จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1067
จักรวรรดิซาฮารันคือประเทศที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดบนทวีปตะวันตกมาช้านาน
ด้วยประชากรจำนวนมาก บุคคลพรสวรรค์จึงปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนให้บ้านเมืองไปข้างหน้าก้าวกระโดด
ข้อความข้างตนคือประโยคเกริ่นนำขณะผู้เล่นสร้างตัวละครใหม่ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้เล่นส่วนมากเลือกเมืองเกิดเริ่มต้นเป็นจักรวรรดิ
จากขนาดประชากรและอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ซาฮารันไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ
แต่คล้ายกับถูกคำสาป จักรวรรดิไม่เคยให้กำเนิดสุดยอดนักดาบแห่งยุคสมัยแม้แต่คนเดียว อริยดาบรุ่นแล้วรุ่นเล่าล้วนปรากฏตัวภายนอกซาฮารันเสมอ
จึงเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใด ปิอาโร่ในยุคสมัยมหาจอมดาบจึงถูกคาดหวังจากผู้คนรอบข้างไว้สูงลิบ
“นานแค่ไหนแล้วนะ…คงสี่ปีกระมัง”
ดยุคแห่งดาบ ลิมิต
มันร่อนลงจากเพดานด้วยมาดแสนองอาจ
ดวงตาคมเข้ม คิ้วหนา ร่างกายกำยำ เส้นผมถูกหวีจัดระเบียบเรียบร้อย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแสดงถึงบุคลิกพิถีพิถัน และเป็นพวกไม่แสดงออกทางอารมณ์มากนัก
“…”
การปรากฏตัวของลิมิตทำให้กริดใจเย็นลง
สติที่เคยขาดผึ่งหลังจากประจักษ์สภาพสุดสลดหดหู่ของดยุคทั้งสาม พลันเชื่อมติดกลับอีกครั้งแนบแน่นเมื่อศัตรูแข็งแกร่งปรากฏตัว
ดยุคแห่งดาบยิ่งใหญ่เกินกว่าตนจะหุนหันพลันแล่นเข้าเผชิญหน้า แบบนั้นไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย
อาจเคยถูกบดบังรัศมีในยุคทองของปิอาโร่และอัสโมเฟล แต่ไม่ใช่กับปัจจุบันแน่
ตลอดระยะเวลาสิบสองปีที่สองเสาหลักแห่งซาฮารันหายใจทิ้งไปวันๆ อย่างสูญเปล่า ลิมิตลับคมดาบของตนโดยเคยไม่ละเลย ชีวิตของมันเกิดมาเพื่อเป็นดาบให้กับองค์จักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว
ปัจจุบัน ลิมิตพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในบุคคลสุดแกร่งของจักรวรรดิ
กริดกำลังสัมผัสถึงความน่าสะพรึงเต็มสองตา
[ปราณต่อสู้ของท่านเพิ่มขึ้น]
[ปราณต่อสู้ของท่านเพิ่มขึ้น]
…
พลังราชาวีรบุรุษแสดงปฏิกิริยาตอบสนองในระดับน่าทึ่ง
ด้วยความสัตย์จริง ปราณต่อสุดสู้เข้มข้นรอบตัวกริดไม่เคยเพิ่มอัตโนมัติด้วยความเร็วระดับนี้มาก่อน
ลิมิตลอยตัวลงมาเหนือศีรษะกริดเล็กน้อย แต่ยังรักษาระยะห่างออกไปหลายเมตร ดยุคแห่งดาบก้มมองชายหนุ่มด้วยมาดสุดสุขุมโอหัง
“กริดแห่งโอเวอร์เกียร์ ข้าได้ยินกิตติศัพท์ของเจ้ามากมายในพักหลัง…
“ขอถามสักข้อ เจ้าที่เป็นถึงผู้นำอาณาจักรคิดทำสิ่งใดภายในเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิอย่างนั้นหรือ? ถึงพวกเราจะเป็นคู่สงคราม แต่การลอบแทรกซึมเข้ามาภายในกรุงไททัน ไม่คิดว่าเป็นพฤติกรรมที่โอหังไปหน่อยหรือไง?”
