จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 705

จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 705

    บนฉากหน้า  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คืออาณาจักรวางตัวเป็นกลาง
    เมื่อไม่นานมานี้  พวกเขาเพิ่งเลิกส่งบรรณาการให้จักรวรรดิ  แถมยังมีเมืองขึ้นอีกสองแห่งคอยส่งบรรณาการให้  
    คนภายนอกต่างมองว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ล้วนเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ

    แต่ความจริงคือสิ่งใด?
    รอบตัวอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ล้วนมีศัตรูเต็มไปหมด

    ไม่มีคำพูดใดสามารถอธิบายเหตุการณ์ปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมไปมากกว่า :
    จักรวรรดิซาฮารันคือราชสีห์เพศผู้  ส่วนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือกว้างน้อยที่มีสิงโตตัวเมียรายล้อมมากมาย

    ในสายตาจักรวรรดิ  โอเวอร์เกียร์เป็นเพียงอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่พร้อมเสริฟทุกเมื่อ

    กริดตระหนักถึงความจริงอันน่าคับแค้นใจนี้เป็นอย่างดี
    อาณาจักรที่ตนและพวกพ้องร่วมสร้างด้วยหยาดเหงื่อ  ปัจจุบันกลับเป็นเพียงปราสาททรายแสนเปราะบาง
    
    เฮ่อ…
    
    ‘อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น...’

    กริดไม่พลาดโอกาสมอบความฉิบหายให้จักรวรรดิไม่ว่าจะทางตรงหรืออ้อม
    การฆ่าทหารจักรวรรดิหนึ่งนายจะหมายถึงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นของชาวเมืองโอเวอร์เกียร์
    
    ไม่สนว่าการปรากฏกายครั้งนี้จะมีเกียรติหรือไม่
    
    ***

[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 17,870 หน่วย ]
[ เปลวเพลิงขนาดใหญ่แสดงผล  สร้างความเสียหาย 5,000 หน่วยแก่เป้าหมาย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 20,100 หน่วย ]
[ เป้าหมายเสียชีวิต ]
[ พลังอสูรเพิ่มขึ้น1 หน่วย ]

    นี่คือผลจากการผสานระหว่างค่าพละกำลัง 3,000 แต้มและดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรม    

    ทหารทัพจักรวรรดิถูกกริดฟันธรรมดาเพียงสองครั้งและกลายเป็นแสงสีเทา
    เลเวล 230 และชุดเกราะคุณภาพสูงกลางเป็นสิ่งไร้ค่าทันที
    
    ดาบอัสนนีแห่งการบรรลุสัจธรรมเพิ่มพลังโจมตีกายภาพ 20%  โบนัสการโจมตีธาตุไฟ 30%  โบนัสการโมตีธาตุมืด 30%  และธาตุสายฟ้า 15%
    นอกเหนือจากออปชั่นเหล่านี้  กริดยังมีทักษะติดตัวสุดโหดมากมาย

    ทักษะ ‘ความชำนาญอาวุธทุกชนิด’ ที่ได้รับจากหมู่เกาะเบเฮ็น  ปัจจุบันอยู่ที่ขั้นกลาง Lv.5  ผลของมันช่วยเพิ่มพลังโจมตี 17% 
    ถัดมาคือวิชาดาบแพ็กม่า Lv.4  ในโหมดปรกติ  มันช่วยเพิ่มพลังโจมตี 34% 
    ถัดมาเป็นพลังอวยพรจากเทพโดมิเนี่ยน  พาเฟรเนี่ยมหัตถ์เทวะจึงเพิ่มพลังโจมตีแก่ผู้เป็นนาย 15%
    
    บัฟ  บัฟ  บัฟ  แล้วก็บัฟ…
    ทุกสิ่งส่งเสริมให้การโจมตีธรรมดาของกริดกลายเป็นการฟาดฟันจากปีศาจ

    หมดหรือยัง?

[ ท่านอัญเชิญสายฟ้าสีชาด ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 44,900 หน่วย ]
[ เป้าหมายตกอยู่ในอาการ ‘ชะงัก’ 1.2 วินาที ]
[ เป้าหมายเสียชีวิต ]

[ เพลิงทมิฬแสดงผล ]
[ กระจายความเสียหาย 300% ของพลังโจมตีกายภาพใส่ทุกเป้าหมายในระยะ 10 เมตร ]
[ เป้าหมายเสียชีวิต ]
[ เป้าหมายเสียชีวิต ]
[ เป้าหมายเสียชีวิต ]
[ เป้าหมายเสีย... ]

...
[ พลังอสูรเพิ่มขึ้น 232 หน่วย ]

    บรรดาออปชั่นนานับชนิดเรียงคิวแสดงผลหลังจากกริดกวัดแกว่งดาบด้วยการโจมตีธรรมดา
    นี่คือความสุดยอดของทักษะทิ่ติดมากับไอเท็มเกรดมิธ…
    พวกมันไม่มีระยะหน่วงและไม่สิ้นเปลืองมานา
    
    กริดเป็นราวกับปีศาจสงคราม

    “ว๊ากกก!”

