จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 717



    วาบ!

    แสงจากศีรษะล้านของแวนเนอร์ยังคงสว่างไสวไปทั่วเมืองแวมไพร์อันมืดมิด
    ด้วยเหตุนี้  สายตาแวมไพร์ทายาททั้งสี่จึงจดจ้องมายังแวนเนอร์เป็นตาเดียว

    “ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!...นั่นหมวกของพวกมนุษย์งั้นหรือ  ออกแบบรูปทรงได้ห่วยชะมัด”

    “...”

    เกิดเป็นความเงียบงั้นขึ้นในหมู่ขุนพลโอเวอร์เกียร์
    ป็อน  ผู้ที่คอยหัวเราะเยาะแวนเนอร์ทุกสถานการณ์  บัดนี้ทำได้เพียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยใบหน้าขาวซีด
    
    การปรากฏกายของสี่แวมไพร์ทายาททำให้ทุกคนตกอยู่ในความตะลึง

    “...ไหนบอกเลขเจ็ดคือเลขแห่งความโชคดี”

    พีคซอร์ดพลันหน้าบิดเบี้ยวเมื่อมีใครสักคนทักท้วง
    
    แวมไพร์ทายาทสี่ตนภายในเมืองเดียว
    เหตุการณ์สุดเลวร้ายที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน
    อย่างพีคซอร์ดคงไม่มีทางรู้ล่วงหน้า

    “บ้าบอสิ้นดี...”

    นัยน์ตาลอเอลพลันสั่นระริก
    จากการค้นคว้ามากมาย  ลอเอลจึงได้ข้อสรุปแน่ชัด  เหล่าแวมไพร์ทายาททุกตนล้วนได้รับคำสาปเกียจคร้านอันทรงพลัง
    พวกมันออกจากเมืองไม่บ่อยครั้ง  และจะใช้เวลาหลับไหลนานเป็นสิบหรือร้อยปี
    
    นี่คือระบบที่ป้องกันมิให้พวกมันอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ 
    
    ‘ผู้ปกครองเมืองทั้งสี่คนเลยรึไง...?’

    ลอเอลเริ่มปวดหัว
    เขากำลังหน้าเสียสุดขีด  แผนที่วางไว้ล่วงหน้าพลันต้องขยำทิ้งอย่างสูญเปล่า
    
    “ฉ—ฉันขอโทษ...”

    ลอเอลกล่าวขออภัยด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก
    ในฐานะผู้ริเริ่มความคิดและวางแผนโจมตีเมืองแวมไพร์  ลอเอลสำนึกผิดจากใจจริง  เขาแบกรับบาปมหาศาลไว้ตามลำพัง
    ลอเอลคิดจะเสียสละชีวิตตนเพื่อยื้อเวลาให้พวกพ้องหลบหนี
    แต่น่าเสียดายที่  ทางออกดันเจี้ยนเมืองแวมไพร์จะถูกเปิดก็ต่อเมื่อ  หากไม่ทุกคนตายหมด  ผู้ปกครองเมืองก็ต้องถูกพิชิต
    จนกว่าจะถึงตอนนั้น  มิติแห่งนี้จะถูกปิดตายโดยสมบูรณ์
    การเสียสละของลอเอลจะไม่ก่อประโยชน์อันใดเลย  นอกจากการหลั่งเลือดอย่างสูญเปล่า

    ปัจจบัน  ในการคำนวณของลอเอล  โอกาสที่ปาร์ตี้จะรอดชีวิตคือศูนย์เปอร์เซนต์
    
    ‘บ้าจริง...’
    
    ความสะเพร่าของตนทำให้พลังโดยรวมอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ลดต่ำลง
    สีหน้าของลอเอลกำลังขาวซีดประหนึ่งไก่ต้ม

    ใครบางคนเดินเข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับใช้ฝ่ามือสัมผัสบ่าลอเอลอย่างนุ่มนวล
    มือที่ใหญ่และอบอุ่น

    ไม่มีทางที่ลอเอลจะไม่รู้จักเจ้าของฝ่ามือนี้

    “ฝ่าบาท...”

    เมื่อลอเอลหันหลังกลับ  เขาได้พบกับสายตาที่สุขุมลุ่มลึกของกริด

    “หากมีเวลาว่างมัวขอโทษ  จงใช้สมองของนายคิดหาทางออกเร็วเข้า  นี่คือเวลาที่ทุกคนต้องใจเย็นให้มากที่สุด...ฉันพูดถูกรึเปล่า?”

