข้าง
สมกับที่รอคอย
ReplyDeleteสนใจอยากจริงๆ
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ
ReplyDelete(กดNextไปแล้ว แต่ลืมว่ายังไม่ได้คอมเมนท์)😁
ปิอาโร่:หวนคืนสู่ชาวประมงในตำนาน
ReplyDeleteปูจังไร 555
ReplyDelete