จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 728
ณ มหานครไททัน เมืองหลวงแห่งจักรวรรดิซาฮารัน
เมืองนี้มีโบสถ์รีเบคก้าที่ใหญ่ที่สุดของทวีปตั้งอยู่ ขนาดของโบสถ์ใหญ่มิได้ด้อยกว่าอาณาเขตวาติกันแม้แต่น้อย
เป็นเครื่องแสดงให้เห็นชัดเจนว่า จักรวรรดิมีความสัมพันธ์อันดีกับโบสถ์รีเบคก้ามากเพียงใด
"ฝ่าบาท…มีเรื่องเร่งด่วน!"
โบสถ์ที่สร้างจากหยาดเหงื่อแรงงานของเหล่าชนกลุ่มน้อยที่น่าสงสาร
เหตุใดเทวรูปรีเบคก้า เทพธิดาแห่งความดี ถึงถูกตั้งเด่นตระหง่านภายในเมืองที่น่ารังเกียจเช่นนี้?
ฝ่ายต่อต้านจักรวรรดิย่อมไม่พึงพอใจกับการมีอยู่ของโบสถ์รีเบคก้า
ทว่า ในสายตาของมหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ โบสถ์รีเบคก้าแห่งนี้คือสัญลักษณ์ทางอำนาจและบ้านเพียงหนึ่งเดียว 'ที่แท้จริง' ของเทพธิดารีเบคก้า
ใครบางคนมาได้เยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
"เรื่องเร่งด่วน…"
ฮวนเดอร์ที่กำลังนั่งสวดภาวนาอยู่หน้าเทวรูป มันลืมตาขึ้นพร้อมกับหันไปมอง
ฮวนเดอร์ค่อนข้างหงุดหงิดที่ถูกรบกวนระหว่างกำลังสวดภาวนา
เอิร์ลลีช่าผู้ถวายรายงานรีบก้มกราบลงกับพื้น
"มีการเคลื่อนไหวไม่ชอบมาพากลภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ สายสืบรายงานว่า ทัพหลวงทั้งหมดได้เคลื่อนพลจากไรย์ฮาร์ทไปยังเรย์ดัน แถมยังมีทัพสนับสนุนจากแดนเหนือและแพเทรี่ยนอีกเป็นจำนวนมาก"
"…หืม"
เรย์ดันคือเมืองชายแดนที่มีขอบเขตติดกับจักรวรรดิ
การระดมพลใหญ่เช่นนี้ ทางจักรวรรดิสามารถกล่าวอ้างให้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงได้
ฮวนเดอร์มีสิทธิ์ส่งกองทัพบดขยี้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์อย่างชอบธรรมในโทษฐาน 'บาปที่ทำให้จักรวรรดิตกใจ'
แต่ปัจจุบัน ฮวนเดอร์ไม่หลงเหลือกองทัพใดอยู่ในมือ
อัศวินลำดับหนึ่งและสองถูกพักงาน ลำดับสามและห้าเสียชีวิต ลำดับสี่คือสารวัตรทหาร
ลำดับหกหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย สำดับเก้าเสียชีวิต
ห้าเสาหลักเพียงคนเดียวที่ประจำการอยู่ไททันคือไคล์ และมันเสียแขนไปหนึ่งข้าง
กองทัพหลักของจักรวรรดิส่วนใหญ่กำลังประจำการอยู่ฝั่งชายแดนวัลฮัลล่า
"รู้ความเคลื่อนไหวพวกเราถึงขนาดนี้เชียว…สมกับเป็นราชาโอเวอร์เกียร์"
เหตุผลที่ฮวนเดอร์สั่งให้กองทัพหลักโยกไปประจำการอยู่ฝั่งวัลฮัลล่า…
มันกำลังหวาดกลัว 'ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย' จนอุจจาระขึ้นสมอง
ปัจจุบัน กองทัพหลักจักรวรรดิแทบไม่หลงเหลือให้ใช้งาน
ฮวนเดอร์หวาดกลัวพลังราชาไร้พ่าย
มันหวาดกลัวปีศาจที่สังหารทัพหลวงไปหลายพัน สังหารอัศวินสีชาด และตัดแขนไคล์
แม้จะไม่แสดงออกให้ใครเห็น แต่ฮวนเดอร์กำลังเกิดกระวนกระวายอย่างหนักภายในใจ
มันกลัวว่าจะเกิดราชาไร้พ่ายคนที่สองขึ้น กองทัพหลักของจักรวรรดิจึงถูกโยกไปประจำการชายแดนฝั่งวัลฮัลล่า
เมื่อทางโอเวอร์เกียร์คำนวณว่าจักรวรรดิเตรียมยกทัพบุกวัลฮัลล่าอีกระลอก
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จึงเคลื่อนทัพประชิดชายแดนเรย์ดันเพื่อส่งสัญญาณเตือนถึงฮวนเดอร์
เป็นการตักเตือนว่า หากจักรวรรดิคิดรุกรานวัลฮัลล่า ทัพหลวงของโอเวอร์เกียร์จะเข้าโจมตีจักรวรรดิจากด้านหลัง
"เฮ่อ…หึหึหึ! หึฮ่าฮ่า!"
