จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 699
[ ท่านออกจากแม็ปภารกิจ! ท่านถูกตัดสินให้พ่ายแพ้ในสงคราม! ]
[ ภารกิจเปลี่ยนคลาสผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายล้มเหลว ]
[ ค่าสถานะทุกชนิดกลับคืนสู่ปรกติ ทักษะติดตัว ‘ค่าเรียวแรงอนันต์’ ถูกยกเลิก ]
[ ความชื่นชอบของฝักดาบเก่าอัศวินไร้พ่ายลดลงหลายระดับ ]
>> ไอ้ขี้แพ้ เจ้าเป็นพวกปอดแหก รักตัวกลัวตาย ข้าผิดหวังนัก...ช่างน่าสมเพช
“...”
ทำลายกองอัศวินสีชาดภายใน 22 วันก่อนที่อัศวินลำดับหนึ่งจะเข้าร่วมสงคราม
นั่นคือภารกิจเปลี่ยนคลาสผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายที่โอเอซิสได้รับ
แต่เขาล้มเหลว
สนามรบถูกตั้งค่าให้ ‘ห้ามมิให้ผู้เล่นใดนอกจากเจ้าของภารกิจเข้าร่วม’ จนกว่าอัศวินลำดับหนึ่ง ‘เมอร์เซเดส’ จะเดินทางมาถึง
โอเอซิสกำลังท้อแท้สิ้นหวัง
‘เราทำไม่ได้...’
โอเอซิสคือคลาสนักรบสายผสมที่จัดสรรค่าพละกำลัง ความว่องไว และความอดทนอย่างเท่าเทียม
ด้วยบัฟจากภารกิจ โอเอซิสจึงมีค่าสถานะทุกชนิดสูงขึ้น 10 เท่าชั่วคราว
เขามองว่าตนมีโอกาสสำเร็จภารกิจนี้ได้ ในเมื่อมีค่าพละกำลัง ว่องไว และอดทนสูงกว่า 1,000 แต้ม
อัศวินสีชาดปลายแถวคนแล้วคนเหล่ากลายเป็นแสงสีเทาภายใต้คมดาบของผู้เล่นที่มีแต้มสถานะรวมเกิน 30,000
โอเอซิสเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า ปัจจุบัน ตนคือตัวเอกของโลกใบนี้
แต่เขาคิดผิด
ไม่ต้องถึงมืออัศวินหลักเดียว โอเอซิสและกองทัพถูกอัศวินลำดับ 15 ตรึงไว้จนสูญเสียกระแสสงครามที่ได้เปรียบ
นับแต่นั้น การบุกตะลุยของโอเอซิสก็ไม่คืบหน้าอีกเลย อีกฝ่ายยันทัพไว้อย่างง่ายดายจนกระทั่งอัศวินลำดับหนึ่งเข้าร่วมสงคราม
ทุกครั้งที่ง้างดาบฟัน โอเอซิสจะถูกเทคนิคดาบขั้นสูงสวนกลับจนสูญเสียการทรงตัว ค่าสถานะระดับปีศาจมิได้ถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เขาล้มเหลวในการดับลมหายใจศัตรูที่มีพลังทางกายภาพด้อยกว่าตนหลายเท่า
โอเอซิสถูกอาการชาที่แขนเล่นงานจนมิอาจนำทัพบุกตะลุยสร้างความคืบหน้า
‘ถ้าเราเป็นคลาสระดับสามล่ะก็...’
ค่าสถานะเฉกเช่นปีศาจในปัจจุบันคงถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น
ยิ่งอัตราการหลบหลีกและความว่องไวเพิ่มขึ้น ตนคงไม่ถูกโจมตีสวนกลับบ่อยครั้งเช่นนี้ และนั่นจะเปิดโอกาสให้ทักษะทรงพลังถูกใช้งานได้มากขึ้น
‘อัศวินสีชาดทั่วไปล้วนมีคลาสระดับสาม ส่วนอัศวินหลักเดียวจะเป็นคลาสระดับสี่ทั้งหมด เราเสียเปรียบมากเกินไป ตัวเราเป็นเพียงผู้เล่นคลาสระดับสองเท่านั้น…’
กำปั้นโอเอซิสเริ่มสั่นระริก
‘...นั่นมันแค่ข้ออ้างต่างหาก’
สาเหตุที่ตนยังไม่เป็นคลาสระดับสาม ไม่ใช่เพราะว่าเขาไร้ฝีมือหรอกหรือ?
