จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 719



    ฉึก!

    ฉึกฉึกฉึก—

    เมื่อ ‘ร่ายรำสังหาร’ แทงครบจำนวน  เงื่อนไข  พลังที่แท้จริงของ ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ จึงจะแสดงผล

    เอิร์ลเครย์ถูกแทงสี่ครั้งซ้อนโดยมิอาจหลบพ้น  โลหิตสีแดงคล้ำพวยพุ่งจากบาดแผลบนร่างกาย
    ความเจ็บปวดแสนสาหัสกำลังแล่นไปทั่วร่างมัน

    ‘มนุษย์มีพลังโจมตีมากมายขนาดนี้ได้ยังไง...?’
    นัยน์ตาเอิร์ลเครย์พลันสั่นระริก
    
    กริดเปิดอักขระความมืด  บัฟโทสะช่างตีเหล็ก  และปราณต่อสู้สูงถึงระดับ 80 หน่วย
    ในมือถืออาวุธผสานที่เกิดจากการรวมกันของสองไอเท็มสุดโกง  
    ระดับพลังโจมตีในปัจจุบันจึงสูงส่งเหนือจินตนาการ  แม้แต่แวมไพร์ทายาทก็มิอาจรับการปะทะโดยตรงไหว

    สิ่งที่น่าสิ้นหวังยิ่งกว่าก็คือ 
    ...ปัจจุบันยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของกริด
    
[ ปราณต่อสู้กลายเป็น 83 หน่วย ]
[ ท่านโจมตีโดนเป้าหมายด้วย ‘ร่ายรำสังหาร’ ครบ 4  ครั้ง  ทักษะต่อเนื่องทำการเสก ‘คลื่น’ และ ‘ทำลายล้าง’ และดาบที่เหลือของ ‘ร่ายรำสังหาร’ จะรุนแรงขึ้น 200% ]

    ฉึก! ฉึก!  ฉึก!

    ‘แค่ก…!  ทำไมหมอนี่แข็งแกร่งขึ้น?’

    เอิร์ลเครย์ถูก ‘ร่ายรำสังหาร’ จาก ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ เข้าไปมากถึงเจ็ดดาบเต็ม
    มันกระอักเลือดอีกครั้งหลังจากถูกสามดาบหลังแทงทะลวง

    ซ่าาาา!

    จากนั้น  คลื่นพลังแปลกประหลาดได้ซัดโถมออกจากปลายดาบกริด  อานุภาพดุดันรุนแรงราวกับจะกวาดทุกสิ่งตรงหน้าให้หายไป
    นี่คืออำนาจของ ‘คลื่น’
    แม้กระทั่งยังบันการัมก็มิอาจหลบหลีกคลื่นที่พุ่งใส่จากทุกทิศทาง
    เมื่อเป้าโจมตีของ ‘คลื่นง มีเพียงหนึ่ง  นั่นจะเป็นหายนะอย่างแท้จริงของเหยื่อ
    รับประกันว่าไม่พลาดเป้า
    
    “แค่ก…!  อ๊ากกกก!”

    ร่างกายเอิร์ลเครย์กำลังจมท่วมท่ามกลางแรงระเบิด
    มันส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด  
    ผิวหนังแสบร้อนประหนึ่งถูกถลกทาเกลือ
    
[ คริติคอล! ]
[ สมญานาม ‘ตายในการโจมตีเดียว’ แสดงผล  เพิ่มความรุนแรงคริติคอล 30% ]
[ เพลิงทมิฬแสดงผล ]
[ ‘คลื่น’ ลดความเร็วทุกชนิดของเป้าหมาย 60% ]
[ เป้าหมายต้านทาน ]

    บึ้มบึ้มบึ้ม—

    เกิดแรงระเบิดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
    การโจมตีของเหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ก่อนหน้าทำให้เอิร์ลเครย์เหลือพลังชีวิตเพียง 40% 

    จบแค่นี้หรือ?  
    ยัง...
    ยังเหลือการโจมตีสุดท้ายจากฟากฟ้า

    ซู่วววว

    สัญชาตญาณของเอิร์ลเครย์ได้ร่ำร้องให้มันแหงนมองขึ้นไปด้านบน

    ฉัวะ—

    เป็น ‘ทำลายล้าง’ ที่มองข้ามพลังป้องกัน 80% และสร้างความเสียหายรุนแรง 1,800% ของพลังโจมตีกายภาพ
    รัศมีดาบอันทรงพลังพุ่งเสียบกะโหลกเครย์อย่างแม่นยำ

[ ปราณต่อสู้กลายเป็น 90 หน่วย ]
[ คริติคอล! ]
[ สมญานาม ‘ตายใน… ]
...
[ เพลิ่งทมิฬ... ]
[ สายฟ้าสีชาด... ]

    “อ๊ากกก!”