    เกิดความวุ่นวายโกลาหลเป็นวงกว้าง
    การโจมตีธรรมดาของกริดที่ส่งผลร้ายแรงยิ่งกว่าการใช้ทักษะของผู้เล่นบางคน  ได้ทำลายกองทหารจักรวรรดิจนราบคาบชนิดยากจะฟื้นฟู

    “ศัตรู!  มีศัตรูอยู่ด้านหลังทัพ!”

    “ทหารกว่าร้อยนายจบชีวิตลงภายในแรงระเบิดครั้งเดียว…!  ต้องเป็นมหาจอมเวทแน่!”

    “วัลฮัลล่ามีมหาจอมเวทได้ยังไง?  เตรียมรับมือเวทมนตร์ขนาดใหญ่เร็วเข้า!”    

    ทัพจักรวรรดิคือกองทหารที่แข็งแกร่งและมีระดับวินัยอันดับหนึ่งของทวีปตะวันตก
    พวกมันสามารถสยบความวุ่นวายแม้จะถูกอาเรสซุ่มโจมตีและถูกกริดปั่นป่วนด้านหลัง

    ศัตรูที่ปรากฏหลังกองทัพเป็นฝ่ายใด?
    มีจำนวนเท่าไร?
    ต้องรับมืออย่างไร?
    และอีกมากมาย

    ด้วยระบบสั่งการที่มีประสิทธิภาพ  พวกมันเคลื่อนที่และจัดการปัญหาด้วยความรวดเร็ว
    เมื่อได้เห็นสายฟ้าสีแดงและระเบิดเพลิงสีดำ  จึงเริ่มเกิดการวิเคราะห์ว่าอีกฝ่ายคือมหาจอมเวท
    เหล่าทหารต่างนำโล่ต่านทานเวทมนต์ออกมาถือ  ขณะที่กลุ่มนักดนตรีได้ขับขานบทเพลงลดทอนความเร็วร่ายเวทมนตร์
    
    งี่เง่าสิ้นดี...

    “…?  พวกแกขุดหลุมฝังศพตัวเองทำไมกัน?”

    ท่ามกลางมหาสมุทรทหารทัพจักรวรรดิ  กริดแสยะยิ้มชั่วพร้อมกับบุกตะลุยฝ่าเข้าไปอย่างง่ายดาย
    สงครามง่ายขึ้นสำหรับกริดเมื่ออีกฝ่ายลดพลังป้องกันกายภาพและเพิ่มพลังป้องกันเวทมนตร์
    
    เขาได้แต่นึกสงสัย
    มีสายสืบของตนคอยแอบช่วยเหลือจากด้านในรึเปล่า?

    “ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ก็ขอบใจพวกแกมาก!”

    ฉึก!

    ฉึกฉึกฉึก!

    สี่ครั้งต่อหนึ่งวินาที
    การฟาดฟันดาบยาวโดยสวมถุงมือว่องไวอเล็กซ์  ราวกับทำให้ท่อนแขนกริดบางเบาเหมือนขนนก
    ทหารทุกคนที่ตกเป็นเป้าจะมีอายุขัยไม่ถึงหนึ่งวินาที  และเมื่อเพลิงสีดำระเบิดออก  ทหารนับร้อยนายจะสิ้นชีพในพริบตา

    บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

    บึ้มบึ้ม—

    ผืนป่าลิเบรอนบางส่วนถูกแปรเปลี่ยนเป็นหลุมอุกกาบาต
    แรงระเบิดจากเพลิงทมิฬเป็นราวกับภัยพิบัติที่ทัพจักรวรรดิต่างหวาดหวา
    ทุกครั้งที่เพลิงทมิฬทำงาน  ฉากสุดสลดหดหู่จะปรากฏเบื้องหน้าพวกมันทุกคน
    
    หากยังรักษาความเร็วเช่นนี้ต่อไป  เกรงว่าทัพห้าหมื่นอาจไม่เหลือซากภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
    นายกอง ‘บีท’ แห่งจักรวรรดิได้แต่จ้องมองด้วยความทึ่ง

    “ป—ปีศาจ!  นั่นมันตัวอะไร!!”

    เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงห้านาทีหลังจากเกิดระเบิดระลอกแรก
    บีทแหวกกลุ่มทหารมาถึงจุดเกิดเหตุด้วยความเร็วสูงสุด  แต่แล้วมันต้องทึ่งกับภาพตรงหน้า
    อีกฝ่ายมิใช่มหาจอมเวทดังที่ทุกคนคาดคิด

    ในมือกำอาวุธประเภทดาบ    
    แถมยังมีเพียงคนเดียว
    
    ทุกครั้งที่ดาบกวัดแกว่ง…
    
    “อ๊ากกก!”
    
    จักต้องมีผู้หลั่งเลือดเสมอ

    ครืนนนน!

    เปรี้ยงงง—

    มีทั้งสายฟ้าสีชาดและเพลิงทมิฬ
    ค่ายกลทัพจักรวรรดิที่เป็นระเบียบแบบแผนต่างไร้พลังเมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้
    
    “วัลฮัลล่ามีปีศาจได้ยังไง...?”
    
    ความเร็วของดาบในมือศัตรูไม่ใช่สิ่งที่จะมองทันด้วยตาเปล่า
    ต้องมีมานาไร้ขีดจำกัดขนาดไหนกัน  ถึงสามารถร่ายเปลวเพลิง  สายฟ้าสีแดง  และระเบิดพลังอสูรได้ต่อเนื่องยาวนานเช่นนี้?
    
    บีทกำลังจ้องมองชายสวมหมวกฟางด้วยสีหน้าหวาดหวั่น  มันประเมินให้อีกฝ่ายเก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าอัศวินหลักเดียว

    อย่างน้อยก็ลำดับห้า...

    “ซ—เซอร์โรเล็กซ์!  รีบขอกำลังสนับสนุนจากเซอร์โรเล็กซ์!!”

    นักดาบปริศนากำลังตีฝ่าทัพจักรวรรดิเข้ามาใกล้มันทุกขณะ
    ยิ่งเวลาผ่านไป  ชีวิตของทหารหลายร้อยได้จบสิ้นลงในพริบตาราวกับเป็นเรื่องโกหก
            
    บึทสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายร้ายแรงที่กำลังมาเยือน
    
    ทัพหลังจะแตกกระเจิงหากปล่อยให้ปีศาจตนนี้รุกคืบเข้ามาใกล้
    มีเพียงพลังอัศวินสีชาดเท่านั้นที่สามารถหยุดยั้งหายนะเบื้องหน้า

    ทันใดนั้น  เสียงตะโกนของทหารหน่วยประสานงานได้ดังขึ้น

    “อัศวินสีชาดติดกับศัตรู!”

    “เซอร์โรเล็กซ์กำลังปะทะกับแม่ทัพศัตรู!”

    มีแต่รายงานที่ฟังแล้วหดหู่สิ้นหวัง

    “ทุกคนถอย!  ฉันจะหยุดมันเอง!”

    ลงเอยด้วย  บีทต้องออกโรงด้วยตัวเอง

    มันคือหนึ่งในนายกองผู้ยิ่งใหญ่แห่งกองทัพจักรวรรดิ  
    อาจไม่เทียบเท่าอัศวินสีชาด  แต่ฝีมือตนมิได้อ่อนหัด  บีทมั่นใจมาก  ตนจะตรึงปีศาจเบื้องหน้าไว้ได้นานหลายนาที

    ‘ลิซซี่...ฉันขอโทษ  คงกลับไปหาเธอไม่ได้แล้ว’

    บีทจุมพิตจี้ห้อยคอก่อนจะพุ่งเผชิญหน้าปีศาจลึกลับตามลำพัง
    นั่นคือคำอำลาที่มีต่อภรรยาสุดที่รัก

    “แด่องค์จักรพรรดิ!!”

    “ย๊ากกกกก!!”

    นายกองบีทหมายจะดึงขวัญกำลังใจทัพจักรวรรดิกลับคืนมาอีกครั้ง
    ต่อหน้าปีศาจที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันตามลำพัง  บีทเผชิญหน้าโดยปราศจากความหวาดกลัว

    ฉึก!

    ฉึกฉึกฉึก—

    “อั่ก!”

    ...เราคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตแล้วสินะ

    บีทควบม้าอย่างสง่างามเข้าใส่ชายหมวกฟางปริศนา…

    ทุกสิ่งจบลงในชั่วอึดใจ
    มันคือการโจมตีรวดเดียวแปดครั้งซ้อนอาจมากกว่าทหารเลวถึงสองเท่า  แต่ชีวิตของบีทก็ดับสูญด้วยเวลาเพียงสองวินาที
    
    “น—นายกองบีทถูกฆ่าในพริบตา...”

