จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 730



    “พวกแก…!”

    ความโกรธแค้นทั้งหมดกำลังพุ่งตรงมาหากษัตริย์เผ่าวารี ‘มาซง’ งั้นหรือ?
    คำตอบคือไม่  โทสะทั้งหมดกำลังเดือดดาลใส่ปิอาโร่และอัสโมเฟล

    โนลล์ไม่ใช้คำว่า ‘มนุษย์โสโครก’ อีกต่อไป  
    มันจำใจยอมรับตัวตนบุคคลเหล่านี้
    
    มนุษย์มิใช่สิ่งที่มันสามารถดูแคลนได้อีก    
    พลังต่อสู้สูงส่งเกินกว่าจะเป็นเพียงอาหาร

    ‘ไม่อยากเชื่อเลย…’

    คราดเล็กที่กระแทกทรวงอกได้สร้างความสับสนครั้งใหญ่ในใจโนลล์    
    
    โนลล์เป็นใคร?  
    แวมไพร์ทายาทเชียวนะ…
    บุตรแห่งชิโช·เบริอาโช่  อดีตหนึ่งใน 33 จอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่
    โลหิตจอมอสูรยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายโนลล์

    อย่างน้อย  ในโลกกึ่งกลางที่มีเพียงมนุษย์  เอลฟ์  ออร์ค  คนแคระ  ยักษ์
    ตัวตนของแวมไพร์ทายาทควรจะมีพลังอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือสรรพสิ่ง
    
    ‘แล้วเกิดอะไรขึ้น?  ทำไมเราถึงกลายเป็นตัวตนต่ำต้อยเพียงนี้?’    

    โนลล์คงไม่นึกไม่ฝันมาก่อน  ว่าในชีวิตของมันจะต้องเผชิญหน้ากับปาร์ตี้สุดแกร่งของมวลมนุษย์  ที่สามารถจัดการได้แม้กระทั่งจอมอสูรแท้อย่างบีเลียล

    โนลล์เริ่มเข้าสู่โหมดคลุ้มคลั่ง

    เคร้งง!

    เคร้ง—
    
    มันปัดป้องสามง่ามของมาซงและดาบของอัสโมเฟลด้วยบาเรียโลหิต 

    ฉึก— 

    แต่ขณะกำลังรับมือศัตรูที่แข็งแกร่งสองคนพร้อมกัน  มันต้องถูกคราดเล็กแทงใส่อีกครั้ง
    
    ‘ทำไมถึงได้เจ็บปวดนัก?’

    อุปกรณ์เครื่องมือของมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าชาวนา  
    คงโอหังเกินตัวไปสักหน่อย  หากจะให้ยอมรับว่าสิ่งนี้คืออาวุธ
    
    ประสิทธิภาพและอรรถประโยชน์ยังมีไม่มากพอสำหรับใช้คร่าชีวิตผู้อื่น  ไม่สมควรถูกเรียกว่าอาวุธด้วยประการทั้งปวง
    
    แต่มันกลับเจ็บแปลบทุกครั้งที่ถูกสิ่งนี้แทงใส่  

    โนลล์ทวีความเดือดดาลเป็นล้นพ้น

    “ฉันจะเอาจริงก็ได้!!“

    ด้วยการโจมตีสามประสานของปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซง
    ปัจจุบัน  พลังชีวิตโนลล์ลดต่ำลงเหลือเพียง 40%

    เฉกเช่นบอสพิเศษทั่วไป  โนลล์เองก็มีโหมดคลุ้มคลั่ง

    ครืนนนนน— 

    ซู่วว— 
    
    พลังสะกดข่มของทายาท Lv.2
    เนื่องด้วยการสังหารกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ยกปาร์ตี้ไปก่อนหน้า  พลังสะกดข่มของทายาทของโนลล์จึงถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น
    ชนิดที่ไม่มีแวมไพร์เอิร์ลตนใดเทียบเคียงได้
    
    ไม่เพียงสะกดทุกเป้าหมายที่ ‘เป็นภัยคุกคาม’  แต่ยังจะลดค่าสถานะลงในปริมาณมหาศาล
    แถมยังก่อให้เกิดอาการ ‘หวาดกลัว’ และ ‘เป็นใบ้’

    แต่ที่แย่ที่สุดคือ…
    ระยะเวลาแสดงผลนานขึ้นเป็นสองเท่า 

    “แค่ก…!”