    “...”

    ใช่แล้ว  ลอเอลทราบถึงจุดอ่อนตัวเองเป็นอย่างดี
    หากแผนการไม่เป็นไปตามที่วางไว้  เขาจะประหม่าและลนลานจนสูญเสียความเยือกเย็น  
    นี่คืออุปนิสัยที่สุ่มเสี่ยงและอันตรายสำหรับตำแหน่งกุนซือ
    กุนซือต้องพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งไม่คาดฝันเสมอ  และต้องใจเย็นเพื่อหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที  

    “อย่าทำเหมือนมันจบแล้วสิ”

    แวมไพร์ทายาทสี่ตนแล้วอย่างไร
    แม้โอกาสชนะแทบมีไม่มีเหลือ
    แต่กริดกลับไม่ปรากฏความหวาดหวั่นบนใบหน้า

    ไม่น่าเชื่อว่านี่คือกริด

    “จงใช้สมองของนายขบคิดหาทางออกโดยเร็ว  ระหว่างนั้นพวกเราจะยื้อเวลาให้เอง  นั่นคือทางรอดเดียวของทุกคนในตอนนี้”

    ปัจจุบัน  ขวัญกำลังใจปาร์ตี้กำลังดำดิ่งเหว
    
    แม้จะมีบุคคลยกเว้นอย่างเรกัส  ผู้กระหายต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งเสมอ  และแค็ทซ์  ชายแสนโอหังที่มีจิตใจเข้มแข็งกว่ามนุษย์ปรกติ  สีหน้าของทั้งสองยังคงเรียบเฉย

    แต่มิใช่ทุกคนจะพิสดารเช่นนี้กันหมด

    โดยเฉพาะรูบี้ผู้มีสามัญสำนึกเฉกเช่นปุถุชนปรกติ  เธอกำลังสั่นระริกด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
    
    ‘เราสัญญากับตัวเองไว้แล้ว...ว่าจะกลายเป็นที่พึ่งของทุกคน’

    ผู้นำย่อมมีภาระหน้าที่ในแบบของผู้นำ
    โดยเฉพาะสถานการณ์สุดคับขันเช่นนี้

    ฟุ่บ!

    กริดแหงนหน้ามองด้านบน  พร้อมกับ  พุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยความเร็วสูง
    เขาคิดเผชิญหน้าแวมไพร์ทายาทสี่ตนตามลำพัง

    “กริด!”

    จบสิ้นแล้ว...ทุกคนคงตายที่นี่
    สมาชิกโอเวอร์เกียร์บางคนสิ้นหวังถึงขนาดตัดใจล่วงหน้า  พวกเขาคำนวณว่าตนจะสูญเสียค่าประสบการณ์เท่าไร  และมีสิทธิ์ดรอปไอเท็มใดบ้าง
    กว่าจะรู้ว่ากริดลอยขึ้นไปด้านบน  เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปครู่ใหญ่

    ในวินาทีที่ชายหนุ่มประชิดตัวแวมไพร์ทายาททั้งสี่  พลังอสูรพลันระเบิดจากร่าง
    
    “ร่างมืด·พลิ้วไหว!”

[ พลังเวทมืดของท่านเพิ่มขึ้น ]
[ ท่านไม่มีพลังเวทมืด ]
[ ทดแทนด้วยพลังอสูร ]
[ เผ่าพันธุ์ของท่านกลายเป็น ‘ครึ่งอสูร’ ]
[ ในฐานะครึ่งอสูร  พลังชีวิตสูงสุดลดลง 50%  แต่พลังโจมตี  พลังเวท  และความว่องไวจะเพิ่มขึ้น 30% ]
[ การโจมตีทุกชนิดกลายเป็นธาตุมืด ]
[ อัตราหลบหลีกเพิ่มขึ้น 30%  และค่าความว่องไวเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็นเวลา 1 นาที ]
    
    กริดกำลังเผชิญหน้าสี่แวมไพร์ทายาทตามลำพัง  เขารีดเร้นทุกสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้พวกพ้อง
    กริดจะทำให้แวมไพร์ทายาทเหล่านี้เผยจุดแข่งจุดอ่อนออกมา  จากนั้นก็ให้เหล่าอัจฉริยะด้านล่างคอยวิเคราะห์หาทางสู้
    
    ฉัวะ!

    ฉัวะฉัวะ!

    “โฮ่!”

