จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 940
[ไอเย็นพันปีได้ซึมลึกเข้าไปถึงกระดูกของท่าน]
[หัวใจของท่านจะกลายเป็นน้ำแข็ง]
ห้วงมิติแห่งนี้ มันถือเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ยอดเยี่ยมสำหรับปกป้องสมบัติ
ดันเจี้ยนเยือกแข็งที่ถูกเปิดผนึกหลังจากกริดย่างกรายเข้ามาด้านใน มันไม่คิดปรานีต่อทุกสิ่งมีชีวิตที่บังอาจรุกล้ำ
‘แพ็กม่าคำนวณอย่างที่ถ้วนแล้ว จึงเลือกที่นี่เป็นห้องเก็บรักษาศพบราฮัม’
แม้โอกาสจะมีเพียงน้อยนิด แต่หากสุสานดาบบังเอิญถูกโจรชั่วรุกล้ำ ร่างเนื้อของบราฮัมจะยังคงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
[ท่านต้านทาน]
[ชุดเกราะวัลฮัลล่าฯ ทำการปรับอุณหภูมิร่างกายท่าน]
‘แพ็กม่า…’
หลังจากอ่านข้อความระบบ กริดเริ่มเห็นใจแพ็กม่าเล็กน้อย
แพ็กม่าคงมีความรู้สึกเหมือนกับข่านขณะสร้างสุสานดาบแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่ ความรู้สึกนั้นถูกส่งไปไม่ถึงบราฮัม เนื่องด้วยบาปที่ร้ายแรงแพ็กม่าเคยก่อไว้
แม้บราฮัมจะเห็นร่างเนื้อตนปลอดภัยดี แต่เขายังคงเกลียดชังแพ็กม่าเข้ากระดูกดำเช่นเคย
แน่นอน แพ็กม่าย่อมคิดไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เขารู้ตัวว่า ตนคงไม่มีทางได้รับการอภัยจากเพื่อนสนิทที่เคยฆ่าทิ้งกับมือ
‘เขาคงโดดเดี่ยวมาก…’
แพ็กม่าใช้ชีวิตในวาระสุดท้ายด้วยความเจ็บปวดและอ้างว้าง กริดไม่ได้คิดจะปกป้องหรือเห็นใจชายคนนี้ แต่เขารู้สึกขื่นขมกับชะตากรรมอันน่าเศร้าที่แพ็กม่าต้องเผชิญ
กริดครุ่นคิดเรื่องแพ็กม่าเพียงชั่วครู่ เขาเริ่มเพ่งสมาธิไปยังทักษะใหม่
[สร้างแร่]
สร้างแร่ชนิดใหม่โดยการผสานแร่หลายชนิดเข้าด้วยกัน ทักษะนี้จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากจอมเวท
เงื่อนไขการใช้งาน : ทำสัญญาวิจัยแร่ร่วมกับจอมเวท
ระยะเวลาในการวิจัยแร่ : ไม่ปรากฏ
จำนวนแร่ที่สามารถสร้าง : 1
‘เป็นอย่างที่คิด’
หลังจากได้ยินชื่อทักษะ ‘สร้างแร่’ ภายในหัวกริดพลันคิดถึงพาเฟรเนี่ยมทันที
พาเฟรเนี่ยมคือสุดยอดโลหะ ซึ่งเกิดจากการค้นคว้าร่วมกันอย่างยาวนานของแพ็กม่าและบราฮัม มันคือโลหะที่มีค่าความคงทนอนันต์ อีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้ตามใจนึกคิด
‘แร่ที่เราจะสร้าง… มันต้องมีคุณลักษณะต่างออกไป’
รายละเอียดทักษะระบุชัดเจน แร่ชนิดใหม่จะเกิดจากการนำแร่ที่มีอยู่เดิมมาผสานกัน คุณลักษณะของแร่ชนิดใหม่จะขึ้นอยู่กับแร่ที่เป็นส่วนผสม
