จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 739



    ‘อีกแล้ว…ทำไมเราถึงได้ตกเป็นเป้าเล่นงานทุกครั้ง?’

    กริดชื่นชอบซาทิสฟายมาก
    เขาตื่นเต้นกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซาทิสฟาย  และเป็นเพราะซาทิสฟาย  กริดจึงมีอนาคใหม่ที่สดใส  มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับพวกพ้อง
    เรียกได้ว่า  ซาทิสฟายเป็นสิ่งพลิกผันชีวิตกริดอย่างใหญ่หลวง

    แต่ช่างย้อนแย้ง  กริดกลับไม่พอใจ SA กรุ๊ปอย่างรุนแรง  เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นความเกลียดชัง
    
    แน่นอน  กริดย่อมมีสิทธิ์คิดเช่นนั้น
    ในอดีต  เคยมีทฤษฏีสมคบคิดมากมายที่กล่าวอ้างว่า  ทาง SA กรุ๊ปเปลี่ยนแปลงกฏการแข่งขันเพียงเพราะกริด
    ส่งผลให้ชายหนุ่มมอง SA กรุ๊ปด้วยความอคติเสมอ

    กริดไม่เคยเชื่อว่า SA กรุ๊ปจะจัดการแข่งอย่างตรงไปตรงมา
    แม้กระทั่งวินาทีนี้  เขาพยายามมองหาจุดบอดของกติกาการแข่ง  

    ในระบบสนามต่อสู้ซึ่งเป็นรายการพิเศษ  กริดเชื่อว่าต้องมีจุดบกพร่องสักแห่งให้ตนฉกฉวยโอกาสแน่
    เขาพยายามครุ่นคิดให้มาก
    อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมเพื่อวิเคราะห์ระบบการแข่งทุกซอกมุม

    จนกระทั่ง…
    บนหน้าต่างเลือกคลาสสำหรับผู้เล่น
    กริดสัมผัสได้ถึงบางสิ่งไม่ชอบมาพากล

    ‘นักบวช’

    หากมองผิวเผิน  นักบวชจะเป็นคลาสที่ค่อนข้างเลวร้าย

    คลาสนักรบเก่งกาจในช่วงต้น  
    ส่วนจอมเวทและนักสร้างจะยิ่งแข็งแกร่งเมื่อเวลาผ่านไปนาน
    
    หากเทียบกับคลาสเหล่านั้น  นักบวชจะไม่มีไอเท็มช่วยอำนวยการต่อสู้เลย

    ด้วยคลาสที่มีพลังโจมตีต่ำ  นักบวชจะเสียเปรียบผู้เล่นอื่นหากเกมดำเนินไปถึงช่วงหลัง
    
    แต่สนามรบแห่งนี้มีระบบฟื้นฟูพลังชีวิตที่ผิดแผกจากซาทิสฟาย  
    นอกจากโพชั่นแล้ว  ผู้เล่นจะไม่สามารถพื้นฟูทรัพยากรด้วยวิธีการอื่นได้

    สิ่งนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของกริด
        
    ‘ผู้เล่นทุกคนถูกจำกัดให้ครอบครองโพชั่นได้เพียงชนิดละสองขวด…แต่ระบบไม่ได้จำกัดจำนวนคำภีร์ของนักบวช’

    หรืออีกความหมายหนึ่ง  นักบวชสามารถพกแหล่งเติมพลังจำนวนมากติดตัวได้

    ‘ในสายตาเรา…นักบวชคือคลาสที่เก่งท้ายเกมมากที่สุด’

    สมมติให้ดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับจอมเวทที่มีไม้เท้า  หากแลกกันซึ่งหน้าเหมือนมวยวัด  จอมเวทจะสร้างความเสียหาย 3 หน่วย  
    ส่วนนักบวชจะสร้างความเสียหายกลับคืนได้ 1 หน่วย
    
    ด้วยพลังชีวิตสูงสุดจำนวน 20 หน่วย
    จอมเวทจะสังหารนักบวชได้ในการโจมตี 7 ครั้ง
    ส่วนนักบวชจะสังหารจอมเวทได้ในการโจมตี 19 ครั้ง
    
    แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากนักบวชพกคัมภีร์ติดตัวเป็นจำนวนมาก?
    ทุกครั้งที่เปิดอ่านคัมภีร์  นักบวชจะเพิ่มพลังชีวิตได้ 10 หน่วยทันที  และจะเป็นฝ่ายชนะในการดวลได้ไม่ยาก    

    แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา  ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่นักบวชพกคำภีร์ติดตัวจำนวนมาก
    หากนักบวชปราศจากคำภีร์  คลาสนี้จะอ่อนแอที่สุดได้โดยปริยาย
    
    จากผู้เข้าแข่งขันทั้ง 1,500 คน 
    กริดมั่นใจว่า  นักกีฬาที่เลือกคลาสนักบวชคงมีไม่มาก  ส่งผลให้โอกาสฉกฉวยคัมภีร์ของตนเพิ่มขึ้น

    คนทั่วโลกมองว่าคลาสนักบวชต้องพึ่งพาดวงอย่างหนัก  แต่กริดคิดต่าง
    เขามั่นใจ  ระบบสนามต่อสู้ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้คลาสนักบวชเล่นง่ายกว่าที่เห็นแน่นอน

    กริดคำนวณเช่นนี้โดยอาศัยหลักการ ‘SA กรุ๊ปชอบตีท้ายทอยชาวบ้าน’
    
    ‘ในคำอธิบายคลาส  มีการระบุไว้ชัดเจนว่าคัมภีร์กระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ’

    หมายความว่ามันไม่ได้หายากขนาดนั้น    
    และหากมองจากแผนที่ให้ละเอียด  จะพบว่ามีสิ่งปลูกสร้างจำพวก ‘ศาลเจ้า’ อยู่ไม่น้อย  
    
    ขณะที่ผู้อื่นคิดว่าการหาคัมภ์คงเป็นเรื่องยาก  แต่กริดกลับมั่นใจว่ามันง่าย

    ใช่แล้ว…ศาลเจ้า
    สิ่งก่อสร้างขนาดเล็กที่กำลังปรากฏให้เห็นมากมายบนแผนที่  
    ราวกับมันกำลังกู่ร้องว่า ‘คัมภีร์อยู่ที่นี่’
    
    ‘…การหาคัมภีร์ไม่ใช่เรื่องยากเลย’

    แน่นอน  หากเทียบกับจำนวนผู้เข้าแข่งทั้ง 1,500 คน  ปริมาณคัมภีร์โดยรวมทั่วเกาะอาจมีไม่มาก
    และในบางครั้งอาจเป็นกับดัก

    ไม่ว่าจะอย่างไหน  กริดต้องรีบพิสูจน์สิ่งเหล่านี้โดยเร็ว

    ‘นอกจากศาลเจ้า…บางทีอาจมีคัมภีร์ซ่อนอยู่ในจุดอื่น  ในเมื่อมันระบุว่าปรากฏอยู่ทั่วทั้งเกาะ’

    กริดตัดสินใจเดินไปยังศาลเจ้าที่ใกล้ที่สุด  ระหว่างทางก็ทำความเคยชินกับระบบสนามต่อสู้ไปพลาง  ทั้งกระโดด  วิ่ง  เหวี่ยงกำปั้น  เตะ  ถีบ  และอีกมาก

    ผลก็คือ…     

    ‘มีพลังทางกายภาพเทียบเท่าตัวละครในซาทิสฟายเลเวลสิบ’

    ภายในสนามต่อสู้  ค่าพื้นฐานของตัวละครจะเป็นดังนี้  : 
ความเร็วโจมตี 1 หน่วย
ความเร็วเคลื่อนที่ 2 หน่วย

    จะเห็นได้ว่า  ความเร็วเคลื่อนที่มีตัวเลขที่สูงกว่า  และนี่คือค่าสถานะที่เขาต้องใช้งานไปจนจบสนามต่อสู้

    ‘พลังโจมตีและพลังชีวิตเป็นค่าตายตัว…เกมนี้คงไม่มีระบบค่าสถานะ’  

    กริดขมวดคิ้วครุ่นคิด
    
    ‘ปัญหาคือการมองเห็นของตัวละคร’

    ด้วยความเร็วของตัวละครเลเวลสิบ  กริดสามารถมองตามทันได้ไม่ยาก
    หมายความว่า  เขาสามารถหลบการโจมตีของศัตรูได้หนึ่งครั้งจากทุกสามครั้ง
    และนั่นคือปัญหาใหญ่

    ‘ศัตรูก็คงทำได้เหมือนกัน…’