แต่ไหนแต่ไร ขุนนางจักรวรรดิมักเรียกขานอาณาจักรอื่นโดยรอบว่า ‘อาณาจักรเล็ก’
ทว่าผิดกับลิมิต มักเรียกโอเวอร์เกียร์ว่าอาณาจักร โดยมิได้แต่งเติมวลีดูแคลนลงไป
นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับกริดสักเท่าไร…
เพราะนั่นหมายความว่า ลิมิตจับตามองโอเวอร์เกียร์เยี่ยงศัตรูเท่าเทียมมาตลอด คอยระวังตัวอย่างรอบคอบ ผิดกับขุนนางหน้าโง่คนอื่นที่ต่อสู้ด้วยทัศนคติประมาท
เหงื่อไคลเริ่มผุดระหว่างร่องนิ้วกริด ชายหนุ่มกำลังตึงเครียดไม่เหมือนทุกครั้ง
‘เรายอมโดนดูถูกด้วยท่าทีประมาทมากกว่า’
ขณะดื่มโพชั่นเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตกลับคืน หัวใจกริดกำลังบีบระรัวดุจดังจังหวะกลองรบ
เพียงดาบเดียวของลิมิตสร้างความเสียหายต่อชายหนุ่มได้มากถึง 32,000 หน่วย
นับตั้งแต่เรียกตัวเองว่าราชาโอเวอร์เกียร์ มีบุคคลจำนวนเพียงหยิบมือที่สามารถประเคนความเสียหายระดับนี้กับตนได้ในการโจมตีเดียว
‘หมอนี่ของจริง’
จากบรรดาเหล่าดยุค มอริสร่างสัตว์ป่าจะทรงพลังกว่ากริดสภาพบัฟเต็มพิกัดเล็กน้อย ส่วนอริยหอกเรเชลจะแข็งแกร่งเป็นอย่างต่ำเทียบเท่าร่างสัตว์ป่าของมอริส
และลิมิตแข็งแกร่งอย่างน้อยระดับเรเชล…
จากบรรดาห้าเสาหลัก เมื่อเทียบกับไคล์ซึ่งอ่อนแอที่สุด ลิมิตจะแข็งแกร่งกว่านั้นเล็กน้อย
‘และถ้าหากมันไม่ประมาท…’
อาจอยู่ระดับเดียวกับยังบันการัม?
ยังบันการัมคือศัตรูทรงพลังอย่างไร้ข้อกังขา จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวในอดีตคือการที่มันประมาทกริดจนเผยช่องว่าง ชายหนุ่มจึงฉวยโอกาสหนีรอดมาได้
ลิมิตเล็งดาบในมือมาทางกริดผู้กำลังรอคอยให้ระยะหน่วงของโพชั่นวนมาถึงอีกรอบ
แม้สภาพแวดล้อมภายในคุกนรกจะมืดมิด แต่ดาบประกายน้ำเงินของมันกลับยังส่องประกายแวววาวอย่างไร้เหตุผล
เพียงมองผิวเผินโดนไม่ต้องใช้พลังเนตรก็พอจะประเมินได้ว่า ดาบเล่มดังกล่าวมีระดับไม่ต่ำกว่าเลเจนดารีและเต็มไปด้วยออปชันทรงประสิทธิภาพ
กริดนึกเจ็บใจ
‘ทำไมเนตรแพ็กม่าถึงใช้ไม่ได้ในเวลาแบบนี้!’