    “อึก!”

    ร่างกายอัสโมเฟลและมาซงพลันตระตุก  จิตใจสับสนปั่นป่วน    รุนแรง
    ความต่างชั้นทางเผ่าพันธุ์คือขีดจำกัดสายเลือดที่ยากจะก้าว้่าม
    
    มาซงคือเผ่าวารีที่มีค่าต้านทานสูง  เขาสามารถหลุดจากอาการผิดปรกติได้ไวกว่าอัสโมเฟลมากก็จริง
    แต่มาซงกลับยังถูกสะกดเป็นระยะเวลานานจนเข้าขั้นวิกฤติ

    โนลล์แสยะยิ้มราวกับผู้ชนะ
    “คิคิก…!  คิคิคิก!  ใช่แล้ว  ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ต้น!  พวกแกคือเหยื่ออันโอชะของฉันคนนี้!  จงหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก—แอ๊พ!”

    มันกำลังจะพลิกสถานการณ์
    มันกำลังจะแปรเปลี่ยนโลหิตของมนุษย์ให้เป็นพลังชีวิตตนเอง  จากนั้นก็ไล่สังหารทีละคน
    มันเคยคิดเช่นนี้

    โนลล์ส่งเสียงกรีดร้อง
    เป็นคราดเล็กอีกครั้งที่เสียบใส่ท้ายทอยมันอย่างจัง
    ดวงตาโนลล์พลันเบิกโพลง  
    นัยน์ตาสีแดงทับทิมเริ่มสั่นระริก

    “ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรเลย?”
    โนลล์โพล่งขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีด

    “ตำนานจะไม่ยอมสยบต่อผู้ใดเด็ดขาด!”

    ปิอาโร่เริ่มเปิดเผยตัวตนทีละนิด
    “อันที่จริง  ฉันไม่ใช่ชาวนา…”
    
    ‘กะแล้วเชียว!’

    อึก… 
    โนลล์พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่

    ในวินาทีที่ปิอาโร่ต้านทาน ‘พลังสะกดข่มของทายาท’
    โนลล์ทราบได้ทันทีว่า  ปิอาโร่คือตำนานเฉกเช่นกริด
    
    แต่ปัญหาอยู่ที่…
    ปิอาโร่เป็นตำนานในศาสตร์ใด?
    หรือจะเป็นตำนานเหนือตำนานผู้นั้น
    …อริยดาบ? 

    ในอีกความหมายหนึ่ง  นี่ตนต้องสู้กับอริยดาบคนใหม่งั้นหรือ

    ‘นายเป็นตำนานอะไรกันแน่’

    โนลล์สั่นระริกขณะกำลังเผชิญหน้าปิอาโร่  มันอดทนรอให้อีกฝ่ายแนะนำตัวให้เสร็จ

    ในที่สุด  
    ปิอาโร่ยอมเปิดเผยตัวตน
    “ฉันคือ…”
    
    อึก…! 

    “ชาวนาในตำนาน!”

    “%#@$!!!”

    ก่อนที่แวมไพร์จะถูกขับออกจากขุมนรก  แวมไพร์เคยสนทนากันเองด้วยภาษาอสูรเป็นเวลานานหลายร้อยปี

    โนลล์อาจถือกำเนิดในโลกกึ่งกลาง  แต่มันย่อมรู้จักภาษาดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์ 
    สิ่งนี้ถูกสืบทอดส่งต่อผ่านทางสายเลือดทายาท    

    ภาษาเผ่าอสูรมักเปี่ยมด้วยถ้อยคำชั่วร้ายและหยาบคายเสมอ… 
    สีหน้าของปิอาโร่พลันดำมืดเมื่อโนลล์โพล่งถ้อยคำเหล่านั้นออกมา

    อันที่จริง  ปิอาโร่ไม่ทราบความหมายภาษาอสูรเลยสักนิด
    แต่เขาพอจะเดาออก  เพราะคำสบถโนลล์ดันไปคล้ายคลึงกับคำหยาบคายที่มักหลุดจากปากกริดและฮิวรอยบ่อยครั้ง
    
    “นี่แก…กำลังด่าฉันสินะ?”

    “ถ้าใช่แล้วจะทำไม!”

    ทันใดนั้น

    “ฉันจะขุดซากศพมารดาของแกขึ้นมาด่าซ้ำ!”

