จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 632



[ วอลนัทสีทอง ]
    หรืออีกชื่อหนึ่งว่า 'ของขวัญจากธรรมชาติ'
    มันคือของว่างและยาอายุวัฒนาสำหรับขุนนางและราชวงศ์บนทวีปตะวันออก
    หากรับประทาน  ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 10% เป็นเวลา 1 ชั่วโมง    
    มีโอกาสเล็กน้อยที่จะเพิ่มค่าสถานะแบบสุ่ม 5 แต้มเป็นการถาวร
    ที่ใดสักแห่งบนทวีปตะวันออก  สิ่งมีชีวิตชนิดปริศนากินวอลนัทสีทองเป็นอาหารหลัก
    ยิ่งท่านปอกเปลือกวอลนัทได้เรียบเนียนมากเพียงใด  โอกาสเพิ่มค่าสถานะก็ยิ่งมีมากขึ้น
น้ำหนัก : 0.1    


    "สุดยอดโพชั่นบัฟและโอสถ...ภายในเม็ดเดียว"

    ลอเอลรู้สึกทึ่งกับรายละเอียดของวอลนัทสีทองที่ได้รับจากกริด
    และเขาต้องตะลึงยิ่งกว่าเดิม  เมื่อพบว่า...ขุนนางของทวีปตะวันออกล้วนขบเคี้ยวเป็นของวางทานเล่น

    "ราชวงศ์และขุนนางของทวีปตะวันออก  เดิมทีพวกมันก็มีค่าสถานะสูงอยู่แล้ว  ยิ่งถ้ากินวอลนัทสีทองเข้าไปเป็นเวลาหลายปีล่ะก็..."

    "อาจไม่ใช่  คงเป็นการยาก...ที่จะมีใครสักคนสามารถปอกเปลือกวอลนัทได้สมบูรณ์เหมือนฉัน  ช่างเถอะ...ไม่ว่าจะอย่างไร  แต่เรื่องที่ขุนนางทวีปตะวันออกมีค่าสถานะสูงก็เป็นความจริง  ฉันหวังว่า...ด้วยผลของวอลนัทสีทองเหล่านี้  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะถูกยกระดับอย่างก้าวกระโดด  จงรีบบอกให้ปิอาโร่คิดหาวิธีเพาะปลูกโดยเร็ว"

    "...เข้าใจแล้ว"

    ลอเอลตอบรับ...แต่ด้วยสีหน้าที่ไม่ร่าเริงสักเท่าไร
    กริดรู้ดีว่าเพราะสาเหตุใด

    'โอกาสที่จะเพาะปลูกไอเท็มสุดโกงเช่นนี้สำเร็จ...แทบเป็นศูนย์'

    S.A กรุ๊ปคงพยายามรักษาสมดุลเกมไว้  โดยออกแบบให้วอลนัทสีทองเหล่านี้  ไม่อาจถูกนำไปเพาะปลูกได้ง่ายนัก

    'แต่ว่า'    

    ปิอาโร่คือตำนาน  และตำนานคือผู้ทำลายสามัญสำนึก
    ยิ่งเป็น S.A กรุ๊ปที่ให้ความสำคัญกับตำนานเป็นพิเศษด้วยแล้ว

    'ปิอาโร่ต้องสร้างทักษะเพาะปลูกได้เองแน่...เฉกเช่นทักษะสร้างวิชาดาบของครอเกล  และทักษะออกแบบไอเท็มของเรา'

    เป็นการมองในแง่บวกอย่างสุดโต่ง
    กริดยิ้มชืด  จากนั้นก็ตบบ่าลอเอลอย่างนุ่มนวล

    "ไม่เป็นไร...ถึงจะปลูกไม่ได้  แต่ฉันหาเพิ่มได้จากทวีปตะวันออก"

    "...กระหม่อมจะรอคอยการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของฝ่าบาท  ฝ่าบาทมิต้องเป็นกังวลด้านการเมืองการปกครอง  ลอเอลคนใหม่ผู้นี้...ผู้ที่ได้พบพานมิตรสหายจากชาติภพก่อน  จะสร้างรากฐานให้อาณาจักรเป็นปึกแผ่นมั่นคง…หืม  ฝ่าบาท!  ฝ่าบาทจะรีบไปไหน!"