    เอิร์ลเครย์ส่งเสียงกริดร้องเมื่อศีรษะถูกกระแทกด้วยรัศมีดาบ

    ในยามปรกติ  เครย์จะยิ่งแข็งแกร่งเมื่อยิ่งเลือดออก  แถมมันยังสามารถดูดกลืนพลังชีวิตกลับคืน 100% จากความเสียหายที่สร้าง
    พลังชีวิตสูงสุดคือระบบที่ไม่มีความหมายกับมันมากนัก  เพราะจะมีมากน้อยเท่าไรก็ไม่ต่างกัน
        
    วิธีต่อสู้ที่มันใช้เสมอมาก็คือ  ปล่อยให้ตัวเองหลั่งเลือดและเสก ‘หางโลหิต’ ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อบดขยี้ทุกสิ่งให้พังพินาศ  
    หางโลหิตถือเป็นการโจมตีระยะไกลที่รวดเร็วและทรงพลัง  สามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์  แถมการโจมตีแต่ละครั้งยังช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตตัวมัน

    แต่ปัจจุบัน  หางโลหิตที่มันแสนภูมิกลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
    ทำไมน่ะหรือ?
    เพราะการมีตัวตนของแค็ทซ์
    นักรบโลหิต  

    เอิร์ลเครย์มิอาจเสกหางโลหิตได้มากกว่าสองเพราะอีกฝ่ายมีแค็ทซ์
    มันกังวลว่า  หากเสกหางโลหิตออกมาเป็นจำนวนมาก  แค็ทซ์อาจแย่งชิงหางโลหิตไปทั้งหมดและย้อนกลับมาทำร้ายตัวมันด้วยพลังโจมตีมหาศาล

    ‘เราจะหนีดีไหม...?’
        
    หลังจากถูก ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ซัดเข้าไปอย่างจัง  เอิร์ลเครย์จึงเหลือพลังชีวิตเพียง 20% เท่านั้น

    ภาพตัวมันกำลังวิ่งหนีหางจุกก้นได้ทำให้เอิร์ลเครย์เดือดดาลยิ่งกว่าเดิม

    ‘หนีงั้นหรือ…?  แวมไพร์เอิร์ลผู้ยิ่งใหญ่อย่างเราต้องวิ่งหนีมนุษย์โสโครกรึไง?’

    ทันใดนั้น  คำเย้ยหยันที่บราฮัมเคยกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้วพลันดังก้องในหัว
    
    “นายเอาแต่พึ่งพาพลังของท่านแม่จนกลายเป็นแวมไพร์แสนเกียจคร้าน  นายเป็นได้เพียงตัวตนไร้ค่าที่ไม่ต่างจากเอลฟิน·สโตนเลยสักนิด  ในหัวมีแต่อารมณ์พลุ่งพล่านเกินจำเป็น  ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ  อย่างนายไม่สมควรเป็นเอิร์ลด้วยซ้ำ  ไม่ต้องพูดถึงว่าที่มาร์ควิส”

    ‘บราฮัม!’

    แวมไพร์เสียสติที่สังหารพี่น้องร่วมสายเลือดโดยอ้างเหตุขจัดคำสาปเกียจคร้าน
    ในอดีต  การดวลระหว่างเครย์กับบราฮัมจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเครย์อย่างหมดท่า  มันต้องหนีหากจุกก้นด้วยสภาพน่าสมเพช  แม้จะถูกบราฮัมเหยียดหยันไล่หลังก็ไม่สน
    สิ่งนี้ก่อให้เกิดปมในใจเครย์อย่างรุนแรง

    เอิร์ลเครย์สาบานกับตัวเองว่าจะไม่หันหลังหนีอีกเป็นอันขาด
    มันคิดเผชิญปัญหาตรงหน้าด้วยแววตาแสนมุ่งมั่น

    “สืบทอดมาจากท่านแม่แล้วยังไง...มันก็เป็นพลังของฉันเหมือนกัน!  เดี๋ยวจะแสดงให้นายเห็นว่าฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับเอลฟิน·สโตน!!”

