จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 729
บดข้าวเปลือก
หนึ่งในทักษะทำฟาร์มอิสระที่ปิอาโร่คิดค้นขึ้น
จะทำการเสกครกขนาดยักษ์ใหญ่เท่าบ้านลงมาจากฟากฟ้า
ระยะเวลาในการแสดงผลของดีบัฟ ‘ถูกกดทับ‘ คือสองวินาที รัศมีกว้างไกล 180 เมตร
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของทักษะนี้คือ ครกยักษ์สามารถแยกแยะมิตรและศัตรูได้ แม้จะมีระยะแสดงผลที่กว้างมากก็ตาม
ฟ้าววว—
‘เสียงอะไร?’
ขณะโนลล์กำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดมายังกริด เงาสีดำของวัตถุขนาดมหึมาได้ปรากฏขึ้นในจุดที่มันกำลังอยู่
บรรยากาศรอบข้างพลันอึมครึมทันตาเห็น
ครืนนน—
ฟ้าผ่า?
ไม่สิ สุ้มเสียงต่างออกไป
ทั้งเข้มข้นและเปี่ยมด้วยจิตสังหารที่รุนแรงยิ่งกว่าสายฟ้าฟาดผ่า
โนลล์สัมผัสได้ถึงภัยอันตราย มันรีบกางบาเรียโลหิตคุ้มกายโดยพลัน
โครมมมมมม!
น้ำหนักมหาศาลกระแทกใส่บาเรียโลหิตในพริบตา
เพล้ง!
ปึด! ปึด!
บาเรียที่มันแสนภาคภูมิใจพลันแหลกละเอียดด้วยระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที
‘บาเรียโลหิต’ คือสุดยอดทักษะมีพลังป้องกันสูงส่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องชีวิตของแวมไพร์ทายาททุกตน
‘รุนแรงขนาดนี้เชียว…?’
โนลล์อยากถามออกไป
แต่มันต้องกลืนคำพูดลงคอทันทีเมื่อความเจ็บปวดแสนสาหัสกำลังแล่นไปทั่วร่าง
“…!!”
ปึด! ปึด!
แรงกดดันมหาศาลกดทับใส่ร่างโนลล์
ผิวหนัง โลหิต และกระดูก ทุกส่วนของร่างกายล้วนถูกบดขยี้ในพริบตา
โนลล์ไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้อง
ทันทีที่มันพะงาบอ้าปาก วัตถุปริศนาได้ทับร่างของมันจนแบนราบเรียบร้อย
ดวงตาถลนออกจากเบ้าอย่างหมดสภาพ
การขบกรามมิได้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดแต่อย่างใด ร่างโนลล์ถูกบดบี้แบนไปกับพืิ้นจนไม่เหลือเค้าเดิม
แวมไพร์ชั้นสูงที่โบยบินบนท้องฟ้ามาแสนนาน บัดนี้ร่างกายถูกจับกดติดพื้นดินอย่างน่าเวทนา
โนลล์รู้สึกเจ็บแปลบประหนึ่งอุกกาบาตถล่มใส่
ซู่วว—
แวมไพร์และสัตว์บริวารหลายร้อยตนรอบโนลล์ต่างพากันทยอยกลายเป็นแสงเทา
ฉากฆาตกรรมหมู่อันโหดเหี้ยมและน่าสยดสยอง โลหิตหลั่งไหลราวสายน้ำ
“อึก…! อ๊ากกกกก!”
