จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 732



‘เกิดอะไรขึ้น…?’

‘มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!’

จังหวะและโอกาสอันสมบูรณ์แบบ  
การโจมผนึกกำลังระหว่างกริด  ปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซง  
นี่คือจังหวะปิดฉากการต่อสู้อย่างเลิศหรูอลังการ

ขณะที่พลังชีวิตของโนลล์ลดลดฮวบจนเหลือเพียงก้นหลอด
เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างคาดหวังถึงไอเท็มดรอปและปริมาณค่าประสบการณ์ที่จะได้รับ

แต่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
เหตุใดกริดถึงชะงักดาบสุดท้ายไว้… 

“ชำระล้าง!”

นักบุญหญิง ‘รูบี้’ 
เธอกำลังคิดว่ากริดถูกอาการผิดปรกติเล่นงาน  จึงรีบใช้ทักษะชำระล้างเพื่อหมายขจัดอาการแปลกปลอมให้หมดสิ้น

แต่ก็ไม่เกิดผล

[ เป้าหมายปราศจากอาการผิดปรกติ ]

ข้อความระบบแสดงขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าการใช้ทักษะล้มเหลว

“พี่…?”

ไม่ใช่ว่าพี่เน็ตหลุดหรอกนะ?
หากเน็ตหลุดในเวลาคับขันเช่นนี้  
คนอย่างพี่ต้องจ้างทีมกฏหมายฟ้องร้องผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแน่นอน
พี่ชายเธอคือคนเช่นนั้น

ขณะเดียวกัน 

“ขอบคุณที่ไว้ชีวิต  นับแต่นี้…ฉันขอติดตามรับใช้นายตลอดไป  ฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด” 

โนลล์ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมต่อหน้ากริด
ชายหนุ่มกำลังอยู่ในสภาพตัวแข็งทื่อ

เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างพากันขนลุกกับภาพที่เห็น
ไม่เว้นแม้แต่รูบี้

‘ทำให้แวมไพร์ทายาท…’

‘ยอมเป็นลูกน้อง…?’

นี่คือผลลัพธ์สุดน่าทึ่งเหนือจินตนาการ
ไม่เคยมีใครในโอเวอร์เกียร์ที่นึกถึงวิธีนี้

ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
ผู้เล่นธรรมดาจะทำให้บอสพิเศษกลายเป็นบริวารได้อย่างไร
แม้แต่คลาสนักฝึกสัตว์อันดับหนึ่งของโลกก็ไม่มีทางทำสำเร็จ

ทว่า  กริดผู้ที่ห่างไกลกับคลาสนักฝึกสัตว์มาก
กลับทำให้แวมไพร์ทายาทกลายมาเป็นบริวารโดยสมบูรณ์

ฉากตรงหน้าทำลายทุกสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง
ขณะที่เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดทึ่ง

“สมกับเป็นก็อดกริด!”

“นายท่านสุดยอดมาก!”

“คุคุคุ…! จิตใจที่อ่อนโยนของนายสามารถกุมหัวใจได้แม้กระทั่งมอนสเตอร์สินะ”

พีคซอร์ด  ฮิวรอย  และลอเอล
ทั้งสามคือบุคคลที่เทินทูนกริดออกนอกหน้าเสมอ
บัดนี้  พวกเขาเริ่มกล่าวคำสรรเสริญเยินยอกริดไม่ขาดปาก

“ด้วยสมญานามว่าที่ราชาโลหิต  เมื่อแสดงความเห็นใจต่อแวมไพร์ทายาท  อีกฝ่ายจะรู้สึกซาบซึ้งและต้องการรับใช้สินะ…เป็นเช่นนี้นี่เอง  คิดไม่ถึงเลยแฮะ  คงมีเพียงก็อดกริดเท่านั้นที่สามารถคิดวิธีนี้ได้  เขาคือผู้ที่บรรลุสัจธรรมและเข้าถึงระบบการเล่นซาทิสฟายโดยสมบูรณ์  ก็อดกริดจงเจริญ!!  สมกับเป็นความภาคภูมิใจของเกาหลีใต้!!”

