จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1072



“…?”


เหล่าคนสนิทและทหารรับใช้สามดยุคล้วนถูกพาตัวมายังกรุงไรน์ฮาร์ทด้วยเวทมนตร์คลื่นย้ายมิติแบบกลุ่ม


พวกมันต่างฉงนกับภาพตรงหน้า


สาเหตุเพราะ ปลายทางเวทมนตร์คือภายในวังหลวงกษัตริย์โดยตรง


หาใช่ใจกลางเมืองตามปรกติ


กษัตริย์เสด็จกลับถึงอาณาจักรทั้งที ไม่มีการต้อนรับจากชาวเมืองเลยหรือ


‘อย่างน้อยก็ควรมีพิธีต้อนรับเล็กๆ บ้างสิ’


โดยทั่วไป กษัตริย์ของอาณาจักรมักทำตัวโอ่อ่าอลังการอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์จากอาณาจักรเล็ก หรือแม้กระทั่งองค์มหาจักรพรรดิแห่งซาฮารัน


การกระทำดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อรวมใจชาวเมืองให้เป็นหนึ่ง รวมถึงช่วยเพิ่มระดับความจงรักภักดีของประชาชน


ต่อให้ไม่ทำไปเพราะรักหรือห่วงใยพลเมือง แต่ก็ควรหวังผลประโยชน์ด้านบริหารเอาไว้บ้าง


อย่างไรก็ตาม กริดไม่ได้ฉวยโอกาสในจุดนั้น แม้ว่าจะเดินทางกลับมาพร้อมขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิมากมายก็ตาม


น่าเสียดาย เหตุการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้สมควรถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อาณาจักรด้วยซ้ำ


‘ไม่มีพิธีต้อนรับใดเลย… นี่เขาบริหารบ้านเมืองเป็นไหม’


ลองจินตนาการภาพตาม หากประชาชนได้เห็นว่า กษัตริย์ของตนเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมขุนนางใหญ่จักรวรรดิ แถมยังเป็นท่าทีสนิทสนมกลมเกลียว ประชาชนจะภูมิใจและสรรเสริญราชาของตัวเองมากเพียงใด


แต่กริดไม่ได้ใช้ประโยชน์จากจุดดังกล่าวเลย


เพราะลืมคิด…?


เป็นไปไม่ได้ กริดมิได้บริหารบ้านเมืองตามลำพัง เขามีทีมงานคุณภาพเบื้องหลัง แผนก่อกบฏโค่นล้มราชวงศ์เดิม รวมถึงแผนจับมือเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิอันซับซ้อน ไม่มีทางถูกกลั่นกรองมาจากหัวสมองคนคนเดียวแน่


แผนเดินทางกลับจากจักรวรรดิในคราวนี้ ต้องเกิดจากการคำนวณอย่างถี่ถ้วนอย่างแน่นอน


ทันใดนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงต่างดวงตาเบิกโพลงหลังจากพบคำตอบด้วยตัวเอง


‘ท่านกริดทำเพื่อพวกเรา!’


กองทัพทหารม้ากว่าหมื่นนาย พวกมันล้วนก่อความผิดใหญ่หลวงต่อจักรวรรดิไว้


บุกรุกเขตวังหลวง สถานที่บรรทมของเชื้อพระวงศ์และองค์จักรพรรดิ และยังมีเจตนาบุกรุกคุกนรกเพื่อช่วยนักโทษคดีร้ายแรง


ถึงจะทำไปเพราะความจงรักภักดีต่อเจ้านาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บทโทษของพวกมันคงระดับเดียวกับความตายเจ็ดชั่วโคตร


เจ้านายของเจ้านายพวกมันคือตระกูลราชวงศ์ ผู้สามารถกุมทุกชะตาชีวิตบนทวีปตะวันตกไว้ในกำมือ


‘ด้วยเหตุนี้ ถ้าพวกเราถูกพบเห็นภายในกรุงไรน์ฮาร์ทล่ะก็…’


‘ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่องค์จักรพรรดิไม่มีทางพอพระทัยแน่ กับเรื่องที่พวกเรากระทำการโดยพลการ’