ฮวนเดอร์ถอนหายใจยาวก่อนระเบิดเสียงหัวเราะ
ช่างน่าขัน…
เป็นเพียงอาณาจักรเล็ก กล้าดีอย่างไรถึงยกทัพประชิดชายแดนเพื่อข่มขู่จักรวรรดิ
ฮวนเดอร์ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีอาณาจักรใดกล้าเป็นปรปักษ์ต่อจักรวรรดิเยี่ยงนี้
มันรู้สึกประหลาดใจเมื่อยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนแปลง
ทั้งน่าขบขันและน่าสมเพชไปพร้อมกัน
หลังจากหัวเราะครู่หนึ่ง ฮวนเดอร์หันกลับไปถามลีช่า
"กองทัพโอเวอร์เกียร์มีจำนวนเท่าไร?"
จักรวรรดิมีหูตาอยู่ทั่วทั้งทวีป
สายลับจักรวรรดิถือเป็นหน่วยข่าวกรองระดับสูงสุดของทวีป พวกมันแฝงตัวอยู่ในทุกอาณาจักร
ทุกคำตอบที่ฮวนเดอร์สงสัยอยากรู้
มันจะได้รับความกระจ่างในพริบตา
แต่ไม่ใช่กับหนนี้
"กระหม่อมละอายใจยิ่งนัก…ขอกราบทูลตามตรงว่า พวกเรายังไม่มีข้อมูลในด้านจำนวนกำลังพลที่แน่ชัด"
"..."
เอิร์ลลีช่า หัวหน้าหน่วยข่าวกรองจักรวรรดิ มันพยายามส่งสายลับเข้าไปในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์อยู่หลายหน
โดยเฉพาะไรน์ฮาร์ท
แต่สิ่งนี้ย่อมสำเร็จไม่ง่ายนัก
ทุกเมืองของโอเวอร์เกียร์จะมีการตรวจตราคนเข้าออกอย่างละเอียด
หรือต่อให้ลอบแทรกซึมสำเร็จ สายลับก็จะถูกพบตัวในเวลาอันสั้น
โดยเฉพาะกรุงไรน์ฮาร์ท จำนวนสายลับของจักรวรรดิแทบเป็นศูนย์
สายลับกว่า 300 คนที่ถูกส่งไปยังไรน์ฮาร์ทล้วนขาดการติดต่อโดยสมบูรณ์
'หูตา' ของจักรวรรดิมิอาจใช้ได้กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
ฮวนเดอร์ขมวดคิ้ว
"หน่วยข่าวกรองยังแทรกซึมเข้าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ได้อีกหรือ…น่าผิดหวังจังนะ ลีช่า"
"กระหม่อมละอายใจยิ่งนัก…อาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีนักลอบสังหารฝีมือดีชุกชุมอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะภายในกรุงไรน์ฮาร์ท กระหม่อมจะหาทางจัดการกับปัญหานี้โดยเร็วที่สุด"
"พอจะคาดเดาจำนวนทหารอย่างคร่าวได้รึไม่?"
ถึงจำนวนที่แน่ชัดจะไม่ทราบ แต่จำนวนอย่างคร่าวต้องรู้แน่
ลีช่ารีบตอบกลับ
"ราวสี่หมื่นขอรับ"
สี่หมื่น...
