จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 727



    "ย่าห์!"

    "ฮิย่าาห์!"

    "นายจะกลิ้งหลบแบบนั้นไม่ได้!  ในสนามรบจะมีศัตรูคอยดักเชือดคออยู่รอบทิศ!  ต้องกัดฟันทนไว้!"

    ณ กรุงไรน์ฮาร์ท  
    อาณาจักรโอเวอร์เกียร์
    ลานฝึกทหารยังคงดังกังวาลด้วยเสียงคำรามของนักรบเฉกเช่นทุกวัน
    ไม่ว่าจะภาคเช้า  ภาคบ่าย  ภาคเย็น  สุ้มเสียงเหล่าทหารกล้าจะถูกขับขานอย่างขยันขันแข็งตลอด 24 ชั่วโมง

    นี่คือตารางฝึกพิเศษที่แม่ทัพใหญ่อัสโมเฟลคิดค้นขึ้น
    หลังจากอัสโมเฟลประเมินว่า 'สงครามสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ'  เขาจึงเร่งฝึกฝนทหารอย่างหนักหน่วงเช้าจรดเย็น

    แน่นอน  ทหารคนหนึ่งมิได้ฝึกยาวตลอด 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน
    อัสโมเฟลใส่ใจกับค่าเรี่ยวแรงของทุกคน  เขาจะสับเปลี่ยนกลุ่มทหารเข้าร่วมฝึกเป็นระยะ
    
    ด้วยเหตุนี้  ทหารของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จึงได้รับคุณสมบัติ 'ต่อสู้ยามกลางคืน'
    กฏอันเข้มงวดถูกใช้กับทุกหน่วยอย่างเท่าเทียม  ไม่เว้นแม้แต่หน่วยฟินิกซ์แดงจากทวีปตะวันออก

    "ฉันสัมผัสได้  ตัวฉันแข็งแกร่งขึ้นในทุกวัน  ถึงไม่อยากยอมรับ  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย  วิธีการฝึกแบบนี้ได้ผลยอดเยี่ยมเกินคาด"

    "คุณหนูซูเอชมเกินไปแล้ว"
    แม้จะมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเทียบเท่าปิอาโร่  แต่อัสโมเฟลก็ลงมาคุมลานฝึกทหารด้วยตนเองเสมอ
    
    ในบางครั้ง  ผู้คนก็ไม่สามารถแยกแยะระหว่างอัสโมเฟลและทหารทั่วไปได้  เพราะอัสโมเฟลมักปะปนอยู่ในแถวฝึกทหาร

    สิ่งนี้ทำให้หน่วยฟินิกซ์แดงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา

    "จะมีขุนนางระดับสูงสักกี่คนที่ยอมลดตัวลงมาคลุกคลีอยู่กับพลทหาร"

    "เขาเป็นถึงทหารเอกของดยุคคุณธรรมแห่งแพงเจีย…ไม่สิ  หมายถึงฝ่าบาทกริด"

    ภายใต้ผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยม  เหล่าขุนพลเอกย่อมยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ
    หน่วยฟินิกซ์แดงล้วนเชื่ออย่างสุดหัวใจ  การที่อัสโมเฟลเป็นคนที่น่าศรัทธาเช่นนี้  ส่วนหนึ่งเพราะได้รับอิทธิพลจากกริด
    
    ทุกคนล้วนยึดอัสโมเฟลเป็นแบบอย่าง
    หน่วยฟินิกซ์แดงมิได้ดูแคลนเหล่าพลทหาร  แม้พวกตนจะเป็นหน่วยพิเศษที่ทรงพลังกว่ามากก็ตาม
    พวกเขาไม่เคยร้องขออภิสิทธิ์  ทุกคนล้วนกระตือรือร้นที่จะได้ฝึกไปพร้อมเหล่าพลทหาร

    ด้วยเหตุนี้  เหล่าอัศวินของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จึงสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเงียบ
    
    "กลุ่มคนที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว  พวกเขากลับโหมฝึกหนักยิ่งกว่าเรา…"

