จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 620
สืบทอดทางสายเลือด
ใช้กำลังเข้ายึดครอง
ประชาชนแต่งตั้ง
และอีกมากมาย
หลากหลายหนทางสำหรับการก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์
แต่มิใช่ทุกคนจะเป็นกษัตริย์ได้
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า กษัตริย์คือตัวตนที่ถูกสวรรค์กำหนดไว้แล้ว
ผู้พัฒนาซาทิสฟาย ลิมชอลโฮ เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นกษัตริย์
กษัตริย์อัสลันและบีเลียลที่ส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อเนื้อหาหลักของซาทิสฟาย
กษัตริย์มาซงผู้เปี่ยมด้วยพลังเวทมนตร์และพลังที่สามารถสร้างของวิเศษ
กษัตริย์คนสำคัญของซาทิสฟายล้วนถูกออกแบบโดยลิมชอลโฮ
กริดพบพานตัวตนระดับกษัตริย์มาแล้วมากมาย
ส่งผลให้ชายหนุ่มตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า...
'ราชาเนตรมารต้องไม่ธรรมดาแน่'
เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด คนผู้นี้คือราชา
ย่อมแตกต่างจากเนตรมารจูนิเบียวทั่วไป
"เฮ่อ..."
กริดถอยหายใจเล็กน้อยระหว่างเดินตามหลังเจ้าเมือง
เผ่าเนตรมาร พวกมันคือสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ที่เก่งกาจ แทบไม่เคยพ่ายแพ้แก่ผู้ใด นอกเสียจากตัวตนระดับตำนาน
บัดนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และเผ่าเนตรมารอยู่ในกำมือของตน กริดถูกภาระหน้าที่อันหนักอึ้งกดดันให้ตึงเครียด ชายหนุ่มมิอาจสลัดมันให้หลุด
ถึงกระนั้น กริดก็มิได้แสดงท่าทีหวาดหวั่นหรือสั่นกลัว
'ต้องเป็นพันธมิตรที่ดีกับเผ่าเนตรมารให้ได้'
กึก
ชายหนุ่มพยายามสงบจิตใจเมื่อเดินมาถึงทางเข้าท้องพระโรง
"ผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดอันต่ำต้อยของมนุษย์ กษัตริย์กริดแห่งโอเวอร์เกียร์ ผู้กำราบพวกเราเหล่าเนตรมารจนยอมศิโรราบ... บัดนี้ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท"
เจ้าเมืองเนตรมารกล่าวแนะนำตัวกริดให้ราชาของตน
ฟังดูราวคนผู้นี้กับเป็นทาสรับใช้ของกริดเสียมากกว่า
"เราได้ยินมาว่า เจ้าช่วยนำไข่มังกรคลั่งกลับมายังหมู่บ้านโดยไร้รอยขีดข่วนสินะ เราอยากขอบใจในฐานะผู้ปกครองสูงสุดของเหล่าเนตรมาทั้งหมด"
'หืม… นิสัยดีผิดคาดแฮะ'
ภายในท้องพระโรง ปราศจากแสงสว่างโดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่เทียนไขสักเล่ม
ราชาเนตรมารกำลังนั่งบนบัลลังก์ภายในห้องที่มืดมิด
เมื่อยืนยันตำแหน่งได้ กริดจึงเดินเข้าไปทักทายด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม
'เขาเป็นคนจิตใจดีงาม ไม่ดูแคลนเราเพียงเพราะเป็นมนุษย์ สมกับเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างราชา'
สุ้มเสียงดังกังวาลเปี่ยมด้วยพลังและความองอาจ แตกต่างจากเผ่าเนตรมารที่ชอบพล่ามไร้สาระโดยสิ้นเชิง
กริดไม่กังวลอีกแล้วว่าคนผู้นี้จะเป็นจูนิเบียว
"เรายินดีมอบไข่มังกรคลั่งให้เป็นสมบัติของเผ่าเนตรมาร เราไม่อยากพลาดโอกาสติดต่อเจรจากับราชาของเนตรมารโดยตรง… เราขอยื่นข้อเสนอ ทำสัญญาเป็นพันธมิตรระหว่างอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และเผ่าเนตรมาร"
กริดตอบกลับอย่างสุภาพนอบน้อม แต่มิได้เป็นฝ่ายด้อยกว่า
ชายหนุ่มพยายามพูดจาสำรวจพร้อมกับแสดงสีหน้าจริงใจ
ส่งผลให้ราชาเนตรมารประหลาดใจเล็กน้อย
"พันธมิตร… มนุษย์กับเผ่าอสูรเนี่ยนะ… เป็นไปได้ด้วยหรือ"
"ต่างเผ่าพันธุ์แล้วอย่างไรเล่า… หากพวกเราคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นั่นจะไม่เป็นสิ่งที่ดีกว่าเดิมหรอกหรือ"
"ที่ท่านพูดมาก็ไม่ผิด แต่เท่าที่เราจำได้ ประชาชนของพวกท่านหวาดกลัวเผ่าอสูรมิใช่หรือ เช่นนั้นแล้วจะเป็นมิตรสหายกันได้อย่างไร"
"ไม่เลยสักนิด ตรงข้ามกับความหวาดกลัว ประชาชนของเราคุ้นชินกับลอเอลมานานแล้ว ดังนั้นท่านไม่ต้องเป็นกังวล"
"โฮ่… ลอเอลงั้นหรือ… ท่านหมายถึงสิ่งใด"
"เอาเป็นว่า ท่านราชาเนตรมารมิต้องกังวลทางฝ่ายเรา"
"หืม… ท่านมีความมุ่งมั่นดีมาก เป็นคนที่แปลก… หาได้ยากยิ่ง"
สวบ สวบ
ราชาเนตรมารอมยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินลงมาหากริดที่ยืนอยู่ตามลำพังกลางท้องพระโรงมืดมิด
'อะไรกัน...'