เป็นจำนวนที่แสนน้อยนิด
ในมุมมองของจักรวรรดิที่มีกองทัพสิบล้าน สี่หมื่นมิใช่จำนวนที่สามารถเป็นภัยคุกคามได้เลย
แต่สงครามไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเสมอไป
โดยเฉพาะอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่มีนักรบเก่งกาจอยู่มาก คนเหล่านั้นแข็งแกร่งเทียบเท่าอัศวินสีชาด
ในบรรดาทั้งหมด ราชาโอเวอร์เกียร์คือผู้ที่ทำลายอาณาจักรไปแล้วสอง และเป็นต้นตอของการสถาปนาสองอาณาจักรใหม่ล่าสุดบนทวีป
หากไม่มีราชาโอเวอร์เกียร์ ทุกวันนี้คงยังไม่มีวัลฮัลล่า
'ทหารมือดีหลายหมื่น รวมถึงอัศวินสีชาดที่ส่งไปยังวัลฮัลล่า…'
ทั้งหมดล้วนกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของศัตรู
ฮวนเดอร์พลันรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก
'ไม่มีนักรบที่แข็งแกร่งหลงเหลือแล้ว'
ดยุคแห่งดาบ 'ลิมิต' และอัศวินสีชาด พวกมันล้วนเข้าฝ่ายจักรพรรดินีแม่รี่
ยังไม่ถึงเวลาที่ห้าเสาหลักต้องออกโรง
ห้าเสาหลักกำลังปลุกปั้นอัศวินและจอมเวทชุดใหม่ขึ้นทดแทนอัศวินสีชาด
ไคล์อาจว่างอยู่ แต่มันเสียแขนซ้ายไปจากฝีมือผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย
ฮวนเดอร์ได้แต่นึกสงสัย…
ทุกสิ่งในจักรวรรดิเริ่มเลวร้ายลงตั้งแต่เมื่อใดกัน…
หากจำไม่ผิด…
เหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดเริ่มขึ้นตั้งแต่วินาทีที่เขาสูญเสียปิอาโร่ไป…
เมื่อผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายปรากฏตัว สมดุลจึงพังทลายลง
"ยิ่งไปกว่านั้น…"
หงึก
ฮวนเดอร์หันไปพยักหน้าให้องครักษ์
องครักษ์ผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับถวายเสื้อคลุม
หลังจากสวมเสื้อคลุมเสร็จ ฮวนเดอร์เดินออกจากโบสถ์พร้อมกับพึมพำ
"เราไม่มีทางเลือก…คงต้องยอมขายขี้หน้าสักหน่อย เราจะเจรจากับโอเวอร์เกียร์"
เจรจา
ฮวนเดอร์ไม่เคยเปิดการเจรจากับอาณาจักรใดมาก่อน
นับตั้งแต่วินาทีที่มันครองบัลลังก์มหาจักรพรรดิ ฮวนเดอร์ก็เป็นผู้ปกครองสูงสุดของทวีปตะวันตกอย่างชอบธรรมมาโดยตลอด
หากต้องการสิ่งใด มันเพียงออกคำสั่งบังคับ มิใช่ออกหน้าเจรจา
แต่ปัจจุบัน สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
"ส่งอัครทูตไปยังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เพื่อแจ้งข่าวว่า เราจะไม่รุกรานวัลฮัลล่าเป็นระยะเวลาหนึ่ง เราจะยอมทำสัญญาสงบศึกเพื่อเป็นหลักฐาน"
"…!!"
มหาจักรพรรดิผู้ปกครองทุกชีวิตบนทวีปตะวันออก บัดนี้กลับกล่าวว่าจะยอมถอยหนึ่งก้าว?
เป็นการยากที่จะให้ทำใจเชื่อลง
เอิร์ลลีช่าพลันหางตากระตุก
ทันใดนั้น หัวหน้าองครักษ์ 'เบอิน' โพล่งขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ
"ฝ่าบาท! กระหม่อมจะนำทัพบดขยี้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์แทนอัศวินสีชาดไร้ประโยชน์นั่นเอง! เบอินผู้นี้จะตัดเศียรของราชาโอเวอร์เกียร์มาถวายให้ฝ่าบาท!"
"เราขอปฏิเสธ…เบอินเอ๋ย หากไม่มีเจ้าคอยอยู่ข้างกายตลอดเวลา เราคงไม่สบายใจจนไม่เป็นอันทำสิ่งใดแน่ อาจถึงขั้นหลับนอนไม่ได้"
"…"
หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวมหาจักรพรรดิต้องแข็งแกร่งประมาณใด?