‘ว่าแต่ คำอธิบายทักษะไม่คลุมเครือไปหน่อยรึไง…’
ไม่ระบุระยะเวลาในการวิจัย แถมยังไม่บอกอีกด้วยว่า สามารถนำแร่กี่ชนิดมาผสานกันได้
บราฮัมสัมผัสถึงความฉงนของกริด เขาเริ่มอธิบาย
>> จำนวนโลหะหรือแร่ที่นำมาผสม รวมถึงระยะเวลาในการวิจัยแร่ จะขึ้นอยู่ฝีมือของฝ่ายจอมเวทเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขที่แน่ชัด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน
>> หากทำสัญญาวิจัยกับตัวตนระดับตำนานอย่างฉัน นายสามารถสร้างแร่ใหม่ได้จากแร่เดิมหลากหลายชนิด แถมระยะเวลาวิจัยก็ยังสั้นมาก
บราฮัมเคยมีประสบการณ์สร้างพาเฟรเนี่ยมร่วมกับแพ็กม่า ไม่แปลกที่ทุกสิ่งจะง่ายขึ้น เมื่อมีความช่วยเหลือจากผู้ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน
“ยังพึ่งพาได้เหมือนเคย”
กริดฉีกยิ้มกว้าง บรรยากาศแสนเย็นยะเยือกภายนอก มันมิอาจขัดขวางรอยยิ้มเปี่ยมสุขของกริดได้
บราฮัมกล่าวต่อไปในสิ่งที่กริดคาดไม่ถึง
>> แต่ฉันไม่ใช่มหาจอมเวทในตำนานอีกแล้ว เป็นเพียงเปลือกกลวงที่ปราศจากความรู้และพลังเวท ฉันช่วยนายวิจัยแร่ไม่ได้
“แต่นายยังมีความรู้…”
>> ฉันคือจอมเวท ความรู้ของจอมเวทมีพื้นฐานมาจากเวทมนตร์ ฉันต้องการพลังเวทสำหรับประมวลผลความรู้ที่มี
“อา…”
สิ่งนี้หมายความว่า จนกว่าดวงวิญญาณบราฮัมจะฟื้นฟูสมบูรณ์ กริดยังไม่สามารถสร้างพาเฟรเนี่ยมก้อนใหม่ได้
บราฮัมกล่าวกับกริดที่แสดงสีหน้าผิดหวัง
>> นายยังมีบริวารเป็นจอมเวท…
ไม่ใช่หนึ่งหรือสอง กริดมีจอมเวทในอาณาจักรนับพันคน แต่เขาย่อมทราบว่า บราฮัมกำลังหมายถึงจอมเวทคนใด
มหาจอมเวทอัชเชอร์ บุคคลเดียวที่ผ่านคุณสมบัติ ‘ขั้นต่ำ’ ในสายตาบราฮัม
>> ถ้านายทำสัญญากับเจ้านั่น นายสามารถเริ่มวิจัยแร่ได้ทันที
กริดพ่นลมหายใจเหยียดหยัน เขาตัดสินใจหนักแน่นตั้งแต่ต้นแล้ว
“นายคือจอมเวทคนเดียวที่ฉันจะวิจัยด้วย”
>> น่ารำคาญชะมัด แค่คิดว่าต้องวิจัยร่วมกับไอ้งั่งสมองทึบอย่างนาย ฉันก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก… แต่ช่างเถอะ ถ้ามันเป็นความต้องการของนายก็ช่วยไม่ได้ละนะ อย่าลืมจุมพิตเท้าฉันและกล่าวขอบคุณด้วยล่ะ
ดวงวิญญาณบราฮัมกำลังสั่นวูบวาบ เป็นการแสดงออกถึงความสุข
“เข้าใจแล้ว ฉันจะบรรจงจุมพิตหลังเท้านายเอง”
>> ฮ…เฮ้! เสียสติไปแล้วรึไง! ใครอยากได้จุมพิตจากนายกัน!