    กัมปนาทตะวันตก 'รอยแมน'
    รอยแมนคือพลทหารจากเรย์ดันที่อัสโมเฟลเล็งเห็นในพรสวรรค์
    นับแต่นั้น  เธอจึงถูกปิอาโร่แยกฝึกพิเศษในหลักสูตรอัศวิน

    ในฐานะ NPC พิเศษที่มีปูมหลังและมีค่าสถานะไร้ขีดจำกัด  กริดจึงคาดหวังในตัวเธอไม่น้อย    
    รอยแมนมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่    

    เพียงไม่นาน  รอยแมนกลายเป็นหนึ่งในอัศวินที่แข็งแกร่งของอาณาจักร  แม้จะเข้ารับตำแหน่งอัศวินช้ากว่าทุกคนก็ตาม

    แต่หากเทียบกับหน่วยฟินิกซ์แดง  เธอตระหนักว่าตนเองบกยังพร่องอยู่มาก
    สิ่งนี้เป็นผลจากระบบเลเวล  
    NPC ทวีปตะวันออกล้วนมีเลเวลพื้นฐานสูงกว่า NPC ทวีปตะวันตกเป็นทุนเดิม

    "หากฝึกหนักเท่าพวกเขา  พวกเราคงไม่มีทางไล่ทันแน่  มีแต่ต้องฝีกให้หนักกว่าเท่านั้น"

    "ดีล่ะ!  พวกเราทำได้แน่!"

    เหล่าอัศวินต่างเปี่ยมด้วยสีหน้ามุ่งมั่น  ทุกคนคล้อยตามความฮึกเหิมของรอยแมน
    ตัวตนของหน่วยฟินิกซ์แดงส่งผลด้านบวกต่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์เป็นล้นพ้น

    ท่ามกลายบรรยากาศคุกกรุ่น  ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นสีสันของกองทัพ

    'เธอยังน่ารักเหมือนเคย'

    ปัจจุบัน  อัศวินเกือบทุกคนล้วนทราบดี  ว่ารอยแมนเป็นสตรี  พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมานานหลายปี  ไม่แปลกที่จะจับได้ในสักวัน
    
    แต่รอยแมนกลับไม่ทราบเลยแม้แต่น้อย  ว่าความจริงได้ถูกเปิดเผยแล้ว
    เธอยังคงแสร้งทำท่าทีขึงขังประหนึ่งชายฉกรรจ์อกสามศอก
    
    เธอพยายามใช้ผ้ารัดอกและเข้าร่วมอาบน้ำกับเหล่าอัศวินเพศชาย
    แต่ทุกคนต่างรีบหาข้ออ้างปลีกตัวโดยไม่ให้เธอเอะใจ

    "ต้องอย่างนั่น!  หัดทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนบ้าง!"
    ปิอาโร่คือหนึ่งในน้อยคนที่ยังไม่ทราบว่ารอยแมนเป็นหญิง

    แม้เขาจะใกล้ชิดเธอที่สุด  แต่ก็ไม่เคยระแคะระคายเลยสักครั้ง

    เขาเชื่อคำพูดรอยแมนโดยไม่เคลือบแคลง  
    ในเมื่อเธอประกาศตัวชัดเจนว่าตนคือผู้ชาย  ปิอาโร่จึงเชื่อว่าเป็นชาย
    ปิอาโร่ย่อมมองไม่ออก  ว่าเหล่าอัศวินชายกำลังปฏิบัติต่อรอยแมนประหนึ่งพี่สาวหรือน้องสาวของตน
    ทุกคนล้วนห่วงใยและเอาใจใส่รอยแมนมากเป็นพิเศษ

    แต่ปิอาโร่กลับเข้าใจผิดคิดว่า  อัศวินชายเหล่าติดตามรอยแมนเพราะเธอคือผู้นำที่ยอดเยี่ยม

    "เฮ่อ…"
    อัสโมเฟลได้แต่ถอยหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  เขากังวลว่าสหายรักของตนจะเป็นโสดไปจนตาย
    
    แต่ทันใดนั้น...