‘สายสืบมีอยู่ทุกหนแห่ง พวกมันสามารถแฝงตัวในหมู่ประชาชนได้ไม่ยากเย็น ราชาโอเวอร์เกียร์หวั่นเกรงว่าจะมีใครคาบข่าวกลับไปรายงานจักรวรรดิ’


‘พวกเราต้องติดหนี้บุญคุณของท่านไปอีกกี่ครั้งกี่หนกัน…’


ความรู้สึกยกย่องชื่นชมพลันอัดแน่นภายในจิตใจของเหล่าคนสนิทสามดยุค


กริดเดินนำหน้าทุกคนโดยมิได้ตระหนักเลยว่า สายตาจำนวนมากด้านหลังกำลังยกย่องสรรเสริญตนเยี่ยงเทพเจ้า


***


“ฟู่ว!”


หลังจากกริดนำตัวสามดยุคไปพักผ่อนในห้องการแพทย์ของวังหลวง ชายหนุ่มเดินกลับมายังห้องทำงานของตนพร้อมกับนั่งผ่อนคลาย


การต่อสู้ยืดยาวตลอดทั้งวันได้สร้างภาระทางจิตใจหนักหน่วง มันถอดชุดเกราะและผ้าคลุมเก็บกลับเข้าคลังสัมภาระ จากนั้นก็หันไปยิ้มให้ลอเอล


“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ฉันเกือบพาคนของดยุคตั้งขบวนแห่รอบเมืองแล้ว”


“กระหม่อมคงปล่อยให้ความโง่ของฝ่าบาท ทำลายอาณาจักรของพวกเราทุกคนไม่ได้”


หลังจากกริดแจ้งว่า ตนกำลังจะเดินทางกลับไรน์ฮาร์ทด้วยเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติ พร้อมกับทหารและขุนนางของสามดยุคอีกราวสี่หมื่นนาย


ลอเอลหาได้ประหลาดใจ ตรงกันข้าม มันรีบกำชับกริดอย่างใจเย็นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายก่อความผิดพลาด


การรั่วไหลของข้อมูล แม้เพียงเล็กน้อยก็มากพอจะสร้างหายนะใหญ่หลวงกับทุกฝ่าย


เป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่หรือ หากมีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่า ขุนนางใหญ่แห่งจักรวรรดิ มาเยือนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ด้วยท่าทีสนิทสนม


อาจใช้ได้ผลกับการข่มขวัญอาณาจักรข้างเคียง แต่ลอเอลมองภาพกว้างกว่านั้น


ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน สามดยุคกำลังถูกองค์ชายป้ายสีให้เป็นกบฏอาณาจักร


‘หากข่าวลือขุนนางตระกูลดยุคอยู่ในไรน์ฮาร์ทถึงหูคนของจักรวรรดิ สมาชิกตระกูลดยุคคนอื่นภายในดินแดนได้ถูกฆ่าเกลี้ยงแน่’


และสามดยุคก็จะถูกปลดจากอำนาจโดยสมบูรณ์ แผนการสานสัมพันธ์อันยาวนานของกริด มีอันต้องกลายเป็นหมันในพริบตา


เมื่อสามดยุคไร้อำนาจต่อรอง จักรวรรดิก็ไม่มีวันกลายมาเป็นพันธมิตร และนั่นจะกลับไปเป็นสถานการณ์ยากลำบากของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์อีกครั้ง


กริดช่วยเหลือสามดยุคอย่างซื่อตรงด้วยหัวใจบริสุทธิ์ แต่ลอเอลหวังใช้สามดยุคเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเลือดเย็น ทั้งสองมีจุดประสงค์แตกต่างอย่างชัดเจน


แน่นอน กริดย่อมทราบ


แต่มันไม่คิดตำหนิลอเอล


นั่นคือหน้าที่ของมหาเสนาบดีอยู่แล้ว ตัวตนของลอเอลมีไว้เพื่อเติมเต็มจุดบกพร่องของกริด


หากราชาโอเวอร์เกียร์เป็นแสง


ลอเอลก็ต้องเป็นเงา


กริดหันไปยิ้มพร้อมกับซักถาม


“แล้วเซฮี… รูบี้จะมาถึงเมื่อไร”


“ส่งคนไปรับแล้ว อีกสองชั่วโมงก็คงถึง”