“ก็นายเป็นพูดเอง…”
ไม่ว่าจะทางใด ข้อสรุปของกริดก็มีเพียงหนึ่งเดียว เขาจะรอให้มหาจอมเวทในตำนานฟื้นฟูพลังกลับมาอีกครั้ง แม้ระยะเวลาที่ใช้อาจยาวนานกว่าที่คิด
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่า นายรีบฟื้นฟูตัวเองก็แล้วกัน จะได้มาช่วยฉันสร้างกรีเวอร์นั่มที่เจ๋งกว่าพาเฟรเนี่ยม”
>> กรีเวอร์นั่ม…
“เป็นชื่อของแร่ชนิดใหม่ที่ฉันจะสร้าง กรีเวอร์นั่ม มาจากกริดและบราฮัม”
>> แล้ว ‘เวอร์’ ตรงกลางมาจากอะไร
“เรื่องนั้น…”
สมองกริดหยุดทำงานไปชั่วขณะ เขาเริ่มรู้สึกละอายใจ เพราะคำว่า ‘กรีเวอร์’ มาจากจิตใจสำนึกส่วนลึก ซึ่งมีที่มาจากคำว่า ‘กราเวียร์’
(*กราเวียร์ไอดอล — หมายถึง ไอดอลชุดว่ายน้ำหรือไอดอลที่ถ่ายแบบวาบหวิว)
‘เราหมกมุ่นเรื่องเพศเกินไปรึเปล่า…’
หรือเขาควรเป็นเปลี่ยนเป็นชื่อที่ฟังดูดีอย่าง ‘ศิลาโอเวอร์เกียร์’ …
ไม่สิ ไม่ได้ กริดต้องการให้มีชื่อของบราฮัมรวมอยู่ด้วย ทั่วโลกจะได้ทราบว่า มันคือแร่ชนิดใหม่ที่บราฮัมร่วมคิดค้น
>> …
บราฮัมทำได้เพียงฉงน เขาไม่เข้าใจท่าทีของกริดที่กำลังยืนส่ายศีรษะตามลำพัง
[ท่านใช้งานคาถาพากลับ]
ภาพการของเห็นของกริดกลายเป็นสีดำไปชั่วขณะ
***
>> ไม่เลวนี่
หลังจากกลับมาถึงวังหลวงไรนฮาร์ท บราฮัมส่งเสียงประหลาดใจเล็กน้อย
เขากล่าวชื่นชมภาพวาดกริดขนาดใหญ่ที่ถูกแขวนไว้ในห้องรับรองปราสาท
>> เป็นภาพที่ดี หล่อกว่าตัวจริงราวร้อยเท่าเห็นจะได้
“ฉันรู้แล้วน่า”
>> เขินไปทำไม เป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว ที่ปราสาทต้องมีภาพวาดของกษัตริย์แขวนอยู่ ไม่ใช่เรื่องน่าละอายสักหน่อย
“ฉันละอายใจที่ใบหน้าหมึกกล้วยของตัวเองกำลังเด่นตระหง่านสู่สายตาทุกคน”
>> หืม… หากเทียบกันฉัน นายอาจเหมือนหมึกกล้วยก็จริง แต่สำหรับมนุษย์เพศชายทั่วไป…
ขณะกริดยืนกระอักกระอ่วนหน้ารูปวาดของตัวเอง ลอร์ดที่กลับจากการฝึกได้เดินผ่านมาพบ
“ท่านพ่อ!”