    สายตาที่เคยมองมนุษย์อย่างเหยียดหยัน  บัดนี้เริ่มกระตุกเล็กน้อย
    พวกมันจ้องมองอย่างดูแคลน  มนุษย์ปริศนาตรงหน้ากำลังรนหาที่ตาย  ประหนึ่งกระรอกบินที่โฉบเข้าปากพญาเสือ
    
    “น่าสนใจดีนี่...”

    ฉัวะ!

    ฉัวะฉัวะ!

    คมดาบสีดำกำลังฟาดฟันใส่ร่างแวมไพร์ทายาททั้งสี่จนเกิดบาดแผลหลายแห่ง 

    พวกมันมิได้หลบหลีกการโจมตีอันรวดเร็วจากกริดที่กำลังอยู่ในสปีดสูงสุด
    
    ‘ไม่คิดตอบโต้หรือพยายามปัดป้องเลยสักนิด...พวกคงมีความเร็วต่ำสินะ’
    
    กริดเริ่มจากการประเมินความเร็วของแวมไพร์ทายาททั้งสี่  จากนั้นก็รำดาบใช้ทักษะต่อเนื่อง
    คราวนี้เขาจะประเมินพลังป้องกัน

    “ร่ายรำ!”

    ฉัวะฉัวะ

    ฉัวะฉัวะ—

    ยี่สิบดาบในหนึ่งวินาที  แถมแต่ละดาบก็รุนแรงยิ่งกว่าการโจมตีปรกติ  

    แวมไพร์ที่เป็นเป้าหมายคือเอิร์ลเครย์

    ปัจจุบัน  หัตถ์เทวะกำลังรายล้อมกริดไม่ห่าง  พวกมันเตรียมรับมือการสวนกลับจากฝ่ายตรงข้าม  
    ขณะเดียวกัน  ชายหนุ่มชำเลืองสายตามองข้อความระบบเพื่อประเมินผลการโจมตี

[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 16,900 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 18,780 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 20,600... ]

...

    ‘ไม่เลว’
    
    พลังป้องกันมิได้สูงส่งระดับปีศาจ
    ต่ำกว่าอัศวินลำดับสามอย่างโรเล็กซ์ด้วยซ้ำ
    กริดเริ่มมีหวัง

    ‘ถ้าทุกคนร่วมมือกัน  อาจล้มได้สองจากสี่ตัวในหนนี้’

    ถึงจะล้มเหลวสักรอบก็ไม่เป็นไร
    หากฆ่าไปได้สองตัว  คราวหน้าก็เหลือเพียงสองตัวให้ล่าอย่างไม่ตึงมือ

    ขณะกริดกำลังครุ่นคิด
    
    “หืม...ไม่ผิดแน่  แหวนบนนิ้วแกคือแหวนของเอลฟิน·สโตน”
    เอิร์ลเครย์กำลังแสยะยิ้มแม้ร่างของมันจะจมท่วมด้วยเอฟเฟคระเบิดนานาชนิด

    สายตาจดจ้องไปยังแหวนบนนิ้วกริดไม่กระพริบ
    “เห็นอย่างนี้แล้ว  เอลฟิน·สโตนช่างน่าสมเพชสิ้นดี  ก็เข้าใจได้ละน่ะ  หมอนั่นอ่อนแอ  มิได้เป็นว่าที่มาร์ควิสเหมือนฉัน”

    ซู่วว—

    “…?”

    หยุดเวลางั้นหรือ?
    กริดพลันผงะไปชั่วครู่
    โลหิตบนเรือนร่างเอิร์ลเครย์มิได้หยดไหลลงพื้นอย่างที่ควรจะเป็น  กลับหยุดนิ่งค้างเติ่งกลางอากาศ  ฉีกกฏแรงโน้มถ่วงโดยสิ้นเชิง
    
    “ไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด!”

    “…!”

    เวลามิได้ถูกหยุด...
    เมื่อได้ยินเสียงของเอิร์ลเครย์  ชายหนุ่มรีบลงมืดกวัดแกว่งดาบอีกครั้ง  
    แต่สายไปเสียแล้ว
    
    ซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่ว—

    หยาดโลหิตจำนวนมากที่สาดกระเซ็นจากบาดแผลเอิร์ลเครย์  บัดนี้รวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่พร้อมกับพุ่งปทะร่างกริดอย่างจัง
    
    บึ้มมมมมม—

    “แค่ก…!