    เอลฟิน·สโตน  ชายผู้เย้ยหยันเครย์ทั้งที่ตนเองไม่มีสิทธิ์ได้เป็น ‘ว่าที่’ มาร์ควิส
    แวมไพร์ที่โหยหาแต่ความรัก
    แวมไพร์ที่ถูกคำสาปเกียจคร้านครอบงำอย่างรุนแรง  
    จนกระทั่งทำสิ่งที่น่าสมเพชอย่างการหลับไหลต่อหน้าบราฮัม ขณะที่บราฮัมกำลังสังหารคนรักตนอยู่

    “อย่ามาดูถูกฉัน!!”    

    มันเหนือกว่าทุกคน
    มันจะพิสูจน์ให้เห็นโดยการบดขยี้มนุษย์ที่เอาชนะเอลฟิน·สโตนมาได้

    ซู่วววววว—

    เครย์คำรามกึกก้องพร้อมกับอัญเชิญพายุเกลียวโลหิตรวดเดียวหกหาง
    
    มันต้องการพลังอันยิ่งใหญ่…
    เอิร์ลเครย์ไม่แยแสการมีตัวตนของแค็ทซ์อีกต่อไป

    แม้จะเสี่ยงถูกช่วงชิงหางโลหิต  แต่หนทางนี้ย่อมมีเกียรติกว่าการวิ่งหนีหางจุกก้นอย่างน่าสมเพช
    ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร  มันก็จะไม่นึกเสียใจภายหลังเด็ดขาด

    ‘หก...?’

    ดวงตากริดพลันเบิกโพลงเมื่อเอิร์ลเครย์ระเบิดพลังในยามถูกต้อนจนตรอก

    ก่อนหน้านี้  เพียงสี่หางก็มากพอจะกำราบกริดให้อยู่หมัด  แต่ปัจจุบันมีมากถึงหกหางเชียวหรือ  
    นับเป็นสถานการณ์ที่น่าหวั่นวิตกสำหรับกริด  เขาไม่คิดว่าเอิร์ลเครย์จะเก็บซ่อนพลังไว้มากมายเพียงนี้
    
    “กริด!”

    เคร้ง!  เป๊ง!
    
    บึ้มบึ้มบึ้ม!  ตู้มตู้ม!

    เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างลงมือโจมตีเพื่อสนับสนุนกริด
    ทุกคนเล็งทักษะสุดแสนทรงพลังใส่เอิร์ลเครย์อย่างไม่ขาดสาย
    
    การที่พวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้
    เพราะแวมไพร์ทายาทอีกสามตนที่เหลือไม่สนใจจะเข้าร่วมศึกแล้ว  พวกมันล้วนถอยห่างเพื่อเฝ้ามองการต่อสู้จากระยะไกล

    “เม็มฟิสกับยารุกต์?  ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่...”

    “ฉันไม่สนตัวจริงของเจ้านั่น...น่าเบื่อจะตายไป”

    ขณะเดียวกัน

    “เหมียว...”

    “ชิ…!  หากข้าได้พลังที่แท้จริงคืนมา  แวมไพร์ชั้นต่ำเยี่ยงพวกเจ้า…!”

    สี่หัตถ์เทวะ  โนเอะ  แรนดี้  และยารุกต์  ทั้งหมดต่างพ่ายแพ้สามแวมไพร์ทายาทอย่างราบคาบ  
    ถึงกระนั้น  ทั้งสามก็ไม่คิดยื่นมือช่วยเครย์แต่อย่างใด

    ปัจจุบัน  พวกมันล้มเลิกความตั้งใจที่จะสังหารนักบุญหญิงรูบี้ไปแล้ว  ทุกคนถอยไปเฝ้ามองการต่อสู้จากระยะไกลด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
    นี่คือหนึ่งในผลจากคำสาปเกียจคร้าน
    
    ไม่เพียงจะเบื่อหน่าย  แต่พวกมันยังรู้สึกง่วงนอนสุดขีด

    ด้วยเหตุนี้  สมาชิกโอเวอร์เกียร์จึ่งไม่พลาดโอกาสทองในการรุมสังหารเครย์
    โดยเฉพาะลอเอล
    เขากระตือรือร้นเป็นพิเศษ

    “พวกเราต้องรีบสังหารเครย์โดยเร็ว!”