    "ราชโองการด่วนจากฝ่าบาท!!"
    หน่วยม้าเร็วจำนวนมากวิ่งมายังลานฝึกทหารด้วยสีหน้าตึงเครียด    
    พวกเขาประสานเสียงตะโกนเพื่อให้อัศวินและทหารทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึง

    "นอกจากกองกำลังป้องกันเมือง…ราชาโอเวอร์เกียร์มีคำสั่งให้ทัพหลวงเคลือนพลไปยังทะเลทรายเรย์ดันโดยด่วน!  ต้องถึงที่หมายภายในวันรุ่งขึ้น!!"

    "…!!"
    
    ดวงตาปิอาโร่และอัสโมเฟลพลันกระตุก
    เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทกริด…? 

    "ฉันจะรุดหน้าไปก่อน!!"
    ปิอาโร่คือหนึ่งในสองแม่ทัพใหญ่ร่วมกับอัสโมเฟล  แต่เขากลับจะปล่อยให้อัสโมเฟลคุมทัพหลวงตามลำพัง
    อัสโมเฟลรีบห้ามปราม
    
    "หากฝ่าบาทวิกฤติจริง  พระองค์คงใช้ทักษะอัญเชิญอัศวินแล้ว  อย่าได้กังวลจนเกินเหตุ  นายต้องบัญชาทัพร่วมกับฉัน"

    "อา…นายพูดถูก"
    ปิอาโร่เป็นห่วงกริดจนเกือบละทิ้งหน้าที่สำคัญ
    เมื่อใจเย็นลง  เขารีบหันไปออกคำสั่งให้ทหารเตรียมเคลื่อนทัพ

    ณ วันนี้
    กองทัพหลวงทั้งหมดที่ประจำการในไรน์ฮาร์ท  ยกเว้นกองกำลังป้องกันเมือง  ทั้งหมดล้วนกรีฬาทัพมุ่งหน้าสู่เรย์ดันอย่างเกรียงไกร

    ***

    "หือ…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

    ดยุคสไตม์
    ชายที่เข้าใกล้กับตำแหน่ง 'อาร์ชดยุค' มากที่สุดในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
    ผู้ปกครองสูงสุดแห่งแดนเหนือ  
    หกหัวเมืองใหญ่อยู่ในการปกครองของชายผู้นี้  
    เขาคือขุนนางที่เปี่ยมด้วยอำนาจบารมีและความองอาจสง่างาม
    
    ในฐานะพ่อตาของกษัตริย์กริด  ดยุคสไตมพยายามไม่แสดงกริยาที่เสื่อมเสียเกียรติ
    แต่ในวินาทีนี้  เขามิอาจสงบใจลงได้
    ดยุคสไตมมีสีหน้ากังวลเมื่อทราบข่าวการเคลื่อนพลของทัพหลวง

    "เกิดอะไรขึ้นกันแน่…?"
    ดยุคสไตมไม่รักษามาดอีกต่อไป  เขากระวนกระวายใจกับความปลอดภัยของบุตรเขยจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด
    
    อัศวินหนุ่ม 'ลาเด็น'
    กัมปนาทแดนเหนือคนใหม่  และ 'อัศวินอันดับหนึ่งแดนเหนือ' คนปัจจุบัน
    เขาพยายามกล่าวปลอบใจเพื่อให้ดยุคสไตมสงบลง

    "หากฝ่าบาทตกอยู่ในอันตรายจริง  ทางเมืองหลวงต้องขอกำลังเสริมจากทัพแดนเหนือแล้ว"

    แต่ทางเมืองหลวงกลับเงียบกริบ  มิได้แจ้งข่าวใดทั้งสิ้น
    หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแดนเหนือ

    ลาเด็นมองว่า  สถานการณ์ของราชาโอเวอร์เกียร์ไม่รุนแรงถึงขนาดที่ดยุคสไตมต้องกระวนกระวายใจ
    แต่ยิ่งแก่ชรา  ความวิตกก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี

    ดยุคสไตมเอาแต่กล่าวคำเดิมซ้ำไปมา
    "พวกเราไม่รู้อะไรเลย…ไม่มีข้อมูลอะไรทั้งสิ้น!"