เบอิน ชายผู้นี้คือหนึ่งในบุคคลที่ทรงพลังมากที่สุดของทวีป
เป็นคนที่ฮวนเดอร์ไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด
การมีเบอิน ฮวนเดอร์จึงกล้าไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
"ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย…"
หลังจากสงบสติเบอินลง ฮวนเดอร์พยายามจินตนาการภาพของผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายตามที่ไคล์รายงาน
มันพลันขนลุกไปทั่วร่าง…
'ปีศาจที่สามารถใช้วิชาดาบในตำนาน…ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน แถมยังมีเวทมนตร์ทรงพลังที่สามารถเอาชนะไคล์อย่างง่ายดาย การจะรับมือปีศาจตนนั้น มีแต่ต้องรอให้ห้าเสาหลักกลับมาครบทุกคน ใช่แล้ว…การเจรจาในหนนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง มิใช่เรื่องน่าอับอายเลยสักนิด'
***
"ฮ่าฮ่าฮ่า! พวกเจ้าเห็นรึเปล่า? ไอ้งั่งนั่นเผ่นป่าราบไปแล้ว!"
แวมไพร์เอิร์ล 'โนลล์'
ปัจจุบัน มันกำลังรู้สึกแปลกประหลาด
โนลล์เอาชนะคำสาปเกียจคร้านได้สำเร็จ มันไม่ง่วงนอนเลยสักนิด
ส่วนสาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัด
มันทราบแต่เพียงว่า หลังจากเผชิญหน้ากับมนุษย์ที่ชื่อกริดสองสามหน คำว่า 'น่าเบื่อ' ก็ไม่มีอยู่ในหัวอีกต่อไป
โนลล์เชื่อมั่นมาก สิ่งนี้ต้องเกิดจากโทสะที่มันมีต่อกริด
อีกฝ่ายคือมนุษย์ที่ไม่หวาดกลัวแวมไพร์ทายาท
ยิ่งโทสะเดือดดาล โนลล์ก็ยิ่งห่างไกลจากอาการง่วงนอน
มันกำลังมีความสุขสุดขีด
นี่คือหนแรกที่โนลล์เกิดอารมณ์หลากหลายชนิด
เป็นชีวิตแบบที่มันโหยหามานาน
'เข้าใจแล้วว่าทำไมบราฮัมกับเอลฟิน·สโตนถึงต้องการขจัดคำสาปเกียจคร้านนัก'
บราฮัมต้องการขวนขวายความรู้โดยไม่ถูกการนอนรบกวน
ส่วนเอลฟิน·สโตนต้องการใช้ชีวิตอยู่กับคนรักให้นานที่สุด
แวมไพร์ที่มีแรงปรารถนามากเป็นพิเศษจะไม่ชอบคำสาปเกียจคร้าน
และนั่นคือเหตุผลที่ทั้งสองดิ้นรนจะหลุดพ้นให้ได้
"คุคุ…! ค่ฮ่าฮ่าฮ่า! แต่ท้ายที่สุด ฉันคือคนแรกที่ขจัดคำสาปสำเร็จ!"
โนลล์กำลังผยองว่าตนยอดเยี่ยมกว่าบราฮัมและเอลฟิน·สโตน
ขณะเดียวกัน แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ตนหนึ่งได้เดินเข้ามาถามอย่างนอบน้อม
"ท่านเอิร์ลโนลล์…ไม่ทราบว่าพวกเรากลับไปนอนได้หรือยัง?"
"..."
แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์คล้ายคลึงกับแวมไพร์ทั่วไป พวกมันได้รับคำสาปเกียจคร้านเพียงเล็กน้อยหากเทียบกับแวมไพร์ทายาท
แต่นั่นเมื่อเทียบกับแวมไพร์ทายาท
ธรรมชาติของแวมไพร์มักเบื่อหน่ายและง่วงนอนตลอดเวลา
แต่ปัจจุบัน พวกมันมิอาจกลับไปนอนได้ เนื่องด้วยคำสังอันเด็ดขาดของแวมไพร์ทายาทอย่างโนลล์
โนลล์ส่ายศีรษะ
"ถ้าง่วงมากก็นอนที่นี่ซะ ไม่ต้องไปไหน ฉันไม่รู้ว่ามนุษย์คนนั้นจะกลับมาอีกเมื่อไร"
"…"
พวกมันทุกคนคือแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ที่ต้องหลับนอนภายในโลงศพหรูหราเท่านั้น
…มิใช่นอนเปลือยเปล่าบนพื้นดิน
แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์และแวมไพร์ทั่วไปเกิดความคิดคัดค้าน
แต่พวกมันมิอาจแสดงออก
เฉกเช่นที่แวทไพร์ทายาทเทิดทูน มอบความรัก และหวาดกลัวต่อเบริอาเช่
แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์และแวมไพร์ทั่วไปต่างก็คิดกับแวมไพร์ทายาทแบบเดียวกัน
แวมไพร์บางตนพยายามเสนอความเห็น
"…ท่านเอิร์ลโนลล์ มนุษย์ผู้นั้นมิได้โง่เขลา เกรงว่ามันอาจไม่กลับมาอีกแล้วกระมัง?"
