จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 737



    “ก็อดกริด  หลังจากได้ยินเรื่องจากนาย  
    ฉันก็เกิดความสนใจในตัวสวาปามจกบัลเผ็ด  และเริ่มสืบหาข้อมูลโดยละเอียด”

    สีหน้าพีคซอร์ดพลันหมองหม่น

    “แต่นั่นไม่ง่ายเลย… 
    ฉันปลอมตัวสืบข้อมูลไปทั่วประเทศ  
    ตระเวนชิมมัคกุชูจากร้านสวาปามจกบัลเผ็ดทุกสาขาในเกาหลีใต้…”

    “…” 

    ใบหน้าพีคซอร์ดกำลังเปี่ยมด้วยอารมณ์หลากหลาย
    ดูเหมือนความทรงจำอันเลวร้ายสมัยอดีตกำลังหวนคืน

    “ฉันท้อแท้อยู่หลายหน  
    เคยคิดถอดใจ  แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมแพ้”

    แววตาพีคซอร์ดพลันขึงขัง

    “ทำไมน่ะหรือ?  เพราะฉันมั่นใจว่าสวาปามจกบัลเผ็ดคือคนที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องการ!”    

    “…”

    “ผลก็อย่างที่เห็น  ฉันกลายเป็นสหายของสวาปามจกบัลเผ็ดในที่สุด”

    “…”

    “เป็นยังไงบ้าง?  ยอดเยี่ยมเลยใช่ไหม?  คุฮ่าฮ่าฮ่า!”    

    แดฮันหัวเราะอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับตบไหล่สวาปามจกบัลเผ็ด
    ทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก

    แต่หนึ่งวินาทีต่อมา

    “เอามือออกไป…”

    เย็นชาโคตร...
    สวาปามจกบัลเผ็ดปัดมือแดฮันออก
    จากนั้นก็หันมากล่าวเตือนยองวู

    “อย่าเข้าใจผิดไป  พื้นฐานของฉันไม่เหมือนกับพวกนาย  พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก”

    “พื้นฐานไม่เหมือนกัน?”

    “ใช่แล้ว…ฉันเป็นพวกชั่วช้า  เหตุผลที่เข้าร่วมแข่งก็แตกต่างจากนาย”    

    “…”

    “ฉันไม่ได้เข้าร่วมงานแข่งนานาชาติเพื่อเกาหลีใต้  ฉันไม่ใช่พวกคลั่งชาติ”

    “…” 

    “เหตุผลเดียวคือเงิน!  เงินเท่านั้น!  
    ฉันจะชดเชยความเสียหายของไข่มังกรคลั่งด้วยเหรียญทอง!”

    “…อา”

    ยองวูเองก็ไม่ได้เข้าร่วมงานแข่งเพื่อประเทศชาติเช่นกัน
    เขาทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
    แต่สวาปามจกบัลเผ็ดกลับเข้าใจผิดไปถนัด

    ไม่สิ  ไม่เพียงเขา
    แรงเกอร์ชาวเกาหลีใต้ทุกคนที่ลงแข่งล้วนมองว่าชินยองวูเป็นคนรักชาติอย่างมาก

    ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
    ในสายตาคนทั่วไป  ชินยองวูไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมงานแข่งนานาชาติเลยสักนิด
    
    หากยองวูไม่เข้าแข่งตั้งแต่ต้น  
    พลังผู้สืบทอดแพ็กม่าก็จะไม่ถูกเปิดเผย  
    และเขาจะใช้ชีวิตในซาทิสฟายได้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่
    
    หากยองวูเก็บตัวสร้างไอเท็มอย่างต่อเนื่อง
    เขาจะกลายเป็นหนึ่งในอภิมหาเศรษฐีของโลกได้ไม่ยาก
    ไม่มีเหตุให้ต้องขวนขวายรางวัลงานแข่งนานาชาติเลยสักนิด    

    ถึงกระนั้น  ยองวูกลับลงแข่งทุกปี 
    จึงไม่แปลกที่คนทั่วไปจะเข้าใจผิด  
    คิดว่ายองวูเป็นคนรักชาติเข้าสายเลือด