ลอร์ดต้องการโผเข้ากอดผู้เป็นบิดาให้หายคิดถึง แต่เขากังวลว่าตนอาจโตเกินวัยที่จะทำเช่นนั้น ลอร์ดชะงักพลางเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนจะก้มศีรษะลงคำนับอย่างสุภาพนอบน้อม
“การผจญภัยของท่านพ่อราบรื่นไหม… ผมกับแม่เป็นห่วงมาก”
กริดเดินไปหาลอร์ดพร้อมกับคุกเข่าลงและโอบกอด
“ขอบใจที่เป็นห่วง พ่อกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว”
“อ๊ะ…! เสื้อของผมสกปรก”
“คราบสกปรกคือเครื่องหมายของลูกผู้ชาย”
กริดและลอร์ดนับเป็นครอบครัวราชวงศ์ที่ประหลาด เสื้อผ้าของพวกเขามักสกปรกเปรอะเปื้อนในทุกวัน
กริดคือช่างตีเหล็กและนักรบ ส่วนลอร์ดต้องฝึกฝนศาสตร์หลายแขนง ชุดเลอะเทอะจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
…
>> นายเลี้ยงลูกมาถูกทางแล้ว
หลังจากอาบน้ำกับลอร์ดและมีช่วงเวลาแสนเร่าร้อนกับไอรีนบนเตียง กริดกลับมานั่งพักผ่อนในห้องทำงานของตัวเอง
บราฮัมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เขาเลือกปิดปากเงียบมาตลอด ยามนี้เป็นฝ่ายเริ่มสนทนากับกริดด้วยท่าทีตื่นเต้น
>> บุตรชายของนาย ในตอนแรกฉันยังไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้ค่อนข้างแน่ชัดแล้ว เขาอัจฉริยะกว่านายสักหมื่นเท่าเห็นจะได้
“ฮุฮุ แน่นอนอยู่แล้ว ลอร์ดเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของโลก”
แม้แต่ตัวเม่นอัปลักษณ์ยังคลอดลูกที่น่ารักออกมา กริดภูมิใจในตัวลอร์ดมาก เด็กคนนั้นเลือกรับส่วนที่ดีของพ่อและแม่ไปทั้งหมด แถมยังเป็นอัจฉริยะระดับทวีป
บราฮัมกล่าวถ้อยคำที่แฝงความนัย
>> อย่าเพิ่งสอนเวทมนตร์กับเขา
“หืม… ทำไมกัน ลอร์ดของฉันเป็นอัจฉริยะที่พร้อมเรียนรู้ศาสตร์ทุกแขนง พวกเราวางแผนไว้ว่า อีกไม่ช้าก็เร็ว คงถึงเวลาที่ลอร์ดต้องเรียนเวทมนตร์”
>> อย่าเพิ่งสอนเขา
“ทำไมกัน”
>> ขี้เกียจอธิบาย การอธิบายให้ไอ้งั่งสมองทึบอย่างนายเข้าใจ ฉันกลัวว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
“งั้นหรอกหรือ…”
เฉกเช่นที่บราฮัมเชื่อใจกริด กริดเองก็เชื่อใจตัวบราฮัมโดยไม่เคลือบแคลง ชายหนุ่มมั่นใจว่า บราฮัมต้องมีเหตุผลสำคัญที่กล่าวเช่นนี้ออกมา กริดรีบแจ้งกับลอเอลและสติกส์ให้ยกเลิกบทเรียนเวทมนตร์ทั้งหมดของลอร์ด
“ถ้าอย่างนั้น ถัดไปก็…”
เหลืออีกเพียงสิ่งเดียว สำหรับเตรียมความพร้อมในการแข่งตะลุมบอนราชาอสูรที่จะมาถึง กริดจัดเตรียมวัสดุที่จำเป็นไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงเวลาที่ทาง SA กรุปเปิดการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์งานแข่ง กริดจะได้ใช้ทักษะ ‘ออกแบบไอเท็ม’ ให้ครบจำนวนครั้งโดยไม่ต้องกังวลว่าจะสิ้นเปลือง
***
ประเทศจีนคือเจ้าภาพงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติครั้งที่สี่ ทันทีที่งานแข่งเริ่มขึ้นในวันที่สามสิงหาคม บทความหนึ่งจากเจ้าภาพได้สร้างความฮือฮาออกไปเป็นวงกว้าง
ผู้เขียนคือนักข่าวสายเกมที่คลุกคลีกับวงการอีสปอร์ตมานานกว่ากว่า 63 ปี
[เกาหลีใต้จะเผชิญกับความอับอายครั้งใหญ่]
พวกเราต่างทราบดีว่า เกาหลีใต้คือหนึ่งในประเทศเล็กแถบเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนที่ซาทิสฟายจะเริ่มเปิดตัว แทบไม่มีใครในจีนแผ่นดินใหญ่ที่รู้สึกการมีตัวตนของประเทศนี้ บางคนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเกาหลีใต้คืออะไร
