จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 731



    ‘เราไม่ได้หวังให้เป็นแบบนี้…’

    กริดเพียงต้องการแสดงพลังอำนาจในฐานะกษัตริย์ของอาณาจักร
    ชายหนุ่มหงุดหงิดที่ถูกแวมไพร์ในกะลาหยามเกียรติ    
    แวมไพร์ทายาทผู้โง่งมที่ไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือนหมื่น

    ด้วยเหตุนี้  กริดจึงระดมพลทัพหลวงมายังทะเลทรายเรย์ดัน
    จำนวนทหารของทัพหลวงคือสามหมื่นนาย
    
    ถือเป็นกองกำลัขนาดพอเหมาะสำหรับลุยดันเจี้ยนแวมไพร์
    เพียงเท่านี้ก็มากพอจะทำให้โนลล์รับรู้ถึงความต่างชั้นของพลังอำนาจแล้ว

    กริดต้องการแค่นี้
    แต่เหตุการณ์กลับดำเนินไปอย่างผิดแผก

    “กษัตริย์มาซงแห่งเผ่าวารีรายงานตัว…พวกเรายกทัพมาสนับสนุนราชาโอเวอร์เกียร์แล้ว!”

    “…”

    “ลาเด็นแห่งแดนเหนือรายงานตัว…กระหม่อมมาพร้อมกับหน่วยวายุอันโด่งดังของดยุคสไตม”

    “...”

    “บลันด์แห่งแพเทรี่ยนรายงานตัว…ท่านพ่อมีคำสั่งให้กระหม่อมปกป้องฝ่าบาทกริด”

    “...”

    >>  กริดซามา!! (ท่านกริด)  ผมได้ยินข่าวลือว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย  ตอนนี้กำลังเร่งฝีเท้าไปหาพร้อมกับบุตรีแห่งรีเบคก้าทั้งสาม  ช่วยอดทนอีกนิด!!
    
    >> ไม่…ได้โปรดอย่ามา 

    พลังอำนาจของ ‘โองการกษัตริย์’ มหาศาลเกินกว่าที่กริดจินตนาการไว้
    NPC ผู้ปกครองในแต่ละดินแดน  รวมถึงผู้เล่นมิตรสหายที่สนิทชิดเชื้อ  ทุกฝ่ายล้วนเข้าใจผิดว่ากริดกำลังตกอยู่ในอันตราย  
    พวกเขายกทัพมาช่วยโดยไม่รีรอ
    
    ปัจจุบัน  ทหารจำนวนมากต้องยืนเบียดเสียดบริเวณทางเข้าดันเจี้ยนแวมไพร์อันคับแคบ
    แถมเกือบทั้งหมดยังเป็นภาระที่แทบใช้การไม่ได้    

    ‘ค่าใช้จ่ายในการเดินทัพมาที่นี่จะมากมายขนาดไหนกัน?  เราควรทำยังไงดี?’

    ทหารจะสิ้นเปลืองเสบียงในยามศึกมากกว่ายามสงบสุข
    เพียงการเคลื่อนทัพด้วยความเร็วปรกติ  ก็สิ้นเปลืองอาหารมากกว่าการฝึกอยู่ภายในลานแล้ว
    ไม่ต้องพูดถึงการเดินทัพด้วยความเร่งรีบ  
    สิ่งนี้อาจกลายเป็นภาระทางเศรษฐของอาณาจักร    

    โดยเฉพาะอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ส่งออกอาหารเป็นสินค้าหลัก
    อาหารคือรายได้  คือทรัพยากรอันมีค่า

    กริดได้แต่ถอนหายใจ
    ทหารมากมายกำลังพัวพันยั้วเยี้ยะบริเวณปากทางเข้าประหนึ่งฝูงแมลง

    ‘เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง…’

    ในตอนต้น  กริดเพียงต้องการข่มขูโนลล์ด้วยจำนวนทหารทัพหลวง
    ส่วนด้านต่อสู้  กริดแค่ต้องการพลังของอัสโมเฟลและปิอาโร่เท่านั้น