เนตรแพ็กม่าวิวัฒนาการมาจากเนตรช่างเหล็กในตำนาน
เนตรช่างเหล็กสามารถมองเห็นรายละเอียดไอเท็มได้ผิวเผิน แต่เนตรแพ็กม่าจะมองเห็นทุกซอกมุมรวมถึงสามารถคัดลอกไอเท็มดังกล่าวนานหนึ่งวันเต็ม
นับเป็นการพัฒนาชนิดก้าวกระโดด
อย่างไรก็ตาม ทักษะสุดโกงและมาด้วยระยะหน่วงที่มากถึงหนึ่งชั่วโมง ในช่วงเวลาดังกล่าว กริดไม่สามารถมองเห็นคุณสมบัติไอเท็มเป้าหมายได้เลย
‘บ้าจริง… ดันมาติดระยะหน่วงจังหวะสำคัญ’
ในการดวล ปัจจัยชี้เป็นชี้ตายผลแพ้ชนะคือข้อมูลของอีกฝ่าย
สอดส่องไอเท็มสวมใส่เป้าหมาย จ้องเล่นงานจุดอ่อนศัตรูให้ชะงักงัน วิธีนี้ไม่ถูกจำกัดเฉพาะผู้เล่นเท่านั้น ยังรวมถึง NPC พิเศษด้วย
‘ในอดีต เราเคยละเลยความสำคัญของข้อมูลอุปกรณ์สวมใส่…’
เป็นเหตุการณ์ก่อนกริดจะเริ่มเข้าใจโลกซาทิสฟายอย่างถ่องแท้ แต่ปัจจุบัน ชายหนุ่มเข้าใจความสำคัญของข้อมูลและไม่คิดมองข้าม
และนั่นยิ่งทำให้มันนึกเสียดาย
ทันใดนั้น ขณะระยะหน่วงโพชั่นเหลืออีกหนึ่งวินาที กริดพลันฉุกคิดบางสิ่งได้ มันไม่รีรอที่จะเริ่มบทสนทนากับดยุคแห่งดาบ
“ฉันไม่มีความคิดจะสร้างความเสียหายแก่จักรวรรดิ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ฉันต้องการให้สงครามจบลงโดยเร็ว! แต่หลังจากได้ยินข่าวลือว่าสามดยุคถูกจับกุมและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จึงรีบเดินทางมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ”
“อยากจบสงคราม แต่กลับสังหารรีกัล ราชาท้องฟ้า สังหารดีวอส ดยุคแห่งสุรา และฆ่าทหารจักรวรรดิไปอีกหลายหมื่นนายงั้นหรือ?”
“นั่นเป็นการป้องกันตัวอย่างไม่มีทางเลือก! ในเมื่อมีคนบุกรุกอาณาจักร จะให้นิ่งดูดายมองดูประชาชนถูกเข่นฆ่าได้อย่างไร?”
“ทั้งสามดยุคถูกคุมขังเพื่อลงโทษในคดีกบฏบ้านเมือง ต้นตอก็ไม่ใช่เรื่องอื่นไกล มาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างพวกมันกับเจ้าซึ่งเป็นกษัตริย์อาณาจักรศัตรู ความผิดของดยุคทั้งสามคือสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยง ช่างน่าขัน ยิ่งเจ้าเข้ามาแทรกแซงออกนอกหน้าเช่นนี้ สถานการณ์ของพวกมันก็ยิ่งย่ำแย่ลง”
“ฉันสานสัมพันธ์กับพวกเขาเพราะต้องการยุติสงครามกับจักรวรรดิ! ไม่มีเจตนาทำร้ายซาฮารันแม้แต่น้อย…!”
“แค่ลมปากใครจะเชื่อ? ตัวบทกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว กล่าวถึงบทลงโทษหากมีการลอบติดต่อกับกษัตริย์อาณาจักรศัตรูโดยไม่แจ้งให้ฝ่าบาทรับทราบล่วงหน้า”
ด้วยความสัตย์จริง คำแก้ต่างของลิมิตฟังขึ้น
แต่นั่นก็ต่อเมื่อไม่นับรวมความลับมากมายที่พวกมันซุกซ่อนไว้ตลอดหลายปี
“ไอ้หัวค*ย!”
ความอดทนของกริดหมดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อตระหนักได้ว่าการเจรจาไม่คืบหน้า ชายหนุ่มส่งเสียงตะโกนด่าทอหัวเสีย
“แกมันระยำไม่ต่างจากนังผู้หญิงชั่ว! เป็นเพราะสามดยุคได้พบปิอาโร่และทราบความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับคดีสิบสองปีก่อนต่างหาก! พวกแกจึงกลัวว่าความจริงจะถูกกราบทูลให้องค์จักรพรรดิรับทราบ!”