แต่ในมุมมองของแฟนกีฬาอีสปอร์ต เกาหลีใต้คือประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ไม่เพียงแต่จะเป็นต้นกำเนิดของอีสปอร์ตยุคแรก เหล่าเกมเมอร์ที่ถูกจารึกชื่อให้เป็น ‘ตำนาน’ จำนวนมากยังมาจากเกาหลีใต้
แต่นั่นเป็นเรื่องของหลายสิบปีก่อน ปัจจุบัน แทบไม่มีใครมองว่าเกาหลีใต้เป็นชาติมหาอำนาจแห่งอีสปอร์ตอีกแล้ว ยุคสมัยของเกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้จบลงไปพร้อมกับตำนานในอดีต
หากจำไม่ผิด คงราวหกสิบปีที่แล้วเห็นจะได้…
ผมยังคงจำได้แม่นยำ ในวินาทีแรกที่เหยียบลงบนแผ่นดินเกาหลีใต้ ผมไม่มีวันลืมภาพความยิ่งใหญ่ที่เกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้แสดงให้โลกใบนี้เห็น พวกเขากวาดทุกถ้วยรางวัลที่ลงแข่ง แทบทุกรายการเกม นัดชิงชนะเลิศจะต้องเป็นการปะทะกันระหว่างเกาหลีใต้สองทีม ตัวผมในวัยเด็กรู้สึกอิ่มเอมใจกับความอลังการอย่างบอกไม่ถูก
แต่ตอนนี้ล่ะ… เกาหลีใต้กำลังร่วงโรย วีรบุรุษชุดสุดท้ายที่โลกจดจำคือเฟคเกอร์ วูล์ฟ และแบง พวกเขาเป็นตัวตนในยุคสมัยอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน
กระนั้น ชาวเกาหลีใต้กลับยังคงทระนงในศักดิ์ศรี พวกเขายังคิดว่าตนเองคือชาติมหาอำนาจแห่งวงการอีสปอร์ต พวกเขาเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า วีรบุรุษนามว่ากริดจะนำพายุคสมัยอันยิ่งใหญ่กลับมาได้อีกครั้ง
ผมมีคำถาม… วีรบุรุษนักกีฬาชาวจีนมีกี่คน ทีมสหรัฐมีกี่คน ชาวเกาหลีใต้ไม่ตระหนักเลยหรือ ว่าวีรบุรุษนามว่ากริดเป็นเพียงปรากฏการณ์เดียวที่เกิดขึ้นในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ลำพังกริดจะแบกรับประเทศเกาหลีใต้ได้อีกนานแค่ไหน ผมไม่ปฏิเสธว่ากริดคือผู้ที่ทำให้เกาหลีใต้ยิ่งใหญ่ แต่กริดจะอยู่ในวงการเกมได้ตลอดไปงั้นหรือ… ผมไม่คิดเช่นนั้น
จีนและสหรัฐมีโครงสร้างรากฐานทางอีสปอร์ตที่แข็งแรง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินลงทุนสูง สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการฝึกซ้อมของนักกีฬา ส่งผลให้จีนและสหรัฐมีอัจฉริยะหน้าใหม่เกิดขึ้นในทุกปี
แต่ทางเกาหลีใต้ล่ะ… พวกเขาไม่เหมือนกัน
ในยุคสมัยที่อีสปอร์ตคืนชีพอีกครั้ง รัฐบาลเกาหลีใต้เป็นพวกไร้ความสามารถ (อย่างน้อยก็ในยุคสมัยนี้) พวกเขาตราหน้าเกมเป็น ‘ยาเสพติด’ ส่งผลให้วัฒนธรรมเกมของเกาหลีใต้ล้าสมัยกว่าชาติอื่นมาก แม้ในภายหลังจะเร่งสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับอัจฉริยะ แต่ด้วยความที่เริ่มต้นช้ากว่าใคร พวกเขาจึงยังอยู่ในช่วงทดลองผิดถูก
ไม่เหมือนพวกเราชาวจีน เกาหลีใต้มิได้ผลิตอัจฉริยะจำนวนมากได้เอง พวกเขาทำเพียงหวังพึงปาฏิหาริย์ที่ชื่อกริด ชาวเกาหลีใต้กำลังหวังลมๆ แล้งๆ ว่า ประเทศของตนจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่ในวงการอีสปอร์ตได้อีกครั้ง ซึ่งนั่นไม่จริงเลย
ผู้เขียนบทความนี้มองว่า การที่กริดประกาศถอนตัวจากการแข่ง เพราะเขาต้องการส่ง ‘สาร’ ข้างต้นให้กับประชาชนในประเทศได้ตื่นตัว
กริดคือผู้ที่เสียสละตัวเอง ยอมลิ้มรสความขื่นขมไปพร้อมกับประชาชนชาวเกาหลีใต้ในการแข่งปีนี้
...