    เช่นนั้นแล้ว  หากมีการหลบหลีกมาเกี่ยวข้อง  นักบวชที่โจมตีทีละ 1 หน่วยจะสามารถดับลมหายใจศัตรูได้จริงหรือ?
    โดยเฉพาะกับศัตรูที่ฝีมือควบคุมตัวละครสูง  เฉกเช่นครอเกลหรือเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์

    ‘แย่ล่ะสิ’

    เมื่อตระหนักได้ว่า  สนามต่อสู้แห่งนี้ต้องใช้ฝีมือควบคุมไม่แพ้ซาทิสฟาย  เขาเริ่มเกิดความกังวลใจอย่างหนัก

    ไม่ใช่ว่ากริดไม่มั่นใจฝีมือควบคุมตนเอง
    หากแต่กริดประเมินฝีมือคู่ต่อสู้ในระดับที่สูงกว่าหลายขั้น

    ‘เกือบทุกคนน่าจะเลือกคลาสจอมเวท’

    กริดรอบกายกริดเต็มไปด้วยเหล่าแรงเกอร์แถวหน้าของโลก  ด้วยเหตุนี้  เขาจึงทราบนิสัยของเหล่าปีศาจที่มีฝีมือควบคุมสูงส่งเป็นอย่างดี
    ผู้ที่มั่นใจในตัวเองสูง  ย่อมเลือกคลาสที่ทะเยอทะยานเช่นจอมเวท

    ยิ่งนำเรื่องศักดิ์ศรีมาเกี่ยวพัน
    เหล่าแรงเกอร์ที่ทระนงตนย่อมไม่เลือกคลาสนักรบที่เก่งในช่วงต้น
    หากแต่เป็นจอมเวทที่ทรงพลังอย่างมากในช่วงท้าย

    ในทางกลับกัน  คงมีน้อยคนที่เลือกเล่นนักบวช  ซึ่งพลังโจมตีต่ำแต่ระดับการเอาตัวรอดสูง  
    
    “อึก…”

    ร่างกายกริดเริ่มแข็งทื่อ
    เขากลืนน้ำลายด้วยสีหน้าตึงเครียด

    เมื่อทราบว่ามีโอกาสโจมตี MISS (วืด)
    กริดได้แต่นึกสงสัย  ต่อให้ตนครอบครองคัมภีร์เป็นจำนวนมาก  แต่จะสามารถเอาชนะเหล่าแรงเกอร์ที่มีฝีมือสูงได้จริงหรือ

    ‘จะสร้างความเสียหายได้ 1 หน่วยก็ต่อเมื่อโจมตีโดนเท่านั้น  ถ้าหากวืดล่ะก็.…
    ไม่สิ  อย่าเพิ่งรีบตีตนไปก่อนไข้’
    
    ในช่วงปีหลังของซาทิสฟาย
    กริดได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่ามากมาย
    หนึ่งในนั้นคือการควบคุมอารมณ์
    ความเยือกเย็นคือสิ่งสำคัญที่ช่วยนำพาให้ผ่านพ้นความยากลำบาก

    ร่างกายและจิตใจที่ตึงเครียดของกริดเริ่มผ่อนคลายลง    

    ‘ปัจจุบัน…เราไม่ได้มีฝีมือควบคุมห่วยแตกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว  หากใช้งานคัมภีร์ได้ถูกจังหวะ  เราสามารถเอาชนะในการต่อสู้ได้แน่’

    ชายหนุ่มเคยจำลองภาพการดวลในหัวมาแล้วมากมาย  กับศัตรูหลากหลายรูปแบบ

    ดวงตาของเขาสงบจิตไม่สั่นคลอน
    กริดรีบตรงไปยังศาลเจ้าที่ใกล้ที่สุด

    ปราศจากความลังเล
    มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่

    ***

    ‘คัมภีร์น่าจะถูกซ่อนอยู่ด้านใน…’

    ปัจจุบัน  ผู้เล่นเกือบทั้ง 1,500 คนจะให้ความสนใจกับศาลเจ้าเป็นพิเศษ  
    แม้จะฟังดูเหมือนสถานที่สำหรับนักบวช  แต่การแวะเวียนเข้าไปตรวจสอบ  อาจทำให้ได้รับบางสิ่งติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง

    ทุกศาลเจ้าขนาดเล็กบนเกาะจะมีผู้เล่นกว่าร้อยคนกระจุกตัวรายรอบ  ทุกคนต่างกลั้นหายใจและซุ่มซ่อนอย่างเงียบงัน
    อากับกริยาล้วนเหมือนกัน  คือเฝ้ามองทางเข้าศาลเจ้าด้วยใจจดจ่อ
    