    ชายหนุ่มไม่เคยคิดจะนำทหารที่เป็นเพียงเครื่องแสดงอำนาจเข้าร่วมรบ
    แค่ตั้งทัพและเฝ้ามองจากภายนอกก็มากพอ  ตัวตนของทหารมีเพื่อให้เหล่าแวมไพร์อกสั่นขวัญแขวน
    
    เหตุใดกริดถึงต้องการให้ทหารแค่ยืนดู?
    ถ้าหากทหารเข้าร่วมศึกและเสียชีวิตลง  ฝ่ายที่เสียหายใหญ่หลวงจะเป็นกริดและอาณาจักรเสียเอง
    แต่นี่เป็นเพียงเหตุผลรอง

    ‘เราไม่ต้องการแบ่งค่าประสบการณ์กับเหล่าทหาร!’

    กริดทราบดี  หากมีเพียงปิอาโร่และอัสโมเฟลที่เข้าร่วมการสู้  ค่าประสบการณ์ของตนและสมาชิกโอเวอร์เกียร์จะถูกหารแบ่งอย่างสมน้ำสมเนื้อ
    เขามิได้ออกคำสั่งเคลื่อนทัพหลวงเพราะอยากอัพเลเวลพลหารเหล่านี้

    มันคงสูญเปล่าไม่น้อยหากเอาชนะแวมไพร์ทายาทสำเร็จ  แต่กลับได้รับค่าประสบการณ์เทียบเท่าเยี่ยวแมว
    สองคนที่กริดต้องการให้เข้าร่วมปาร์ตี้
    มีเพียงปิอาโร่และอัสโมเฟลเท่านั้น

    “ช่วยเหลือพันธมิตร!  ได้เวลาทดแทนบุญคุณแล้ว!”
    
    “อัญเชิญสึนามิ!”

    “…” 

    แผนทั้งหมดของกริดพังไม่เป็นท่า  เมื่อมาซงผู้นำกองทัพอิสระ  ออกคำสั่งให้เผ่าวารีเข้าร่วมศึกตะลุมบอนล่าบอส
    
    ฉากตรงหน้ากลายเป็นมหาสงครามไปโดยปริยาย  มิใช่การล่าบอสอีกต่อไป
    แผนสังหารโนลล์หนนี้  กริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์หมดสิทธิ์ได้รับค่าประสบการณ์จากโนลล์โดยสิ้นเชิง
    เลิกหวังไปได้เลย    

    “เฮ่อ…”

    ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว
    เขายืนมองฉากตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย
    ปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซง
    ทั้งสามกำลังดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักเพื่อดับลมหายใจโนลล์

    กริดไม่คิดเข้าร่วมศึกนี้
    เขาไม่หลงเหลือแรงกระตุ้นในการฆ่าบอสอีกแล้ว

    ทว่า  สถานการณ์กลับพลิกผันในเวลาเพียงไม่นาน    
    
    “ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน!”
    
    โนลล์เข้าสู่โหลดคลุ้มคลั่งหลังจากถูกปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซงรุมโจมตีอยู่พักใหญ่
    ปัจจุบัน  โนลล์กระหน่ำยิงเวทมนตร์ทำลายวงกว้างอย่างไม่หยุดพัก
    เป้าหมายคือกลุ่มพลทหารโอเวอร์เกียร์ที่แสนอ่อนแอ

    ฉากนี้ได้ปลุกกริดให้ตื่นจากภวังค์
    ชายหลุ่มสลัดอาการห่อเหี่ยวที่ต้องสูญเสียค่าประสบการณ์
    เขาใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อปกป้องชีวิตพลทหารให้มากที่สุด

    จากนั้นก็ร่วมมือกับปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซงเพื่อดับลมหายใจโนลล์