    กริดและสมาชิกปาร์ตี้ทุกคนล้วรทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อโจมตีปิดฉากเอิร์ลเครย์  
    สิ่งนี้คือแผนการของลอเอล
    
    ลอเอลพิจารณาจากสภาพแวดล้อม  เป็นไปไม่ได้เลยที่เมื่องใต้ดินแวมไพร์จะมีผู้ปกครองมากถึงสี่ตน 
    แถมยังเป็นสี่ทายาท

    มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง

    ลอเอลคาดเดา  เมืองลำดับเจ็ดจะต้องมีแวมไพร์ปกครองเพียงตนเดียวเหมือนเมืองอื่น  การรวมตัวในหนนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ  
    ต้องหาผู้ปกครองให้พบและรีบสังหารมัน  
    ในชั่วขณะที่ประตูมิติทางออกถูกเปิด  โอกาสรอดของทุกคนจะมาถึง
    
    และมีแนวโน้มสูงมาก  ที่ผู้ปกครองเมืองแวมไพร์ลำดับเจ็ดอาจเป็นเครย์...    
    
    จากบรรดาทายาททั้งสี่ตน  เอิร์ลเครย์ลงมือกับมนุษย์มากเป็นพิเศษจนผิดวิสัย  แตกต่างจากอีกสามที่เฝ้ามองด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย  ราวกับไม่ใช่หน้าที่

    ลอเอลเสี่ยงดวงกับการให้สมาชิกทุกคนทุ่มพลังใส่เครย์เพียงผู้เดียว  โอกาสหนีรอดจากเมืองแวมไพร์แห่งนี้ไม่ใช่ 0% อีกต่อไป
    นี่คือเหตุผลที่กริดจ้องโจมตีเอิร์ลเครย์เป็นพิเศษในเหตุการณ์ก่อนหน้า
    
    พวกเขาเคยมีความหวัง…

    จนกระทั่งเครย์เสกหางโลหิตมากถึงหก
    มันคำรามกึกก้องราวกับคนเสียสติ

    “ฉันจะแสดงให้พวกแกเห็นถึงความต่างชั้น!!”

    ซู่วววว—

    หกหางโลหิตถูกเครย์เสกขึ้นจากเลือดปริมาณมหาศาลที่ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วบริเวณ

    หางโลหิตบางส่วนได้คลี่ออกเป็นม่านแผ่นใหญ่และล้อมดักสมาชิกโอเวอร์เกียร์ประหนึ่งตาข่าย 
    หางบางส่วนขยายขนาดกลายเป็นเกลียวพายุลูกใหญ่ที่พัดพาเหล่าขุนพลให้กระเด็นไปคนละทิศทาง
    และหางบางส่วนยังคงทำหน้าที่แส้โลหิตเช่นเคย  คอยเล็งฟาดฟันสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงใส่สมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือ

    ทุกการโจมตีล้วนพื้นฟูพลังชีวิตกลับคืนสู่เครย์

    ฉัวะ—
    
    หากเส้นหนึ่งพลันพุ่งทะลวงใส่แผ่นอกกริดจนชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส    

[ ท่านได้รับความเสียหาย 29,000 หน่วย ]
[ ค่าความเสียหายถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตให้ศัตรู ]

    “แค่ก...”

    กริดกัดฟันทน  เขาไม่ส่งเสียงร้อง
    แม้เพิ่งจะถูกหางโลหิตเสียบเข้าขั้วหัวใจอย่างแม่นยำก็ตาม

    ชายหนุ่มกังวล  หากตนเสียขวัญในยามนี้  พวกพ้องจะไม่ยิ่งหวาดกลัวเอาหรือ?
    กริดทำได้เพียงกัดฟันอดทนต่อทุกความเจ็บปวดที่กำลังแล่นทั่วร่าง

    >>  แค็ทซ์...นายควบคุมหางได้รึเปล่า?