    แม้จะไม่ใช่นักบวช  แต่คัมภีร์ล้วนมีค่ากับทุกคน  คัมภีร์สามารถใช้เป็นไอเท็มแลกเปลี่ยนหรือต่อรองกับนักบวชได้
    และหากแย่งชิงคัมภีร์ให้มากที่สุด  สิ่งนี้จะถือเป็นการตัดกำลังนักบวชเช่นกัน
    
    แต่เมื่อผ่านไปนานหลายนาที  กลับไม่มีใครเลยสักคนที่เดินเข้าไปในศาลเจ้า
    
    ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น  เหล่าแรงเกอร์ทุกคนย่อมไม่ตกหลุมพรางพื้นฐานโดยง่าย
    พวกเขาคาดเดาได้ว่า  มีคนจำนวนมากกำลังจับตาและดักซุ่มอยู่หน้าปากทางเข้า
    ใครที่เคลื่อนไหวก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้…

    จนกระทั่ง… 
    ใครบางคนปรากฏตัวขึ้น
    
    “โฮ่!  ประตูปิดอยู่หรือนี่?  ยังไม่มีใครเคยเข้าไปสินะ…เจ๋ง!”

    “…?”

    ตัวตนปริศนารีบเปิดประตูศาลเจ้าเข้าไปโดยปราศจากความลังเล
    
    เหล่าผู้เข้าแข่งขันอาจไม่ทราบ
    …แต่นั่นคือกริด 

    ราชาโอเวอร์เกียร์และราชาวีรบุรุษ

    ขณะที่ทุกคนกำลังตึงเครียดอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้า  ชายปริศนากลับเปิดประตูพรวดเข้าไปโดยไม่รีรอ
    คงเป็นการยากที่จะให้เข้าใจสาเหตุของการกระทำ

    ‘บ้าน่า...’

    ‘ต้องเป็นกับดักของฝ่ายไหนแน่!!’

    ทั้ง 1,500 คนล้วนเป็นแรงเกอร์แถวหน้าของซาทิสฟาย  พวกเขาขบคิดหลายชั้น  ไม่มีใครกล้าลงมือกระทำสิ่งใดอย่างวูวาม
    
    ระหว่างบรรยากาศกำลังตึงเครียด  กริดได้เดินเข้าไปถึงด้านในศาลเจ้าเก่าแก่เรียบร้อยแล้ว
    เขามั่นใจมากว่าตนเองจะไม่เป็นอันตราย  
    …แล้วก็เป็นอย่างที่คิด

    ‘ไม่มีทางถูกซุ่มโจมตีระยะไกลแน่…เพราะคันศรกับลูกธนูไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น’

    หากอ่านจากคำอธิบายในหน้าสร้างตัวละคร  กริดค่อนข้างมั่นใจหลายส่วน  ว่าไอเท็มประเภท ‘ธนู’ คืออาวุธที่จะทำให้ผู้เล่นได้เปรียบคนอื่นอย่างมาก

    ด้วยเหตุนั้น  ไอเท็มที่ดีและโกง  ต้องไม่หามาครอบครองได้ง่ายนัก   โดยเฉพาะไอเท็มจำพวกโจมตีระยะไกล

    สำหรับการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเทียบเท่าตัวละครซาทิสฟายเลเวลสิบ  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด  ที่จะหลบการโจมตีระยะไกลจากธนูหรือไม้เท้าพ้น
    ไอเท็มสุดโกงไม่มีทางหาง่ายและมีปริมาณมาก

    …กริดคิดถูก

    ทุกคนที่เฝ้ามองทางเข้าศาลเจ้า  ไม่มีใครเลยที่ครอบครองคันธนูอยู่กับตัว 
    ไม่มีใครลอบโจมตีกริดจากระยะไกลได้    
    หรือต่อให้มีธนูและลูก  แต่จะให้ยิงพร่ำพร่ำก็คงไม่เหมาะ  ลูกธนูคือไอเท็มที่ใช้แล้วหายไป  มันคือสิ่งล้ำค่าที่ต้องคิดอย่างระมัดระวังก่อนใช้

    ‘ยิ่งไปกว่านั้น…หากมีใครยิงธนูออกมา  หมอนั่นจะตกเป็นเป้าแทนเราทันที’

    ธนูหนึ่งคันย่อมมีค่ามากกว่าชีวิตของชายนิรนามหนึ่งคน

    สวบ...