โนลล์ที่พยายามกัดฟันทนมามาน บัดนี้ปลดปล่อยเสียร้องโหยหวนที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารอาฆาตแค้น
ในที่สุด ผลกดทับของ ‘บดข้าวเปลือก’ ก็หมดลง
“แฮ่ก...แฮ่ก”
ความเจ็บแปลบภายในใจเกิดจากความหวาดผวาเมื่อได้เผชิญหน้าพลังอันยิ่งใหญ่
ลมหายใจที่เคยขาดห้วงของโนลล์ บัดนี้ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระอีกครั้ง
นัยน์ตาสีโลหิตกวาดมองไปโดยรอบ
ร่างกายยังคงสั่นระริกไม่หาย
เมืองแวมไพร์ สัตว์บริวาร ฝูงแวมไพร์
เกือบทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นซากขี้เถ้า
ทุกสิ่งมีชิวิตที่เคยยืนเด่นตระหง่านด้วยบรรยากาศสุดแสนโอหัง บัดนี้ไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป
โนลล์ตะลึงอย่างหนัก
สมองของมันขาวโพลนไปชั่วขณะ
“พลังที่เป็นภัยคุกคามต่อแวมไพร์…แกพาสุนัขรีเบคก้ามาด้วยงั้นหรือ?”
“…”
พลังอันรุนแรงที่สามารถป่นทุกสิ่งให้ราบคาบ จักต้องเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่
โนลล์อยากเชื่อเช่นนั้น
สำหรับมัน นี่คือการวิเคราะห์ตามหลักเหตุและผล
แต่ความจริงมักโหดร้ายเสมอ
“ดินภายในเมืองนี้…เกิดจากซึมซับโลหิตเข้าไปเป็นเวลานานและไม่เคยโดนแสงแดดเลยสินะ”
“…?”
โดยทั่วไปแล้ว หากมนุษย์เผชิญหน้ากับแวมไพร์ทายาท ส่วนใหญ่มักหวาดกลัวหรือไม่ก็ตกตะลึงจนหัวใจหยุดเต้น
นั่นคือความต่างชั้นของระดับสิ่งมีชีวิต
แวมไพร์ทายาทสูงส่งกว่ามนุษย์ถึงเพียงนั้น
ในฐานะแวมไพร์ทายาทชั้นเอิร์ล การมีตัวตนของโนลล์สามารถแผ่แรงคุกคามแก่มนุษย์โดยที่มันไม่ต้องออกแรง
กริดอาจเป็นตัวอย่างพิเศษส่วนน้อย
แต่มนุษย์ปรกติแทบมิอาจขยับปลายนิ้วในยามที่โนลล์ใช้พลังสะกดข่มของทายาท
ในสภาพร่อแร่ปางตายเช่นนี้ โนลล์ยังสามารถแผ่จิตสังหารอันทรงพลังของแวมไพร์ทายาทออกมาได้
ทหารส่วนใหญ่พลันร่างกายแข็งทื่อ ใบหน้าขาวซีด ไม่มีใครกล้าสบตาโนลล์โดยตรง
แต่มีอยู่คนหนึ่ง
“หืม…ถ้าเราทำฟาร์มที่นี่ บางทีอาจปลูกสิ่งที่น่าสนใจขึ้นได้”
“...“
มนุษย์ปริศนามิได้แยแสความน่าเกรงขามของโนลล์แม้แต่น้อย
หากมองผิวเผิน ชายผู้นี้กำลังสวมใส่เสื้อผ้าสกปรกมอบแมม
รอยคราบดินโคลนเปรอะเปื้อนเต็มตัว
ในมือถืออุปกรณ์แปลกประหลาด
เครื่องมือขนาดเล็กปลายแหลมคล้ายเคียว แต่มีความแหลมคมไม่เท่า
ดูยังไงก็ไม่ใช่อาวุธ
“น่าสนใจมาก…เป็นดินที่น่าสนใจมาก”
“…”
โนลล์อาศัยในเมืองแวมไพร์ตั้งแต่เกิด
มันย่อมไม่คุ้นชินวัฒนธรรมของมนุษย์มากนัก แต่ก็พอจะมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง
จากการพิจารณาภายนอก ด้วยสภาพเนื้อตัวมอมแมม อุปกรณ์เครื่องมือสำหรับใช้แรงงาน
โนลล์มั่นใจ ชายปริศนาผู้นี้ต้องเป็นชนชั้นล่างของเผ่ามนุษย์แน่นอน
แต่ทาสกลับไม่ยอมอ่านบรรยากาศรอบข้าง เอาแต่ลูบฝ่ามือไปบนดินพร้อมกับพึมพำบางสิ่งซ้ำไปมา
“…พวกมนุษย์เสียสติกันหมดแล้วรึไง”
โนลล์คำนวณอย่างมั่นใจ สุนัขรีเบคก้าที่เสกวัตถุปริศนาจากฟากฟ้าเมื่อครู่ ระยะหน่วงของทักษะต้องมีเวลานานแน่
มันสามารถดับลบหายใจกริดก่อนที่สุนัขรีเบคก้าจะลงมือใช้ทักษะได้อีกหน
แต่ก่อนอื่น
“ขอดื่มเลือดทาสเป็นจานเรียกน้ำย่อยก็แล้วกัน!”