และต่อให้นำคลาสระดับสามเข้าสงครามได้จริง แต่ด้วยความอ่อนหัดทางเทคนิคดาบ โอเอซิสไม่มีวันรับมืออัศวินหลักเดียวไหวแน่
โดยเฉพาะอัศวินตั้งแต่ลำดับห้าขึ้นไป พวกมันเป็นปีศาจที่อยู่คนละมิติกับมนุษย์
โอเอซิสขนลุกทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้ากับเหล่าอัศวินหลักเดียวผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์
“เฮ้! ร่าเริงหน่อย!”
ผัวะ!
ขณะโอเอซิสกำลังครุ่นคิดบนหลังม้า อาเรสได้ตบเข้าที่แผ่นหลังอย่างแรงหนึ่งหน
การถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวส่งผลให้โอเอซิสเสียหลักจนเกือบตกม้า
อาเรสหันมาจ้องด้วยสีหน้าขึงขัง ก่อนจะมอบรอยยิ้มแสนอบอุ่นให้โอเอซิส
“ฉันตรวจสอบมาพักใหญ่แล้ว นายยังเป็นแค่ผู้เล่นคลาสระดับสองใช่ไหม? ยอดเยี่ยมมาที่สามารถคว้าพลังของตำนานไว้ในมือ แถมยังบ้าบิ่นประกาศสงครามกับพวกจักรวรรดิตามลำพัง นายนี่เจ๋งชะมัด! ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน นี่คงเป็นพรสวรรค์ใช่ไหม?”
“...ผมยื้อศึกไว้ได้นานเพราะบัฟจากภารกิจต่างหาก และผลลัพธ์ของภารกิจก็ล้มเหลว ปัจจุบัน ผมสูญเสียพลังของตำนานไปแล้ว มีพรสวรรค์งั้นหรือ? ช่างน่าขัน...ผมมันคนจืดชืดแสนธรรมดา”
เสียงของโอเอซิสทั้งแหบพร่าและไร้เรี่ยวแรง
เขายิ้มอย่างขมขื่นแก่ความไร้ฝีมือของตัวเอง
“ผมมีโชคชะตาที่ต้องล้มเหลว เป็นเพียงคนธรรมดาที่บังเอิญได้รับบททดสอบจากตำนาน มิได้อัจฉริยะเหมือนคุณ...ผมดีใจที่ได้พบคุณในภารกิจนี้ นับเป็นเกียรติอย่างมาก แต่ผมเหนื่อยแล้ว...”
“เจ้าโง่!”
ผัวะ!
“แค่ก!”
ร่างกายโอเอซิสเริ่มชาไปทั้งตัวเมื่ออาเรสตบเข้าที่หลังอย่างแรงอีกหน
ด้วยการนำทัพห้าหมื่น ค่าพละกำลังของอาเรสจึงมหาศาล การตบหลังอย่างแรงสามารถดับลมหายใจโอเอซิสผู้มีเลเวลเพียง 250 ได้ไม่ยาก
มิใช่แรงกระแทกที่ผู้เล่นหลักท็อปสิบล้านจะทนรับไหว
คงไม่แปลกหากโอเอซิสจะเสียชีวิตคาหลังม้าทั้งอย่างนั้น
แต่สำหรับอาเรส เขามิได้มองว่าโอเอซิสเป็นตัวตนธรรมดา
อาเรสนึกชื่นชมในใจ
“คนธรรมดาที่ไหนจะมีโอกาสกลายเป็นตำนานบ้าง? ถ่อมตัวเกินไปแล้ว! เคี๊ยกฮ่าฮ่า!”
“...ผมแค่โชคดีเท่านั้น”
“โชคงั้นหรือ? อุฮ่าฮ่า! ลองย้อนนึกกลับไปให้ดี หากนายเอาแต่เล่นซาทิสฟายอย่างไร้จุดหมาย นายจะมีโอกาสได้รับบททดสอบจากราชาไร้พ่ายรึไง?”
“...”
“ไม่ใช่โชค แต่เป็นฝีมือ ถ้านายเอาแต่นอนอยู่บ้านทั้งวัน คงไม่มีทางได้พบกับภารกิจผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายแน่!”