    กริดเข้ามาด้านในศาลเจ้าอย่างปลอดภัย  
    ขณะเริ่มลงมือควานหาคัมภีร์  ชายหนุ่มพลันฉีกยิ้มกว้างถึงใบหู

    …เขาพบคัมภีร์พร้อมกับธนูคันหนึ่งที่มุมห้อง 

[ ท่านได้รับคัมภีร์ ]
[ ท่านได้รับคันธนู ]

[ คัมภีร์ ]
    การเปิดอ่านจะช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต 10 หน่วย
เงื่อนไขการใช้งาน : นักบวช

[ คันธนู ]
    อาวุธที่สามารถโจมตีได้ไกลถึงสิบเมตร
    การยิงแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้ลูกธนู
เงื่อนไขการสวมใส่ : นักรบ, นักสร้าง

    “เจ๋ง!”

    กริดโล่งใจที่ตนได้รับคัมภีร์ง่ายกว่าที่คิด
    แถมยังมีคันธนูเป็นของแถม  ทุกสิ่งกำลังไปได้สวยตั้งแต่เริ่ม

    ‘คงดีกว่านี้หากเราได้อาวุธอื่นแทนที่จะเป็นธนู…แต่ช่างเถอะ  เราคงหาโอกาสใช้ประโยชน์จากมันได้สักอย่างสองอย่าง’

    กริดเก็บคันธนูใส่ช่องสัมภาระ
    ช่องสัมภาระของสนามต่อสู้จะบรรจุไอเท็มได้มากถึง 30 ชิ้น

    จากนั้น  เขาตัดสินใจรีบเดินออกจากศาลเจ้าให้เร็วที่สุด

    “หยุดก่อน!”

    หญิงสาวคนหนึ่งดินสวนเข้ามาจากปากทางเข้า  เธอกำลังยืนจังก้าขวางทางไว้

    ไม่เหมือนกริด  สตรีผู้นี้กำลังถือดาบยาวอยู่ในมือ  เธอใช้มันข่มขู่เขา
    “ส่งคัมภีร์มา…ไม่อย่างนั้นฉันจะเชือดนายทิ้ง”

    ‘บ้าจริง…’

    นึกว่าจะผ่านไปอย่างราบรื่นแล้วเชียว
    ขณะกริดกำลังขมวดคิ้ว  เสียงกรีดร้องจากการต่อสู้เริ่มดังขึ้นจากด้านนอก  ไม่ไกลจากปากทางเข้าศาลเจ้ามากนัก    

    ‘พวกมันคิดจะมาแย่งไอเท็มจากเรา  แต่กลับต้องสู้กันเองก่อนสินะ’

    กริดขบคิดหาวิธีหนีออกจากจุดปัจจุบันให้เร็วที่สุด  ชายหนุ่มนำคันธนูออกมาถือพร้อมกล่าวกับหญิงสาวใส่หน้ากากว่า

    “ที่นี่ไม่มีคัมภีร์…มีเพียงธนูคันนี้เท่านั้น”

    “แล้วฉันจะเชื่อใจนายได้ยังไง?”

    “ไม่เชื่อก็ตามใจ…แต่ฉันพูดความจริง”

    กริดเป็นนักรบ  ช่างตีเหล็กในตำนาน  และราชา  เขาสัมผัสประสบการณ์ในซาทิสฟายมากกว่าผู้เล่นทั่วไปหลายเท่า

    ด้วยเหตุนี้  กริดถึงสามารถคาดเดาการกระทำของทุกคนและเดินเข้าศาลเจ้าอย่างใจเย็น  แม้กระทั่งสถานการณ์ตรงหน้า  เขายังพยายามคลี่คลายด้วยวิธีอันชาญฉลาด

    กริดอาจไม่รู้ตัว  แต่แนวทางความคิดและความกล้าบ้าบิ่นของกริด  สิ่งนี้ห่างไกลจากสามัญสำนึกพื้นฐานคนทั่วไปมาก

    “คันธนูถือเป็นสุดยอดอาวุธในช่วงหลัง  แถมยังครอบครองได้ยาก  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาพบตั้งแต่ต้น
    น่าเสียดายที่ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่มีคัมภีร์ที่เธอต้องการ  แต่ก็มีธนูคันนี้อยู่…แลกกันกับดาบในมือเธอไหม?”
    