“…”
“แกใช่ไหม? เป็นแกกับองค์ชายสี่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพนี้สินะ!”
แม้สติของกริดจะขาดผึ่งจนโพล่งด่าทอด้วยถ้อยคำแสนหยาบคาย แต่ลิมิตยังคงจ้องมองโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ถึงจะเป็นครั้งแรกที่มันเคยได้ยินอะไรแบบนี้ แต่ความองอาจของขุนนางใหญ่ยังช่วยให้มันสุขุมสงบนิ่ง
“ต่ำช้า… ไม่รู้อย่างนั้นหรือ ยิ่งมีตำแหน่งสูงเท่าไรก็ต้องยิ่งระวังวาจามากเท่านั้น แต่เจ้ากลับไม่หลงเหลือแม้แต่เกียรติแห่งขุนนาง อย่าว่าแต่กษัตริย์เลย เป็นแค่อัจฉริยะไร้หัวนอนปลายเท้า”
“ช่างหัวศักดิ์ศรีแม่มสิ! แกจำเป็นต้องทำกับพวกเขาขนาดนี้เลยรึไง!?”
“แกไม่มีสิทธิ์รู้”
“ชิ…!”
ตนน่าจะพาฮิวรอยมาด้วย…
ขณะกริดกำลังนึกเสียดายยิ่งกว่าการใช้เนตรแพ็กม่าไม่ได้ ชายหนุ่มพลันฉุกคิดถึงทักษะอัญเชิญอัศวิน
‘จะได้ผลรึเปล่า?’
ในสถานการณ์แสนสิ้นหวัง การฝืนเอาชนะตามลำพังไม่ใช่เรื่องฉลาดสักเท่าไร ลองเสี่ยงใช้ประโยชน์จากพลังของราชาคงไม่เสียหาย
“อัญเชิญอัศวิน!”
กริดตะโกนปลดปล่อยทักษะ
ทว่า
[สถานที่ปัจจุบันจำกัดจำนวนบุคคลในภารกิจ]
[อัญเชิญอัศวินล้มเหลว]
ระบบปฏิเสธ… กะแล้วเชียว
‘หมายความว่าไอเชี่ยลิมิตมันอยู่ในขอบเขตภารกิจด้วยรึไง?’
“หืม… คิดเรียกปิอาโร่อย่างนั้นหรือ? เชิญลงมือได้เลย จะได้ฆ่าทิ้งไปพร้อมกันให้จบเรื่อง”
ลิมิตเอียงคอรอผลลัพธ์การอัญเชิญ
ก่อนมันจะตัดพ้อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เป็นเพราะมีข่าวลือว่าสามดยุคกำลังรวมตัวภายในเมืองหลวงอย่างน่าสงสัย จึงเกิดคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกมัน ด้วยเหตุนี้ ฉันพลอยถูกเรียกตัวกลับทั้งที่มีงานล้นมือด้านนอก วุ่นวายชะมัด”
หรือก็คือ มันไม่ได้มีเจตนากลับมาแต่แรก
“รีบทำให้มันจบกันดีกว่า”
วิ้ง—!
กลุ่มก้อนพลังงานลึกลับเริ่มรวมตัวรอบดาบในมือลิมิต
“ด้วยอำนาจแห่งดยุคจักรวรรดิ ข้าขอลงโทษเจ้าในความผิดข้อหาสังหารขุนนางระดับสูงและทหารซาฮารันไปเป็นจำนวนมาก”
ฉึบ—!
กริดและลิมิตอยู่ห่างกันราวห้าเมตร
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายมิได้พุ่งปรี่โจมตีประชิดตัวกริด แต่เลือกตวัดดาบสร้างคลื่นพลังสีขาวเข้าปะทะ
‘นั่นทักษะใช่ไหม?’
ลิมิตแทบไม่ขยับตัว กระนั้นกลับสามารถสร้างคลื่นดาบซึ่งอัดแน่นด้วยปราณดาบปริมาณมหาศาลขนาดนี้ได้เชียวหรือ?