“นายท่านกุมหัวใจ NPC พิเศษมาแล้วมากมาย…แต่กระผมก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน  ว่านายท่านจะทำให้แวมไพร์ทายาทกลายเป็นบริวารสำเร็จ  นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เคยมีใครทำได้  กระผมเลื่อมใสยิ่งนัก”

“คุคุคุ…นับตั้งแต่ที่ฝ่าบาทสามารถโน้มน้าวเผ่าเนตรมารสำเร็จ  กระหม่อมก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นสักวัน  พลังอันยิ่งใหญ่ของฝ่าบาทได้ก้าวข้ามมิติกาลเวลาทั้งปวงไปแล้ว  คุฮ่าฮ่าฮ่า!”

พีคซอร์ด  ฮิวรอย  ลอเอล
ทั้งสามกำลังกล่าวสรรเสริญและตีความกริดในรูปแบบที่ต่างกัน
ซึ่งทั้งหมดล้วนเกินจริงไปมาก

“เอ่อ…อะ”

กริดที่กำลังจะบอกเล่าความจริง
บัดนี้กลับชะงักงันและเปลี่ยนความคิด

ทหารโอเวอร์เกียร์นับหมื่นกำลังเฝ้ามองมายังตนเป็นตาเดียว
สีหน้าทุกคนเปี่ยมด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในตัวกริดเป็นล้นพ้น

หากบอกความจริงเข้าตอนนี้  
เกรงว่ามโนภาพที่ทุกคนคาดหวังไว้อาจพังพินาศไม่เป็นท่า
และนั่นไม่ใช่ผลดีเลยสักนิด

ลงเอยด้วย…
การพูดความจริงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

“ฮะฮะ!  ถูกต้อง!  พวกนายอ่านขาดมาก”

กริดหันมาแสยะยิ้ม

“เมื่อคืนฉันคิดวิธีนี้ออกโดยบังเอิญ  จึงลองทดสอบใช้ดู  ต้องขอบคุณที่นิสัยของโนลล์เป็นไปตามที่คิดไว้  ผลจึงลงเอยด้วยความสำเร็จเช่นนี้”

“โอ้ววว!!”

“ฝ่าบาทกริดจงเจริญ”

“ราชาโอเวอร์เกียร์จงเจริญ!”

ทหารนับหมื่นเริ่มกล่าวคำสรรเสริญเยินยอกริดไม่ขาดสาย
ทุกคนต่างเคารพนับถือในตัวกริดยิ่งกว่าเดิม

‘…ไว้ค่อยบอกความจริงกับพวกพ้องภายหลัง’

กริดพยายามเมินเฉยสายตาที่เปล่งประกายของทหารยามจ้องมองมา
เขาออกคำสั่งเคลื่อนทัพกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

***

‘แบบนี้ดีแล้ว…ดีกว่าแผนในตอนแรก’

จุดประสงค์หลักในการฆ่าโนลล์  
ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากค่าประสบการณ์  ไอเท็ม  และพลังใหม่ที่จะถูกสลักในอักขระ

จากมุมมองกริด  เขาไม่ชอบสมญานามดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจียเลยสักนิด
ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่มันไม่เคยแสดงผลเลยสักครั้ง  นับตั้งแต่ได้ครอบครอง
ใช่แล้ว  กริดได้แต่สวดภาวนาทุกลมหายใจมิให้ตนต้องไว้ชีวิตมอนสเตอร์

เขาจึงเดือดดาลมากเมื่อมันดันแสดงผลในช่วงเวลาสุดแสนสำคัญ

ก่อนจะฆ่าโนลล์เพียงเสี้ยววินาที

โทสะกริดพลันพุ่งพล่านทะยานฟ้า
เมื่อค่าประสบการณ์  ไอเท็ม  และพลังอักขระต้องสลายไปกับสายลม