    จนกระทั่ง

[ ท่านทำการโจมตีพร้อมกับเหล่าสหายที่มีค่าความสัมพันธ์เต็มเปี่ยม ]
[ ท่านค้นพบชิ้นส่วนลับของผู้เล่นที่ถูกผนึก ‘ผนึกกำลังโจมตี’ เป็นคนแรก ]
[ รางวัลตอบแทนในฐานะที่ค้นพบเป็นคนแรก  ความเสียหายที่สร้างขึ้นจาก ‘ผนึกกำลังโจมตี’ จะเพิ่มขึ้น 20% ]

    ปิอาโร่  อัสโมเฟล  มาซง  และกริด
    ทั้งสี่มิได้ตั้งใจจะใช้ทักษะให้เข้าเงื่อนไข ‘ผนึกกำลังโจมตี’
    ทุกคนต่างอ่านสถานการณ์อย่างเฉียบขาดในฐานะผู้เชี่ยวชาญการรบ
    จากนั้นก็เชื่อใจกันและกัน
    
    การโจมตีสอดประสานพร้อมกันในจังหวะสมบูรณ์แบบมิใช่เหตุบังเอิญ

    แต่ผลพิเศษจากระบบคือเหตุบังเอิญที่ไม่มีใครคาดหวังไว้ล่วงหน้า

[ ทักษะของทุกคนมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น 240%  ส่วนทักษะของท่านมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น 260% ]    

    ครืนนน— 

    ‘ทลายนภา’ ของปิอาโร่
    ทักษะนี้มีความรุนแรงไม่แพ้บดข้าวเปลือก
    ถือเป็นของแสลงสำหรับโนลล์

    ฉัวะ— 

    ฉูดดด—

    พรึ่บ!  

    ดาบในมืออัสโมเฟลอัดแน่นด้วยเปลวเพลิงลุกโชน  เปี่ยมด้วยพลังทำลายในระดับที่ไม่ต่างกัน 
    ผลของทักษะนี้จะ ‘ขัดขวาง’ ความสามารถในการฟื้นฟูพลังชีวิตของเป้าหมาย

    “ทะลวงสมุทร!”

    ท่าไม้ตายของมาซงที่สร้างความเสียหายตามจำนวนเปอร์เซนต์เลือดศัตรู
    แถมยังแฝงด้วยพลังคลื่นซัดถาโถม  
    อานุภาพมิได้ด้อยไปกว่า ‘ความตายที่ถูกลิขิต’ ของปิอาโร่เลยสักนิด

    “อ๊ากกก…!”

    เมื่อสามสุดยอดทักษะปะทะร่างโนลล์ในเวลาไล่เลี่ยกัน  พลังชีวิตของมันพลันเข้าสู่จุดวิกฤติทันที
    อันที่จริง  การ ‘ผนึกกำลังโจมตี’ ของสุดยอด NPC แค่สามคนก็มากพอจะกำราบโนลล์ได้แล้ว
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  กับโนลล์ที่อยู่ในโหมด ‘คลุ้มคลั่ง’ ซึ่งมีพลังป้องกันต่ำ

    โนลล์สูญเสียความฮึกเฮิมอย่างรวดเร็ว
    ถึงขั้นกระอั่กโลหิตคำโตจากปาก
    
    ด้วยดวงตาอันพร่ามัว  โนลล์เห็นร่างกริดอย่างเลือนลาง

    “คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร!”

    “แก…!”

    วิชาดาบผสานสี่ชนิด
    โนลล์เคยเห็นกริดใช้ทักษะนี้สังหารพี่น้องของมันเต็มสองตา    
    โนลล์มิอาจคิดถึงสิ่งอื่นใดนอกจากความตายที่กำลังคลืบคลานเข้าหา

    แน่นอน  มันมิได้ปรารถนาความตาย
    โนลล์มีอายุหลายร้อยปี
    เนื่องด้วยคำสาปเกียจกร้านที่รุนแรง  โนลล์จึงทำได้เพียงนอนหลับในโลงมาโดยตลอด
    
    แต่ในวาระสุดท้ายของชีวิต  โนลล์กลับหลุดพ้นจากคำสาปอย่างน่าประหลาด 

    มันกำลังสีความสุขกับชีวิตใหม่    
    มันไม่ต้องการลาจากโลกใบนี้
    มันต้องการมีชีวิตให้ยืนยาวที่สุด… 

    โนลล์อยากออกจากเมืองแวมไพร์ที่มันเติบโต
    อยากออกจากทะเลทรายอันรกร้าง
    อยากท่องไปทั่วโลกอย่างอิสระ

    แต่ว่า…
    
    ฉึก!

