จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 700
กริดมีหลักในการเล่นเกมที่พิสดารแตกต่างจากคนปรกติมาก
ชายหนุ่มเข้าถึงเนื้อหาของซาทิฟาสได้ไม่เหมือนผู้เล่นทั่วไป หากระบุให้ละเอียด มันเป็นไปในทิศทางที่ไม่ค่อยฉลาดนัก
คนทั่วไปจะทำเช่นไรหากได้ครอบครองสมญานามราชาวีรบุรุษ?
ประการแรก พวกเขาจะศึกษาทรัพยากรที่ชื่อปราณต่อสู้ทุกซอกทุกมุม
มันเพิ่มได้ด้วยวิธีใดบ้าง?
ผลข้างเคียงเป็นอย่างไรหากลดต่ำกว่าสิบหน่วย?
นอกจากค่าสถานะแล้ว ยังจะมอบเอฟเฟคพิเศษใดอีกไหม?
ต้องรู้จักพลังใหม่เพื่อใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นี่คือความคิดในทางสามัญสำนึกทั่วไป
แต่กับกริดไม่ใช่
เอฟเฟคของปราณต่อสู้ถูกระบุไว้ชัดเจนในคำอธิบาย เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบมัน
จะเกิดอะไรขึ้นหากปราณต่อสู้ลดต่ำลงกว่าสิบ?
เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้นแน่ เพราะปราณต่อสู้ไม่มีวันลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นไม่ต้องไปกังวล
ไม่ช้าก็เร็ว เดี๋ยวก็ได้รู้เอง
ลงเอยด้วย หลังจากกลับจากหมู่เกาะเบเฮ็น กริดมุ่งความสนใจทั้งหมดกับไดอารี่ของมาดรา
เขาหลงลืมตัวตนของปราณต่อสู้จนกระทั่งไดอารี่มาดรามอบวิชาดาบให้
นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า กริดถูกอารมณ์มาดราครอบงำจนสมองกระทบกระเทือน
หากกริดเล่นเกมอื่นที่มิใช่ซาทิสฟาย ป่านนี้คงสูญเวลาชีวิตไปอย่างไร้ค่า
โชคดีที่ซาทิสฟายมอบบทบาทสำคัญให้ NPC เสมอ และการเล่นด้วยหลักพิสดารของกริดกลับกลายเป็นจุดแข็งอย่างน่าเหลือเชื่อ
“หืม...”
จุดเก็บเลเวลใกล้กับไรน์ฮาร์ท
สถานที่ซึ่งมอนสเตอร์มีเลเวลไม่ถึงสิบ จุดที่ลอร์ดเคยมาเก็บเลเวลในบางครั้ง
ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นเงียบสงบมีเพียงช่างตัดไม้และผู้เล่นใหม่เดินผ่านไปมา
กริดหวดดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมเกรดมิธใส่กวางน้อยผู้โชคร้ายทันที
ฉึก!
วืดวืดวืด!
แน่นอน กวางน้อยตายคาที
มือของกริดกวังแกว่งใส่กวางน้อยสี่ครั้งรวด แต่มอนสเตอร์ผู้โชคร้ายได้จบชีวิตลงตั้งแต่ดาบแรกแล้ว การฟาดฟันที่เหลือล้วนปะทะเพียงอากาศว่างเปล่า
“ชิ...”
สีหน้าของกริดเริ่มบูดบึ้ง
เขาฆ่ากวางน้อยมาแล้ว 20 ตัว แต่ปราณต่อสู้กลับไม่เพิ่มขึ้นแม้แต่หนึ่งหน่วย
ค้างเติ่งอยู่ที่สิบไม่ขยับ
‘ถ้าจำไม่ผิด...’
ขณะเขาล่าแวมไพร์ไปพลางสนทนากับคริส
กริดสังหารแวมไพร์ทั่วไปและแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ไปพอสมควร แต่ปราณต่อสู้กลับไม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
หลังจากสังหารกวางน้อยอีกสองสามตัว กริดเริ่มมั่นใจในบางสิ่ง
‘ปราณต่อสู้จะไม่เพิ่มขึ้นหากศัตรูอ่อนแอเกินไป ถ้าเราระบุขอบเขตเงื่อนไขในการเพิ่มปราณต่อสู้ได้ เราจะจัดการกับปราณต่อสู้ได้ง่ายขึ้น’
เมื่อเริ่มฉุกคิด กริดจึงขยับไปยังจุดเก็บเลเวลที่สูงขึ้น
เขาไล่เรียงตามเลเวลมอนสเตอร์ทีละนิดโดยไม่รีบร้อน จากง่ายไปสู่ยาก สังหารมอนสเตอร์แต่ละชนิดที่แตกต่างกัน
ระหว่างทาง ชายหนุ่มอัญเชิญโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เพื่ออัพเลเวลพวกมัน
และข้อสรุปที่ได้…
‘หากต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลต่ำกว่าตัวเอง 30 ระดับ ปราณต่อสู้จะไม่เพิ่มขึ้น’
เพื่อการนั้น เขาต้องล่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลตั้งแต่ 326 ขึ้นไป
‘กลับกัน ยิ่งอีกฝ่ายเลเวลสูงขึ้น ปราณต่อสู้ก็ยิ่งเพิ่มได้รวดเร็ว’
กริดได้ข้อสรุปแล้ว
ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าตนมากเพียงใด ปราณต่อสู้ก็ยิ่งอัดแน่นรอบกายในเวลาอันสั้น
‘สำหรับมอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำกว่าเราสิบระดับ การฟันสิบครั้งจะเพิ่มปราณต่อสู้หนึ่งหน่วย สำหรับมอนสเตอร์เลเวลเท่ากัน การฟันแปดครั้งจะเพิ่มปราณต่อสู้หนึ่งหน่วย’
เป็นทรัพยากรที่ยุ่งยากฉิบ...