    “อะไรนะ…”

    ล้ำเส้นเกินไปแล้ว
    แม้แต่จอมอสูรที่ชั่วร้ายก็ยังรักและหวงแหนบิดามารดา  นับประสาอะไรกับแวมไพร์ทายาท

    ‘ไม่ใช่ฉัน…ฉันไม่ได้ต่ำช้าขนาดนั้น!’
    มนุษย์ที่มีสามัญสำนึกปรกติต่างคิดใจในเป็นเสียงเดียวกัน

    ยกเว้นอยู่หนึ่งคน

    สายตาของโนลล์พลันเหลือบไปมองฮิวรอยที่ยืนห่างจากกริดพอสมควร
    หมอนี่คือไอ้ระยำที่ล่วงเกินเบริอาเช่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    โนลล์ไม่ชอบใจอย่างมากที่มนุษย์โสโครกบังอาจล้ำเส้นไปไกล
    มันต้องการลบตัวตนคนผู้นั้นออกจากโลก
    
    ทว่า

    “ชาวนาแล้วมันทำไม…!  ฉันจะจับแกไปทำฟาร์มเพื่อดัดนิสัยเสียนั่นเอง!”

    ปิอาโร่เริ่มแผ่จิตสังหารอันทรงพลัง
    นี่คือหนแรกนับตั้งแต่บีเลียลที่ปิอาโร่เกรี้ยวกราดขนาดนี้
    บรรยากาศคุกรุ่นเข้มข้นจนทุกคนแทบหยุดหายใจ
    ราวกับปิอาโร่สามารถปิดฉากโนลล์ได้ในการโจมตีเดียว

    แต่จะง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ?
    ในฐานะแวมไพร์เอิร์ล  ค่าสถานะพื้นฐานของโนลล์ย่อมอยู่ในระดับสูง
    แถมมันยังพัฒนาขึ้นจากการกวาดล้างปาร์ตี้โอเวอร์เกียร์ไปวันก่อน
    
    ปัจจุบัน  ปิอาโร่ไม่มีทั้งบดข้าวเปลือกและความตายที่ถูกลิขิต    
    มาซงและอัสโมเฟลกำลังถูกอาการผิดปรกติเล่นงานจนมิอาจยื่นมือเข้าช่วย

    ‘เจ้านี่เก่งมากก็จริง…แต่คิดหรือว่าจะเอาชนะเราในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งได้?’

    นัยน์ตาแดงก่ำของโนลล์เริ่มกลับมาสุขุมเยือกเย็นอีกครั้ง    
    มันกำลังวางแผนชัยชนะอันเบ็ดเสร็จ

    ใช่แล้ว  โนลล์มองเห็นเพียงปิอาโร่ในสายตา  จนหลงลืมความจริงบางข้อไป… 

    ความจริงที่ว่า  ศัตรูในปัจจุบันมิได้มีเพียงปิอาโร่

    “ชำระล้าง!”

    “เอ๋…?”

    ทักษะของนักบุญหญิง
    เพียงเธอเปล่งเสียงกังวาล  อาการผิดปรกติทั้งหมดของฝ่ายเดียวกันพลันมลายหายหมดสิ้น
    
    อัสโมเฟลและมาซงพุ่งเข้าประชิดโนลล์ในชั่วพริบตา  การลอบโจมตีในมุมอับล้วนส่งผลคริติคอลเสมอ
    ไม่เพียงเท่านั้น

    “ยิง!!”

    ฉึก!

    ฉึกฉึกฉึกฉึก— 

    บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—

    ทัพหลวงระดับหัวกะทิของไรนท์ฮาร์ทเปิดฉากกระหน่ำยิงใส่โนลล์ด้วยธนูและเวทมนตร์ 
    ผลการชำระล้างของรูบี้นับว่ายอดเยี่ยมเกินคาด  ทหารทุกคนขจัดความหวาดกลัวได้อย่างน่าทึ่ง

    “พวกเราลุย!”

    ลาเด็นและบลันด์  
    สองแม่ทัพจากแดนเหนือและแพเทรี่ยนที่เดินทางมาถึงช้ากว่าทัพหลวง  บัดนี้เริ่มเปิดฉากจู่โจมโดยไม่น้อยหน้า
    
    ความเสียหายตามร่างกายโนลล์เริ่มสะสมเพิ่มขึ้นในทุกขณะ

    “ไอ้พวกมดปลวก!”