    ‘แต่ใช่ว่าเราจะไม่รักประเทศ…’
    
    ในฐานะอดีตทหารเกณฑ์ของเกาหลีใต้  
    ยองวูย่อมต้องมีความรักชาติในระดับพื้นฐาน  การได้ช่วยประเทศชาติ  หากไม่หนักหนาสาหัสเกินไป  มันก็ถือเป็นสิ่งที่ดี
    
    แต่สาเหตุหลักที่ยองวูเข้าร่วมงานแข่งนานาชาติ  เขาต้องการสร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรีให้ตัวเอง  
    หาใช่ความรักชาติดเป็นหลัก

    ยองวูต้องการพิสูจน์ให้โลกได้เห็น  
    ว่าเขามิใช่คนที่เอาแต่พึ่งพาพลังไอเท็ม
    ตนสามารถเติบโตและพัฒนาขึ้นในทุกด้าน  แถมการเข้าร่วมงานแข่งยังได้รับของรางวัลติดมือ
    
    สำหรับเหรียญทอง  รางวัลตอนแทนจาก SA กรุ๊ปคือวัสดุเกรดมิธ    
    
    สิ่งนี้มิอาจหามาครอบครองได้ด้วยวิธีการปรกติ  ไม่ว่าจะมีเงินมหาศาลมากมายเพียงใดก็ตาม

    ยิ่งไปกว่านั้น  รางวัลในปีนี้ยังมีมูลค่าสูงกว่าปีก่อนหลายเท่า

    ‘ในปีที่แล้ว  วัสดุเกรดมิธชนิดเดียวที่เรารู้จักคืออดามันเที่ยม’
    
    แต่ครั้งนี้ไม่ใช่
    ยองวูทราบถึงตัวตนของวัสดุเกรดมิธมากมาย  ทั้งเศษเสี้ยววัสดุจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
    หรือแม้กระทั่งเศษเสี้ยวเส้นผมของเทพธิดารีเบคก้า  ทั้งหมดคือวัสดุที่สามารถเรียกร้องเป็นรางวัลตอบแทนได้        

    ‘เราต้องคว้าทั้งสองเหรียญทอง’

    กริดจะร้องขอเศษเสี้ยวจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่  วัสดุสร้างไอเท็มระดับเดียวกับลมหายใจฟินิกซ์แดง

    เขามีความทะเยอทยานที่จะสร้างไอเท็มเฉกเช่น ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ’ ชิ้นที่สองและสามขึ้นอีก

    “อา…ถึงความสัมพันธ์ของพวกเราจะไม่ลงรอยนัก  แต่ฉันดีใจที่มีนายอยู่ในทีม”

    ยองวูตื่นจากภวังค์ขบคิด
    เขายื่นมือออกไปหาสวาปามจกบัลเผ็ด

    ยองวูรู้สึกดีที่ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวว่า 
    ‘ฉันจะชดเชยความเสียหายของไข่มังกรคลั่งด้วยเหรียญทอง’
    สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว…สวาปามจกบัลเผ็ดเป็นคนดี  ที่มีนิสัยตรงไปตรงมา

    หากสวาปามจกบัลเผ็ดเป็นคนต่ำทรามดังปากว่าจริง  เขาคงเลือกใช้วิธีข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายกริด  เพื่อแก้แค้นเหตุการณ์ไข่มังกรคลั่งในอดีต
    
    หรืออย่างน้อยก็ต้องแผ่จิตสังหารที่อาฆาตมุ่งร้ายออกมา  แต่สายตาที่สวาปามจกบังเผ็ดจดจ้องยองวู
    มันทั้งลุ่มลึกและไม่สั่นคลอน
    
    เขาประกาศกร้าวว่าจะชดเชยความเสียหายด้วยวิธีบริสุทธิ์ยุติธรรม
    
    ‘หลักฐานสำคัญที่พิสูจน์ว่าหมอนี่เป็นคนดี…คือการชนะใจพีคซอร์ดมาได้’

    ยองวูอมยิ้มอย่างอบอุ่น
    สวาปามจกบัลเผ็ดจำใจต้องจับมือตอบอย่างไม่มีทางเลือก
    
    “ก็ได้…ในเมื่อพวกเราเป็นทีมเดียวกัน  
    จะยอมจับมือกับนายก็ได้…หือ?”