    ตัวตนของกริดสำคัญเทียบเท่าอาณาจักร
    ทุกสิ่งในอาณาจักรกำลังถูกขับเคลื่อนโดยมีกริดเป็นศูนย์กลาง
    หากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับกริด  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะถูกสั่นคลอนอย่างใหญ่หลวง

    ดยุคสไตมไม่ต้องการให้บุตรสาวสุดที่รักอย่างไอรีนและหลานชายอย่างลอร์ดต้องโศกเศร้า

    "ฉันควรส่งกองทัพไปช่วย…"

    คงใช้เวลาไม่น้อยกว่ากองทัพแดนเหนือจะเคลื่อนพลถึงเรย์ดัน
    และที่แย่ไปกว่านั้น  ทหารแดนเหนือล้วนถูกฝึกหนักในสภาพอากาศหนาวเหน็บ  ไม่คุ้นชินกับบรรยากาศอันร้อนระอุของทะเลทรายเรย์ดัน
    หากส่งกองทัพไป  จะสามารถช่วยบุตรเขยได้จริงหรือ?

    "ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย"

    ดยุคสไตมครุ่นคิดเล็กน้อย 
    ขณะที่เขากำลังจะประกาศระดมพล
    
    "ผมขออาสานำทัพแทนท่านดยุค"
    ลาเด็นเสนอตัว

    "ผมคุ้นชินกับทะเลทรายของเรย์ดันเป็นอย่างดี  ไม่มีใครเหมาะสมกว่าผมอีกแล้ว"    
    
    ย้อนกลับไปสมัยอาณาจักรอีเทอนัลยังไม่ล่มสลาย  เมื่อครั้งองค์ชายเร็นยกทัพรุกรานเรย์ดัน
    ในคราวนั้น  ลาเด็นนำทัพแดนเหนือสู้ถวายชีวิตเพื่อถ่วงเวลาให้เรย์ดันทราบข่าว

    "อา…ไม่มีใครเหมาะสมกว่าเจ้าอีกแล้ว"
    ดยุคสไตมส่งสายตาแสนอบอุ่น  เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นอย่างหาที่สุดมิได้

    "จงนำหน่วยวายุไป  พวกเขาสามารถเคลื่อนพลได้เร็วกว่าทัพม้าทั่วไปถึงสามเท่า"

    "หน่วยวายุ…!"

    หน่วยวายุคือทัพม้าอันดับหนึ่งที่ดินแดนตอนเหนือภาคภูมิใจ
    เดิมที  หน่วยวายุอยู่ในความดูแลของฟินิกซ์มานานกว่าสิบปี
    
    การที่ดยุคสไตมมอบหมายให้ลาเด็นเป็นผู้นำหน่วยวายุ  
    หมายความว่า  อัศวินหนุ่มผู้นี้คือตัวตายตัวแทนของฟินิกซ์อย่างเป็นทางการ
    ลาเด็นโค้งศีรษะน้อมรับด้วยร่างกายที่สั่นระริก

    "ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง"

    "ขอให้เจ้าปลอดภัยกลับมา"

    ***

    "ฝ่าบาท!  ข่าวด่วน!  ทัพหลวงของโอเวอร์เกียร์มีการเคลื่อนพลครั้งใหญ่!"

    ณ กรุงไซเรน  อาณาจักรเผ่าว่ารี

    "อะไรนะ?  รีบเล่ามาเร็วเข้า!"

    "ขอรับ"

    "อา…"
    เมื่อได้ฟังรายงานจากบุตรชาย  สีหน้าของมาซงพลันดำมืด
    
    หากประเมินจากสิ่งที่เกิดขึ้น  
    มีความเป็นไปได้สูงที่กริด  ผู้มีพระคุณของเผ่าวารี  กำลังตกอยู่ในอันตราย
    ไม่มีเหตุให้มาซงรีรอ    

    "เตรียมยกทัพโดยด่วน!  พวกเราจะไปช่วยราชาโอเวอร์เกียร์!"