แต่ยิ่งเหตุการณ์ดำเนินผ่านไป 
เมื่อใจเย็นลงและขบคิดให้ถี่ถ้วน
เขาเริ่มเปลี่ยนมุมมอง

โนลล์ประกาศขอติดตามตน

แวมไพร์ทายาท… 
การมีแวมไพร์ทายาทเป็นผู้ติดตาม  
สิ่งนี้มีค่ายิ่งกว่าค่าประสบการณ์  ไอเท็มดรอป  และพลังอักขระอย่างมาก

เมื่อลองย้อนนึกกลับไป  จุดประสงค์แรกสุดที่กริดตัดสินใจตั้งปาร์ตี้ลุยดันเจี้ยนเมืองแวมไพร์คือสิ่งใด?
เพราะเขาต้องการไอเท็มอัญเชิญแวมไพร์ทายาทมิใช่หรือ?

แต่กว่าจะพัฒนาไอเท็มให้กลายเป็นเกรดเลเจนดารี
ไม่มีทางทราบได้เลย  ว่าต้องใช้เวลานานกี่เดือนกี่ปีกัน

หรือต่อให้กลายเป็นเกรดเลเจนดารีและสามารถอัญเชิญแวมไพร์ทายาทได้ทันที
แต่สิ่งมีชีวิตที่ถูกอัญเชิญจากไอเท็ม  จะอยู่ในสภาพอ่อนแอกว่าภาวะปรกติหลายเท่า  
ดูตัวอย่างได้จากยารุกต์

แถมยังมีระยะเวลาอัญเชิญจำกัด
เหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่วไป
มิอาจเทียบเท่าโนเอะหรือแรนดี้ที่คงอยู่ถาวร

ผลลัพธ์ดำเนินมาถึงจุดที่…โนลล์ขอติดตามกริดโดยยังมีชีวิตอยู่

ชายหนุ่มได้ครอบครองพลังแวมไพร์ทายาทแบบไม่มีผลข้างเคียงให้หงุดหงิดใจ

โนลล์คือ NPC สายสนับสนุนที่มีระดับใกล้เคียงปิอาโร่และอัสโมเฟล
กริดไม่เคยครอบครอง NPC สายสนับสนุนมาก่อน

หากมองถึงอนาคตวันข้างหน้าของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
หลังจากนี้จะมีแต่ความสดใสรออยู่

การมีโนลล์เป็นบริวาร  
จะเกิดประโยชน์ต่อกริดมากกว่าการมีทหารนับหมื่นรายล้อม

***

“หืม…”

ชายหนุ่มหันไปมองโนลล์พร้อมอมยิ้ม
กริดชื่นชอบโนลล์จากใจจริง

“โนลล์…ฉันคือมนุษย์ต่ำต้อย  นายสามารถรับใช้ฉันได้จริงหรือ?”

สิ่งนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
กริดถามอย่างตรงไปตรงมา  
และโนลล์ก็ตอบกลับโดยไม่ลังเล

“การที่ผมเลือกติดตามรับใช้ท่าน  เพราะท่านยอมรับในคุณค่าและตัวตนของผม  ผมมิได้สนใจว่าท่านจะมีเผ่าพันธุ์ใด”

กริดคือผู้ที่ยอมรับในตัวโนลล์
โนลล์รู้สึกขอบคุณกริด  เขาต้องการใช้โอกาสที่กริดมอบให้  เพื่อพิสูจน์ประโยชน์และคุณค่าของตัวเอง
โนลล์จะทำให้กริดไม่ผิดหวังที่ไว้ที่ชีวิตตน

“ขอสาบานด้วยเกียรติแห่งมารดาเบริอาเช่…ผมจะไม่ดูแคลนท่านเพียงเพราะท่านเป็นมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยกว่า…เพียงแต่ว่า”

“เพียงแต่…?” 

