จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1066



[จับกุมอสูร ‘บีฟรองเซ่’ สำเร็จ!]


[สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของบีฟรองเซ่เริ่มทำงาน]


[นับแต่นี้ไป บีฟรองเซ่จะให้ความร่วมมือกับการตอบคำถามท่านมากขึ้น]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘พวงกุญแจเวทมนตร์’]


[พวงกุญแจมีน้ำหนักมากเกินไป!]


[น้ำหนักสัมภาระในตัวท่านสูงกว่า 150% ความเร็วทุกชนิดและแต้มสถานะทั้งหมดจะลดลงอย่างมาก!]


[บีฟรองเซ่ที่เป็นอิสระจากพวงกุญแจจะได้รับแต้มสถานะกลับคืนมา]


‘นี่มันเรื่องบ้าอะไร…’


อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำบ่อยครั้งนัก


ค่าพละกำลังของกริดอยู่ในระดับที่ผู้เล่นทั่วไปมิอาจเอื้อม ชายหนุ่มครอบครองสมญานามมากมายรวมถึงออปชันจากไอเท็มอีกหลายชนิด โดยเฉพาะสมญานาม ‘ผู้กอบกู้โลก’ ซึ่งถูกยกระดับหลังจากปราบเฟย์ริส ค่าพละกำลังกริดจึงสูงเกือบถึงสี่พันหน่วยไปแล้ว


น้ำหนักเกิน?


ไม่ได้พูดเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่า กริดสามารถออกล่ามอนสเตอร์ได้ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็มโดยไม่ต้องกลับเมืองไปขายขยะ


นี่คือในกรณีที่พกพาอุปกรณ์สวมใส่น้ำหนักมากหลายชิ้น รวมถึงโพชั่นอีกมหาศาลเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน


แต่พวงกุญแจบัดซบดอกเดียวกลับทำให้น้ำหนักร่างกายเกิน 150%?


เอาจริงดิ…


ชายหนุ่มขยับแขนที่ไร้เรี่ยวแรงเพื่อสำรวจรายละเอียดไอเท็มพวงกุญแจปริศนา


<พวงกุญแจเวทมนตร์>

ภายในบรรจุกุญแจ 521 ดอกสำหรับเปิดห้องขังภายในคุกนรก

แกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์ร่ายมนตร์ทำให้น้ำหนักของมันเพิ่มขึ้นมาก

น้ำหนัก : หนัก1.2 เท่าของค่าน้ำหนักสูงสุดโดยไม่สนใจพละกำลัง


‘กุญแจหรือโซ่ตรวนกันแน่…’


กริดมั่นใจ จุดประสงค์แท้จริงของพวงกุญแจคือการสยบพลังบีฟรองเซ่ไว้


แกรนมาสเตอร์มิได้เชื่อใจอสูรตนนี้


จากเรื่องที่บีฟรองเซ่ไม่ทราบแม้กระทั่งชื่อของอีกฝ่าย เหตุผลประกอบกันลงล็อกพอดีว่าคนทั้งสองมิได้ไว้ใจซึ่งกันและกัน


‘เนตรทำหมันไม่น่าจะได้ผล’


ความสามารถของเนตรทำหมันคือลบล้างบัฟด้านบวกของเป้าหมาย แต่การเพิ่มน้ำหนักถือเป็นบัฟด้านลบ


ถึงบัฟเพิ่มน้ำหนักจะมีประโยชน์ในบางสถานการณ์ แต่การร่ายใส่กุญแจนั้นมีจุดประสงค์ชัดเจน คือหวังสยบการเคลื่อนไหวผู้ถือ


สงสัยไปก็เท่านั้น กริดทดสอบใช้เนตรทำหมันเพื่อให้หายค้างคาใจ


“ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี”


“…”


บีฟรองเซ่มองกริดเป็นคนเสียสติโดยพลัน และยิ่งเนตรทำหมันไม่เกิดผลลัพธ์ ใบหน้าอีกฝ่ายก็ยิ่งบิดเบี้ยวอย่างดูแคลน


กริดยิ้มแห้งพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา


“ช่างน่าขัน แกรนมาสเตอร์ให้ใช้แกทำหน้าที่ผู้คุมช่องว่างแห่งนี้ แต่กลับไม่เชื่อใจและร่ายเวทมนตร์ใส่พวงกุญแจเพื่อเพิ่มน้ำหนัก ทำไมแกถึงยังรับใช้คนแบบนี้อยู่อีก?”