    ฉึกฉึก!

    ฉึกฉึก!

    “…!!”

    การโจมตีจากกริด  รุนแรงกว่าที่โนลล์คาดคิดไว้มาก
    นี่คือผลส่งเสริมจากทักษะ ‘ผนึกกำลังโจมตี’
    
    ในสายตาโนลล์
    การโจมตีจากกริดมิต่างอะไรจากการลงดาบของเพชรฆาต    

    บึ้มบึ้มบึ้ม— 

    ตู้มมม— 

    โนลล์ยังคงถูกโจมตีอีกหลายหน  
    เพลิงทมิฬสีดำสนิทกำลังระเบิดท่วมร่างเป็นระยะ
    
    อีกไม่นาน
    ตัวมันคงกลายเป็นเพียงซากขี้เถ้า… 

    ‘อา…’

    สติของโนลล์เริ่มเลือนลางหลุดลอย
    มันไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดตามร่างกายอีกต่อไป
    โนลล์สัมผัสได้เพียงสิ่งเดียว…
    
    ความเศร้าหมอง
    ความเศร้าหมองเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้ใช้ชีวิตอีกต่อไป
    
    ‘สิ่งนี้ก็เป็นคำสาปสินะ…’
    โนลล์ครุ่นคิด
    
    หากมันยังคงถูกคำสาปเกียจคร้านเช่นเคย  วาระสุดท้ายของชีวิตก็คงไม่น่ากลัวและหดหู่ถึงเพียงนี้
    คงดีกว่าหากกลับกลายเป็นแวมไพร์เกียจคร้านและเบื่อหน่ายทุกสิ่งเช่นเดิม
    
    แต่ปัจจุบัน  
    โนลล์ย่อมหนีความจริงไม่ได้  
    ตัวมันเอาชนะคำสาปเกียจคร้านได้แล้ว
    โนลล์กำลังปรารถนาให้ตนมีชีวิตรอด
    การตายในสภาพนี้นับเป็นสิ่งทำร้ายจิตใจอย่างมหันต์
    
    ความเศร้าโศกเริ่มกัดกินหัวใจโนลล์อย่างรุนแรง
    
    วาบ!

    ดาบสีดำในมือกริดกำลังฟาดฟันลงมาเป็นเส้นตรง
    นี่คือการปิดฉากที่สมบูรณ์แบบ

    ‘ท่านแม่…บุตรชายโง่เขลาผู้นี้ไม่สมควรเกิดมาตั้งแต่แรก  ผมกำลังจะจากโลกนี้ไป’
    
    โนลล์รำลึกถึงเบริอาเช่

    ‘ผมอยากให้ท่านแม่ภาคภูมิใจที่ได้ให้กำเนิดผมขึ้นมา…แต่น่าเสียดายที่เผ่าพันธุ์เราล้วนถูกสาป  เป็นคำสาปที่มิอาจเอาชนะหรือขัดขืนได้ง่ายนัก’

    ภาพสุดท้ายในชีวิตโนลล์มีสองสิ่ง
    หนึ่งคือโลงศพของตนที่ถูกใช้เป็นเตียงนอนมาหลายร้อยปี
    และอีกหนึ่งคือใบหน้าของผู้เป็นมารดา  
    …ชิโซ·เบริอาเช่  
    
    จิตของโนลล์เริ่มว่างเปล่า
    เขานึกสงสารมารดาของตน

    ‘หากเราได้รับโอกาสอีกสักหน…’

    มันจะใช้ชีวิตให้แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง
    แต่นั่นคงเป็นเพียงเรื่องราวเพ้อฝัน
    ทุกสิ่งจบสิ้นแล้ว…โนลล์หลับตาลงอย่างสงบเพื่อรอรับความตายที่ยมทูตเบื้องหน้ากำลังจะมอบให้
    
    คมดาบกริดฟาดฟันสัมผัสปลายจมูกโนลล์อย่างรวดเร็ว
    ทว่า… 
    
    “…?”