“ผมไม่รับประกันชีวิตของมนุษย์คนอื่น…ท่านเองก็รู้  อาหารของแวมไพร์คือเลือดมนุษย์”

ฉึบ… 

โนลล์มองไปยังกลุ่มทหารของกริดที่กำลังเดินห่างออกไป
สายตาเปี่ยมด้วยความหิวกระหาย

ใช่แล้ว  โนลล์กำลังหิว
นอกจากกริด  มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นเหยื่ออันโอชะ
สิ่งนี้คือสัญชาตญาณตามธรรมชาติที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

กินและถูกกิน
ความสัมพันธ์ทางห่วงโซ่อาหารของมนุษย์และแวมไพร์ที่มีมาช้านาน

‘นั่นสินะ…’

เมื่อเริ่มตระหนักถึงปัญหา  สีหน้าของกริดดำมืดลงหลายระดับ
โนลล์ต้องบริโภคเลือดมนุษย์เป็นระยะเพื่อการดำรงชีวิต

‘หากข่าวลือแพร่กระจายออกไป  ว่ากษัตริย์แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เลี้ยงแวมไพร์เป็นบริวาร  ความหวาดกลัวที่มีต่อเราคงเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าแน่…’

ชื่อเสียงไม่วายต้องดำดิ่ง
และอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างของอาณาจักรอื่นในศึกแย่งชิงพลเมือง

กริดครุ่นคิดจนปวดหัว
เขาไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรดี
ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบ ‘ดาบกษัตริย์’ ออกมาถือพร้อมกับใช้ทักษะใส่โนลล์

‘ตรวจสอบรายละเอียด’

ชิ้ง— 

ชื่อ : โนลล์
อายุ : 219 ปี
เพศ : ชาย
เผ่าพันธุ์ : แวมไพร์ทายาท
สมญานาม : บุตรลำดับสี่แห่งชิโซ·เบริอาเช่ 
* สืบทอดพลัง 'ความห่วงใย' จากชิโซ·เบริอาเช่ 
สามารถใช้เวทมนตร์เพื่อสนับสนุนพวกพ้อง
สมญานาม : แวมไพร์ผู้เอาชนะคำสาปเกียจคร้าน
* ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิต
หากพลังชีวิตลดต่ำลงเกินกว่า 10%  โนลล์จะตกอยู่ในภาวะ ‘ขี้ขลาด’
โนลล์จะทำทุกสิ่งเพื่อให้มีชีวิตรอด  โดยไม่สนผลกระทบที่ตามมา
* ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะท่องไปทั่วโลก
โนลล์ต้องการเรียนรู้โลกกว้าง
สมญานาม : ผู้ล่า
* เมื่อหิวโหย  พลังที่แท้จริงจะถูกสำแดง
ระดับความหิวปัจจุบัน : 5/10
เลเวล : 433
พละกำลัง : 3,500 (▼) 
ความอดทน : 2,449 (▼) 
ความว่องไว : 1,980 (▼) 
สติปัญญา : 3,500 (▼) 
รายการทักษะ : 
- พลังสะกดข่มของทายาท (SS)
- กลืนโลหิต (S)
- โอนถ่ายโลหิต (SS)
- เวทเมนตร์โลหิต (S+)
- คลุ้มคลั่ง (SSS)
บุตรชายที่ชิโซ·เบริอาเช่ชื่นชอบมาก 
เบริอาเช่รู้สึกดีใจที่พลัง ‘ความห่วงใย’ ของตนถูกท่ายทอดไปยังโนลล์
เธอหวังให้โนลล์เติบโตขึ้นเพื่อคอยช่วยเหลือและสนับสนุนเหล่าพี่น้อง
ตัวตนของโนลล์จะทำให้ตระกูลแวมไพร์แข็งแกร่งและทรงพลังขึ้นหลายเท่า
แต่น่าเสียดาย…โนลล์มิอาจตอบสนองความคาดหวังของเบริอาเช่ได้
เฉกเช่นพี่น้องตนอื่น  อุปสรรคใหญ่หลวงของตระกูลคือคำสาปเกียจคร้าน
โนลล์ขื่นขมกับความจริงแสนโหดร้ายที่ตนต้องเผชิญ