"มันต้องเสียสติแน่หากคิดย้อนกลับมาที่นี่อีก"
ใช่แล้ว นับเป็นการคาดเดาด้วยหลักเหตุและผล
กริดคงบ้าไปแล้วแน่ หากกลับเข้ามาทั้งที่รู้ว่ามีแวมไพร์จำนวนมากคอยดักรอที่ปากทางเข้า
กระนั้น โนลล์กลับเชื่อมั่นว่ากริดจะกลับมา มันตัดสินใจรอโจมตีอยู่ที่ทางเข้าเช่นเดิม
โนลล์มั่นใจว่ากริดเป็นมนุษย์เสียสติ
"มนุษย์คนนั้นไม่ปรกติ มันกลับมาที่นี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งที่โอกาสชนะแทบเป็นศูนย์ มันสังหารพี่น้องของฉันไปมากมาย นั่นคือเหตุผลที่มนุษย์นามว่ากริดไม่ใช่คนปรกติ"
"มันจะกลับมาแน่ใช่ไหม?"
"ถูกต้อง…มันกลับมาแน่ และมันจะถูกฉันผู้นี้เชือดทิ้งทันที! คุคุคุคุ!"
โนลล์ฆ่ากริดไปแล้วหนหนึ่ง
มันชื่อชอบเลือดกริดมาก ทั้งหวานและหอมหวล
ทันทีที่ได้ดื่มเลือดกริด พละกำลังของมันพลันเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี
พัฒนาการ
คล้ายคลึงกับผู้เล่นที่มีพัฒนาการคลาสระดับสอง สาม และสี่
หลังจากกวาดสังหารปาร์ตี้โอเวอร์เกียร์จนหมด โนลล์สัมผัสได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้น
มันมั่นใจมากว่าต้องใช่แน่
ความรู้สึกกำลังซาบซ่านไปทั่วร่าง
"ราวสิบปีก่อน…ยังจำเหตุการณ์ที่มนุษย์เคยยกทัพรุกรานเมืองพวกเราได้ไหม?"
"แน่นอน…พวกมันมากันมากมายหลายพันคน"
"ถือเป็นอาหารมื้อใหญ่ที่สุดในชีวิตฉันเลย ไม่เคยดื่มเลือดมากขนาดนั้นมาก่อน"
"อาหารมื้อใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง"
"เอ๋?"
"เฉกเช่นมดปลวก สิ่งมีชีวิตอ่อนแอมักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม พวกมันมิอาจทำการใหญ่ได้ตามลำพัง มนุษย์เสียสติจะต้องกลับมาพร้อมกำลังเสริมมากมายแน่ จำนวนคงใกล้เคียงกับฝ่ายเรา"
"โอ้วว…!"
เหล่าแวมไพร์ที่เริ่มง่วงนอนพลันตาสว่าง
ตามธรรมชาติแล้ว มนุษย์นั้นแสนอ่อนแอ
สายพันธุ์มนุษย์จึงเป็นได้เพียงอาหารของแวมไพร์ผู้สูงส่ง
การมาเยือนจำนวนมากมิใช่ภัยคุกคาม หากแต่เป็นบุฟเฟ่ต์มื้อใหญ่
บรรยากาศของเหล่าแวมไพร์กำลังชื่นมื่นเปี่ยมความสุข
โนลล์ตะโกนปลุกใจเสียงดังกึกก้อง
"เข้ามาได้เลย! พวกเราพร้อมเสมอ! เมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น!!"
โนลล์หันไปมองเหล่าแวมไพร์
"ฉันสัญญาว่าจะให้พวกนายลิ้มรสเลือดมนุษย์และยกระดับไปพร้อมกัน!"
ทันใดนั้น…
"เออ…ฉันมาแล้ว"
เสียงมนุษย์เพศชายดังกังวาลไปทั่วทางเข้าเมืองแวมไพร์
ผู้ปกครองเมืองย่อมไม่มีวันลืมเลือนเสียงมนุษย์ที่มีเลือดหอมหวาน
กริด
มนุษย์ที่เสียสติไปแล้ว
"คิคิก...! คิฮ่าฮ่าฮ่า! แกมาแล้ว! แกกลับมาอย่างที่คิด!!"