“...ทำไมคุณถึงช่วยผมไว้? คนยิ่งใหญ่เช่นคุณไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาช่วยผู้เล่นธรรมดาอย่างผมเลย แถมยังคอยปลอบใจอีก...คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่? ผมไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนหรอกนะ”
“เห? ทำไมถามแบบนั้น? ฉันก็แค่ชอบนายเป็นการส่วนตัว อันที่จริง ฉันยกทัพมาแถวนี้เพียงเพื่อจับตามองนาย”
“จับตามอง…? คุณพลาดแล้ว ผมไม่ใช่ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย ผมเป็นเพียงว่าที และปัจจุบันก็ล้มเหลวภารกิจเรียบร้อย ผมไม่ใช่คนที่คุณหวังไว้”
“นายนี่พูดมากชะมัด รีบกลับไปวัลฮัลล่าก่อนเถอะน่า ที่นั่นมีโค้กรสเลิศรออยู่ นายรู้รึเปล่า วัลฮัลล่าเป็นเพียงอาณาจักรเดียวในซาทิสฟายที่มีโค้กให้นายดื่ม จากนั้นค่อยพูดถึงอนาคตของนายไปพร้อมกับดื่มด่ำน้ำอัดลมจากสวรรค์! เคี๊ยกเคี๊ยกเคี๊ยก!”
“น—นี่คุณ...”
โอเอซิสรู้สึกอับอาย
ไม่สิ เขากำลังหวาดกลัว
อาเรสเข้าใจผิดไปไกลว่าตนเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย
หากรู้ความจริงเข้า อาเรสคงเดือดดาลและเฉดหัวโอเอซิสทิ้งอย่างไม่ใยดี
ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า อาเรสได้หันมากระซิบกระซาบ
“ฉันไม่ได้คิดจะผลักภาระที่ยิ่งใหญ่ให้นายหรอกนะ อันที่จริง ฉันไม่ต้องการสิ่งใดจากนายแม้แต่น้อย แค่อยากทำความรู้จักไว้...”
อาเรสฉีกยิ้มกว้าง
“ฉันอยากพูดคุยกับคนแบบนาย ผู้เล่นเพียงน้อยนิดบนโลกที่ได้สัมผัสพลังของตำนาน”
“...”
ผู้เล่นเพียงน้อยนิดบนโลก...
คำพูดนี้กระทบจิตใจโอเอซิสรุนแรง
เขาเริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาแสนสั้น แต่โอเอซิสก็เคยเป็นคนพิเศษของโลกซาทิสฟายมาแล้วหนหนึ่ง
‘ทุกคนล้วนแข็งแกร่งในแบบตนเอง...’
ต่อให้ชีวิตจะจำเจและหนักหนาสักเพียงใด แต่อย่าได้ละทิ้งความหวังเด็ดขาด
อย่าได้ลืมว่า ท่านคือตัวเอกในชีวิตของท่านเอง โลกที่กำลังเคลื่อนไหวผ่านการมองเห็นของท่าน
ขอบคุณอาเรส โอเอซิสได้รับความกล้าในการดำรงชีวิตมากขึ้น
***
“อาเรสนำตัวราชาไร้พ่ายกลับวัลฮัลล่าไปแล้ว”
เทพสังหาร ‘เฟคเกอร์’
แม้จะเป็นผู้เล่นคลาสธรรมดา แต่เขากลับดวลชนะผู้เล่นเกรดดวงอาทิตย์อย่างแบล็คได้ด้วยพรสวรรค์และความพยายามส่วนตัว
เฟคเกอร์กำลังรายงานข่าวต่อลอเอล ผู้เป็นมันสมองสูงสุดแห่งอาณาจักร
“กองทัพอาเรสเข้าช่วยเหลือผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายที่ก่อกบฏล้มเหลว”
อาเรสพร้อมกับทัพห้าหมื่นปรากฏตัวในจังหวะเหมาะเจาะจนน่าขนลุก
ลอเอลพยักหน้าเล็กน้อย
“การก่อกบฏของผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายมีประโยชน์ต่อทั้งวัลฮัลล่าและโอเวอร์เกียร์ อาเรสคงสนใจในจุดนี้”
ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีต่อโอเวอร์เกียร์นัก
หากคนทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน อาณาจักรวัลฮัลล่าจะยิ่งเติบโตได้รวดเร็วจนยากจะรับมือ
‘ถ้าผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเข้าร่วมกองทัพอาเรสล่ะก็...’