    กริดรีบส่งข้อความส่วนตัวหาแค็ทซ์
    แค็ทซ์ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    >>  ฉันขอโทษ...อย่างที่เคยบอกไป  ฉันไม่เหลืออำนาจโลหิตมากพอจะควบคุมหางของเครย์
    
    >>  ไม่เป็นไร  ฉันเข้าใจ...อย่าได้คิดมาก

    คนที่เสียใจยิ่งกว่าใครทั้งหมดคงหนีไม่พ้นตัวแค็ทซ์เอง  กริดไม่คิดซ้ำเติม
    ชายหนุ่มขบกรามแน่นพร้อมกับครุ่นคิดหาทางออกอื่น

    ทันใดนั้น
    
    ชิ้ง—

    เมื่อมีหัตถ์เทวะคอยคุ้มครองจากแวมไพร์ทายาททั้งสาม  เซฮีจึงใช้ทักษะฟื้นฟูสมาชิกปาร์ตี้ได้อย่างอิสระ
    ทักษะฮีลอันทรงพลังได้ส่องสว่างวูบวาบอาบร่างกริดอย่างอบอุ่น 

[ นักบุญหญิง ‘รูบี้’ ฟื้นฟูพลังชีวิตให้ท่าน 18,900 หน่วย ]

    แสงสีขาวที่อบอุ่นและเบาสบาย
    อาการบาดเจ็บพลันเจือจางลงหลายส่วน
    ทว่า...กริดมิได้ลุ่มหลงไปกับมัน

    “ไม่ต้องรักษาพี่!!  รีบรักษาคนอื่น!!”

    กริดทราบดี  เอิร์ลเครย์กลายเป็นปีศาจที่อยุ่คนละมิติเมื่อเข้าสู่โหมดคลุ้มคลั่ง
    การโจมตีของเครย์แต่ละหน  กระทั่งผู้เล่นที่มีคุณสมบัติตัวแทงค์อย่างกริดยังถึงกับบาดเจ็บเจียนตาย

    หากคนอื่นโดนเข้าจะไม่ตายคาที่เอาหรือ?
    
    การโจมตีจากเครย์รุนแรงจนเซฮีมิอาจรักษากริดทัน  พลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นไม่สามารถกลบช่องว่างพลังชีวิตที่สูญเสียไป
    แต่ถึงอย่างนั้น...

    “พี่เป็นอมตะ!!”

    ในบรรดาสมาชิกปาร์ตี้ปัจจุบัน  มีเพียงกริดเท่านั้นที่เป็นตำนาน
    เขาไม่ล้มลงโดยง่ายแน่นอน
    
    ‘ต้องอย่างนั้น...เล็งมาที่ฉันคนเดียว’

    กริดเตรียมใจไว้แล้ว
    ยังเหลือเวลาอีกราว 40 วินาทีก่อนที่ผลของผสานไอเท็มจะหมดลง
    ชายหนุ่มเร่งความเร็วพุ่งตัวขึ้นด้านบน
    เอิร์ลเครย์รีบพุ่งตามไปโดยมีหกหางโลหิตรายล้อม
    
    “เข้ามาเลยเจ้ามนุษย์!  จะมอบบทเรียนที่บังอาจหันคมดาบใส่ฉันผู้นี้!!”

    ปัจจุบัน  เอิร์ลเครย์กำลังต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี  เก่งกาจจนร่างอันน่าสมเพชก่อนหน้าเทียบไม่ติด
    นี่คือพลังที่แท้จริงของมัน

    เอิร์ลเครย์ออกคำสั่งกับหางโลหิตด้วยสีหน้าสุดมั่นใจ  ทั้งหมดกำลังพุ่งตรงเข้าใส่กริดอย่างพร้อมเพรียง

    ซู่ว—
    
    หางหนึ่งเส้นคลี่กางออกราวกลายเป็นม่านตาข่ายโลหิต
    
    ซู่วซู่ว!

    หางสองเส้นพุ่งทะลวงเป็นเส้นตรงราวกับปลายหอกทิ่มแทง  เป้าหมายคือร่างกายกริด
    นี่เป็นคอมโบสำหรับพันธนาการกริดให้อยู่นิ่งและลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยม

    แต่ชายหนุ่มหลบหลีกพวกมันทั้งหมดได้ด้วย ‘เคลื่อนที่อิสระ’

    “นี่แก…!”

    การหลบหลีกอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้หมายความว่ายังไง?  กริดไม่เคยแสดงฝีมือที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน
    เอิร์ลเครย์เริ่มตื่นตัว  มันออกคำสั่งให้สามหางที่เหลือหมุนวนเป็นเกลียวพายุ

    หางโลหิตทั้งสามเส้นได้ขยายขนาดขึ้นเป็นสามเท่า  ปัจจุบันดูเหมือนเสาพายุโลหิตมากกว่าหาง
    เสาพายุทั้งสามต้นถูกวางดักไว้ด้านหน้ากริดเพื่อขัดขวางการพุ่งตัวเข้าหาเครย์

    นับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดเพื่อรับมือกับทักษะชนิด ‘หลบหลีกการโจมตีไม่ล็อคเป้าพร้อมกับพุ่งเข้าหาเป้าหมาย’

    ฉัวะฉัวะ!