    ซู่ววว— 

    โนลล์ไม่ยึดติดกับปิอาโร่อีกต่อไป
    มันหมายจัดการทหารโอเวอร์เกียร์ทุกคนด้วยเวทมนตร์ทำลายวงกว้าง
    …แถมยังเป็นในโหมดคลุ้มคลั่ง 

    “ท—ทุกคนหลบเร็ว!”

    “หลีกทางหน่อย…!!”

    เหล่าอัศวินพยายามช่วยปัดป้องการโจมตีให้พลหทาร  
    แต่จำนวนคนเบียดเสียดแน่นขนัดมากเกินไปในบริเวณปากทางเข้าที่คับแคบ

    การขยับตัวเป็นไปอย่างยากลำบาก
    ถ้าหากทหารโอเวอร์เกียร์ทุกคนคิดหนีตายโดยไม่สนพวกพ้องรอบข้าง  ความเสียหายต่อภาพรวมจะรุนแรงจนเกินเยียวยา
    
    แต่เหตุการณ์เช่นนั้นก็ไม่เกิดขึ้น
    ทหารระดับหัวกะทิล้วนถูกฝึกหนักอย่างเคร่ดครัดโดยแม่ทัพที่ยอดเยี่ยม
    พวกเขาตระหนักดี  การเบียดเสียดวิ่งหนีรังแต่จะทำให้มีผู้คนตายมากกว่าเดิม
    
    ทุกคนตัดสินใจยืนปักหลักอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน  พวกเขาหลับตารอรับความตายที่กำลังคลืบคลานเข้าหา
    หมู่ทหารนับร้อยนับพันเตรียมใจที่จะตายโดยไม่ลังเล

    ทว่า…ความเสียดายที่เกิดขึ้นกลับมีเพียงน้อยนิดอย่างน่าประหลาด

    ต้องขอบคุณเหล่าสมาชิกขุนพลของโอเวอร์เกียร์

    “ปกป้องทหาร!”

    ทหารคือรากฐานอาณาจักร
    ทุกคนล้วนออกตัวปกป้องชีวิตของทหารโดยไม่ลังเล  แม้จะยังไม่มีคำสั่งจากกริดหรือลอเอลก็ตาม
    
    เหล่าอัจฉริยะแต่ละคนย่อมมีวิธีการที่แตกต่างในแบบฉบับตนเอง
    แค็ทซ์ใช้ค่า ‘อำนาจโลหิต’ เพื่อบงการเวทมนตร์โลหิต
    ส่วนตัวแทงค์ทั้งหลาย  รวมถึงแวนเนอร์  โทบัน  และทูน  ต่างใช้ทักษะปกป้องและโล่เพื่อรักษาชีวิตทหาร
    
    ทางด้านคลาสสายโจมตีก็มีวิธีการเป็นของตัวเอง
    คริสและป็อนใช้พลังทำลายอันล้นพ้นเพื่อสลายกลุ่มเวทมนตร์โลหิตที่พวยพุ่งเข้าใส่
    
    บางคนถึงกับใช้ร่างกายตนเองรับการโจมตีไว้

    “อั่ก!”

    “แค่ก...!  แค่ก!”

    เสียงครวญครางของชาวโอเวอร์เกียร์ดังระงมไปทั่วปากทางเข้าเมืองแวมไพร์ลำดับเจ็ด
    
    โนลล์ในโหมดคลุ้มคลั่งนั้นแข็งแกร่งราวกับปีศาจ
    มิได้เป็นแวมไพร์ทายาทเพียงแค่นาม

    แต่หากเทียบกับตำนานชาวนาอย่างปิอาโร่  โนลล์ยังห่างไกลอยู่มาก
    
    “โบยบิน!“

    จิสึกะอัญเชิญเทพฟินิกซ์แดงตัวใหญ่
    เป็นทั้งการโจมตีใส่โนลล์และฟื้นฟูพลังชีวิตพวกพ้องในเวลาเดียวกัน
    ด้วยเหตุนี้  ความเสียหายโดยรวมจึงน้อยนิดจนแทบไม่ปรากฏ

    กระนั้น  โนลล์ในโหมดคลุ้มคลั่งก็มิได้หยุดเกรี้ยวกราด
    
    “ตายซะ!  พวกแกทุกคนตายไปให้หมด!!”
    