“คลาสนักบุญหญิงขี้โกงชะมัด ฉันคิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะเก็บเลเวลในวิหารกัลกุนอสไหว”


“แน่นอน คลาสก็ส่วนหนึ่ง แต่ฝีมือควบคุมของสองสาวไม่ธรรมดา รูบี้เฉลียวฉลาด ส่วนเซ็กซี่สคูลเกิร์ลคล่องแคล่วมาก พวกเธอมีพรสวรรค์ด้านเกมสูงผิดคาด”


“งั้นหรือ ไม่เหมือนพี่ชายจอมห่วยสินะ”


เซฮีเป็นเด็กฉลาดแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตรงข้ามกับพี่ชายสมองทึบอย่างตนโดยสิ้นเชิง


ไม่เพียงสมองและฝีมือ แม้กระทั่งหน้าตาก็…


ได้แต่นึกสงสัยว่า ตนกับเซฮีเป็นพี่น้องทางสายเลือดกันจริงหรือ


อย่างไรก็ตาม กริดมองว่านั่นคือจุดดี


การไม่เหมือนตนแม้แต่อย่างเดียว แปลว่าน้องสาวของตนมีวาสนามาก และชีวิตของเธอจะได้พบเจอแต่ความสุข


ขณะชายหนุ่มมองในแง่บวก


“ตอนโมโห… เหมือนกันยังกับแกะ”


“หือ?”


“หากโมโหล่ะก็ ไม่ว่าจะพี่หรือน้อง ทั้งความปากเสียและสายตาอาฆาต ถอดแบบออกมาจากพิมพ์เดียวกันไม่มีผิด”


“ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไร…”


กริดอมยิ้ม ก่อนจะหันไปถามลอเอลด้วยสีหน้าขึงขัง


“นายคิดว่าสามดยุคจะหายเป็นปรกติไหม”


น้ำเสียงแฝงความกังวลไว้เต็มเปี่ยม


ลอเอลสัมผัสได้ กริดปรารถนาดีต่อดยุคทั้งสามมากเพียงใด


แม้จะเป็นช่วงเวลาแสนสั้น แต่ตลอดหลายวันของการผจญภัย สายสัมพันธ์ระหว่างกริดและพวกเขาก่อตัวอย่างแน่นแฟ้น


กริดยังไม่ลืมความรู้สึกเจ็บแปลบหัวใจขณะเปิดประตูห้องขังเข้าไปพบสภาพน่าเวทนา


“เกล็นฮาลสูญเสียดวงตาสองข้าง มอริสกลายเป็นคนพิการ ส่วนอัจฉริยะบาซาร่าถูกเปลี่ยนให้เป็นคนสติฟั่นเฟือน”


หากฟังจากสภาพ ปัญหาค่อนข้างหนักหนา


แม้ตัวตนอย่างนักบุญหญิงจะเกิดมาเพื่อสร้างปาฏิหาริย์และปฏิเสธพลังเทพ แต่พลังรักษาในระดับเหนือหลักเหตุผลจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ


ต่อหน้าขุนนางกองทัพสามดยุค กริดอาจแสดงท่าทางมั่นใจเสียเต็มประดา แต่ความจริงแล้ว ชายหนุ่มวิตกกังวลยิ่งกว่าใคร


ลอเอลหันมาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


“หล่อนสามารถสั่นคลอนตัวตนของเทพธิดาแห่งแสงได้เชียวนะ”


ข้อเสียร้ายแรงของคลาสนักบุญหญิงคือ เธอต้องหมั่นทำดีกับผู้คนให้ครบกำหนดในแต่ละวัน ไม่อย่างนั้นจะถูกตัดสิทธิ์การเป็นนักบุญ


ลอเอลเคยได้ยินข่าวลือจากชาวเมืองหลายครั้งว่า นักบุญหญิงสามารถรักษาให้คนพิการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปรกติ


พลังศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญสามารถทำลายได้แม้กระทั่งดวงวิญญาณจอมอสูร ดวงวิญญาณอมตะที่สามารถคงสภาพได้นานหลายพันปี


พลังดังกล่าวมิได้มาจากเทพธิดาแห่งแสง แต่มีต้นกำเนิดจากออร่าของตัวเธอเอง ข้อความระบบยืนยันสิ่งเหล่านี้ไว้ชัดเจน