    ขณะเตรียมใจที่จะตาย  
    โนลล์พลันฉงนอย่างหนัก
    
    ดาบในมือกริดซึ่งควรตัดผ่าศีรษะมันออกเป็นสองซีกเหมือนผลแตงโม
    บัดนี้กลับหยุดกึกแช่ค้างที่ปลายจมูกอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน

    ‘เกิดอะไรขึ้น?’

    เดี๋ยวก่อน…นี่อาจเป็นภพหลังความตายและภาพที่เห็นคงเป็นภพ ‘หุบเหวไร้ก้นบึ้ง’  
    สถานที่กักเก็บดวงวิญญาณอสูรหลังความตาย    

    ต้องเป็นเช่นนั้นแน่… 
    โนลล์สัมผัสถึงความเจ็บปวดไม่ได้เลย

    หลังจากเวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน
    โนลล์ตัดสินใจลืมตาขึ้นอีกครั้ง    

    มันหวาดกลัวว่า
    ภาพที่เห็นจะเป็นวิวทิวทัศของ ‘หุบเหวไร้ก้นบึ้ง’ ที่ดวงวิญญาณจะถูกพันธนาการไว้ตราบชั่วนิรันดร์

    แต่… 

    “แฮ่ก…แฮ่ก!”

    ภาพที่เห็นมิใช่หุบเหวไร้ก้นบึ้ง  หากแต่เป็นกริดผู้กำลังหายใจเหนื่อยหอบ
    ดาบใหญ่สีดำในมือยังคงหยุดค้างบนปลายจมูกโนลล์

    “…” 

    เมืองแวมไพร์ลำดับเจ็ดกำลังเงียบงันไร้สุ้มเสียงใด  
    ทุกคนต่างจ้องมองกริดเป็นตาเดียว 

    พวกเขาได้แต่นึกสงสัย  เหตุใดกริดถึงไม่ลงมือสังหารโนลล์สักที

    “…เกิดอะไรขึ้น?”
    สีหน้าของโนลล์กำลังฉงนไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่น  
    มันไม่เข้าใจเลยสักนิด
    ว่าทำไมกริดถึงไม่ยอมลงมือ

    “…”             

    กริดไม่กล่าวสิ่งใด  
    เขาพยายามกวัดแกว่งดาบฟาดซ้ำใส่โนลล์อีกหน  
    แต่ก็ต้องชะงักไว้บนปลายจมูกเช่นเดิม

    โนลล์เริ่มขมวดคิ้ว    
    “ทำไมกัน…? ทำไมแกถึงไม่ฆ่าฉัน?  หรือว่า…แกกำลังสงสารฉัน?”

    “…”

    กริดยังคงนิ่งเงียบ
    สีหน้าของชายหนุ่มขาวซีดปนสับสน  ปากพะงาบราวกับจะกล่าวสิ่งใด

    แต่ท้ายที่สุดก็หุบกลืนลงคอไป
    
    โนลล์เห็นดังนั้นจึงมั่นใจ    
    “ต้องใช่แน่…แกกำลังสงสารฉัน  แกคงสัมผัสได้ว่า  ฉันยังต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป…ช่างน่าสมเพชนัก”

    โนลล์ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ที่มันไม่เคยพบเจอตลอดหลายร้อยปี
    
    มองผิวเผินจากภายนอก  โนลล์คือแวมไพร์ที่มีใบหน้าอันหล่อเหลาของเด็กหนุ่มวัย 13 ปี
    ผิวพรรณและรูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติ
    บัดนี้  มันเริ่มเปล่งเสียงสั่นระริก
    
    “มนุษย์อย่างแก…ทำไมถึงสงสารแวมไพร์ทายาทอย่างฉัน”

    น้ำตาโนลล์ไหลรินอาบสองแก้ม
    มันรู้สึกละอายใจหรือไม่  ที่มนุษย์แสนต่ำต้อยเห็นใจและไว้ชีวิตมัน?