    ขณะกำลังจับมือกริดอย่างจำใจ
    สวาปามจกบัลเผ็ดพลันตกตะลึง
    
    แรงบีบมือของยองวูน่าทึ่งมาก  
    แถมฝ่ามือยังสากและเต็มไปด้วยหนังด้าน  แสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัยเพียงใด

    ‘ในชีวิตจริง…หมอนี่ก็พยายามอย่างหนักด้วยหรือ?’

    สวาปามจกบัลเผ็ดมีอายุ 36 ปี
    ส่วนยองวู  หากประเมินจากภายนอก  
    ไม่น่าจะถึง 30 ด้วยซ้ำ
    
    แม้ในเกมจะเป็นช่างตีเหล็กในตำนานผู้โด่งดัง  แต่สวาปามจกบัลเผ็ดเชื่อว่า  ยองวูในชีวิตคงผอมแห้งไร้เรี่ยวแรง

    ทว่า…เรื่องนั้นกลับไม่เป็นความจริง
    ในวินาทีทั้งสองพบกันซึ่งหน้า
    ยองวูยังคงมีท่าทีและแววตาสงบนิ่งเหมือนกับในเกมทุกประการ  รอบกายแผ่ออร่าความสง่าผ่าเผยเล็กน้อย

    สวาปามจกบัลเผ็ดพลันกลืนน้ำลาย

    ‘กริดเกิดมาเพื่อสิ่งนี้’

    ใช่แล้ว…
    คนธรรมดาไม่มีทางกลายเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรได้แน่  สวาปามจกบัลเผ็ดกำลังคาดเดาไปในทิศทางดังกล่าว
    เขาจึงตัดสินใจไม่เป็นปรปักษ์ต่อกริด

    ขณะเดียวกัน
    
    “…นายคงไม่ได้มีชื่อจริงว่าสวาปามจกบัลเผ็ดใช่ไหม?”

    “แน่นอน…นั่นเป็นแค่ชื่อในเกม”

    “ถึงจะเป็นแค่ชื่อในเกม…แต่สวาปามจกบัลเผ็ดก็ไม่มากไปหน่อยหรือ?”

    “…”

    กลุ่มนักกีฬาทีมเกาหลีต่างส่งเสียงฮือฮาเล็กน้อย  สวาปามจกบัลเผ็ดได้แต่ภาวนาให้มีไอเท็มเปลี่ยนชื่อตัวละครออกมาโดยเร็ว
    
    ทันใดนั้น… 

    “อ้าว…ทุกคนมากันครบแล้วหรือ”

    ชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในเลาจ์รับรองที่เต็มไปด้วยผู้เล่นทีมนักกีฬาเกาหลีใต้
    
    ฝ่ายหญิงแต่งกายด้วยชุดฮันบก
    ส่วนฝ่ายชายเป็นชาวต่างชาติที่มีเส้นผมสีบลอนด์ทอง

    หากมองเพียงผิวเผิน  สตรีผู้นี้น่าจะมีอายุราว 30 ตอนต้น  
    เธอคือหญิงสาวทรงเสน่ห์ที่มาพร้อมจริตอันงดงาม
    เป็นรูปลักษณ์ที่พบเห็นได้บ่อยครั้งตามป้ายปิดประกาศโฆษณาประเทศเกาหลีใต้

    ส่วนชายผมทองเป็นลูกครึ่ง
    ผสมผสานระหว่างชาวเกาหลีและชาวตะวันตก  เขากำลังสวมแจ็คเก็ตนักซิ่ง
    เป็นคู่ที่มีบรรยากาศรอบตัวแตกต่างอย่างสุดขั้ว
    
    “ใครกัน...?”