“พลังนักบุญหญิงเป็นของจริง เชื่อใจได้เลย”


แล้วสักวัน เทพแท้จริงจะร่วงโรย เทพธิดาแห่งแสงองค์ใหม่จะถือกำเนิดจากเผ่าพันธุ์มนุษย์


นั่นคือการคาดเดาของลอเอล เนื้อเรื่องหลักของซาทิสฟายคงไม่หนีไปจากนี้แน่


นักบุญหญิงคือตัวตนที่มิอาจประเมินค่าได้


เกรดขั้นต่ำสุดคือมิธ และมีพลังเปลี่ยนแปลงชะตากรรมเผ่าพันธุ์มนุษย์ในกำมือ


***


ร่างสามดยุคกำลังพักผ่อนภายในห้องการแพทย์วังหลวง ขณะเดียวกัน ขุนนางด้านนอกต่างจับกลุ่มสนทนาเพื่อค้นหาความจริง


“องค์จักรพรรดิต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่”


“ใช่แล้ว หากไม่คนหนุนหลัง องค์ชายอีธานไม่มีทางทำเรื่องบ้าบิ่นขนาดนี้ นอกจากจะเสียสติไปแล้วโดยสมบูรณ์”


“ฝ่าบาทคงต้องการเพิ่มพลังอำนาจให้ห้าเสาหลัก จึงมีแผนจำกัดเหล่าดยุคให้พ้นทาง วิธีนี้จะช่วยให้ราชวงศ์มีอำนาจมากขึ้น…”


“ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด การทำเช่นนี้จะเผชิญแรงต้านจากประชาชนและตระกูลดยุคทั้งหมดพร้อมกัน เป็นเรื่องใหญ่จนยากจะรับมือไหว ต่อให้ฝ่าบาทซึมเศร้าจากการตายของจักรพรรดินีอาเรีย แต่พระองค์ยังรู้จักผิดชอบชั่วดี”


“ถูกต้อง ฝ่าบาทอาจไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ องค์ชายอีธานคงมั่นใจว่ามีพลังเหนือกว่าฝ่าบาท จึงกล้าลงมืออุกอาจชนิดไม่หวั่นเกรงฟ้าดิน”


“เป็นไปได้หรือ ฝ่าบาทมีห้าเสาหลักคอยหนุนหลัง องค์ชายอย่างอีธานจะทำอะไรได้ เขาอาจแข็งแกร่งและมีหน่วยจักรกลเวทมนตร์ก็จริง แต่นั่นเทียบไม่ได้กับห้าเสาหลัก”


“พวกห้าเสาหลักเชื่อใจไม่ได้ โดยเฉพาะลำดับหนึ่งอย่างแกรนมาสเตอร์ พวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใครมาจากไหน บางทีอาจกำลังถือหางฝั่งอีธานก็เป็นได้”


กระซิบกระซาบ


ใช่แล้ว เหล่าขุนนางด้านนอกพยายามสนทนาด้วยเสียงค่อย เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของสามดยุคด้านในห้องการแพทย์


แต่ประสาทสัมผัสของพวกมันล้วนไม่ธรรมดา


มอริสได้ยินทุกคำพูดของขุนนางทุกคน มันทำเพียงพ่นลมหายใจเหยียดหยัน


“เฮ่อะ…! ช่างน่าขัน พวกขุนนางไม่ได้รู้บ้างเลยหรือ ว่าอีธานเป็นบุคคลเสียสติเพียงใด”


แต่มอริสขี้เกียจอธิบาย ในสถานการณ์แบบนี้ เปลืองแรงพูดไปคงไม่เกิดประโยชน์ ลำพังรักษาสติไว้ให้ครบถ้วนก็นับว่ายากเต็มทีแล้ว


“…แม่งเอ้ย”


มอริสก้มมองแขนขาตัวเอง ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างหัวเสียสุดขีด


ไม่ว่าจะพยายามส่งแรงมากเพียงใด แต่ปลายนิ้วมือนิ้วเท้ากลับไม่ยอมขยับเขยื้อนแม้แต่มิลลิเมตรเดียว


“…เฮ่อ”


หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก


มันไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีสักวันต้องสูญเสียแขนขาไปอย่างน่าสมเพช ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้เองหรือ


“แม่งเอ้ย… ให้ตายสิฟะ!”