    สวบ  สวบ

    สถานการณ์พลันตึงเครียดทันทีเมื่อจักรวรรดิกลายเป็นศัตรู
    กริดเร่งฝีเท้าโดยเร็ว  หากตนไม่รีบจัดการบางสิ่งกับจักรวรรดิ  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะล่มสลายภายในสี่เดือน  
    จะปล่อยให้เงินลงทุนหลายหมื่นล้านวอนเสียเปล่าไม่ได้

    'ต้องเร่งมือแล้ว'

    ขณะลอเอลกำลังพล่ามน้ำท่วมทุ่ง  กริดไม่รอฟัง  เขารีบมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนโอเวอร์เกียร์เพื่อพบสติกส์

    ความเร็วในการเดินแต่ละก้าวของกริด  ไม่ช้าไปกว่าทหารโอเวอร์เกียร์ที่แข็งแกร่งเลยสักนิด  ทั้งที่ว่ากันว่า...ทหารหัวกะทิของโอเวอร์เกียร์  ขึ้นชื่อในด้านสมรรถภาพร่างกาย
    เป็นผลมาจากค่าความว่องไวของกริดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ในการจะปรับให้อัตราส่วนพละกำลังและว่องไวให้กลายเป็น 1:1  
    กริดอัพทยอยค่าความว่องไวจนสูงเกินกว่า 2,700 แต้มเรียบร้อยแล้ว
    เหลืออีกเพียง 500 แต้มก็จะเท่ากับค่าพละกำลัง
    
    ***

    ณ โรงเรียนโอเวอร์เกียร์
    
    สถานศึกษาที่ถูกสร้างขึ้นภายในไรน์ฮาร์ท  เมืองหลวงแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
    ไม่ว่าใครก็ตามที่อายุถึงแปดขวบ  โดยไม่สนฐานะ  ขุนนางหรือสามัญชน  ร่ำรวยหรือยากจน  ทุกคนมีสิทธิ์ได้เข้าเรียนที่นี่อย่างเท่าเทียม
    แต่ขนาดของโรงเรียนย่อมมีจำกัด  ส่งผลให้จำนวนนักเรียนถูกกำหนดไว้เพียง 3,000 คนเท่านั้น  เด็กนักเรียนที่นี่จึงถูกคัดเลือกจากอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะอีกทีหนึ่ง  
    ซึ่งเกินกว่าครึ่งถูกสอนสั่งจากสติกส์โดยตรง
    นี่คือสถานการณ์ที่ยากลำบากของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์...พวกเขาขาดแคลนกำลังคน
    ไม่ว่าจะเป็นด้านใด  มักมีจำนวนคนไม่พอสำหรับการดูแลรับผิดชอบเสมอ
    
    ในฐานไฮเอลฟ์และจอมปราชญ์  สติกส์ย่อมถูกยกย่องจากเผ่าพันธุ์เอลฟ์ทั่วโลก 
    แม้กระทั่งมหาจักรพรรดิ...ก็ยังยินดีอ้าแขนต้อนรับตัวตนอย่างสติกส์เข้าสู่จักรวรรดิ
    ทั่วทั้งทวีปจะเกิดความโกลาหลแน่นอน  หากรู้ว่าสติกส์...เป็นเพียงผู้อำนวยการโรงเรียนสามัญชนภายในอาณาจักรเล็กแห่งนี้  
    ถึงกระนั่น  ประชาชนของโอเวอร์เกียร์กลับไม่เคยตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของจอมปราชญ์สติกส์  พวกเขาล้วนคิดเพียงว่า...การเรียนกับสติกส์นั้นสะดวกดี  คำอธิบายของสติกส์จะส่งผลให้คนที่ได้ฟังเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

    "คงเป็นการยาก...ที่จะให้ผู้อนุรักษ์ธรรมชาติ  และผู้แสวงหาความเปลี่ยนแปลง  สามารถปรับความเข้าใจหากันได้  มีโอกาสน้อยมาก...ที่มนุษย์และธรรมชาติสามารถติดต่อสื่อการกันโดยตรง  เหตุการณ์พิเศษเช่นนี้...จะเกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งหนในทุกร้อยปี  และจำเป็นต้องบรรลุเงื่อนไขมากมาย---"

    "สติกส์!"

    "..."

    เหล่านักเรียนหัวกะทิจากหมู่อัจฉริยะ  กำลังถูกสติกส์สอนในคลาสเรียนพิเศษ
    สติกส์...ผู้กำลังมอบบทเรียนเกี่ยวกับธรรมชาติ  พลันต้องตกตะลึงกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของกริด
    ภายในห้องเรียนเกิดความวุ่นวายทันที

    "กษัตริย์กริด!"

    "ฝ่าบาท!  ทรงพระเจริญ!"