    เมื่อเห็นเธอเริ่มลังเล  ชายหนุ่มทำการพูดจี้จุด

    “แล้วทำไมฉันต้องแลก?”

    กริดตอบกลับทันควัน  เขาโปปดด้วยถ้อยคำอันลื่นไหลราวกับมันคือเรื่องจริง
    “คันธนูย่อมดีกว่าดาบอยู่แล้ว  การแลกเปลี่ยนครั้งนี้  ฝ่ายที่ได้กำไรคือเธอ  ฉันแค่ไม่ต้องการติดอยู่ที่นี่นานนัก  จึงต้องยอมขาดทุนไปบ้าง”

    หล่อนยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

    “คันธนูจะใช้งานไม่ได้หากปราศจากลูก   เท่าที่เห็น  นายคงไม่มีอาวุธอื่นนอกจากธนูคันนี้แล้ว  ฉันไม่มีความจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนกับนาย  แค่เชือดนายทิ้งก็พอ…”

    “งั้นก็เข้ามาเลย”
    กริดตัดบท  เขานำคันธนูเก็บเข้าช่องสัมภาระ
    “เธอปฏิเสธคันธนู…หมายความว่าเป็นนักบวชหรือไม่ก็จอมเวทสินะ?  ดังนั้น…พลังโจมตีด้วยดาบของเธอ  จะเท่ากับพลังโจมตีด้วยกำปั้นของฉัน!  ได้เลย…มาแลกชีวิตกันสักตั้ง!!”

    “อะไรนะ…?”
    หญิงสาวปริศนาออกอาการลนลาน

    ‘หมอนี่เป็นนักรบงั้นหรือ?  คิดว่าเป็นพวกนักบวชเสียอีก’

    คัมภีร์คือสิ่งที่นักบวชตามล่า  จึงไม่แปลกที่หญิงสาวปริศนาจะเข้าใจว่ากริดเป็นนักนวช  
    แต่จากเสียงคำรามเมื่อครู่  ดูเหมือนเขาจะเป็นนักรบ

    แย่ล่ะสิ
    
    เมื่อกริดเห็นอีกฝ่ายเริ่มออกอาการลังเล
    เขาจึงตอกลิ่มเข้าไปอีกครั้ง

    “ตกลงจะเอายังไง?  จะแลกเปลี่ยน  หรือจะสู้กัน?”

    “ม—ไม่…สู้กันที่นี่คงไม่ดีนัก…แต่ฉันไม่ไม่แลกเปลี่ยน  ต่างคนต่างแยกย้าย”

    “ตกลง”
    กริดยักไหล่พร้อมกับเดินออกจากศาลเจ้าด้วยสีหน้าสุดมั่นใจ
    กลุ่มคนที่ต่อสู้กันอยู่ด้านหน้าทางเข้า  แม้พวกเขาจะเห็นกริด  แต่สถานการณ์กำลังพัวพันจนไม่สามารถไล่ตามกริดไปได้
    
    หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

    “เฮ่อ…”
    
    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดที่ตนคิดว่าปลอดภัย

    เมื่อก้นกริดหย่อนลงใต้ต้นไม้  ผู้บรรยากาศสนามต่อสู้พลันกล่าวชื่นชมทันที
    
    『 เป็นการกระทำที่บ้าบิ่นและคาดไม่ถึงมากครับ!!  แต่เขาก็ผ่านสถานการณ์ยากลำบากมาได้…กริดฉลาดมากทีเดียวครับ 』  

    『 นี่ไม่เหมือนกับกริดที่พวกเรารู้จัก… สิ่งนี้คงสาเหตุที่ว่าทำไม  บุคคลแสนธรรมดาถึงกลายเป็นตำนานและราชาได้…ผมเริ่มเข้าใจถึงต้นตอความแข็งแกร่งของกริดขึ้นมาบ้างแล้วครับ 』 

    กริดยังเป็นกริด  แม้จะสูญเสียพลังตำนานและพลังไอเท็ม  เขายังคงเฉิดฉายได้บนเวทีการแข่งนานาชาติ

    ทุกคนต่างเฝ้ามองกริดด้วยสายตาชื่นชมและคาดหวัง

    ขณะเดียวกัน  จำนวนผู้เข้าแข่งขันกำลังลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,179
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00