“ผู้มอบกุญแจหาใช่แกรนมาสเตอร์ แต่เป็นองค์จักรพรรดิเมื่อราวร้อยปีก่อน เหตุผลที่มอบพวงกุญแจเพราะเขาทราบดีว่า ข้าไม่มีวันหนีไปไหนได้ และจำเป็นต้องทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์เพื่อมิให้อดตาย”


คำพูดของบีฟรองเซ่สื่อเป็นนัยว่า มันอาศัยภายในช่องว่างแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว


ชะตาชีวิตอาภัพนัก ต้องดำรงชีวิตในสถานที่แสนมืดมิดร่วมกับนักโทษนานนับร้อยปีโดยไม่มีโอกาสได้เห็นแสงสว่าง


ชีวิตที่ไม่มีทางเลือกของตัวเอง


“แล้วทำไมถึงไม่หนีไป? แกสามารถเข้าไปในถ้ำช่องว่างตรงนี้เพื่อขึ้นไปยังโลกกึ่งกลาง หรือไม่ก็กลับสู่ขุมนรกด้วยทางออกอีกฝั่ง”


“มนุษย์น่ากลัวเกินไป ฉันไม่มีทางเอาตัวรอดได้แน่ ส่วนทางออกอีกฝั่ง ที่นั่นมีสัตว์ประหลาดน่ากลัวดักรออยู่”


“สัตว์ประหลาด?”


“ไฮดรา”


กริดเคยได้ยินเรื่องของไฮดราจากถ้อยคำของยารุกต์สมัยอดีต


“เจ้าโง่…! คิดว่าตัวเองมีสิบชีวิตรึไง! แม้แต่ไฮดรายังไม่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับฉันคนนี้!”


นั่นคือประโยคที่ยารุกต์กล่าวกับจู๊ดสมองทึบ


ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ยารุกต์แผ่จิตสังหารเข้มข้นเตรียมฆ่าจู๊ดโดยไม่ลังเล เหตุเกิดเพราะจู๊ดเข้าใจผิดคิดว่าอสูรดาบเป็นศัตรู จึงลงไม้ลงมือและมีปากเสียงกันขณะต่อสู้มาซง


สรุปคือก็ ในฐานะนักดาบอันดับหนึ่งของขุมนรก ยารุกต์ไม่หวาดกลัวแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงไฮดรา


ด้วยเหตุนี้ เมื่อประเมินว่าฝีมือยารุกต์ในช่วงรุ่งโรจน์เทียบเท่าจอมอสูร ไฮดราก็คงมีระดับไม่ต่างจากนั้นมาก


“ไฮดราควรอยู่ในนรกไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?”


“ข้าก็ไม่ทราบ แต่มีหนึ่งสิ่งแน่ชัด เจ้านั่นแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ มีเก้าเศียร ถึงตัดทิ้งก็สามารถงอกใหม่ได้ทันที พ่นพิษรุนแรงชนิดสามารถละลายเนื้อหนังและกระดูกของข้าในพริบตา”


“หืม…”


กริดเริ่มมวนท้อง


อย่าบอกนะว่าภารกิจลับ ‘สถานที่แห่งคำตอบ (1) ’ คือการพกพวงกุญแจบัดซบไปยังใจกลางคุกนรกและต่อสู้กับไฮดรา?


ด้วยผู้ช่วยคือโค้กคนเดียวเนี่ยนะ?