    นักเรียนที่นี่ต่างชื่นชอบกริดอย่างมาก  ด้วยเหตุผลที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่แบ่งแยกชนชั้น
    โดยเฉพาะนักเรียนที่มุ่งมั่นตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ  คนกลุ่มนี้จะยิ่งจงรักภักดีในตัวกริดอย่างหาที่สุดมิได้  

    "ผมมีนามว่าอาดอน...สอบได้ที่หนึ่งของรุ่นในการทดสอบที่ผ่านมา!  ผมหวังจะทำงานรับใช้ฝ่าบาททันทีเมื่อจบการศึกษา!"

    "ผมมีนามว่าชานน่อน...ผู้กำลังจะสอบได้ที่หนึ่งในคราวหน้า!  ได้โปรดจดจำนามของผมไว้  ผมจะทำประโยชน์แก่อาณาจักรให้มากที่สุด!"

    ถ้อยคำของนักเรียนวัยเยาว์เปี่ยมด้วยความโอ้อวดและจงรักภักดี
    แววตาที่เปล่งประกายของเด็กๆ เหล่านี้...ส่งผลให้กริดลืมเลือนภัยคุกคามจากจักรวรรดิไปชั่วคราว

    "แล้วฉันจะรอทุกคนนะ"

    เดิมที...กริดต้องการเป็นกษัตริย์เพียงเพราะภาษีจากประชาชน
    เขาต้องได้กินในสิ่งที่อย่างกิน  ได้ซื้อในสิ่งที่อยากได้  
    ปัจจุบัน...ความฝันดังกล่าวยังคงเดิม  หากแต่มีสิ่งอื่นที่ต้องบรรลุให้ได้ก่อนถึงจุดนั้น

    ประชาชนทุกคนต้องอยู่อย่างมีความสุข...มีชีวิตที่ดีขึ้น
    ยิ่งประชาชนอยู่ดีกินดี  รายได้จากภาษีก็ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว 
    ใช่แล้ว...กริดยังเป็นคนละโมภไม่เปลี่ยน  แต่เป็นความละโมภคนละแบบกับจักรพรรดิ
    กริดไม่มีแผนจะกลั่นแกล้ง  รังแกคนจนหรือผู้ที่อ่อนแอกว่า  
    ชายหนุ่มตระหนักถึงบาดแผลทางใจเป็นอย่างดี  เขารู้ดีกว่าใครทั้งหมด...ว่าผู้ถูกกระทำมีชีวิตและสภาพจิตใจที่โหดร้ายมากเพียงใด  
    กริดไม่อาจกระทำตัวเฉกเช่นจักรพรรดิ  ที่ไล่ฆ่าชนกลุ่มน้อยแถบชายแดนจนสิ้นซาก
    ความมั่งคั่งของกริด...จะต้องมาจากการไม่เบียดเบียนผู้อ่อนแอ

    "ได้ยินมาว่า...อัตรทูตจากจักรวรรดิขอเข้าพบ  คงไม่ใช่เรื่องดีสินะฝ่าบาท"

    สติกส์คาดเดาเมื่อเห็นกริดรีบร้อนมาหาตนที่โรงเรียน
    กริดเอ่ยปาก

    "ส่งฉันไปทวีปตะวันออกเดี๋ยวนี้...แล้วอย่าลืมม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกด้วย"

    "..."

    ใบหน้ากริดพลันกระตุก  เมื่อหวนนึกถึงอดีตอันน่าอับอาย
    สติกส์คือหนึ่งในต้นเหตุครั้งนั้น...เป็นเพราะสติกส์ไม่ยอมมอบม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกให้ตน!
    ปราชญ์เอลฟ์ถอนหายใจเล็กน้อย  ก่อนจะยื่นม้วนคาถาให้กริดจำนวนสองใบ

    "มีบางสิ่งที่กระผมต้องแจ้งให้ทราบ"

    "ว่ามา"

    "สภาพแวดล้อมในไรน์ฮาร์ทไม่เหมาะแก่การสร้างม้วนคาถา  กระผมต้องกลับไปยังหมู่เกาะเบเฮนเพื่อสร้างมัน  กระบวนการจะใช้เวลาทั้งสิ้น 28 วันในการสร้างม้วนคาถาหนึ่งใบ"

    "..."