    "ขอรับ!"

    ไม่มีใครโต้แย้งคัดค้าน
    ทันทีที่คำสั่งถูกป่าวประกาศ  ทัพเผ่าวารีทำการระดมพลอย่างคล่องแคล่วว่องไว

    เผ่าวารี
    เผ่าพันธุ์ที่มีพลังทางกายภาพและเวทมนตร์สูงส่งกว่ามนุษย์
    
    มีการประเมินไว้ว่า  หากเผ่าวารีไม่ยึดติดกับชีวิตใต้สมุทร  ป่านนี้เผ่ามนุษย์อาจมีจำนวนเพียงไม่ถึงครึ่งของปัจจุบัน    

    เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังอย่างไร้ข้อกังขา

    "เคลื่อนทัพ!"

    "โอ้สส!!"

    เผ่าวารีที่ชื่นชอบการดำรงชีวิตใต้น้ำ  
    พวกเขายอมลำบากเพื่อกรีฬาทัพขึ้นบกมาช่วยกริด
    
    กษัตริย์มาซงเป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง

    ***

    "ลูกพ่อ…งั่มงั่ม"

    "ครับพ่อ…งั่มงั่ม"

    ณ เมืองป้อมปราการแพเทรี่ยน
    เหนือกำแพงสูงตระหง่าน  อัชเชอร์กำลังยืนชมวิวเคียงข้างบุตรชาย
    
    เป็นภาพแสนอบอุ่นของความรักระหว่างพ่อลูก

    "พ่อขอพูดตามตรงนะ…งั่มงั่ม  พ่อเคยเกลียดกริดมาก…หงับ  พ่อไม่ชอบใจเลยที่ต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับกริด"

    "...ผมรู้  หงับหงับ"

    มารค์วิสอัชเชอร์และเอิร์ลบลันด์กำลังสนทนาไปพลางเคี้ยวมันฝรั่ง
    รสชาติของมันฝรั่งสีรุ้งนั้นน่าทึ่งจนกลายเป็นอาหารในชีวิตประจำวันของตระกูลขุนนางชั้นสูงไปโดยปริยาย

    "แต่ปัจจุบัน พ่อมิได้คิดเช่นนั้นอีกแล้ว"

    มาร์ควิสอัชเชอร์กลืนมันฝรั่งสีรุ้งคำใหญ่เข้าปาก
    จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดปากและมืออย่างปราณีตสง่างาม
    สมกับเป็นกริยาท่าทีของขุนนางสูงศักดิ์

    จนกระทั่ง…อัชเชอร์ใช้ลิ้นเลียเศษมันฝรั่งที่ติดแก้มเข้าปาก  แทนที่จะใช้ผ้าเช็ดออกเหมือนคนปรกติ 

    "โชคดีมากที่พวกเรารับใช้กษัตริย์กริด…ลองดูพัฒนาการของอาณาจักรในตอนนี้สิ"

    ด้วยภูมิประเทศที่ตรงตามตำรายุทธศาสตร์ทุกประการ  ไม่แปลกที่เหล่าศัตรูต่างจ้องยึดครองป้อมปราการแพเทรี่ยน
    จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่แพแทรี่ยนต้องมีทหารกล้าประจำการจำนวนมาก
    
    แต่ในอดีต  อาณาจักรอีเทอนัลนั้นอ่อนแอ  ส่งผลให้แพเทรี่ยนขาดแคลนกำลังรบอยู่เสมอ
    สิ่งนี้ทำให้ชาวเมืองแพเทรี่ยนต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดผวาตลอดเวลา    

    แต่ปัจจุบัน…สีหน้าของพลเมืองทุกคนต่างชื่นมื่นมีชีวิตชีวา
    ราชวงศ์ของอาณาจักรใหม่ให้ความใส่ใจป้อมปราการแพเทรี่ยนมากเป็นพิเศษ  
    เขาพวกสนับสนุนทั้งกำลังทหารและทรัพยากรทุกด้านที่จำเป็น
    