    ซู่ววว— 

    บึ้มบึ้มบึ้ม— 

    โนลล์ใช้งานเวทมนตร์ทำลายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง
    
    มาถึงจุดนี้  เหล่าทหารจำนวนมากเริ่มกลายเป็นภาระของสมาชิกโอเวอร์เกียร์ไปโดยปริยาย
    ด้วยธรรมชาติของชาวโอเวอร์เกียร์ที่ได้รับอิทธิพลจากกริด  ไม่มีใครมองทหารเป็นเพียง NPC ที่สามารถหาทดแทนได้ทุกเมื่อ 
    ขุนพลโอเวอร์เกียร์หลายคนตัดสินใจใช้ร่างกายรับความเสียหาอย่างจัง
    
    “ปัดป้องทุกคน!”

    เผ่าวารีเริ่มลงมือ
    เผ่าพันธุ์อันทรงพลังเริ่มต่อสู้กับเวทมนตร์ด้วยเวทมนตร์
    
    ปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซงเปิดฉากรุมโจมตีใส่โนลล์อีกครั้ง  พวกเขาหมายจะหยุดความคลุ้มคลั่งของโนลล์ให้ได้

    แต่โนลล์กลับพื้นฟูพลังชีวิตอย่างน่าทึ่งด้วยทักษะดูดเลือดเป็นวงกว้าง
    ยิ่งศัตรูมีจำนวนมาก  มันก็ยิ่งผงาดฟ้าราวกับติดปีกโบยบิน    
    เหล่าทหารหลายพันล้วนถูกเวทมนตร์ของโนลล์กระทบร่าง  ส่งผลให้พลังชีวิตของโนลล์ฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าจะหยุด 
    
    “เวทมนตร์ของมันไม่มีระยะหน่วงเลยรึไง!”
    แวนเนอร์โพล่งอย่างฉุนเฉียวเมื่อสำรวจค่าความคงทนของโล่ใหญ่ในมือ

    การใช่โล่รับเวทมนตร์มากเกินไปทำให้สภาพของโล่อยู่ในระดับวิกฤติ    
    ปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ดีแน่

    และในที่สุด

    เปรี้ยะ!

    เปรี้ยะ!

    โล่ในมือแวนเนอร์เริ่มปรากฏรอยแตกร้าว  คงไม่น่าแปลกใจหากมันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้า
    แวนเนอร์พลันสันหลังวาบ

    เขากังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากโล่นี้แตก
    ทหารด้านหลังหลายร้อยคงไม่แคล้วถูกเวทมนตร์จนถึงแก่ความตาย
    
    ขณะกำลังกระวนกระวายใจ  แวนเนอร์พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังข้างหู

    แคร้ง—
    แคร้ง!

[ ความคงทนของ ‘โล่ลุ๊ด’ เพิ่มขึ้น ]
[ ความคงทนของ ‘โล่ลุ๊ด’…  ]

    “กริด…!”
    แวนเนอร์ลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้น
    หากไม่ใช่ช่างตีเหล็กในตำนาน  จะมีผู้ใดในโลกที่สามารถซ่อมแซมไอเท็มได้รวดเร็วเช่นนี้อีก?
    
    กริดจับบ่าแวนเนอร์พร้อมกล่าวด้วยแววตาอาฆาต
    “ฉันจะรีบทำให้มันจบ…ช่วยอดทนไว้อีกนิด”

    กริดเองก็เป็นคนหนึ่งที่คอยสลายเวทมนตร์เพื่อปกป้องเหล่าทหาร
    เขาใช้วังวนสะท้อนเวทบางส่วนของโนลล์กลับไป
    จากนั้นก็ใช้โล่ศักดิ์สิทธิ์ปัดป้อง  
    ส่งผลให้ปราณต่อสู้เพิ่มกลายเป็น 80 หน่วยอย่างรวดเร็ว
    
    รอบกายกริดกำลังรายล้อมด้วยหมอกม่วงหนาทึบ  ตามลำตัวเปี่ยมด้วยบัฟร่างมืด  โทสะช่างตีเหล็ก  และพลิ้วไหว

    ถัดมา

    ฟุ่บ!

    กริดกระโดดขึ้นพร้อมกับพุ่งตรงไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง
    เป้าหมายย่อมเป็นโนลล์    

    “ในที่สุดแกก็มา!”