    จะเกิดอะไรขึ้นหากสติกส์หายตัวไปหนึ่งเดือน...
    โรงเรียนโอเวอร์เกียร์จะขาดแคลนบุคลากร  จนถึงขั้นหยุดการเรียนการสอน
    หรืออีกความหมายหนึ่ง

    'การเดินทางในครั้งนี้...ต้องกอบโกยผลประโยชน์กลับมาให้ได้มากที่สุด'    

    เดิมที...แผนของกริดในการเยือนทวีปตะวันออกนั้นมีเพียงสิ่งเดียว
    คือการนำตัวไอดานกลับมา
    ไอดานคือพ่อครัวที่สามารถเพิ่มค่าสถานะของสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้ในทุกมื้อาหาร
    บางที...กริดอาจได้กำลังสนับสนุนบางส่วนจากฮานซอกบงเป็นของแถม
    แต่ดูเหมือนว่า...เพียงเท่านั้นจะไม่พอเสียแล้ว  กับโอกาสแสนสำคัญที่มีเพียงหนเดียว

    'ทวีปตะวันออกมิใช่สถานที่ไปกลับดั่งใจนึกอีกต่อไป...คราวนี้  เราต้องพาคนกลับมาด้วยให้มากที่สุด...อย่างน้อยก็ระดับกองทัพ'

    ***

[ ท่านใช้งานม้วนคาถาข้ามทวีป ]
[ ท่านเข้าสู่แพงเจีย  เมืองเริ่มต้นของทวีปตะวันออก ]

    กริดกระพริบตาเล็กน้อยเมื่อถูกส่งมาถึงแพงเจีย
    ขณะกำลังทึ่งในความสุดยอดของม้วนคาถาจากสติกส์  ชายหนุ่มพลันต้องฉงนเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดภายในเมือง

    'ทำไมผู้คนถึงมีสีหน้าหม่นหมองนัก'

    ในอดีต...กริดคือตัวตนปาฏิหาริย์สำหรับชาวเมืองแพงเจีย
    ไม่เพียงจะสร้างคันศรฟินิกซ์แดงสำเร็จ  แต่ยังจัดการกับมอนสเตอร์เกราะหนามจนสิ้นซาก  บรรยากาศรอบเมืองแพงเจียควรครื้นเครงมากกว่านี้
    แต่กลับตรงกันข้าม  สีหน้าชาวเมืองเศร้าศร้อยราวกับมีใครบางคนเสียชีวิต
    ตลาดเงียบสงัดราวหนูตาย  ผู้คนที่ผ่านไปมารวมถึงพ่อค้า  ต่างก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

    'เกิดอะไรขึ้นกันแน่'

    ซูเอ...ใบหน้าของหล่อนลอยขึ้นมาในหัวกริดเป็นลำดับแรก
    ซูเอคือนักรบหญิงที่งดงามและมีจิตใจดี  เป็นที่รักของชาวเมืองทุกคน
    
    'หรือจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเธอ...'

    กริดชื่นชอบในตัวซูเอไม่น้อย...ถึงหล่อนจะเป็นพวกโรคจิตก็ตาม
    เป็นเพราะซูเองดงามระดับเดียวกับไอรีนใช่ไหม...นั่นก็ใช่  เป็นส่วนหนึ่ง...แต่ไม่ใช่ทั้งหมด  
    ซูเอคือหญิงสาวที่ยอดเยี่ยม  แม้หล่อนจะเป็นบุตรสาวเจ้าเมือง  แต่กลับไม่เย่อหยิ่งจองหอง  
    ตรงกันข้าม...ซูเอเลือกเส้นทางนักรบที่เหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก  เพื่อปกป้องชีวิตของชาวเมืองทุกคน
    
    '...ถึงจะเป็นพวกโรคจิตก็ตาม'

    ขณะกริดกำลังรีบมุ่งหน้าไปยังปราสาทแพงเจีย  ใครบางคนได้ฉุดกระชากแขนของชายหนุ่มอย่างรุนแรง  
    มือปริศนาอันเรียวเล็ก  แต่กลับมีพละกำลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ
    เจ้าของมือดังกล่าวคือพนักงานหญิงของร้านอาหารไอดาน...หยางเฟย

    "ไม่ได้พบกันนาน...สบายดีไหม"

    กริดโบกมือทักทายหยางเฟยเล็กน้อย
    ท่าทีอันอบอุ่นของกริด  ทำให้หยางเฟยต้องใบหน้าแดงก่ำ
    แต่เพียงไม่นาน...หลังจากเหลียวซ้ายแลขวา  เธอรีบนำทางชายหนุ่มเข้าไปในตรอกเปลี่ยว

    ตุ้บ

    หยาบเฟยผลักกริดจนหลังติดกำแพง  จากนั้น...เธอฟาดฝ่ามือข้างหนึ่ง  ใส่กำแพงอันว่างเปล่าที่อยู่ข้างใบหน้ากริด
    นี่ตนกำลังถูกเด็กสาวไม่บรรลุนิติภาวะคุกคามงั้นหรือ...
     ขณะชายหนุ่มกำลังกระอักกระอ่วน  เขาพลันจินตนาการบางสิ่งขึ้นมา

    "ท--ทำไมเธอถึงพาฉันเข้ามาในตรอกเปลี่ยวเช่นนี้!  อย่าบอกนะว่าเธอจะ..."