เมื่อได้เห็นใบหน้าของราชาเนตรมารอย่างชัดเจนภายใต้ความมืด
'ดวงตาถูกปิดไว้ทั้งสองข้าง...!'
ในการจะผนึกพลังที่ยิ่งใหญ่ของดวงตา เผ่าเนตรมารจำเป็นต้องสวมผ้าปิดตาไว้หนึ่งข้างเสมอ กริดเคยคิดว่าราชาเนตรมารก็คงไม่ต่างกัน
แต่ความจริงกลับน่าทึ่งยิ่งกว่านั้น...
ราชาเนตรมาร ดวงตาทั้งสองข้างถูกผ้าคาดรัดไว้รอบศีรษะ
'มองทางเดินเห็นได้ยังไง… หรือว่า… ตาจิต...!'
ตัวตนผู้เปี่ยมด้วยพลังอำนาจ... มองเห็นสิงรอบข้างด้วยตาจิต!
กริดพลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่
'หรือจะแข็งแกร่งเทียบเท่าแวมไพร์เคาเตสแมรี่-โรส...'
หลังจากการเสียชีวิตของแวมไพร์ตนแรก ชิโซ-เบริอาเช่
แมรี่-โรสคือผู้ครองบัลลังก์สูงสุดของเผ่าพันธุ์แวมไพร์มาช้านาน
กริดเคยพบพานกับเธอมาแล้วหนหนึ่ง พลังอำนาจที่มิอาจวัดค่าได้ของแมรี่-โรส สามารถแปรเปลี่ยนกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ให้กลายเป็นซากขี้เถ้าได้ในพริบตา
ใช่แล้ว ราชาเนตรมารต้องมีพลังระดับนั้นแน่...!
'คิดจะโจมตีใส่เรางั้นหรือ...'
กริดเริ่มตรึงเมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว
พลั่ก...
"..."
หนึ่งก้าว สองเก้า...
ราชาเนตรมารเดินโซซัดโซเซก่อนจะล้มลงตรงหน้ากริด
ชายหนุ่มเริ่มเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน
"เกิดอะไรขึ้นกับท่าน"
"เรามองไม่เห็น..."
"..."
กริดแทบไม่เชื่อหู
"…ท่านมองไม่เห็น"
ราชาเนตรมารพลันใบหน้าแดงก่ำ เขาผงกศีรษะให้กริดเล็กน้อย
"อย่างที่ท่านเห็น ดวงตาของเราถูกปิดไว้ทั้งสองข้าง ย่อมต้องมองไม่เห็นสิ่งรอบตัว"
"..."