เหนือสิ่งอื่นใด มอริสเจ็บใจในความโง่เขลาและประมาทของตัวเอง


มันมีโอกาสศึกษาจุดอ่อนของจักรกลเวทมนตร์ทุกซอกมุมในศึกเฟย์ริส แต่ความประมาทเป็นเหตุให้ถูกซุ่มโจมตีจนเสียท่า


ในฐานะดยุคแห่งจักรวรรดิ พวกมันมีหน้าที่รับใช้ราชวงศ์อย่างซื่อสัตย์ จึงถูกประทับตราในสายเลือดทุกรุ่น ส่งผลให้หวาดกลัวและยอมศิโรราบต่อพลังปราณสีชาดอย่างมิอาจขัดขืน


“โธ่เว่ย!!”


ปัจจุบัน มอริสขยับได้เพียงส่วนลำคอ มันพยายามเกร็งคอกระแทกท้ายทอยใส่หมอนใบใหญ่ด้วยอากัปกิริยาหงุดหงิด สิ่งนี้เป็นการระบายอารมณ์เพียงวิธีเดียวของมัน


นี่ตนต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิตหรือ


ตายไปยังดีเสียกว่า


ถึงจะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของนักบุญหญิงมาบ้างแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงตำนาน เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังแก่นยาธาน คงมีแต่พลังรักษาระดับสูงสุดเท่านั้นกระมัง จึงสามารถเยียวยาบาดแผลให้กลับไปสมบูรณ์ดังเดิม


เห็นทีจะหมดหวังแล้ว นอกเสียจากเทพธิดาแห่งแสงจะประทานพรรักษาด้วยตัวเอง


“…”


ขณะมอริสกระฟัดกระเฟียดตามลำพัง เกล็นฮาลจากอีกเตียงกำลังใช้สมองขบคิดหลายเรื่อง


‘น่าละอายยิ่งนัก’


ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อจักรวรรดิได้อย่างไร


สิ่งใดคือความจงรักภักดี


คำตอบคือ เมื่อเห็นเจ้านายเดินไปในลู่ทางไม่ถูกไม่ควร ตนก็ต้องคอยชักนำกลับมาบนเส้นทางถูกต้องไม่ใช่หรือ


แต่ตัวมันไม่เคยทำเช่นนั้น


หลังปิอาโร่ก่อกบฏ เกล็นฮาลเอาแต่ตำหนิในความไร้พลังของตัวเอง กล่าวโทษว่าตนเป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวปิอาโร่ถูกล้างสังหาร


นับแต่นั้น เกล็นฮาลเปลี่ยนตัวเอง มันไม่สนใจบริหารบ้านเมือง เพียงรอรับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิไปวันๆ โดยไม่ไตร่ตรองผิดถูก


“บ้าจริง! แม่งเอ้ย! โว้ยย!!”


“…”


สติมอริสกำลังกระเจิดกระเจิง


สีหน้าเกล็นฮาลทวีความดำมืด


พวกมันกำลังเผชิญขุมนรกทั้งเป็น ไม่แปลกหากใกล้คลุ้มคลั่งเสียสติเต็มที


ท่ามกลางบรรยากาศหดหู่


“แสงชำระล้าง”


ซู่ว—!


สว่างยิ่งกว่าดวงตะวัน


แสงปริศนาโอบกอดร่างมอริสและเกล็นฮาลไว้อย่างอบอุ่น จิตใจพวกมันพลันสงบ ภาพในหัวขาวโพลนปราศจากความโกลาหลวุ่นวาย


โทสะ ความแค้น ความเจ็บปวดสลายเป็นปลิดทิ้ง แทรกแทนด้วยความเบาสบายสดชื่น มอริสและเกล็นฮาลเริ่มได้สติกลับมา


พวกมันไตร่ตรองอย่างเยือกเย็น


มอริสรีบกวาดสายตามองไปรอบห้อง


“สวัสดีจ้า~”


เด็กสาวผมดำ ใบหน้างดงาม กำลังยืนแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย


น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก


“อ…อะ…”


มอริสจ้องมองหญิงสาวพลางอ้าปากค้าง


เผ่าพันธุ์มนุษย์มีตัวตนที่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ด้วยหรือ คล้ายกับมันกำลังเห็นออร่าสีทองอร่ามแผ่ออกจากร่างสตรีเบื้องหน้า


ใยแมงมุมที่เคยพันธนาการร่างมอริส พลันละลายหายไปพร้อมกับความเจิดจรัสของหล่อน


แต่ความประทับใจคงอยู่ไม่นาน


ผัวะ—!