โนลล์เบนเป้าหมายไปยังมนุษย์ทาสที่บังอาจเมินตน
มันพ่นลมหายใจเหยียดหยันพร้อมกับสะบัดมือโจมตี หมายจะดับลมหายใจมนุษย์ทาสที่กำลังก้มหน้าดมดิมอยู่บนพื้น
ทว่า
“อะไรกัน?”
ทาสชั้นต่ำ
มนุษย์สกปรกที่ไม่มีแม้แต่อาวุธป้องกันตัว กลับสามารถปัดป้องการโจมตีจากโนลล์อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้น มนุษย์ปริศนาคนเดิมได้นำอุปกรณ์ชิ้นใหม่ออกมา
ฉึก!
“อ๊ากกกก!”
โนลล์ถูกเครื่องมือปริศนาแทงใส่หน้าผาก มันรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายอีกครั้ง
โนลล์มิได้รักษามาดอันองอาจอีกต่อไป มันส่งเสียงครวญครางอย่างหมดสภาพ
โนลล์สะดุ้งเฮือก มันรีบถอยหนีให้ห่างจากมนุษย์ทาสให้ไกล จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือลูบไล้หน้าผากตนเองด้วยสีหน้าสุดฉงน
‘พลังศักดิ์สิทธิ์รึไง…? เหตุใดการโจมตีถึงเจ็บปวดทุรนทุรายนัก?’
หรือมนุษย์ทาสผู้นี้ แท้จริงแล้วจะเป็นสุนัขรับใช้ของรีเบคก้า?
“ได้ยังไงกัน…? ฉันคิดว่าสุนัขรีเบคก้าจะสวมใส่แต่ชุดสีขาวสะอาดเสียอีก!”
“…”
ช่างน่าสมเพช
นับตั้งแต่โนลล์เริ่มถูก ‘บดข้าวเปลือก’ กระแทกใส่ กริดและเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างเฝ้ามองเหตุการณ์มาโดยตลอด
โนลล์กำลังแสดงสีหน้าแตกตื่นสุดขีด
“พวกแกใช้ลูกไม้อะไรกันแน่?”
ความฉงนของโนลล์เริ่มเพิ่มทวีคูณ
หากไม่เพราะตัวมันมีค่าต้านทานเวทมนตร์สูง โนลล์คงสงสัยว่านี่คือการลอบโจมตีจากเวทมนตร์ภายนอก
แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง
โนลล์มีค่าต้านทานเวทมนตร์สูงลิบลับ มันจึงไม่มีทางถูกเวทมนตร์เล่นงาน
สิ่งนี้ทำให้โนลล์สับสนหนักยิ่งกว่าเก่า
มีเรื่องค้างคาใจมากมาย
เหตุใดมนุษย์ที่ชื่อกริดถึงมีกำลังเสริมมากมายขนาดนี้?
แล้วพลังใดที่สามารถบดขยี้เมืองและเหล่าแวมไพร์จำนวนมากไปพร้อมกันได้?
แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
“แกเป็นใครกันแน่?”
ตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ทาส
โนลล์ต้องการความกระจ่างในสิ่งนี้มากที่สุด
ชายที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทาส
ปิอาโร่ เขาเริ่มเปิดปากพูด
“ฉันคือชาวนา”
“ชาวนา?”
“ถูกต้อง”
“ชาวนาเนี่ยนะ…!”
ดังที่กล่าวไปข้างต้น โนลล์พอจะมีความรู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่บ้าง
มันย่อมทราบดี มนุษย์ต้องการอาหารเพื่อดำรงชีวิต และมนุษย์บางคนมีหน้าที่เพาะปลูกอาหารโดยเฉพาะ
ใช่แล้ว
โนลล์ทราบความหมายของ ‘ชาวนา’
“บัดซบ!!”
โนลล์พลันฉุนเฉียวสุดขีด
มันเดือดดาลที่มนุษย์แสนต่ำต้อยอย่างชาวนาบังอาจทำให้ตนตกที่นั่งลำบาก
นี่คือครั้งแรกนับแต่เกิดมา ที่โนลล์เกลียดชังใครบางคนมากมายขนาดนี้
โทสะกำลังพวยพุ่งปะทุเสียดฟ้า
“ฉันจะดื่มเลือดแก!!”
ซู่ว—
เวทโลหิตเริ่มควบแน่นหลังจากโนลล์ส่งเสียงคำราม
นี่คือสัญญาณของสุดยอดเวทมนตร์โลหิตที่มีเฉพาะแวมไพร์ทายาทเท่านั้น
ซู่วว—
เวทโลหิตรายล้อมกลืนกินร่างปิอาโร่อย่างรวดเร็ว
โนลล์รู้สึกปลื้มปีติกับภาพที่เห็น
ในที่สุด ชาวนาเสียสติที่ทำให้มันขุ่นเคืองใจกำลังจะหายไปจากโลก
หลังจากนั้นหนึ่งวินาที
“อากาศที่นี่เต็มไปด้วยละอองโลหิต…! เราอยากทำฟาร์มในเมืองนี้!”
“…!!”
ปิอาโร่ส่งเสียงตื่นเต้นแม้กำลังถูกเวทโลหิตของโนลล์กลืนกินร่าง
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
ปิอาโร่สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีจากบีเลียลได้หลายหน กับแค่แวมไพร์ชั้นเอิร์ล ย่อมไม่มีทางสะทกสะท้าน
ยิ่งไปกว่านั้น ปิอาโร่ยังมีรูบี้คอยสนับสนุน
หากมีสุดยอดคลาสสายสนับสนุนอยู่ฝ่ายตน ปิอาโร่ไม่มีวันตายด้วยน้ำมือแวมไพร์เอิร์ลสายแทงค์แน่นอน
วาบ! วาบ!
ทักษะฟื้นฟูพลังชีวิตส่องสว่างอาบร่างปิอาโร่เป็นระยะ
ยังรวมถึง ‘ศาสตราศักดิ์สิทธิ์‘ ที่แปรเปลี่ยนธาตุอาวุธของปิอาโร่ให้เป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์
คราดเล็กในมือปิอาโร่กำลังส่องสว่างด้วยแสงขาวโพลน
“มีเวทมนตร์ที่รุนแรงกว่านี้ไหม?”
“หุบปาก!!”
ชายเสียสติที่แข็งแกร่งกว่ากริดผู้นี้…
มันไม่มีทางเป็นแค่ชาวนาแน่!
แถมยังกล้าท้าทายตน
โนลล์ทั้งโกรธแค้นและสับสนทุกครั้งที่ปิอาโร่อ้าปากพูด มาดอันองอาจของแวทไพร์ทายาทแทบไม่หลงเหลือ
นี่คือทักษะ ‘ชาวนายั่วยุ’ อันโด่งดังของชาวนาในตำนาน
เป็นทักษะที่ปิอาโร่ค้นพบโดยไม่ตั้งใจ
เขาเริ่มสัมผัสถึงอารมณ์อันแปรปรวนของศัตรูในยามต่อกรกับศัตรูที่เก่งกาจคนแล้วคนเหล่า
คู่ต่อสู้ของปิอาโร่มักแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวและสูญเสียความเยือกเย็นทุกครั้งที่ปิอาโร่ประกาศตัวว่าเป็นชาวนา
ไม่เว้นแม้แต่ครอเกลหรือดาเมี่ยน
เขาจึงนำมันมาใช้ประโยชน์
“ตายซะ!!”