แล้วจะปิดไว้ทำไมฟะ… ในเมื่อต้องใช้ชีวิตลำบากขนาดนี้
'เป็นพวกซาดิสต์รึไง'
ราชาเนตรมารพลันยื้มชืด ราวกับอ่านใจกริดออก
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เราคือผู้ครอบครองดวงตาในตำนาน เป็นเจ้าของดวงตาต้องสาปที่สามารถทำลายโลกทั้งใบ… หากเราไม่ผนึกมันไว้ เราจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้สังหารคนบริสุทธิ์มากมายนับไม่ถ้วน… นี่คงเกิดจากบาปที่เราก่อไว้ในชีวิตที่แล้ว เราต้องชดใช้และยอมรับมัน"
"...ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด"
ราชาเนตรมารไม่ต่างจากเผ่าเนตรมารทั่วไป
เนตรมารคือเนตรมารวันยังค่ำ กริดเคยนึกว่ากษัตริย์จะเป็นเหมือนกับคนปรกติ
แต่เปล่าเลย... จูนิเบียวไม่แพ้กัน
ถึงกระนั้น กริดก็มิได้รังเกียจ เขาเพียงรู้สึกเหมือนถูกหักหลังเล็กๆ
ชายหนุ่มต้องการเป็นพันธมิตรกับเผ่าเนตรมาจากใจจริง
เขาสงบสติอารมณ์พร้อมกับกล่าวต่อหน้าราชาเนตรมาร
"อา… ช่างน่าเศร้า ท่านเกิดมาพร้อมกับพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ จึงต้องผนึกดวงตาคู่นี้ไว้สินะ"
"ถูกต้อง นับเป็นความทุกข์ที่คนทั่วไปยากจะจินตนาการได้ เรามิอาจมองเห็นแม้แต่ใบหน้าของภรรยาและทายาท ดวงตาของเราจะทำให้ทุกสิ่งหายไป… ฮะฮะ... ท่านอาจไม่เชื่อเราก็ได้ ทว่า นับตั้งแต่เกิดมา เราไม่เคยถอดผ้าปิดตาออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว"
'เดี๋ยวก่อนนะ...'
วาบ...
กริดพลันตระหนักถึงสิ่งบอกใบที่แฝงมาพร้อมกับบทสนทนา
อาจเป็นมีเพียงกริดคนเดียวเท่านั้นที่ฉุกคิดได้… สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ NPC
ชายหนุ่มรีบกระแอมเพื่อกลบเกลื่อนรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดต่อไป
"ช่างน่าเศร้า... หมายความว่า ท่านมิเคยเห็นใบหน้าผู้ใดมาก่อนสินะ"
"ถูกต้อง เรามิเคยเห็นว่าครอบครัวหรือประชาชนมีหน้าตาเช่นไร เรารู้สึกราวกับใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ตามลำพัง ความเดียวดายได้กัดกร่อนดวงวิญญาณอันเน่าเปื่อยของเรามานานนับพันปีแล้ว"
มุมปากกริดพลันโก่งโค้งขึ้นจนเกือบหลุดขำ
ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ไม่บังอาจขำต่อหน้าราชาเนตรมารแน่ เขาพยายามข่มใจให้สงบ ก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติมากที่สุด
"เช่นนั้นแล้ว ท่านอยากเป็นสหายของเราไหม"
"...อะไรนะ"
ราชาเนตรมารไม่เชื่อหู
ชายคนนี้ แม้เพิ่งจะพบกันเป็นหนแรก แต่กลับอยากเป็นสหายกับตนงั้นหรือ
สมกับเป็นมนุษย์ผู้เหลวไหลเพ้อเจ้อ!
"ท่านกำลังสมเพชเราหรือ"
"มิบังอาจ… เราแค่อยากให้ท่านได้พบพานความสุข ความสุขที่มีได้เฉพาะในยามสนทนากับมิตรสหายโดยเห็นใบหน้ากันและกัน"
"ความสุขที่ได้เห็นใบหน้ามิตรสหาย…"
สีหน้าราชาเนตรพลันแปรเปลี่ยน
"ท่านไม่ได้ฟังเราเลยใช่ไหม! เราคือผู้ครอบครองดวงตาในตำนาน! คำสาปของเราจะลบล้างทุกสิ่งที่เรามองเห็น! เราไม่มีวันถอดผ้าปิดตาผืนนี้ออกเป็นอันขาด!"
"ท่านต้องลองเปิดใจดูสักครั้ง"
"นี่ท่าน!"
ชายคนนี้เสียสติไปแล้วหรือ
จะเหลวไหลเกินไปแล้ว
'มนุษย์ผู้นี้คิดว่าเราโป้ปดรึไง...!'
เนตรมารคือเผ่าอสูร
แม้พวกมันอาจไม่ชื่นชอบและสนุกไปกับการฆ่าแกงเหมือนเผ่าอสูรทั่วไป
แต่เผ่าอสูรก็ยังเป็นเผ่าอสูรวันยังค่ำ
ลงเอยด้วย...
"ท่านกล้าท้าทายเราใช่ไหม...! เราคือราชา! ต่อให้ท่านคือผู้มีพระคุณที่นำไข่มังกรคลั่งกลับมา แต่การดูแคลนพลังของเราเช่นนี้… ยอมไม่ได้เด็ดขาด!"
ราชาเนตรมารคลายผ้าปิดตาออก
ในวินาทีที่ตาซ้ายสีแดงและตาขวาสีขาวลืมตาตื่น...
ครืนนนนน!
เปรี้ยงงงงงง! บึ้มมมมมมม!
เกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นกับท้องพระโรง
ข้อความระบบจำนวนมากแสดงต่อหน้ากริด
[ ท่านตกอยู่ในคำสาปการจ้องมองของดวงตาในตำนาน <เนตรมารสามคำสาป> ]
[ ทุกการกระทำของท่านจะถูกอ่านออกล่วงหน้า ]
[ ท่านตกอยู่ในอำนาจของคำสาป <เพลิงโลกันตร์เผาไหม้> ]
[ ท่านตกอยู่ในอำนาจของคำสาป <ขุนนรกเยือกแข็ง> ]
[ ท่านตกอยู่ในอำนาจของคำสาป <หวาดกลัวสัมบูรณ์> ]
[ ท่านต้านทาน ]
[ ท่านสะท้อนกลับอาการผิดปรกติล้มเหลว ]
เปรี้ยะ เปรี้ยะ!
ครืนนนนน!
พลังที่แท้จริงของราชาเนตรมารทั้งรุนแรงและสง่างาม
ชายคนนี้น่าเกรงขามมาก
ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะมองเห็นพลันถูกแช่แข็ง เผาไหม้ และสูญสิ้นจิตวิญญาณ
ท้องพระโรงอันกว้างใหญ่กลายเป็นซากปรักพักหักในพริบตา
ทว่า...
"ท่าน...ทำไมท่านถึงไม่เป็นอะไร!"
ท่ามกลางเศษซากท้องพระโรง กริดยังคงยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ในจุดเดิม
ร่างกายไร้รอยขีดข่วน มิได้ถูกแช่แข็ง แผดเผา หรือทำให้หมดสติแต่อย่างใด
ชายหนุ่มประสานสายตากับราชาเนตรมารโดยไม่สั่นคลอน
ราชาเนตรมารแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
"ตัวตนที่ไม่ได้รับผลจากเนตรมารสามคำสาปของเรา..."
ทันใดนั้น เรื่องเล่าตกทอดช้านานภายในขุมนรกได้แล่นเข้ามาในหัว
เป็นตำนานของมนุษย์ผู้หนึ่งที่ไม่ถูกเพลิงโลกันตร์เฮล-กาโอแผดเผา
คนผู้นั้นคือ… อริยดาบมุลเลอร์
"ตำนาน...!"
หงึกหงึก...
ดวงตาที่มีโอกาสมองเห็นโลกเป็นครั้งแรก บัดนี้กำลังสั่นระริก
นัยน์ตาทั้งสองข้าง แดงหนึ่ง ขาวหนึ่ง จดจ้องกริดโดยไม่กระพริบ
"ใบหน้าของเรา… หล่อเหล่าเหมือนกับท่านรึไม่..."
ราชาเนตรมารถามเสียงสั่นเครือ
กริดอมยิ้มพร้อมกับตอบกลับอย่างอบอุ่น
"ไม่เลย… ท่านหล่อเหลากว่าเรามาก"
เป็นถ้อยคำที่กริดมิได้แฝงความจริงไว้แม้แต่กระผีกเดียว
แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่า การตอบด้วยถ้อยคำเล็กน้อยเช่นนี้ สามารถมอบความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้รับฟังได้
ใช่แล้ว เขาย้อนมองกลับไปยังอดีตของตน
หากมีใครสักคนเคยกล่าวชมเช่นนี้บ้าง... มันคงจะดีไม่น้อย
"...งั้นหรือ"
คำตอบของกริดทำให้ราชาเนตรมารเริ่มน้ำตาคลอ
แม้จะคาดตาปิดไปดังเดิม แต่กลับยังมีหยดน้ำใสไหลรินอาบสองข้างแก้ม
จากนั้น ราชาเนตรมารยื่นแขนออกมาหากริด
"เผ่าเนตรมารขอเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตลอดไป"
"ขอบคุณมาก แล้วท่านจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เลือกในวันนี้"
[ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์และ <เผ่าเนตรมาร> จับมือเป็นพันธมิตร ]
เผ่าเนตรมารสุดแกร่งซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้เล่นมากนัก
บัดนี้ พวกเขาได้กลายเป็นมิตรสหายที่ยอดเยี่ยมกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
นับเป็นการเสริมขุมพลังครั้งใหญ่
ชนิดที่กริดไม่มีวันจินตนาการออก
โอ้ ....เริ่มมองเห็นอนาคตอันสดใสของกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์แล้ว
ReplyDelete==สดใส่เเน่อะ
ReplyDeleteหาแว่นตาให้ราชาเนตรมารใส่สะก็จบ
ReplyDeleteหาแว่นตาให้ราชาเนตรมารใส่สะก็จบ
ReplyDeleteทำไมเวลาเป็นบทพูดของราชา ถึงใช้บริบทคำอย่างกับนิยายจีนกำลังภายใน ไม่เข้ากับคาแรคเตอร์ของกริดเลย อ่านแล้วแอบขัดใจเล็กๆ
ReplyDelete