    ทุกคนพากันฉงน
    เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็นใบหน้าของชายหญิงที่มาสายคู่นี้
    โดยเฉพาะการแต่งการของฝ่ายหญิงที่โดดเด่นเตะตาอย่างมาก
    
    พวกเขาเริ่มกล่าวแนะนำตัว

    “ฉันคือวีโอล่า  เป็นหนึ่งในตัวแทนทีมเกาหลีใต้ปีนี้ค่ะ”

    “ผมคือมาบงชิก  เป็นสมาชิกทีมเกาหลีเหมือนกัน”

    “นั่นคือชื่อตัวละครหรือ?”

    “ใช่แล้ว…ชื่อในเกม”

    “อา…”

    ช่างเป็นชื่อที่แปลกประหลาดมาก
    นี่คือการปรากฏตัวครั้งแรกของสองสมาชิกใหม่ทีมเกาหลีใต้

    ***

    “พวกเขาเป็นใคร?”

    สวาปามจกบัลเผ็ด  วีโอล่า  และมาบงชิก  พีคซอร์ดแสดงท่าทีสนิทสนมต่อคนทั้งสามมากเป็นพิเศษ

    ในฐานะยักษ์ใหญ่แห่งเกาหลีใต้
    คนอย่างพีคซอร์ดจะไม่ให้ความสนใจผู้เล่นธรรมดามากนัก

    นักกีฬาทุกคนจึงคาดเดา  สามคนนี้ต้องเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่แน่นอน    

    แต่ปัญหาคือ  ไม่มีใครเลยที่รู้จักหรือทราบเบาะแสของคนทั้งสาม

    พวกเขาหมดสิทธิ์เดาสุ่มโดยสิ้นเชิง
    
    “อา…ฉันไม่เคยได้ยินชื่อสามคนนี้มาก่อนเลยสักครั้ง”

    แม้จะเป็นผู้เล่นจากประเทศเดียวกัน  
    แต่กลุ่มนักกีฬาต่างพากันมืดแปดด้าน
    
    ซาทิสฟายยังคงดำเนินต่อแม้การแข่งนานาชาติจะจบลง  หมายความว่า  หากพวกเขาต้องการปกปิดตัวตนให้มิดชิด  ก็ไม่ควรเข้าร่วมงานแข่งตั้งแต่แรกมิใช่หรือ?

    “ช่างเถอะ…ฉันสนทางนี้มากกว่า
    ดูนั่นสิ…พี่กริดเท่ฉิบ!!”

    “ใช่แล้ว  เขารูปร่างดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก”

    “กล้ามเนื้อแผ่นหลังนั่น  แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังหลงเสน่ห์  ฉันล่ะอิจฉาชะมัด”

    สมาชิกทีมนักกีฬาเกาหลีต่างกำลังจ้องมองกริดเป็นตาเดียว

    กริดอาจไม่รู้เรื่องนี้
    แต่เกินกว่าครึ่งของนักกีฬาทีมชาติทั้ง 30 คนล้วนเคารพนับถือในตัวกริด
    
    พวกเขาคือแรงเกอร์ที่อยากกลายเป็นแบบกริด  ทุกคนคอยคอยเฝ้ามองกริดจากที่ห่างไกลเสมอ
    โดยเฉพาะนัดชิงชนะเลิศการแข่ง PVP กับครอเกลในปีก่อน

    เด็กรุ่นใหม่เหล่านี้เติบโตโดยมีกริดเป็นแรงขับเคลื่อน  สำหรับพวกเขา  กริดคือตัวตนพิเศษ  ทุกคนใช้โอกาสหายากอย่างงานแข่งนานาชาติเพื่อหวังใกล้ชิดกริด

    แต่ถึงกระนั้น  เมื่อได้พบตัวจริง  
    กลับไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าเข้ามาทัก    
    เพราะหากไม่เตรียมใจให้ดี  คงเป็นการยากที่จะเข้าใกล้ตัวตนยิ่งใหญ่อย่างกริด

    ‘เราจะแสดงฝีมือให้เต็มที่!’