    สีหน้าของกริดบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด 
    ชายหนุ่มฉงนหนักเมื่อเห็นตัวเลขความเสียหายจากระเบิดโลหิต

[ ท่านได้รับความเสียหาย 19,500 หน่วย ]
[ พลังชีวิตที่เสียไปถูกเป้าหมายดูดกลืนเป็นพลังชีวิตของมัน ]

    การโจมตีแสนทรงพลังที่มีคุณสมบัติดูดเลือดในตัว...ไม่มีเวทมนตร์ชนิดใดเทียบได้
    ความเสียหาย 100% ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตกลับคืนสู้ผู้ร่าย

    ‘บดซบ...นี่สินะแวมไพร์ทายาท’

    หากมองผิวเผิน  เอิร์ลเครย์จะไม่ค่อยเก่งกาจในสายตากริด  เพราะมันมีพลังทางกายภาพในระดับปานกลางเท่านั้น

    เฉกเช่นเอลฟิน·สโตนที่เชี่ยวชาญวิชาดาบและเวทโลหิต  ทีราเม็ทเชี่ยวชาญด้านพลังกายทางภาพ  
    เครย์เองก็เชี่ยวชาญเวทดูดเลือดเป็นเลิศ

    มันมิใช่ศัตรูที่กริดสามารถดูแคลนได้

    เมื่อชายหนุ่มถูกเวทมนตร์โจมตีที่หน้าอกและเริ่มเสียหลัก  เครย์ได้พุ่งตามมาพร้อมกับใช้ฝ่ามือกระชากเส้นผมกริดให้เงยหน้าขึ้น

    จากนั้น...

    “พายุโลหิต”

    ซู่ววววววว!

    เสาโลหิตกำลังหมุนวนเป็นเกลียวรอบร่างเอิร์ลเครย์ประหนึ่งอสรพิษมีชีวิต
    พวกมันขยับตามคำสั่งของเครย์อย่างว่าง่าย
    ร่างกายกริดถูกพายุโลหิตเชือดเฉือนอย่างโหดเหี้ยม

[ ท่านได้รับความเสียหาย 17,500 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 15,900 หน่วย ]
[ ความปลอดภัยของมหากษัตริย์ต้องมาเป็นอันดับแรก  ด้วยผลของสมญานาม ‘กษัตริย์คนแรก’ ท่านจะสร้างบาเรียคุ้มกายเทียบเท่าความเสียหายที่ได้รับในหนึ่งนาทีล่าสุด ]
[ การปรับตัวเข้ากับพื้นทุกพื้นผิวกลายเป็น 100%  ความเร็วเคลื่อนที่และพลังป้องกันเพิ่มขึ้น 10% ]

    “หืม…?”

    เดิมที  เสาโลหิตจะไม่หยุดเกรี้ยวกราดจนกว่าเป้าหมายจะเสียชีวิตลง  
    เอิร์ลเครย์มั่นใจมาก  ศัตรูที่ติดอยู่ด้านในพายุโลหิตคงจะตายในไม่ช้า  
    แต่มันกลับต้องตะลึงอย่างหนัก
    เครย์ประหลาดใจกับบาเรียคุ้มกายอันทรงพลังที่ห้อมล้อมร่ายมนุษย์ปริศนาไว้

    ฉัวะฉัวะฉัวะ

    ฉัวะฉัวะ—

    กายาแสนอ่อนแอของมนุษย์ที่ควรถูกฉีกกระชากด้วยพายุโลหิต  บัดนี้เริ่มทนทานขัดขืนจนพายุโลหิตไม่เป็นผล
    
    ปัจจุบัน  กริดสลับชุดเกราะมาใส่เซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีค่าต้านทานเวทมนตร์สูง  

    “ร่ายรำสังหาร”

    ฉึก!

    คลื่นดาบปริศนาเสียดแทงออกจากม่านพายุโลหิต
    การโจมตีอันทรงพลังกระแทกใส่แผ่นอกเครย์ที่ไม่ทันระวังอย่างจัง

    ฉึกฉึกฉึก!

    สองดาบ  สามดาบ  สี่ดาบ...

    “แค่ก!”

    เอิร์ลเครย์กระแอมโลหิตเล็กน้อย  จากนั้นก็พยายามรักษาระยะห่างออกจากกริด

    “ฮะฮะ!  น่าสนุกจัง!!”

    ตรงกันข้ามกับสีหน้าหวั่นวิตกของทุกคนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแวมไพร์ทายาทสี่ตน  
    มนุษย์คนหนึ่งกำลังแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างออกนอกหน้า

    “อัสนีทะยาน!”
    