    “อ—อึ๋ย!  หนีเร็ว!”

    การกระทำของบีทคือยาพิษ  แทนที่จะปลุกขวัญกำลังใจ  เขาได้สลักความหวาดผวาลงในทหารจักรวรรดิทุกคน
    บีทคือนักรบหาญกล้าที่เป็นความใ่ฝ่ฝันของเหล่าทหารเสมอ  

    ขวัญกำลังใจกองทัพลดฮวบ  เข้าสู่จุดวุ่นวายโกลาหลอย่างแท้จริง

    “ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่…!  ไม่เพียงจะมีพลังต่อสู้ระดับปีศาจ  แต่ยังรู้สถานการณ์ภายในกองทัพจักรวรรดิเป็นอย่างดี!”

    นายกองคนอื่นต่างตะลึงเมื่อได้เห็นบีทเสียชีวิตคาหลังม้า

    พวกมันล้วนคิดแบบเดียวกัน  ศัตรูปริศนาผู้นี้เล็งเด็ดหัวนายกองเพื่อทำลายขวัญกำลังใจทหาร
    ศัตรูรู้ถึงขนาดว่า  บีทเป็นคนสำคัญที่หากตายไป  กองทัพจักรวรรดิจะปั่นป่วนโกลาหล

    “ปีศาจ…!  บัดซบ!  ห้ามเผชิญหน้ากับมันเด็ดขาด!  รีบถอยทัพไปหาอัศวินสีชาด!”

    ระดับที่ต่างชั้นเกินไปจะไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยจำนวน
    นายกองจักรวรรดิต่างตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์  พวกมันเคยเห็นพลังที่แท้จริงของปีศาจอย่างอัศวินสีชาดหลักเดียวมานับไม่ถ้วน
    ด้วยเหตุนี้  คำสั่งถอยที่ออกจากปากจึงปราศจากความลังเล

    ในสายตากริด  สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตนมากขึ้น

    ชายหนุ่มบุกตะลุยฝ่าทัพจักรวรรดิจนมาถึงทัพหน้า  ระหว่างทางได้ดับลมหายใจทหารจักรวรรดิไปเฉียดหมื่น

    เหตุใดกริดถึงดีใจที่ได้พบกับอัศวินสีชาดเร็วขึ้นกว่าเดิม?  
    แน่นอน  เขาหวังบดขยี้พวกมันให้สิ้นซาก  นั่นคือจุดประสงค์ตั้งแต่ต้น

    “ฉันคือราชาโจมตีธรรมดา”
    
    กริดฝ่ามาถึงจุดที่อาเรสและอัศวินสีชาดกำลังสู้รบอย่างดุเดือด
    ชายหนุ่มประกาศนามของตนอย่างมิได้เคอะเขิน
    
    “เหล่าอัศวินสีชาดแห่งจักรวรรดิเอ๋ย  เพราะการมีตัวตนของพวกแก  จักรวรรดิถึงคอยรุกรานรังแกอาณาจักรอ่อนแอเสมอ  ดันนั้น  ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกแกมีชีวิตรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว!”

    “...”

    บรรยากาศถูกความเงียบงันครอบงำในพริบตา

    ความเงียบเกิดจากสองสาเหตุ
    หนึ่งคือ  กองอัศวินสีชาดทึ่งในคำประกาศกร้าวสุดเหลวไหลของกริด
    ส่วนอีกหนึ่งคือ...กองทัพอาเรสกำลังมีสีหน้าบิดเบี้ยวสุดขีด

    “กริด…?”

    “...”

    จูนิเบียวผู้มีรสนิยมตั้งชื่อห่วยแตก  เมื่อนำสองสิ่งนี้มารวมกัน  เกรงว่าในซาทิสฟายอาจเหลือเพียงคนเดียว
    นอกจากกริดคงไม่มีใครอีกแล้ว
    ทัพอาเรสย่อมเคยเห็นวิดีโอกริดตะโกนหน้าต้นไม้ด้วยเสียงดังกึกก้อง ‘ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน’  
    พวกเขาไม่เคลือบแคลงเลย  ชายปริศนาคนนี้ต้องเป็นกริดแน่นอน

    กริดรีบปฏิเสธ

    “กริดคือราชาโอเวอร์เกียร์  ส่วนฉันคือราชาโจมตีธรรมดา”


    “...ข—เข้าใจแล้ว!”