โนลล์คำรามด้วยถ้อยคำที่แวมไพร์ทายาทแทบไม่เคยกล่าวกับมนุษย์
มันพูดว่า ‘ตายซะ’ แทนที่จะเป็น ‘ให้ฉันดื่มเลือดซะ’
หมายความว่า โนลล์มองปิอาโร่เป็นตัวตนพิเศษ
สมาธิของมันจดจ้องปิอาโร่เพียงผู้เดียวโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
มีเพียงมันและปิอาโร่อยู่บนโลก
สมาธิของโนลล์กำลังเพ่งพิศถึงเพียงนั้น
แต่ปัญหาคือ
“มหาสมุทรพิโรธ!”
“ดาบสีเทา!”
มาซงอัญเชิญเวทมนตร์สึนามิอันทรงพลัง
ส่วนอันดับสองตลอดกาลอย่างอัสโมเฟลเริ่มลงมือกวัดแกว่งดาบส่องแสงใส่โนลลล์
การโจมตีทั้งสองชนิดล้วนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อโนลล์
โดยเฉพาะโนลล์ที่สูญเสียความเยือกเย็นและการมองเห็นสิ่งรอบข้าง
อาการบาดเจ็บรุนแรงคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
ซ่าาา—
ฉึก—
“แค่ก!”
โนลล์เสียการทรงตัวเมื่อถูกคลื่นทะเลซัดโถมพร้อมกับรัศมีดาบที่เสียบทะลวงหัวใจ
ปิอาโร่ไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย
“ความตายที่ถูกลิขิต!”
ฉึก!
คราดเล็กกระแทกใส่ทรวงอกโนลล์อย่างจัง มันบาดเจ็บสาหัสจนมิอาจส่งเสียงกรีดร้อง
กริดเฝ้ามองเหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ
“…เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”
“พวกนายอย่างแซงเซ่!”
“หมายความว่ายังไง? ไม่รู้รึไงว่าหน่วยวายุของพวกเรามาถึงก่อน ช่วยต่อคิวด้วย!”
“เห…? มาถึงก่อนจริงหรือ? นานแค่ไหน? หนึ่งวินาทีรึเปล่า? มีหลักฐานไหม? พวกฉันขอสาบานต่อหน้ามันฝรั่งสีรุ้งของแพเทรี่ยน!”
“…”
ขณะเดียวกัน ณ ประตูมิติปากทางเข้าเมืองแวมไพร์ด้านหลังกริด
ทหารกลุ่มใหญ่กำลังเบียดเสียดและส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย
กริดและเหล่าขุนพลโอเวอร์เป็นได้เพียงตัวตนที่ ‘ลีบเล็ก‘ ของเหตุการณ์ใหญ่ระดับสั่นคลอนทวีป
“นายใช้สูตรโกงรึไงเนี่ย?”
แวนเนอร์พึมพำ
นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ของทักษะ ‘โองการกษัตริย์’ ที่กริดใช้โดยไม่รู้ถึงผลที่จะตามมา
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,171
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
กษัตริย์มีรานชโองการจับมันไปตัดหำ555
ReplyDeleteโกงได้ใจราชโองการณ์กษัตรย์กริด โนลล์งงกับเหตุการณ์ น่าสงสาร ที่ถูกชาวนาฆ่า
ReplyDeleteชาวนายั่วยุก็มา 555555
ReplyDeleteอย่างชอบ เฟี้ยวจัด!!
Delete