“…!?”


ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!


“โอ๊ย!”


เด็กสาวใช้ไม้คทาหวดใส่แขนขาของมอริสเต็มแรง ประหนึ่งหุ่นซ้อมในค่ายทหารก็มิปาน


“ด…เดี๋ยวก่อน! ท่านนักบุญ!?”


มันพลันทำตัวไม่ถูก เมื่อกำลังเผชิญเหตุการณ์สุดแปลกประหลาดตรงหน้า


มอริสร้องโอดครวญอยู่พักใหญ่


ดยุคแห่งจักรวรรดิถูกตีเหมือนหมูเหมือนหมา


จนกระทั่ง…


“อ…อะ! น…นี่มัน…!”


นิ้วมือข้างหนึ่งของมอริสเกิดกระตุกหลังจากถูกคทาไม้หวดใส่ท่อนแขน เป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของร่างกาย


มอริสเริ่มส่งแรงขยับนิ้วดังกล่าวอย่างตั้งใจ


ทุกคนต่างเห็นเต็มสองตา รวมถึงเหล่าขุนนางและอัศวินด้านนอก


ทันใดนั้น ลูกน้องเกล็นฮาลพลันเกิดคำถาม


‘ต้องรักษาด้วยการทุบตีเท่านั้นหรือ…’


‘แล้วเธอจะรักษาท่านเกล็นฮาลอย่างไร’


‘คงไม่ได้ใช้ไม้คทานั่นฟาดใส่ดวงตาใช่ไหม’


จบสิ้นแล้ว…


ท่านเกล็นฮาลคงกลับเป็นปรกติไม่ได้อีก


เหล่าขุนนางของคฤหาสน์เกล็นฮาลต่างโกรธแค้นอีธานยิ่งกว่าเก่า


ทำไมต้องเป็นดวงตา เหตุไฉนถึงไม่ตัดเส้นเอ็นแขนขาเหมือนมอริส ทำไมเจ้านายของตนถึงโชคร้ายกว่าคนอื่น


ขณะทุกคนเริ่มหลั่งน้ำตา


“…สะอึก!”


ร่างกายเกล็นฮาลพลันสั่นเทาด้วยความหวาดผวาสุดขีด


แม้จะสูญเสียดวงตาไป แต่ประสาทหูของมันยังคงเฉียบคม เกล็นฮาลได้ยินเสียงมอริสถูกทุบตีอย่างทารุณ ตามด้วยเสียงกรีดร้องเจ็บปวด


มันพอจะคาดเดาสถานการณ์เบื้องต้นได้บ้าง


เกล็นฮาลรีบแกล้งหลับสนิท ถึงกับส่งเสียงกรนเพื่อให้แนบเนียนสมจริง คงต้องยื้อเวลาออกไปอีกสักพัก จนกว่าจะสภาพจิตใจของตนจะพร้อมกว่านี้


ทันใดนั้น เด็กสาวอีกคนเดินมาหยุดยืนข้างเตียงเกล็นฮาล เธอปรากฏตัวพร้อมนักบุญหญิง


เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังแกล้งหลับ เด็กสาวดังกล่าวจึงใช้นิ้วเขี่ยแก้มเล่นอย่างไม่เกรงใจ


“คุณลุงคนนี้น่าเอ็นดูจัง”


“…”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,461
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ห้ามแหย่ท่านดยุค!!!

    ReplyDelete
  2. ถึงกับต้องอ่านช่วงท้าย 2 รอบ

    ทำอย่างกับดยุคเป็นเด็กน้อยไปเลย ตลกดี

    ReplyDelete
  3. 😆
    สนุก​ๆ😁
    ขอบคุณ​ครับ​😊

    ReplyDelete
  4. อ่านมาเครียดๆไปพอมาถึงตอนท้ายฮาเฉยเลย😆🤭🤭

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00