    ‘เราต้องทำให้พี่กริดหันมามองให้ได้…
    จากนั้นก็จะขอเข้ากิลด์โอเวอร์…อ๊ะ’

    ทันใดนั้น  สีหน้าแสนมุ่งมั่นของนักกีฬาทีมเกาหลีต่างผงะโดยพร้อมเพรียง
    สาเหตุเกิดจากนักกีฬาคนสุดท้ายที่เดินเข้ามาในเลาจ์ทีมชาติเกาหลีใต้

    ยูร่า

    “ขอโทษที่มาสาย”

    “…” 

    เหตุใดโลกถึงแปรเปลี่ยนเป็นขาวดำในพริบตา?  ทุกคนเอาแต่จดจ้องยูร่าจนแทบลืมหายใจ
    
    เธอกล่าวขอโทษพร้อมรอยยิ้มแสนหวานที่สามารถสะกดทุกสรรพสิ่ง
    ความงามของยูร่ากำลังทำให้วัตถุรอบข้างดูจืดชืดยกเว้นตัวเธอเอง

    “ม—ไม่เจอกันนานเลยนะ”

    แม้แต่ยองวูยังออกอาการตะกุกตะกัก
    ชายคนนี้น่าจะเป็นบุคคลที่มีโอกาสพบหน้ายูร่ามากที่สุดในโลกแล้ว
    แต่เมื่อไม่ได้เจอกันนาน  ยองวูพลันหัวใจเต้นโครมครามไม่แพ้ผู้อื่น

    ‘ผิวขาวซีดเหมือนกับกระดาษ…
    เธอได้กินอาหารครบทุกมื้อรึเปล่า?’

    ยองวูแสดงสีหน้าเป็นกังวลขณะจ้องมองผิวพรรณขาวหิมะของยูร่า

    เธอเอียงคอด้วยสีหน้าฉงนพร้อมกับเอ่ยปากถามเขา
    “ที่หน้าฉันมีอะไรติดงั้นหรือ?”

    “ป—เปล่า…แค่เธอน่ารักขึ้นหลังจากไม่ได้พบกันนาน…อุ๊ฟ”

    นี่ตนกำลังจาพูดเหลวไหลอะไรอยู่!?
    ยองวูพูดเรื่อยเปื่อยโดยไม่ทันคำนึงถึงบรรยากาศ  เมื่อรู้ตัว  เขารีบนำมืออุดปากไว้

    ส่วนทางด้านยูร่า… 

    “…” 

    ผิวหนังที่ขาวนวลราวนมสด
    บัดนี้เริ่มออกอาการเปล่งปลั่งแดงระเรื่อ

    สายตาของนักกีฬาทีมเกาหลีทุกคนพลันพร่ามัวกับฉากตรงหน้า

    ‘เหมาะสมกันกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว’

    ‘อิจฉาฉิบ…’

    ***

    มีทั้งหมด 50 ประเทศที่เข้าร่วมงานแข่งนานาชาติปีที่สาม
    แตกต่างจากปีก่อน  การแข่งในปีนี้ยิ่งใหญ่อลังกาลจนผู้คนต่างตั้งความคาดหวังไว้สูงลิบ
    
    จะมีฉากสุดน่าทึ่งใดปรากฏสู่สายตาพวกเขาทุกคนบ้าง?
    ผู้ชมต่างตั้งตารอด้วยใจจดจ่อ
    มีหลายคนต้องการให้สามวันข้างหน้าข้ามผ่านไปโดยเร็ว

    หรือพวกเขาจะสัมผัสถึงแรงปรารถนาเหล่านี้ได้?

    『 การแข่งรายการพิเศษกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ!! 』

    ขณะที่นักกีฬาจากทุกประเทศกำลังโดยสารบนเครื่องบินที่มุ่งหน้ามายังญี่ปุ่น
    ช่องข่าวเกี่ยวกับเกมทั่วโลกต่างพากันเริ่มถ่ายทอดสดอย่างพร้อมเพรียง
    แน่นอน  ทั้งหมดเป็นฝีมือของ SA กรุ๊ป
    
    พิธีกรหลักคือ ‘ออร์ลันโด้’
    นักร้องเพลงป็อปชื่อดังของโลกและแรงเกอร์ซาทิสฟายอันดับท็อปหนึ่งแสน

    『 ปัจจุบัน  นักกีฬาทั้ง 1,500 ท่านจากแต่ละประเทศกำลังโดยสายเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังญี่ปุ่นครับ 』

    『 ระหว่างนี้  ทาง SA กรุ๊ปได้เตรียมการแข่งสุดพิเศษไว้ให้ผู้ชมทุกท่าน 』

    “การแข่งพิเศษ?”