[ คลุ้มคลั่ง ]
ระหน่วงของทุกทักษะเหลือเพียง 3 วินาที
* แต่มานาที่ใช้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

“สุดยอด…”
กริดอุทานด้วยสีหน้าสุดทึ่ง
ค่าสถานะโดยรวมของโนลล์สูงกว่าที่กริดคิดไว้มาก

‘โนลล์จะแข็งแกร่งขนาดไหนถ้าอยู่ในโหมดเอาจริง?’

แน่นอน  พลังปัจจุบันนับว่าอ่อนแอหากเทียบกับสมัยยังเป็นบอสในดันเจี้ยน
อ่อนแอลงราวสิบเท่าหรือร้อยเท่า

ในโหมดบอส  โนลล์จะมีพลังชีวิตราวสิบล้านหน่วย
มากกว่าปัจจุบันประมาณร้อยเท่า

เมื่อกลายเป็นพวกเดียวกับผู้เล่น  ความโกงย่อมต้องถูกลดทอน

‘ตัวตนที่เคยแข็งแกร่ง  จะอ่อนแอลงเสมอเมื่อย้ายมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน’

กฏเหล็กข้อนี้ใช้ได้กับทุกเกม

‘ถึงอย่างนั้น  โนลล์ก็ยังแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้อยู่ดี’

แต่กริดเลี่ยงเผชิญปัญหาข้อหนึ่งไม่ได้
ปัญหาดังกล่าวคือ… 
เผ่าพันธุ์ของโนลล์เป็นแวมไพร์

ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว

โนลล์เอ่ยปากถามทันที
“ท่านเป็นอะไรไป?  มีปัญหาอะไรงั้นหรือ?”

“ฉันมีคำถาม…นายกินอาหารอื่นนอกจากเลือดมนุษย์ได้ไหม?  อย่างที่นายรู้  ฉันเป็นราชาของเผ่ามนุษย์  คงยอมให้นายฆ่ามนุษย์ตามใจชอบไม่ได้”

“ทำไมกัน?”

“มันขัดหลักศีลธรรมพื้นฐาน”

“ศีลธรรม...?  ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมาย  แต่ถ้านายท่านถามเช่นนี้…ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ผมกินแทนเลือดมนุษย์ได้”

“สิ่งนั้นคือ?”

ในที่สุดก็ไม่ต้องฆ่าคน!
ดวงตากริดพลันเปล่งประกายอย่างมีความสุข

“โอสถ…ผมสามารถดื่มโอสถแทนเลือดมนุษย์”

‘ค—’

“น—นั่นคือสาเหตุที่พวกนายดรอปโอสถสินะ…พกเป็นอาหารสำรองติดตัวยามฉุกเฉินงั้นหรือ?”

สีหน้าดีใจเมื่อครู่  บัดนี้พลันดำมืดลงอีกหน
กริดไม่มีทางหาโอสถมาสนองความต้องการโนลล์ได้แน่

โนลล์กล่าวเสริมเมื่อสีหน้าของกริดแย่ลงกว่าเดิม
“ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารของผมหรอก  ผมสามารถล่ามนุษย์ได้ด้วยตัวเอง”

“นั่นแหละที่เป็นปัญหา”

เหตุผลที่กริดพยายามหาทางเลือกใหม่สำหรับอาหารของโนลล์
เพราะกริดไม่ต้องการให้โนลล์ออกไปฆ่าคนพร่ำเพรื่อ  
โดยเฉพาะชาวเมืองไรน์ฮาร์ทที่เขาห่วงใย

ได้เป็นปัญหาใหญ่แน่หากชาวเมืองไรน์ฮาร์ทถูกโนลล์ฆ่าตายทีละคนสองคน

“เลือดมนุษย์…ต้องใช้ปริมาณขนาดไหนนายถึงจะอิ่ม?”