    เปรี้ยะ!

    เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ!

    ชายผู้นั้นคืออาชูร่า ‘เรกัส’ บุคคลที่แสวงหาคู่ดวลแข็งแกร่งอยู่เสมอ

    เขามิอาจโบยบินได้เหมือนกริด  
    เรกัสจึงต้องปีนป่ายกำแพงตึกเพื่อขึ้นไปยืนบนหลังคาที่ใกล้กลับสี่แวมไพร์ทายาท

    เป็นจุดที่เอิร์ยเครย์ถอยมาเพื่อทิ้งระยะห่างออกจากกริด
    
    “ลอบโจมตี…!”

    เอิร์ลเครย์ผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นศัตรูดักรอจากจุดที่คาดไม่ถึง
    
    เปรี้ยงงง!

    กำปั้นเรกัสชกเข้าที่ใบหน้ามันอย่างจัง
    ขณะเดียวกัน...

    “หอกแม่เหล็กไฟฟ้า!”

    สมาชิกโอเวอร์เกียร์ด้านล่างต่างตอบสนองอย่างพร้อมเพรียง
    สุดยอดทักษะไม้ตายกว่า 20 ชนิดที่สามารถสังหารแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ได้ในคราเดียว  บัดนี้กำลังถาโถมใส่ร่างเอิร์ลเครย์ประหนึ่งพายุบุแคม
        
    ฉัวะฉัวะ!

    บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

    ฉึกฉึก—!

    โจมตี  โจมตี  โจมตี  และโจมตี
    ยิ่งการโจมตีดำเนินผไป  บาดแผลตามร่างกายเครย์ก็ยิ่งเพิ่มจำนวน  โลหิตสาดกระเซ็นเป็นวงกว้างทั่วบริเวณ
    นี่คือต้นตอของหายนะใหญ่หลวง

    “หืม...มนุษย์แข็งแกร่งได้ขนาดนี้เชียว...น่าตกใจเหมือนกัน”

    เอิร์ลเครย์เอ่ยปากชมจากใจจริง
    ขณะเดียวกัน  เสาพายุโลหิตได้เพิ่มจำนวนจากหนึ่งเป็นสี่

    ยิ่งปริมาณเลือดมาก  มันก็ยิ่งแข็งแกร่ง
    นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเอิร์ลเครย์

    สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนรวมถึงกริดพลันหน้าซีดเผือด
    พวกเขาไม่อยากจิตนการถึงความรุนแรงของเสาพายุโลหิตมากถึงสี่ต้น

    “เจ้าเครย์ไม่ได้ใช้สี่ ‘หาง’ มานานแค่ไหนแล้วนะ?”

    “ครั้งสุดท้ายคือตอนที่ใช้หกหางสู้กับบราฮัมแล้วถูกอัดจนน่วม...”

    “มนุษย์พวกนี้ไม่เลว...”

    แวมไพร์ทายาททั้งสามที่ยืนมองจากด้านบน  พวกมันไม่เคลือบแคลงเลยสักนิด  ว่าฝ่ายที่ชนะต้องเป็นเครย์แน่นอน

    จนกระทั่งมนุษย์เสียสติคนหนึ่งเริ่มเคลื่อนไหว
    “คุคุ…!  คุฮ่าฮ่า!  กล้าใช้โลหิตเป็นอาวุธต่อหน้าฉันคนนี้เชียวหรือ...”

    นักรบโลหิต ‘แค็ทซ์’
    แค็ทซ์เคยบ่นอุบอิบตลอดทาง  เหตุใดต้องระดมพลแรงเกอร์แถวหน้ามากมายเพียงเพื่อลุยดันเจี้ยน
    ตลอดเส้นทางที่ปาร์ตี้เคลียร์เมืองลำดับแปดและเก้า  แค็ทซ์ทำเพียงเดินกอดอกตามหลังโดยมิได้ออกแรง
    
    “ฉันคือเจ้าของโลหิตทุกหยดบนโลก!”

    ซู่ววว—

    “…!!”

    สีหน้าของแวมไพร์ทายาททุกคนพลันบิดเบี้ยว  แน่นอน  รวมถึงเครย์
    เสาเกลียวพายุโลหิตรอบกายเครย์กำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่งโดยที่มันมิอาจควบคุมได้

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,161
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. โอ้ รอบนี้แค็ทได้ออกโรงทำผลงานช่วยชีวิตเพื่อนสักที สนุกมากครับ ขอบคุณครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00