    ขณะโนลล์กำลังเหวี่ยงอาวุธใส่ปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซง
    เมื่อเห็นกริดพุ่งปรี่เข้าหา  มันรีบส่งเสียงคำรามด้วยสีหน้าพึงพอใจสุดขีด
    
    นี่คือโอกาสทองที่โนลล์จะได้แก้แค้นต้นตอของเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมด
    มันเมินเฉยการโจมตีจากปิอาโร่และพุ่งสวนเข้าหากริดด้วยความเร็วสูง
    
    “ตายซะ!”

    “วิชาดาบแพ็กม่า!”

    ก่อนหน้านี้  ระหว่างที่เงียบหายไป  กริดได้ผสานไอเท็มทิ้งไว้
    อาวุธผสาน ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ + ความผิดพลาด’ กำลังเล็งแทงไปยังหัวใจโนลล์อย่างแม่นยำ
    
    ปิอาโร่  อัสโมเฟล  และมาซง  
    ทั้งสามมิได้อยู่เฉย
    พวกเขาลงมือใช้ทักษะโจมตีพร้อมกัน

    ณ จุดนี้
    กริดมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่เป็นคนแรก
    
[ ท่านทำการโจมตีพร้อมกับเหล่าสหายที่มีค่าความสัมพันธ์เต็มเปี่ยม ]
[ ท่านค้นพบชิ้นส่วนลับของผู้เล่นที่ถูกผนึก ‘ผนึกกำลังโจมตี’ เป็นคนแรก ]
[ รางวัลตอบแทนในฐานะที่ค้นพบเป็นคนแรก  ความเสียหายที่สร้างขึ้นจาก ‘ผนึกกำลังโจมตี’ จะเพิ่มขึ้น 20% ]

    “ทลายนภา!”
    
    ทักษะของปิอาโร่ที่อริยดาบครอเกลเคยคัดลอกไปดัดแปลงใช้งาน  
    ท้องฟ้าด้านบนกำลังสั่นครืนพังทลาย

    ฉัวะ— 

    สายโลหิตพวยพุ่งจากทรวงอกโนลล์ประหนึ่งน้ำตก

    “ดาบอัคคี!”

    ดาบในมืออัสโมเฟลกำลังห่อหุ้มชุ่มด้วยเพลิงอัคคีทรงพลัง  
    คมดาบถูกกวัดแกว่งซ้ำใส่บาดแผลบนหน้าอกโนลล์ที่ปิอาโร่เปิดไว้
    
    รอบปากแผลพลันไหม้เกรียมกลายเป็นสีดำสนิท  พลังฟื้นฟูของแวมไพร์ทายาทถูกสะกดไว้ชั่วคราว

    จากนั้น…

    “ทะลวงสมุทร!”
    
    สามงามของมาซงกำลังห่อหุ้มด้วยพลังเวทมนตร์วารีสีฟ้าคราม  
    ทะลวงแทงใส่แผนอกโนลล์พร้อมกับสาดโถมพลังคลื่นสมุทรเข้าใส่

    “คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร!”

    ตามด้วยสุดยอดไม้ตายจากกริด
    
    เงื่อนไขของทักษะ ‘ผนึกกำลังโจมตี’
    ผู้เล่นต้องใช้ทักษะโจมตีในเวลาเดียวกับ NPC ที่มีค่าความสัมพันธ์ถึงขีดจำกัด
    โดยทักษะต้องเล็งโจมตีไปยังศัตรูคนเดียวกัน

    หนึ่งในระบบลับอันทรงพลังของซาทิสฟายกำลังถูกใช้โจมตีใส่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง

    ศัตรูร่วมกันคือแวมไพร์ทายาทชั้นเอิร์ล
    แถมยังเป็นร่างคลุ้มคลั่ง

    ดูเหมือนโนลล์คงไม่มีทางเลือกอื่น… 
    นอกจากสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณของมันไปสู่สุคติ

    ทว่า…ตัวตนของกริดได้ก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันอีกครั้ง

[ สมญานาม ‘ดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย‘ แสดงผล ] 
    
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,172
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. อะไรอีกนอ สมญานามนี้ ดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย แวมไพร์ทายาทจะไม่ตายใช่ไหม และเป็นทาสหรือเพื่อนของกริด ?

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถูกต้องนะครับ จะกลายเป็นลูกน้อง

      Delete
  2. Wowทักษะขยะเเสดงผลเเล้ว
    (เสียงจากกริด)

    ReplyDelete
  3. 🤣🤣🤣 จะได้EXPมหาศาลอยู่แล้ว

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00