กริดไต่ถามด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว
โนลล์ตอบกลับตามตรง

“หากอยู่ในภาวะหลับไหล  ผมสามารถอดอาหารได้นานเป็นสิบปี  แต่หากต้องตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตประจำวัน  ผมต้องการเลือดของมนุษย์ราวสามคนต่อวัน  แต่ถ้าหากต่อสู้จนสูญเสียเรี่ยวแรงไปมาก  บางทีอาจต้องใช้ถึงร้อยคนเพื่อให้หายหิว”

“มนุษย์ที่ถูกนายดูดเลือดจะมีอาการยังไง?”

“ถ้าไม่ตายก็กลายเป็นแวมไพร์”

“…เทเลือดใส่แก้วให้ดื่มได้ไหม?”

“ถ้าไม่ใช่เลือดสดจากร่างกายก็ไม่มีประโยชน์”

“อา…”

ตัวตนของโนลล์เทียบเท่ากองทัพนับหมื่นก็จริง
แต่ตามมาด้วยเงื่อนไขยุ่งยากซับซ้อน

ขณะกริดกำลังสับสน  ปิอาโร่เดินเข้ามาเสนอความเห็น

“ฝ่าบาทมิต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารของเจ้าแวมไพร์”

“ปิอาโร่…?  นายมีวิธีหรือ?”

กริดหันไปมองด้วยสีหน้าคาดหวัง

ขณะเดียวกัน  โนลล์พ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยันสุดขีด
เขาอยากจะรู้นัก 
อริยดาบเสียสติที่แสร้งทำเป็นชาวนา
หมอนี่จะแก้ปัญหาอาหารแวมไพร์ด้วยวิธีใด?

ปิอาโร่แสยะยิ้มชั่ว
"กระหม่อมมั่นใจ  เมืองแวมไพร์แห่งนี้สามารถใช้เป็นสถานที่ปลูกพืชชนิดพิเศษได้  พืชซึ่งอุดมไปด้วยโลหิตที่แวมไพร์ต้องการ”

“อะไรนะ…?”
โนลล์ทึ่งจนอ้าปากค้าง

พืช?

“ฉันเป็นแวมไพร์!  แถมยังเป็นแวมไพร์ทายาท!  ฉันไม่กินมังสวิรัติ!!”
โนลล์ขึ้นเสียง
เขาไม่ชอบหน้าปิอาโร่เป็นทุนเดิม

“นายมีทางเลือกอื่นด้วยหรือ...?  นายไม่มีสิทธิ์ดื่มเลือดชาวเมืองของฝ่าบาทหรอกนะ”

“แต่ฉันดื่มโอสถได้!”

“ไม่ได้แน่นอน  นั่นคือสมบัติล้ำค่า…เชื่อฉันเถอะ  นายเป็นมังฯ ดีที่สุดแล้ว”

“นี่แก!!”

“เช่นนั้นแล้ว…พวกเรามาเริ่มทำฟาร์มกันเลยไหม?”

“แกต้องเสียสติไปแล้วแน่!”

"…ได้ตัวปัญหาเพิ่มมาอีกคนสินะ"

แถมยังเป็นตาลุงอายุกว่าสองร้อยปี

กริดเริ่มหวั่นวิตก… 
ตัวเขามีกลิ่นแบบใดผิดแผกแปลกกว่าคนอื่นงั้นหรือ? 
เหตุใดถึงได้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคุณลุงโสดสนิทนัก… 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,173
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ได้ตัวทอปมาทำให้กริดปวดกัวอีกแล้ว แวมไพร์กินพืช 555

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้าบราฮัมมาเจอคือ..ขำกั๊กกเลยนะ 5555+

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00