    แม้จะเป็นการถ่ายทอดสดโดยไม่มีประกาศล่วงหน้า  แต่ในเมื่อเกี่ยวข้องกับซาทิสฟาย  ความสนใจย่อมเพิ่มขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่นาน

    การบอกปากต่อปากทำให้จำนวนผู้ชมเพิ่มเป็นทวีคูณ

    พิธีกรหลักอย่างออร์ลันโด้ย่อมมีสีหน้าเปี่ยมสุข  เขากล่าวบรรยายต่อไปอย่างมีชีวิตชีวา

    『 นักกีฬาซาทิสฟายทุกคนที่อยู่บนเครื่องจะไม่มีเบาโดยสารครับ  แต่จะเป็นการนอนภายในแคปซูลแทน 』

    『 เป็นแคปซูลที่ใช้สำหรับเซิร์ฟเวอร์ ‘สนามต่อสู้’ เท่านั้นครับ 』

    “สนามต่อสู้?”

    『 เป็นเซิร์ฟเวอร์ลับชั่วคราวที่ซาทิสฟายเช่ามาใช้งานเป็นกรณีพิเศษ 』

    『 นับแต่นี้เป็นต้นไป  ผู้เล่นทั้ง 1,500 จากทุกชาติจะถูกส่งไปยังดินแดนแห่งหนึ่ง 』
    
    『 ทั้งเลเวล  ค่าสถานะ  ไอเท็ม  และทักษะ  ทุกสิ่งล้วนเท่าเทียมกันหมด 』

    『 บนเกาะที่ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่นัก』  
    
    『 ทุกคนจะต้อง…  』

    “…?” 

    『 จะต้องห้ำหั่นกันเองจนกว่าจะมีผู้เหลือรอดสามคนสุดท้ายครับ!! 』

    “อะไรนะ?”

    “เกมเอาตัวรอด…ที่เลเวลและไอเท็มของทุกคนเท่าเทียมกันหมด?”

    “บ้าน่า…SA กรุ๊ปจ้องเล่นงานกริดขนาดนี้เชียว?”

    “ฉันว่านี่มันล้ำเส้นไปหน่อย…”

    เมื่อเริ่มเข้าใจกฏกติกา  
    จึงไม่แปลกที่จะเกิดแรงกระเพื่อมลูกใหญ่จากฝั่งผู้ชมชาวเกาหลีใต้
    
    ทว่า…ผู้ชมจากประเทศอื่นทั่วโลกต่างกำลังตื่นเต้นดีใจ

    “น่าสนุกดีนี่…หากปราศจากไอเท็มและเลเวล  ผู้เล่นคนใดจะแสดงฝีมือได้มากที่สุดสินะ”

    “ต้องเป็นครอเกลอยู่แล้ว”

    “อาจมีนักกีฬาโนเนมที่แข็งแกร่งกว่าครอเกลก็เป็นได้”

    แน่นอนว่า…   
    ไม่มีชื่อของ ‘กริด’ อยู่ในโผตัวเต็งแม้แต่น้อย
    
    เมื่อปราศจากไอเท็ม
    แทบไม่ใครจินตนาการออกว่ากริดจะชนะการแข่ง

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,177
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ประเมินพระเอกรูต่ำเกินไปแล้ว พระเอกนี้แหละตัวเต็งอันอับหนึ่ง กับสกิลการเอาตัวรอดที่ยอดเยี่ยม คอยดู ดูถูกดีนักเดียวจะอ้าปากค้างกันหมด

    ReplyDelete
  2. ตั้งใจเนิฟสายช่างฝีมือชัดๆ พวกสายช่างที่พึ่งพาไอเทมจะเอาอะไรไปสู้คนอื่นฟะ

    ReplyDelete
  3. นี้พวกมึงกลัวช่างตีเหล็กเหรอ

    ReplyDelete
  4. จะมีการสร้างไอเท็มแบบกลางการแข่ง หรือ จะมีสร้างดันเจี้ยนมั้ง

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00