‘ไม่มีทางไหวแน่’


ไฮดราแข็งแกร่งอย่างน้อยเทียบเท่าจอมอสูรระดับต่ำสุด แทบเป็นไม่ได้เลยโดยเฉพาะเมื่อตนปราศจากพลังเฟย์ริส ร่างมืด และบัฟเต็มพิกัดชนิดอื่น


ปัจจุบัน กริดยังเหลือเสมือนเทพอีกหนึ่งหนก็จริง รวมถึงพลังบีเลียลภายในอักขระ แต่นั่นยังไม่เพียงพอจะเอาชนะจอมอสูรลำดับท้ายสุด


ส่วน ‘เขตแดนพายุสายฟ้าอสูร’ ใช้ได้เฉพาะสถานที่เปิดโล่งและเมฆสามารถก่อตัวได้ มิอาจแสดงผลภายในคุกนรกซึ่งมองไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแห่งนี้


และอันที่จริง พลังเขตแดนดังกล่าวแทบไม่ส่งผลกับ NPC พิเศษหรือมอนสเตอร์ระดับบอสอยู่แล้ว จุดประสงค์ไว้เพื่อกำราบศัตรูรูปแบบกองทัพมากกว่า


“แล้วก็…”


กริดครุ่นคิดพลางใช้มือลูบจมูกโนเอะที่เกาะไหล่ตนราวกับจักจั่น


“ทำไมแกถึงกลัวเจ้านี่?”


โนเอะคือสัตว์อสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก


เรื่องนี้หาใช่การยกยอตนเอง แต่มีหลักฐานมากมายยืนยันว่าเม็มฟิสคือสัตว์อสูรทรงพลัง


ปัจจุบันอาจเป็นเพียงแมวอ้วนตะกละ แต่ถ้าพัฒนาจนถึงขีดสุด มีความเป็นไปได้สูงที่จะทรงพลังระดับเดียวกับไฮดรา


มีเพียงมังกรและจอมอสูรเท่านั้นให้หวาดกลัว


และเป็นเหตุผลที่กริดไม่เข้าใจว่า เหตุใดโนเอะถึงแสดงท่าทีสั่นกลัวต่ออสูรบีฟรองเซ่แสนธรรมดาในเหตุการณ์ก่อนหน้า


ฟุ่บ!


เจ้าแมวอ้วนรีบซุกต้นคอกริดด้วยท่าทางหวาดกลัว ร่างกายกำลังสั่นระริก นัยน์ตาดำทรงรีเบิกโพลงอย่างผิดธรรมชาติ


“โนเอะไม่รู้เหมือนกัน… แต่กลัวมาก”


“หืม… เพราะหน้าตาอัปลักษณ์หรือ?”


ว่ากันตามตรง บีฟรองเซ่เป็นอสูรที่มีรูปโฉมค่อนไปทางหล่อเหล่า


ผิวหนังขาวซีดไร้จุดตำหนิ ขนคิ้วคมเข้ม แม้ดวงตาจะดำสนิทปราศจากสีขาว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นอสูรสง่างาม


ทว่านี่เป็นมุมมองจากมนุษย์ผู้เล่น


สำหรับสัตว์อสูร หน้าตาเช่นนี้อาจน่าสะอิดสะเอียนและชวนขนหัวลุก


กริดเริ่มมองเห็นเค้าลางของตัวเองสมัยอดีตจากบีฟรองเซ่


“นายไม่ต้องเศร้าไปหรอกนะ… ฉันเข้าใจ”


“อา… ขอบคุณ”


บีฟรองเซ่ที่ถูกมัดแน่นผงกศีรษะเล็กน้อย


ตนอัปลักษณ์ถึงขนาด สิ่งมีชีวิตตัวเล็กน่ารักเช่นนี้รู้สึกหวาดกลัวเชียวหรือ?


ในเมื่อไม่เคยพานพบเผ่าอสูรตนอื่นมาก่อน บีฟรองเซ่จึงไม่มีมาตรฐานหน้าตาให้เปรียบเทียบกับผู้ใด มันเพิ่งทราบความจริงแสนขื่นขมว่าหน้าตาตนเองเข้าขั้นอัปลักษณ์


ขณะเดียวกัน โค้กยืนจ้องมองบทสนทนาแสนประหลาดของทั้งสามคน (?) ด้วยสีหน้าสุดฉงน


‘เมื่อครู่เพิ่งต่อสู้เอาเป็นเอาตาย แล้วไฉนกลายเป็นมิตรรวดเร็วขนาดนี้?’