โนลล์หัวเราะไหล่สั่นด้วยสีหน้าปลื้มปีติ
เหยื่ออันโอชะกลับมาให้เชือดอีกหน
มันอดใจจะฆ่ากริดไม่ไหวอีกต่อไป
แวมไพร์ตนอื่นต่างส่งเสียงตะโกนอย่างพร้อมเพรียง
"แกคงไม่ได้กลับมาคนเดียวใช่ไหม?"
"คราวนี้พาเพื่อนมาด้วยกี่คนล่ะ? สหาย"
แวมไพร์ทุกตนต่างดีใจจนเนื้อเต้น
กริดพยักหน้า
"แน่นอน…ฉันมาพร้อมกับเพื่อนอีกเพียบ"
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงฝีเท้าดังกึกก้องจากประตูมิติทางเข้าเป็นระยะ
มิใช่เสียงฝีเท้าจำนวนหลักสิบหรือหลักร้อย
หลักพันงั้นหรือ…?
นั่นก็ไม่ใช่
ครืนนนนน—
"…?"
โนลล์และเหล่าแวมไพร์ต่างขมวดคิ้วพร้อมเอียงคอด้วยสีหน้าฉงน
มนุษย์ที่ข้ามผ่านประตูมิติทางเข้า ดูเหมือนจะมีจำนวนมากกว่าที่คาดไว้
ยังไม่จบเท่านี้
ครืนนนน—
เสียงฝีเท้ายังคงดังครืนไม่ขาดสาย
มนุษย์มากมายนับไม่ถ้วนกำลังทยอยเดินเข้ามาในเมืองแวมไพร์ลำดับเจ็ด
ส่วนจำนวนก็…
"…ฉันนับไม่ไหว"
"ฉันด้วย…"
เป็นมนุษย์จำนวนมหาศาลชนิดที่พวกมันไม่เคยพบเจอมาก่อน
เหล่าแวมไพร์ต่างอกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้เห็นกองทัพมนุษย์ขนาดมหึมาเบื้องหน้า
ระหว่างนี้ มนุษย์ก็ยังทยอยเดินเข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
จนกระทั่งโนลล์ทนไม่ไหว
มันโพล่งขึ้น
"พวกนายมัวรออะไรอยู่? งานเลี้ยงอยู่ตรงหน้าแล้ว! มื้อเย็นของเรา! จงบุกเข้าไปถล่มพวกมันให้สาแก่ใจ!!"
"โอ้สสส!!"
เสียงของโนลล์ได้ทำให้แวมไพร์ทุกตนตื่นจากภวังค์
นี่คือเสียงบัญชาของแวมไพร์ทายาท
เหล่าแวมไพร์พลันปรี่เข้าหากลุ่มมนุษย์โดยปราศจากความหวาดกลัว
นำหน้าสุดโดยโนลล์
เป้าหมายเดียวของมันคือกริดผู้มีเลือดอันหอมหวาน
มนุษย์คนอื่นมิได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
"ฉันจะได้กินของอร่อยอีกแล้ว!!”
โนลล์ประกาศกร้าวด้วยสีหน้าสุดมั่นใจ
ทันใดนั้น มีบางสิ่งได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าเหนือศีรษะโนลล์และแวมไพร์ด้วยความเร็วสูง
"บดข้าวเปลือก!"
"…?"
บางสิ่งที่ใหญ่มาก…กำลังปกคลุมท้องฟ้าเมืองแวมไพร์ใต้ดินลำดับเจ็ดที่มืดมิด
โครมมมมมมม—
เมืองแวมไพม์ที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปี…
นี่คือจุดเริ่มต้นของความพังพินาศครั้งใหญ่หลวง
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,170
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับกริดโนลล์ะแก่จะได้รู้พลังของกริด R.I.Pแวมไพร์
ReplyDeleteถึงขนาดที่ทำให้เมืองแวมไพม์หลายร้อยปีต้องพังนี้ไม่ธรรมดาแล้ว รอบหน้าจะเละยิ่งกว่านี้แน่นอน 🙏สนุกมาก ขอบคุณครับ
ReplyDeleteยกทัพรอบเดียว จักรวรรดิถึงกับสั่นกลัว
ReplyDeleteส่วนฝั่งแวมไพร์เห็นอนาคตอะไรไม่ได้นอกจากคำว่า "เละ"
ยกทัพแค่กะมาขู่ แต่ได้ประโยชน์มหาศาลสะงั้น
ReplyDeleteปิอาโร่ มาsolo ที่เหลือมาดู
ReplyDelete