เป็นเพราะบทความดังกล่าว ชาวจีนส่วนใหญ่เริ่มหันมามองกริดในมุมที่ดีขึ้น พวกเขามองคิดว่า กริดคือวีรบุรุษแสนยิ่งใหญ่ของประเทศเล็กที่พวกตนดูแคลนมาตลอด กริดตัดสินใจถอนตัวเพื่อให้ชาวเกาหลีใต้ทุกคนตาสว่างและไม่หลงระเริง สิ่งนี้สร้างความชอบใจให้ชาวจีนเป็นอย่างมาก
แน่นอน คนเหล่านี้มิได้เทิดทูนกริดจากใจจริง เพียงแต่การตัดสินใจถอนตัวของกริด ได้ส่งผลให้ประเทศของตนมีสิทธิ์กลายเป็นอันดับหนึ่งหรือสองบนตารางรวมเหรียญทองมากขึ้น ชาวจีนกว่าพันล้านล้วนหวังว่าประเทศของพวกตนจะเฉิดฉายในฐานะเจ้าภาพ และในฐานะที่เกาหลีใต้ปราศจากกริด
จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น…
การแข่งประเภทแรก—สนามต่อสู้
เป็นการแข่งบนเครื่องบินเหมือนอย่างเคย นักกีฬาทุกคนจากทุกชาติเข้าร่วมแข่งอย่างเท่าเทียม
และผลการแข่ง… สามคนสุดท้ายไม่มีนักกีฬาจากชาติจีนแม้แต่คนเดียว
ทว่า มีชาวเกาหลีใต้หนึ่งคนเป็นผู้เหลือรอดในการแข่ง
‘โค้ก’ —เกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้สายเลือดใหม่ เขามีอาจารย์เป็นสิบวีรชนผู้ก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,333
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
วีรบุรุษคนใหม่?
ReplyDeleteรอเปิดตัวราชาอสูร
ReplyDeleteบักโค้กกกกก....
ReplyDeleteงี้บราฮัมก็เห็นกริดทำกับไอรีนหลายรอบแล้วดิ55ตั้งแต่ตอนก่อนที่จะออกจากร่างอ่ะ
ReplyDeleteกำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน555
Deleteผมค้างอะ
ReplyDeleteหรือผมเสพติด
SKT T1 มาเต็ม "Legends Never Die"
ReplyDeleteใช่555 แบง วูฟ เฟคเกอร์ lolชัดๆ แต่ตอนนี้ห่างหายไปละ สมัยช่วงตำนานจริงๆ
Deleteก๊อดโค้กสินะ
ReplyDeleteบราฮัมคงตั้งใจจะเป็นอาจารย์ให้ลอร์ดแน่ๆ น่ารักมาก
ReplyDeleteชอบจิิง ขิงกันสุดๆ🤭🤭(‘◉⌓◉’)
ReplyDelete