ไม่มีทางเป็นการโจมตีธรรมดาแน่…
ทักษะอาจไม่มีเอฟเฟคอื่นแฝง แต่ลำพังพลังทำลายก็มากพอจะสร้างความตึงเครียด
“โนเอะ ถ้าสบโอกาส แกต้องเปิดช่องว่างให้ฉันทันที เข้าใจไหม?”
กริดคิดไวทำไว เลือกเคลื่อนตัวหลบหลีกการโจมตีจากลิมิต
ขณะร่างกายกำลังขยับไปด้านข้าง ชายหนุ่มพลันสัมผัสถึงกลิ่นอายลิมิตได้จากด้านหลัง
ฟุ่บ—!
“…!”
ในวินาทีที่เสียงลมลอดผ่านหู กริดรีบหันหลังกลับไปมองด้วยแววตาตื่นตระหนก
ลิมิตเล็งกำลังโจมตีใส่ศีรษะ
“บาปที่บังอาจสังหารขุนนางแห่งจักรวรรดิ”
ผัวะ!!
ดยุคแห่งดาบใช้รองเท้าเหล็กเตะใส่ศีรษะกริดเต็มแรงประหนึ่งลูกบอล
นับเป็นการโจมตีแสนทรงพลังชนิดที่ชายหนุ่มได้แต่นึกสงสัยว่า สมองตนจะระเบิดกระจัดกระจายหรือไม่หากมิได้สวมหมวกเหล็กพร้อมมงกุฎปกป้องไว้?
[ท่านได้รับความเสียหาย 6,750]
“บาปที่บังอาจบุกรุกจักรวรรดิ”
ฉึก! ฉึกฉึกฉึกฉึกฉึก!
อาการผิดปรกติทางกายภาพ
คลื่นแสงขาวพุ่งสะบั้นร่างกายกริดขณะมันยืนมึนงงจากภาวะสมองกระทบกระเทือน
การโจมตีของลิมิตหาได้รวดเร็วนัก เพียงหกดาบต่อวินาที แต่กลับรับมือได้ยากเย็นเพราะแต่ละดาบแฝงด้วยอำนาจสะกดข่มรวมถึงวิถีอันซับซ้อน
“บาปที่บังอาจเอ่ยถึงคนทรยศปิอาโร่”
ฉึก!!
หลังจากฉวัดเฉวียนไปทั่วร่างอย่างสนุกสนาน ในที่สุดดาบลิมิตได้เสียบค้างเข้าหัวใจชายหนุ่ม
“บทลงโทษของเจ้าคือความตาย”
ฉูด…!
แผ่นอกกริดพลันเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
ลำธารโลหิตสาดกระเซ็นพรั่งพรูจากร่องช่องว่างชุดเกราะวัลฮัลล่าประหนึ่งเขื่อนแตก
ร่างกริดทิ้งตัวล้มลงไปด้านหน้าไร้แรงต้าน
ลิมิตฉากหลบไปด้านข้างเล็กน้อยราวกับรังเกียจความเปรอะเปื้อนของอีกฝ่าย
“คิดว่าแค่นี้ฆ่าจะฉันได้รึไง?”
ชายหนุ่มรีบกลิ้งตัวพร้อมกับกระโจนใส่ดยุคแห่งดาบเพื่อรัวฟันด้วยความเร็วสูง แสงทองจากคมดาบท้าทายเทพตวัดกลางอากาศจนเกิดภาพติดตาจำนวนมาก
ทว่า
เคร้ง!
ความต่างชั้นเกินไปของเทคนิคดาบได้กลบความเร็วโจมตีไร้ประโยชน์จนมิดชิด
ท่ามกลางร่างกายชุ่มเลือดคล้ายซากศพของราชาโอเวอร์เกียร์ ชั้นบาเรียสีส้มจากสมญานามกษัตริย์คนแรกกำลังส่องสว่างปกคลุมลำตัว
“แกว่งดาบมั่วซั่วแบบนั้นจะฆ่าใครได้? เป็นเด็กหัดฟันดาบหรืออย่างไร คิดทำสิ่งใดกันแน่?”