    คำตอบคือไม่

    มันกำลังดีใจ  
    ดีใจที่ได้อยู่บนโลกนี้ต่อไป
    มันคือแวมไพร์ที่ไม่เคยมีโอกาสพิสูจน์ตนเองมาก่อน  ขั่วชีวิตถูกคำสาปเล่นงานจนเอาแต่หลับไหลในโลง  ไม่เคยมีโอกาสได้พิสูจน์คุณค่าให้ผู้ใดได้เห็น
    ปล่อยวันเวลาเลือนผ่านอย่างไร้ค่า
    
    โนลล์ไม่เคยคาดฝัน  ว่าจะมีใครบางคนรู้สึกสงสารและยอมรับในตัวมัน
    
    แต่บัดนี้  โนลล์ได้พบแล้ว
    คนผู้นั้นกำลังยืนอยู่เบื้องหน้า

    แถมยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่เข่มฆ่าเอาชีวิตกันตลอดหลายวันที่ผ่านมา
    
    โนลล์เริ่มคาดเดาอย่างเลือนลาง
    “แกคงคงรู้สินะ  ว่าฉันมิใช่แวมไพร์ชั่วร้ายเหมือนพี่น้องตนอื่น  แกคงสัมผัสถึงจิตใจอันดีงามของฉันได้”

    “…?”

    “…ขอบคุณมากที่ไม่ปฏิเสธการมีตัวตนของฉัน  นี่เป็นหนแรกที่หัวใจของฉันถูกใครบางคนสั่นคลอน”

    “…??”

    “ขอบคุณที่ไว้ชีวิต  นับแต่นี้…ฉันขอติดตามรับใช้นายตลอดไป  ฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด” 

    “…” 
    
    กริดมิได้กล่าวสิ่งใดจนถึงที่สุด
    โนลล์คาดเดาว่า  กริดคงกำลังตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก
    
    แน่นอนอยู่แล้ว  การที่มนุษย์ธรรมดาสามารถเป็นเจ้านายของแวมไพร์ทายาท… 
    เคยมีเรื่องราวเช่นนี้เคยขึ้นมาก่อนงั้นหรือ?

    หากนำไปเล่าให้ใครฟัง  คงมีเพียงน้อยคนที่จะยอมเชื่อลง
    กริดคงมีอาการอื่นมิได้นอกจากตื่นเต้น  
    โนลล์มั่นใจ

    ทันใดนั้น  ปิอาโร่เอ่ยปากแทนกริด

    “นายคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจรับใช้ฝ่าบาทกริด…เอาล่ะ  มาทำนากับฉัน!”

    “....$!@##...”

    โนลล์หลุดปากสบถหยาบคายทันที
    อริยดาบเสียสติผู้นี้แสร้งทำเป็นชาวนาจนถึงที่สุด
    สิ่งนี้ย่อมทำให้โนลล์ไม่พอใจอย่างมาก  
    คิดว่าเขาดูเหมือนไอ้งั่งนักรึไง?
    
    โนลล์ชื่นชอบกริดก็จริง  
    แต่ก็ไม่คิดลงรอยกับปิอาโร่

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,172
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. 555 มาทำนากับฉันเถอะ

    ReplyDelete
  2. วันนี้ไม่ลงอะ

    ReplyDelete
  3. เฮ้!นายนะนายนั้นเเหละมาทำนากับปิอาโร่สิ!

    ReplyDelete
  4. กำลัง กำลังซึ้ง อยู่ๆ มีคนขัดจังหวะ ชวนทำนาซะงั้น 555🤣🤣🤣

    ReplyDelete
  5. น้ำตาจะใหล ทั้งซึ้ง ทั้งขำ ทั้งช็อตฟิวเพิ่มเข้าไปอีก 5555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00