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
แต่ลอเอลกลับฉีกยิ้ม
“ช่างเถอะ...คงไม่เป็นเช่นนั้นแน่”
ในวินาทีนี้ ลอเอลมั่นใจมาก
“ผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเป็นตัวปลอม”
มาดรากลายเป็นตำนานไร้พ่ายเพราะเขาไม่เคยพ่ายแพ้ผู้ใด
มันคงตลกไม่น้อยหากผู้สืบทอดต้องพบกับความพ่ายแพ้ตั้งแต่หนแรกที่ปรากฏตัว
ถ้าเดาไม่ผิด ผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายจะสูญเสียคุณสมบัติทันทีเมื่อพ่ายแพ้สงคราม
ไม่สิ บางทีคนผู้นั้นอาจผังไม่ใช่ผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายอย่างเป็นทางการ
‘ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถครอบครองพลังของตำนาน อาเรส...นายพลาดแล้ว การกระทำของนายกลายเป็นสิ่งสูญเปล่า คุคุคุ!’
ลอเอลมีความสุขสุดขีดเมื่อมั่นใจว่าผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเป็นตัวปลอม
เพราะเขามองว่า ผู้ที่คู่ควรกับพลังราชาไร้พ่ายมากที่สุด มิใช่ใครอื่นนอกจากกษัตริย์ของตน
กริด
ใช่แล้ว
ลอเอลได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากสติกส์
บนหมูาเกาะเบเฮ็น กริดได้รับไอเท็มที่ชื่อว่า ‘ไดอารี่อัศวินความตายมาดรา’
‘นอกจากแพ็กม่าและบราฮัม ถัดมาคือราชาไร้พ่ายงั้นหรือ...’
ในอนาคต กริดอาจกลายเป็นตัวตนเทวะตำนานเหนือตำนานทั้งทวง
ลอเอลเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
แต่มันจะง่ายดายขนาดนั้นเชียว?
***
“ถ้ากริดอ่านไดอารี่เล่มนี้จบ เขาจะกลายเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายรึเปล่า?”
ณ สำนักงานใหญ่ S.A. กรุ๊ป
ขณะทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมงานแข่งนานาชาติปีที่สาม
สำหรับยุนนาฮี งานของเธอมิได้หนักหนาขนาดนั้น
ในฐานะหัวหน้าทีมปฏิบัติการ หน้าที่ของเธอคือการสอดส่องผู้เล่นในแต่ละวัน
ประธานลิมชอลโฮส่ายศีรษะให้คำถามของยุนนาฮี
“กริดไม่มีทางเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายแน่นอน ระบบซาทิสฟายระบุไว้อย่างชัดเจน ผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายจะต้องเป็นคนที่ไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้งเท่านั้น”
“...”
ไม่เคยพ่ายแพ้…
ผู้เล่นจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง?
เป็นหนึ่งในเก้าคลาสตำนานที่ครอบครองได้ยากที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา
ยุนนาฮีแสดงสีหน้าโล่งใจ เธอกังวลว่ากริดจะครอบครองพลังตำนานทุกคนในเกมไว้แต่เพียงผู้เดียว
“เพียงแต่...”
ลิมชอลโฮอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“กริดสามารถสืบทอดพลังบางส่วนของราชาไร้พ่ายได้ เขามีสิทธิ์นั้น เฉกเช่นแอ็กนัสที่เพิ่งได้รับพลังจากหนึ่งในห้าเสาหลักของจักรวรรดิมาครอบครอง”
“แอ็กนัส...ชายคนนั้นมีพลังเข้าขั้นทำลายสมดุลแล้ว ไม่เกี่ยวกับฝีมืออีกต่อไป”
“งั้นหรอกหรือ? ฮ่าฮ่า!”
“...”
ผู้เล่นห้าปาฏิหาริย์ที่มอร์เฟียสิมิอาจคาดเดาการกระทำได้
สามในห้าคือครอเกล กริด และแอ็กนัส ซึ่งประธานลิมชอลโฮให้ความสนใจในตัวพวกเขาเป็นพิเศษ
ลิมชอลโฮมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดถึงสามในห้าปาฏิหาริย์เหล่านี้
ยุนนาฮีพอจะเข้าใจอยู่บ้าง
ทั้งสามคนล้วนมีการกระทำพิสดารจนยากคาดเดา การได้เฝ้ามองในฐานะพระเจ้าย่อมรู้สึกสนุกไม่น้อย
***
“สติกส์!”