เป็นลำดับการพัฒนาความสัมพันธ์ซึ่งยากจะเข้าใจแม้คอยเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้น


‘นี่คือความเทพของฝ่าบาทสินะ…’


สามารถซื้อใจเผ่าอสูรได้ในพริบตา เหมือนกับที่เคยซื้อใจเหล่าดยุคแห่งจักรวรรดิไปก่อนหน้านี้


ขณะโค้กกำลังสรรเสริญราชาของตนในใจ


“เฮ้! ท่านผู้คุม! ลืมตาตื่นขึ้นเร็วเข้า! ห้ามถูกมังกรชั่วปั่นหัวเอาเด็ดขาด! ได้โปรดแสดงพลังที่แท้จริงและรีบจัดการผู้บุกรุกให้สิ้นซาก!”


เสียงตะโกนโหวกเหวกดังจากห้องคุมขังห่างไกลออกไป


เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากคนแคระเคย์


ทันใดนั้น ชายชราจ้องมองกริดพลางตะโกน


“ท…ท่านมังกร! ข้าอยากเห็นดาบเล่มนั้น! ได้โปรดนำมาให้ดูใกล้ๆ สักครั้งด้วยเถิด! จะเป็นพระคุณอย่างมาก! ข้าจะได้ตายตาหลับสักที!”


“ตาลุงนั่นมีสองบุคลิกรึไง? คนแคระเป็นแบบนี้ทั้งหมดเลยหรือ?”


โค้กกล่าวออกไปตามความรู้สึก


กริดแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่าย


เคย์โต้แย้ง


“ม…ไม่ใช่! ครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ! คนแคระทุกคนไม่ได้เป็นแบบข้า เพียงแต่เห็นท่านมังกรผู้นั้นแล้วจิตใจร้อนรน ได้โปรดเข้าใจด้วย ชายชราที่ถูกขังนานหลายสิบปีอย่างข้าจะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนได้อย่างไร?”


นั่นสินะ เมื่อลองจินตนาการว่าคนแคระทั้งหมดมีนิสัยแบบนี้ โลกคงวุ่นวายโกลาหลน่าดู แถมแพนเมียร์ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเลยสักครั้ง


ยิ่งไปกว่านั้น กริดมีแผนจะสานสัมพันธ์กับหัวหน้าเผ่าคนแคระและซึมซับเทคนิคตีเหล็กเพิ่มเติม รวมถึงคิดชักชวนมาเป็นพลเมืองอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


เพื่อการนั้นแล้ว ได้แต่หวังว่าเผ่าคนแคระจะไม่มีนิสัยพิสดาร…


กริดร่อนลงหน้าห้องขังของเคย์ด้วยปีกมังกร


“แกฝังใจกับมังกรมาก่อนหรือ?”


“เฮอะ! กับเผ่ามังกรแสนชั่วร้าย ไม่มีใครในโลกเคยได้รับความทรงจำดีๆ จากพวกมันแน่…”


ขณะเคย์กำลังพล่ามท่วมทุ่งจนน้ำลายกระเซ็น มันพลันใช้มือปิดปากและมองกริดด้วยร่างกายสั่นเทา


“เมื่อครู่ข้าพูดสุภาพกับเจ้าหรือ…?”


“ใช่”


“เคี๊ยก เคี๊ยก! ใครจะไปสุภาพกับพวกมังกรเสียสติกันเล่า! ข้าคงต้องบ้าไปแล้วแน่! คนแคระไม่มีทางพูดสุภาพกับพวกมังกรโฉดหรอกนะ!”


“…”


“แฮ่ก… แฮ่ก…! อย่าจ้องข้า! เจ้ามังกรชั่ว! อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น! ไสหัวไปซะ!!”


“…”


คงต้องดัดสันดานให้หายบ้าสักหน่อย…


กริดหยิบพวงกุญแจเวทมนตร์ขึ้นมาไขประตูห้องขังเคย์


แต่ติดปัญหาหนึ่งเรื่อง


ภายในพวงกุญแจมีลูกกุญแจทั้งหมด 521 ดอก ไม่มีทางทราบเลยว่าดอกไหนเป็นของห้องขังใด


หลังจากลองผิดลองถูกสักพัก กริดตัดสินใจเลิกเดาสุ่มอย่างไร้จุดหมาย มันรีบนำ ‘มาสเตอร์คีย์’ ออกจากช่องสัมภาระเพื่อไขรูกุญแจ


กริ๊ก!