    หยางเฟยกลายเป็นพวกโรคจิตไปอีกคนแล้วหรือ

    'สาวๆ ของทวีปตะวันออกเจ๋งที่สุด!'

    ยิ่งจินตนาการ  หัวใจกริดก็ยิ่งเต้นโครมคราม
    ทันใดนั้น  หยางเฟยตะคอกใส่กริดด้วยสีหน้าเจ็บปวด

    "ทำไมกัน...นายกลับมาที่นี่ทำไม!"

    "หือ..."

    สีหน้าอันเจ็บปวดของหยางเฟยเป็นเรื่องจริง
    กริดไม่เคยคิดมาก่อนว่า  เด็กสาวไร้อารมณ์อย่างเธอจะแสดงออกเช่นนี้ได้...แม้กระทั่งการตะคอกใส่หน้า

    ชายหนุ่มเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงขึงขัง
    "เกิดอะไรขึ้น"

    ทันใดนั้น

    "ฮึก...ฮือ"

    เมื่อเริ่มร้องไห้  ไหล่ของหยางเฟยจึงสั่นระริก
    ความเศร้าโศกและความกังวลทั้งหมดที่ผ่านมา  พลันถูกปลดปล่อยเมื่อหยางเฟยได้เห็นใบหน้าอันอบอุ่นของกริดอีกครั้ง

    "เจ้าเมืองฮานซอกบงและคุณหนูซูเอถูกทางการจับกุมตัวไป..."

    "ทางการ...หมายถึงรัฐบาลอาณาจักรโชน่ะหรือ"

    "ถูกต้อง...มีข่าวลือว่า  กษัตริย์ของอาณาจักรโชอยากรู้วิธีติดต่อกับนาย...แต่ท่านเจ้าเมืองกลับปฏิเสธที่จะบอก  ส่งผลให้เขาต้องโทษ  กลายเป็นผู้ทรยศอาณาจักร"

    "วิธีติดต่อฉัน..."

    กริดเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที

    'พวกมันคงอยากรู้ข้อมูลของช่างตีเหล็กสินะ...ช่างตีเหล็กผู้สามารถสร้างคันศรฟินิกซ์แดงให้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าของเดิมได้'

    ทำไมกัน...ทำไมพวกคนมีอำนาจถึงต้องทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้เสมอ
    ชายหนุ่มขบกรามแน่นอย่างเจ็บแค้น

    หยางเฟยกล่าวต่อไป

    "รีบหนีไปซะ...หากนายยังอยู่ที่นี่  อาจถูกทหารของกษัตริย์จับกุมตัวเอาได้"

    อันที่จริง...หยางเฟยคิดถึงกริดมากกว่าใครทั้งหมด
    เธอสวดภาวนาให้กริดกลับมาหาทุกคืนวัน...เธอคิดถึงสัมผัสจากฝ่ามือกริด
    ถึงกระนั้น...หยางเฟยก็ไม่ต้องการให้กริดตกอยู่ในอันตราย
    สำหรับหยางเฟยแล้ว  กริดคือตัวตนแสนสำคัญที่เธอไม่อยากเสียไป  
    ในฐานะบุตรสาวคนกลางของตระกูล  ผู้แบกรับความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูพี่น้องทุกคนตั้งแต่ยังเล็ก  ความสุขเดียวในชีวิตที่เคยพานพบ...คือกริด
    
    "ไม่ต้องห่วง...ฉันไม่เป็นอะไร  ไม่เป็นอะไรแน่นอน"

    เมื่อสัมผัสได้ถึงความห่วงใย  กริดตัดสินใจโอบกอดร่างเล็กๆ ของหยางเฟยที่กำลังสั่นเทา  
    แต่ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลยว่า  การกระทำเช่นนี้มันมากเกินกว่าเธอจะรับไหว
    ใบหน้า  ลำคอ  และใบหู  อวัยวะทุกส่วนของร่างกายที่เปลี่ยนสีได้  บัดนี้พลันแดงก่ำราวผลแครอท
    ขณะเดียวกัน...กริดก็ตระหนักได้ว่า  นี่คือสัญญาณของภารกิจใหม่

    ทันใดนั้น

[ ★ภารกิจลับ★  <ช่วยเหลือสองพ่อลูกตระกูลฮาน> ถูกสร้างขึ้น ]

    เรื่องราวบทใหม่อันน่าตื่นเต้นกำลังรอคอยกริดอยู่

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00