“…”
ด้วยค่าวิสัยทัศน์มหาศาล ลิมิตชำเลืองมองแหวนวงใหม่ที่เพิ่งถูกสวมบนนิ้วมือกริด มันกำลังส่องแสงสีแดงเข้มข้นและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจลึกลับ
เคร้ง—!
ขณะดาบของทั้งคู่ฟันปะทะกัน กริดฉวยโอกาสสืบเท้าขวาไปด้านหน้าหนึ่งก้าว
ปึก!
ชายหนุ่มอาศัยเท้าขวาเป็นฐานส่งแรงผลักกระแทกดาบลิมิตให้ร่นถอยไปด้านหลัง จากนั้นก็ขยับเท้าตัวเองตามเข้าไป
ลิมิตดึงดาบกลับพร้อมกับสร้างคลื่นแสงสีขาวรอบใบดาบเตรียมตวัดใส่
ซู่ว—
กริดพุ่งตัวแทง ‘สังหาร’ ตามน้ำหลังจากฉวยโอกาสรำดาบติดต่อกันสองก้าว
“สังหาร!”
“สะบั้นดารา”
บึ้มมมมมมม!!
ขณะคลื่นดาบสองเล่มเริ่มปะทะกันกลางอากาศ สีหน้าฝั่งลิมิตค่อนข้างสุขุม
มันเชื่อว่าคลื่นดาบของตนมีอำนาจเหนือกว่า และจะไม่ถูกสลายไปด้วยการโจมตีของกริดแน่
นี่มิใช่ความโอหังหรือทระนงตนเกินเหตุ
แต่เป็นผลสรุปจากประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนและค่าวิสัยทัศน์อันสูงส่ง
อย่างไรก็ตาม ลิมิตมองข้ามไปหนึ่งปัจจัย
“…!?”
วิชาดาบกริด มิใช่เทคนิคดาบที่ถูกสร้างด้วยพลังของกริดเพียงคนเดียว แต่เป็นการตกผลึกองค์ความรู้และประสบการณ์ของสองตำนานเข้าด้วยกัน
บึ้ม—!
แรงปะทะมหาศาลส่งผลให้ทั้งกริดและลิมิตต่างกระเด็นไปคนละทิศทาง
ชายหนุ่มกระแทกรั้วเหล็กห้องขังด้านหลังจนเกิดเสียงโครม ส่วนดยุคแห่งดาบลอยเคว้งไปทางใจกลางช่องว่างหลุมดำอันเวิ้งว้าง
หงึกหงึก…
ขณะเลือดไหลซึมจากมุมปาก นัยน์ตาลิมิตกำลังหดลีบและสั่นระริก ความสุขุมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเมื่อครู่ไม่หลงเหลืออีกต่อไป
แทนที่ด้วยสีหน้าเจ็บแค้นและฉุนเฉียว
“ก็ไม่เท่าไรนี่นา… เชิญเข้ามาได้เลย”
ปึด!
ลิมิตนำพาร่างแหวกอากาศเข้าหากริดด้วยความเร็วสูง ในวินาทีใกล้ประชิดตัวอีกฝ่าย ดยุคแห่งดาบตวัดศาสตราด้วยจิตสังหารเหลือล้นหมายปลิดชีพ
โค้กและเลซี่ที่รอโอกาสซุ่มโจมตีได้ลงมือพร้อมกันจากด้านหลังลิมิต ขณะเดียวกัน กริดรำเทคนิคดาบใหม่เสร็จเรียบร้อยเตรียมปลดปล่อย
บึ้มบึ้มบึ้ม!
บึ้มบึ้ม—!!
การต่อสู้แสนดุเดือดของคนทั้งสี่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนหนักหน่วงแก่ช่องว่างคุกนรก
จะรอดไปยังไงเนี่ย
ReplyDeleteรอดเพราะความเข้าใจผิด ก็นี่ก็อดกริดยังไงล่ะ
ReplyDelete