มาสเตอร์คีย์เปิดห้องขังเคย์ง่ายดาย


คนแคระที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่พลันดวงตาเบิกโพลง นัยน์ตาดำหดลีบและสั่นระริก


“น…นั่นคือกุญแจอเนกประสงค์ในตำนานของแพ็กม่าอย่างนั้นหรือ? เจ้าไปเอามาจากไหน? ส่งมาให้ข้าดูหน่อย!”


“…”


เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนยังผลักไสกันอยู่เลย…


ท่าทางกลับกลอกของคนแคระเคย์ทำให้กริดถึงกับหมดคำพูด ชายหนุ่มยืนสำรวจอีกฝ่ายอย่างใจเย็นสักพัก ก่อนจะหันไปยื่นพวงกุญแจเวทมนตร์ให้โค้ก


“เจ้านี่หนักมาก แต่ก็ทิ้งไม่ได้เหมือนกัน คงต้องฝากนายไว้ก่อน”


“ครับผม!”


เมื่อกริดตัวเบาลง มันเปิดประตูห้องขังพร้อมกับกล่าวแนะนำตัวเอง


“เคย์ ฉันคือราชาโอเวอร์เกียร์นามว่ากริด เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง มิใช่ครึ่งมังกรอย่างที่เข้าใจ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้สืบทอดแพ็กม่า พวกเรามาสะสางความเข้าใจผิดกันเถอะ”


“อาณาจักรโอเวอร์เกียร์…? ราชา? มนุษย์? ผู้สืบทอดแพ็กม่า?”


สีหน้าเคย์พลันเหม่อลอย


หลังจากจ้องมองกริดหัวจรดเท้าสักพัก มันตัดสินใจปิดประตูห้องขังและเดินกลับเข้าไปข้างในด้วยตัวเอง


“ปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียวเถอะ… ข้าไม่มีทางคุยกับคนเสียสติสุดโต่งอย่างเจ้ารู้เรื่องแน่”


ในตอนที่เคย์ถูกคุมขัง ช่วงนั้นยังไม่มีอาณาจักรชื่อโอเวอร์เกียร์ถูกก่อตั้ง


คุกนรกแห่งนี้เป็นดินแดนหวงห้ามของจักรวรรดิซาฮารัน ไม่มีทางที่กษัตริย์ต่างอาณาจักรอย่างกริดจะเข้ามาได้แน่


และอันที่จริง มันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามนุษย์มีปีกมังกร รวมถึงเรื่องผู้สืบทอดแพ็กม่า…


ขณะเคย์กลับไปนั่งยองในมุมห้องขังตามเดิม


“พบแล้วครับ!!”


เสียงตะโกนของเลซี่ดังจากจุดห่างไกลออกไป


“คุณกริด! ผมพบสามดยุคแล้ว!”


“…!!”


ดวงตาชายหนุ่มพลันลุกวาว


มันร้อนรนถึงขนาดดื่มโพชั่นบัฟเพิ่มความเร็วเพื่อไปให้ถึงเลซี่ในเวลาอันสั้น


แล้วกริดก็ได้พบ


สามดยุคแห่งจักรวรรดิภายในห้องขังรวม


นับว่าโชคดีที่ทั้งหมดอยู่ในจุดเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่หมดไป


ไม่สิ… เพิ่งเริ่มต้นด้วยซ้ำ


“ทำไมกัน… เป็นไปนี้ไปได้ยังไง…”


ร่างกายกริดพลันสั่นเทา


เกล็นฮาลสูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง มอริสถูกตัดเส้นเอ็นแขนขาทั้งหมด และบาซาร่าเอาแต่แหงนมองความว่างเปล่าด้วยแววตาเหม่อลอย


ภาพแสนหดหู่ทำให้อารมณ์กริดเดือดพล่าน


“ไอ้ระยำหน้าไหนมันบังอาจ…!”