    ฉัวะฉัวะฉัวะฉัวะ—

[ ท่านได้รับความเสียหาย 8,900 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 8,730 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 9,100 หน่วย ]
[ ค่าความเสียหายถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตให้ศัตรู ]

    ‘บัดซบ!’

    พายุโลหิตขนาดใหญ่จำนวนสามลูกได้ขวางกั้นกริดและเอิร์ลเครย์ไว้  ชายหนุ่มที่พุ่งฝ่าเข้าไปเป็นต้องถูกฉีกกระชากร่างกายอย่างทารุณ
    หน้าจอการมองเห็นของกริดกลายเป็นแสงสีแดงกระพริบวูบวาบ
    พลังชีวิตใกล้หมดลงเต็มที

    “กริด!”
    
    “พี่!!”

    สมาชิกทุกคนต่างแหงนมองกริดเป็นตาเดียว  พวกเขาต้องการช่วยเหลือแทบขาดใจ  
    แต่เอิร์ลเครย์กำลังเล็งโจมตีเพียงกริดโดยไม่หันสนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย

    “คุคุคุ…!  คุฮ่าฮ่าฮ่า!”

    มันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
    เครย์มีความสุขสุดขีดเมื่อได้เห็นกริดถูกพายุโลหิตกักขังไปพร้อมฉีกกระชากร่างกาย

[ ผู้เป็นตำนานย่อมไม่ตายโดยง่าย  ท่านจะเข้าสู่สภาวะอมตะเป็นเวลา 5 วินาทีด้วยพลังชีวิต 1 หน่วย ]

    ไพ่ตายสุดท้ายถูกงาน

    “ย๊ากกกกก!”
    
    “อะไรกัน…?”

    เมื่อเป็นอมตะ  กริดจึงกัดฟันพุ่งผ่าพายุโลหิตโดยไม่สนความเจ็บปวด 

    “ทำลายล้างสังหาร!”

    ฉัวะ! ฉึก!

    อาวุธผสานสุดโกง ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรม’ และ ‘ความผิดพลาด’ ได้เสียดแทงใส่ร่างเอิร์ลเครย์อย่างโหดเหี้ยม 
    
    พลังโจมตีของ ‘ทำลายล้างสังหาร’ ทรงพลังจนทำให้พลังชีวิตเครย์เข้าสู่จุดวิกฤติ
    มันรีบหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อรักษาระยะห่างจากกริดให้ไกล
    
    “ชิ…!”

    กริดรีบพุ่งตามไป
    
    “เข้าใกล้ฉันไม่ง่ายหรอกนะ!!”

    หางทั้งหกของเอิร์ลเครย์ได้คลี่กางออกเป็นตาข่ายโลหิตเพื่อขัดขวางกริด

    “…!”

[ บัฟอมตะหมดลง ]

    ข้อความระบบสุดฝันร้ายปรากฏขึ้นขณะกริดกำลังโยกตัวหลบตาขายโลหิตทั้งหกที่พุ่งเข้าใส่  
    ปัจจุบัน  ตัวช่วยที่ทำให้กริดหลบหลีกได้บ่อยครั้งอย่าง ‘พลิ้วไหว’  ขณะนี้หมดผลของบัฟเรียบร้อยแล้ว

    “ตายซะ!”

    ตาข่ายโลหิตทั้งหกแปรเปลี่ยนเป็นแส้โลหิตฟาดฟันใส่กริดจากทุกทิศทาง

    “ไม่นะ!”    

    “กริดด!!”

    ทุกคน...
    ทุกคนคิดว่ามันคงจบสิ้นแล้ว
    ความตายของกริดคือสิ่งที่มิอาจเลี่ยงได้

    ทันใดนั้น...

[ ท่านเข้าสู่ ‘ภวังค์ปรารถนาอันแรงกล้า’ ]

    ซู่ว—!

    นัยน์ตาของกริดพลันส่องแสงสีม่วงเข้ม

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,163
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สุดยอดแห่งความมัน และความค้าง 🙏😅 ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  2. แปล2วันต่อตอนเเบบนี้กูย่างชอบเลย!!!อืออออออ

    ReplyDelete
  3. คนตั้งเยอะไม่ช่วยกริดหน่อยหรอ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00