    "พ่อคือคนที่รู้จักอดีตของฝ่าบาท…พ่อจึงรู้ดีกว่าใคร  ว่าฝ่าบาทต้องพยายามอย่างหนักแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้  พ่อชื่นชมเขามาก"

    "…" 
    บลันด์อมยิ้ม
    เขาดีใจที่บิดาของตนให้การยอมรับบุคคลที่ตนชื่นชม

    มาร์ควิสอัชเชอร์รีบตัดบทเข้าประเด็น
    "ฝ่าบาทกริดคือพลังของอาณาจักรนี้…ไม่สิ  เขาคือสมบัติล้ำค่าของทวีปตะวันตก  ฝ่าบาทเป็นวีรบุรุษผู้อาจหาญที่กล้าขัดขืนจักรวรรดิซาฮารัน  ฝ่าบาทคือตัวตนที่ต้องมีชีวิตให้ยืนยาวที่สุด  ดังนั้น…ลูกพ่อ  เจ้าจงนำทัพแพเทรี่ยนไปยังทะเลทรายเรย์ดัน"
        
    "รับทราบ"

    "ตัวพ่อมิอาจไปจากป้อมปราการแห่งนี้ได้…บลันด์เอ๋ย  เจ้าจงปกป้องฝ่าบาทกริดและกลับมาโดยยังมีลมหายใจ  นี่มิใช่คำสั่ง  แต่เป็นคำขอร้อง"

    "ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง"

    ปัจจุบัน  หากไม่นับไรน์ฮาร์ท  ค่าเฉลี่ยเลเวลของทหารแพเทรี่ยนจะมีระดับสูงสุดในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
    
    เนื่องด้วยความสำคัญทางยุทธศาสตร์  และความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกับอาณาจักรเก๊าส์
    กริดกับลอเอลจึงเสริมความแกร่งให้ป้อมแพเทรี่ยนมากเป็นพิเศษ  
    ทั้งสองไม่ประมาท  ทหารที่ดีที่สุดของอาณาจักรถูกส่งมาประจำการฝึกฝนที่นี่
        
    "มุ่งหน้าสู่ทะเลทราย!"

    "โอ้สส!!"

    บุตรชายของมหาจอมเวท 'อัชเชอร์' และศิษย์ของชาวนาในตำนาน 'ปิอาโร่'
    จอมดาบเวท 'บลันด์' กำลังนำกองทัพแพเทรี่ยนเคลื่อนพลไปยังทะเลทรายเรย์ดัน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,169
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. 5555 คิดไปถึงไหนกัน

    ReplyDelete
  2. โอ้ กำลังเสริมมาเกินร้อย

    ReplyDelete
  3. นี้กะจะทำสงครามกับเป่าแวมไพร์หรือไงเนี้ย

    ReplyDelete
  4. ทับขนาดนี้เเมรี่ - โรทก็เถอะจะไหวหรือเเม่งคิดมากไปเเล้ว
    หวังว่าทัพจูนีเบียวไม่มากับเข้านะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. แมรี่โรส กริดยังกลัว ต่อให้มาทั้งอาณาจักรก็ไม่น่าไหว พลังน่าจะพอๆกับพวกจอมอสูรเลยเพราะๆเก่งกว่าแวมไพร์ตนแรกอีก

      Delete
    2. แมรี่-โรส แข็งแกร่งมากขนาดที่ว่าจักรวรรดิไม่กล้าสู้ด้วย

      Delete
  5. ดันเจี้ยนพัง

    ReplyDelete
  6. ขยับทีวุ่นวายทั้งทวีปสมแล้วที่เป็นเทพแห่งการเข้าใจผิด

    ReplyDelete
  7. กริดก็น่าจะเป็น "จอมดาบเวท" มั้งนะ มีทั้งเวทของบราฮัม วิชาดาบของแพ็กม่า ถ้ารวมกันจะขนาดไหน

    ReplyDelete
  8. เอาง่ายๆ แมรี่โรสนั้นเก่งกว่าจอมอสูรอันดับ3

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00