หลังจากหมู่เกาะเบเฮ็นถูกชำระล้าง สติกส์ต้องกลับมาทำงานในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนหลวงโอเวอร์เกียร์อีกครั้ง
บทเรียนของสติกส์ได้มอบความรู้อันน่าทึ่งแก่นักเรียนเสมอ ผู้ที่ร่ำเรียนภายใต้การสอนสั่งของสติกส์จะเติบโตกลายเป็นอัจฉริยะระดับอาณาจักร
ขณะสติกส์กำลังวุ่นวายกับการสอน กษัตริย์กริดได้โผล่หน้ามาเยี่ยมเยียน
ราชาโอเวอร์เกียร์เอ่ยปากถามในสิ่งที่สติกส์ต้องขมวดคิ้ว
“สอนฉันเปลี่ยนปราณต่อสู้เป็นปราณดาบทีสิ...”
สติกส์ถามกลับด้วยน้ำเสียงฉงน
“จะให้สอนก็ได้...แต่ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทอยู่วิธีอยู่แล้วหรอกหรือ?”
“…?”
ท่าทีสุดแสนดูแคลนของสติกส์หมายความว่ายังไง?
เมื่อเห็นกริดทำหน้าซื่อบื้อสุดขีด สติกส์จึงกล่าวต่อไป
“ฝ่าบาทยังไม่เคยทดสอบปราณต่อสู้เลยสักครั้งใช่ไหม?”
“เอ่อ...ร—เรื่องนั้น”
กริดเคยล่าแวมไพร์กับคริสมาครู่หนึ่ง
แต่เขาก็มิได้ลองทดสอบใช้ปราณต่อสู้
ไม่สิ กริดยังไม่รู้วิธี ‘ใช้’ ปราณต่อสู้ต่างหาก
เขารู้เพียง ปราณต่อสู้เป็นทรัพยากรจำพวก ‘บัฟ’ สะสมที่ช่วยเพิ่มค่าสถานะ
ด้วยเหตุนี้ กริดจึงมองมันเป็นบัฟมาตลอด และไม่คิดว่าเป็นทรัพยากรที่นำไปใช้ได้โดยตรง
“...ฝ่าบาทต้องไปยังจุดเก็บเลเวลเพื่อรวบรวมปราณต่อสู้ให้มากที่สุด จากนั้นก็ทดสอบใช้วิชาดาบ”
“...”
ด้วยสีหน้าแสนบิดเบี้ยวของสติกส์ ราวกับกริดกระทำบางสิ่งสุดโง่เขลาลงไป
ชายหนุ่มเริ่มเหงื่อแตกพลั่ก
“อย่าบอกนะว่า...ปราณต่อสู้คือทรัพยากรเฉกเช่นมานา ที่เมื่อรวมรวบครบถึงจุดหนึ่ง จะสามารถใช้ทักษะได้ตามปรกติ”
ไม่น่าใช่ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่
ใครมันจะไปโง่ขนาดนั้น?
กริดส่ายศีรษะโดยไม่ยอมรับความจริง เขารีบมุ่งหน้าไปยังจุดเก็บเลเวลทันที
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,152
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
โอ้ กษัตริย์โอเวอร์เกียของฉัน
ReplyDeleteเบื่อ แอ็กนัส ลูกรักคนแต่ง อวยชิบหายโกงไปทุกอย่าง ทีกริดมึงเนิฟแล้วเนิฟอีก พอเป็นแอ็กนัสปล่อยผ่าน ได้พลังโหดตั้งแต่เกมเปิด ของเทพเต็มตัวมึงไปหามาจากไหนวะ
ReplyDeleteเอาจริงถ้ามันไม่โรคจิตเพราะแพ้ใจมันจะโคตรโหด
Deleteผลเสียของแอ็กนัสมีเยอะครับ ถ้าภารกิจคลาสล้มเหลว เเอ็กนัสโดนเนิฟหนักสุดแล้ว สเตตัสสูงสุดหายไปทีละร้อย บอกเลยโคตรหนัก
Deleteลั่นขำกับกริดได้ตลอด🤣🤣🤣
ReplyDelete