    อาเรสรีบพยักหน้า
    เขาพลันตระหนักได้  คงไม่ใช่เรื่องดีต่อทั้งสองฝ่ายหากกริดปรากฏตัวที่สนามรบแห่งนี้

    อาเรสติดสินใจตามน้ำไปพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนตื่นเต้น

    ‘หมอนี่แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่...?’

    อาเรสยอมรับเสมอว่ามีผู้เล่นอีกหลายคนเก่งกาจกว่าตน  
    คนเหล่านั้นคือครอเกล  กริด  แอ็กนัส  และแม้กระทั่งลัคกับสก็อตต์
    อาเรสมิได้ริษยา  กลับกัน  เขาชื่นชมผู้ที่พยายามอย่างหนักเสมอ

    แต่ในบรรดาคนเหล่านั้น  อาเรสจัดลำดับให้ครอเกลอยู่ในตำแหน่งพิเศษมาตลอด
    จนกระทั่งเมื่อครู่...

    ‘ชายคนเดียวที่โค่นท้องฟ้า...’

    ฉากการดวลระหว่างกริดและครอเกลในงานแข่งนานาชาติปีที่สองกำลังเล่นซ้ำในหัวอาเรส  
    ในปัจจุบัน  กริดคือผู้เล่นคนเดียวในโลกที่สามารถสังหารครอเกลลงอย่างเป็นทางการ  แม้ตัวเขาจะเสียชีวิตไปก่อนก็ตาม  แต่ความตายของครอเกลคือสิ่งที่ทุกคนบนโลกมิอาจปฏิเสธ

    ทว่า  กริดในปัจจุบัน...

    ‘หรือท้องฟ้าจะไม่ใช่คู่มือกริดอีกแล้ว?’

    ซู่วว—

    อาเรสกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเหลือบไปเห็นดาบสีแดงในมือกริดที่กำลังระอุออร่าพลังธรรมชาตินานาชนิด
    ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกิดภวังปรารถนาอันแรงกล้า
    นี่คือชื่อเต็มของมัน

    ดาบที่ดีที่สุดของโลกถูกกริดนำกวัดแกว่งใส่อัศวินลำดับสาม ‘โรเล็กซ์’

    “มาดวลกัน!”
    
    “เข้ามาเลยไอ้หนู!”

    โรเล็กซ์คำราม
    มันไม่มีวันให้อภัยแก่ศัตรูที่คร่าชีวิตทหารจักรวรรดิไปมากมาย  
    ศัตรูมีพลังมหาศาลจนปริมาณระดับกองทัพกลายเป็นสิ่งไร้ค่า  โรเล็กซ์ตระหนักดี  นี่คือภาระที่มันต้องเป็นผู้สะสางด้วยตนเอง

    “ต่อหน้าอัศวินสีชาด  แกก็เป็นได้เพียงคางคกในกะลาเท่านั้น!  ฉันผู้นี้จะประทับความสิ้นหวังไว้บนใบหน้าหลังหมวกฟางนั่นเอง!!”

    ซู่วว—

    เกราะสีชาดที่โรเล็กซ์สวมพลันเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า
    นี่คือพลังพิเศษของเกราะสีชาดที่มอบให้อัศวินหลักเดียว  มันสามารถเพิ่มพลังทางกายภาพของผู้สวมได้เป็นเท่าทวี

    เป็นสัญลักษณ์ว่า  โรเล็กซ์ยอมรับในฝีมือกริด
    
    ทันใดนั้น

[ ตรวจพบออร่าของผู้แข็งแกร่ง ]
[ ปราณต่อสู้ของท่านมีปฏิกริยาต่อเป้าหมาย  มันกำลังระอุอย่างเดือนพล่าน ]
[ นับแต่นี้ไป  ปราณต่อสู้ของท่านจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ 1 หน่วยในทุก 10 วินาที ]

    กริดฉีกยิ้มกว่าเมื่อได้สัมผัสคุณค่าที่แท้จริงของปราณต่อสู้
    
    “มาตัดสินกัน!”

    อัศวินระดับท็อปจากกองอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีป
    ปะทะกับราชาวีรบุรุษเหนืออดีตวีรบุรุษทั้งปวง

    ใครจะแข็งแกร่งกว่าใคร?

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,152
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. โอ้ มันมาก และรอลุ้นต่อไป ขอบคุณครับที่แปลและฟรี

    ReplyDelete
  2. โอ้ได้เวลาฟาร์มออร่า

    ReplyDelete
  3. อาเรสบอก : มึงไม่ต้องพูด 555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00