เลือดลมสูบฉีดทั่วร่างจนศีรษะชายหนุ่มเริ่มวิงเวียน กริดขบกรามแน่น โทสะกำลังปะทุในอกจนขาดสติยั้งคิดชั่วขณะ


โค้กซึ่งถือครองพวงกุญแจเวทมนตร์รีบควานหาดอกที่ถูกต้องและไขเปิดกรงเหล็ก


เกล็นฮาลสัมผัสถึงตัวตนกริดแม้ดวงตาจะมองไม่เห็น มันกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า


“หนีไป… เร็วเข้า…”


“สายไปแล้ว”


กริดหันไปมองบีฟรองเซ่ขณะความเดือดดาลยังสุมอก อีกฝ่ายเริ่มฟื้นตัวกลับมาและมีเรี่ยวแรงฉีกทำลายด้ายเงินด้วยตัวเอง


“ดยุคแห่งดาบกำลังมาที่นี่”


“…!”


[สัญชาตญาณของท่านสัมผัสถึงอันตราย]


[ท่านพบตัวตนแข็งแกร่งของยุคสมัย]


เปรี้ยง—!


ดาบยักษ์เล่มหนึ่งพุ่งใส่ศีรษะกริดจากด้านบน


มิใช่ดาบจริง เป็นเพียงคลื่นดาบมายา


อำนาจทำลายล้างและบรรยากาศไม่ต่างจากบดข้าวเปลือกของปิอาโร่เลยสักนิด


“แค่ก…!”


กริดในสภาพเดือดดาลย่อมมิอาจตอบสนองการลอบโจมตีได้ทันท่วงที และยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ดาบบินอีกสามเล่มพุ่งตามซ้ำด้วยความเร็วน่าหวั่นเกรง


“ฝ่าบาท!”


โค้กที่กำลังช่วยปลดปล่อยสามดยุค รีบยกโล่ปรี่เข้าหากริดหวังใช้ทักษะปกป้อง แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันกาล พวงกุญแจบัดซบคอยถ่วงแข้งขาให้เชื่องช้าเยี่ยงเต่า


ดาบบินสามเล่มใกล้เสียบทะลวงหน้าอกราชาโอเวอร์เกียร์อย่างโหดเหี้ยม ชายหนุ่มกัดฟันรอรับความเจ็บปวดอย่างมิอาจเลี่ยง


ขณะโนเอะเตรียมพุ่งไปด้านหน้ากริดและกางม่านบาเรียด้วยทักษะ ‘อย่ามาแหย็ม*’


(แก้ไขจากทักษะชื่อ ‘กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สง่างาม’ ซึ่งทางอังกฤษแปลผิด ผิดไกลมากด้วย)


< อย่ามาแหย็ม (SSS) >

สัตว์อสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก เม็มฟิส ได้รับผลของศิลาอัสนีจนวิวัฒนาการร่างตัวเองอย่างก้าวกระโดด มันสามารถสร้างม่านสายฟ้าที่ปกป้องทุกการโจมตีเป็นเวลาสองวินาที

ระยะหน่วงหลังใช้ : 30 นาที

* เม็มฟิสจะหมดแรงเป็นเวลาหนึ่งนาทีหลังจากใช้ทักษะ


ทันใดนั้น บีฟรองเซ่พุ่งตัวมาหยุดหน้ากริดและใช้กรงเล็บกระหน่ำชกหักเหวิถีของดาบบินทั้งสามเล่มให้พ้นทาง


“เผ่าอสูรต้องทดแทนบุญคุณ”


“ขอบใจมาก ฉันซาบซึ้งจนน้ำตาไหล”


กริดแสยะยิ้มพลางสลับเป็นดาบท้าทายเทพ


ชายวัยกลางคนกำลังร่อนลงมาเยือน



▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,455
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. รอลุ้น​ความมัน​ ค้างตลอด

    ReplyDelete
  2. ไม่นะบาซาร่าาาาา

    ReplyDelete
  3. ................
    ค้างสุดๆ
    ดองไว้ก่อนดีใหมนะ​จะได้อิ่มๆ😁
    ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​🙏

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00