เท่าที่กริดสังเกตุ มันจะถูกรวบรวมเมื่อโจมตีโดนศัตรูหรือไม่ก็ถูกศัตรูโจมตีเท่านั้น
หากหลบหลีกหรือปัดป้อง ปราณต่อสู้จะไม่เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่หน่วยเดียว
สีหน้าของชายหนุ่มบูดบึ้งยิ่งกว่าเก่า
กริดหงุดหงิดใจที่ปราณต่อสู้จะไม่ส่งผลในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้เล่นเท่าที่ควร
ปัจจุบัน เขารั้งอันดับสามของโลก
หากไม่รวมแร้งเกอร์ปกปิดตัวตน บนโลกจะมีผู้เล่นเพียงสองคนเท่านั้นที่เลเวลสูงกว่าตน
‘คงไม่ต้องหวังประสิทธิภาพระหว่างดวลสินะ’
ผู้เล่นที่เขาอาจต้องเผชิญในงานแข่งนานาชาติปีที่สาม ส่วนใหญ่ล้วนมีเลเวลต่ำกว่า 30 ระดับทั้งสิ้น
และนั่นจะไม่ทำให้ปราณต่อสู้เพิ่มจำนวน
“บ้าจริง...”
ราชาวีรบุรุษ
สมญานามที่จะมีประโยชน์เมื่อต่อสู้กับศัตรูระดับสัตว์ประหลาด
แม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่ามันห่วย เพราะหากบรรลุทุกเงื่อนไข มันจะกลายเป็นอีกหนึ่งสมญานามที่ช่วยให้ตนล่าบอสแข็งแกร่งในอนาคต
แต่กระนั้น กริดอดหัวเสียไม่ได้
กรี๊ดดดดด!
ขณะชายหนุ่มกำลังตัดพ้อในความด้อยประสิทธิภาพของปราณต่อสู้
มอนสเตอร์ตัวเมียที่มีเส้นผมขยุกขยิกคล้ายอสรพิษได้ปรากฏกายตรงหน้า
หล่อนคือเมดูซ่า (ลดระดับ) ที่สามารถตรึงเป้าหมายเพียงแค่สบตา
‘ถึงป่าศิลาแล้วสินะ...’
ป่าศิลา
ป่าหนาทึบที่มีก้อนหินขนาดใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่ว ก้อนหินเหล่านี้มิได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากทักษะของมอนสเตอร์
แม้จะไม่ห่างจากไรน์ฮาร์ทมากนัก แต่มันคือจุดเก็บเลเวลสุดโหดหิน ไม่แปลกเลยที่จะเงียบสงัดปลอดผู้คน
สำหรับผู้เล่นทั่วไป ไม่ง่ายเลยสักนิดหากต้องรับมือกับเมดูซ่า (ลดระดับ) ฝูงใหญ่
เป็นจุดเก็บเลเวลที่ผู้เล่นควรมีค่าต้านทาน ‘แข็งเป็นหิน’ สูงกว่า 80% และต้องมาพร้อมกับสมาชิกโบสถ์รีเบคก้า
การตะลุยเดียวในป่าแห่งนี้ สำหรับผู้เล่นธรรมดาคงทำได้เพียงฝัน
แน่นอน กริดเป็นข้อยกเว้น
[ ท่านสบตากับเมดูซ่า (ลดระดับ)! ท่านถูกสาปเป็นหิน! ]
[ ท่านต้านทาน ]
[ ท่านสบตากับ... ]
[ ท่านต้านทาน ]
[ ท่านต้าน... ]
…
“???”
ห้าเมดูซ่ารอบกายกริดต่างแสดงสีหน้าสับสนงุนงง มนุษย์แสนอ่อนแอมักจะแข็งเป็นหินเสมอเมื่อสบตากับพวกเธอ
แต่ชายคนนี้กลับไม่
กริดพุ่งไปยังจุดกึ่งกล่างพร้อมกับหัตถ์เทวะ จากนั้นก็ใช้วิชาดาบ·คลื่น
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 25,900 หน่วย ]
[ ท่านสร้าง... 25,900 หน่วย ]
‘สวรรค์...’
เมดูซ่า (ลดระดับ) มีเลเวลอยู่ที่ 350
พวกหล่อนถูกจัดให้เป็นมอนสเตอร์ระดับสูง แต่เนื่องด้วยทักษะสร้างอาการผิดปรกติที่รุนแรง ค่าสถานะจึงต่ำกว่ามอนสเตอร์ในช่วงเลเวลเดียวกันพอสมควร
นับเป็นสวรรค์ของกริดโดยแท้จริง
การเผชิญหน้ากับพวกหล่อนทำให้กริดสะสมปราณต่อสู้ได้รวดเร็ว
เมื่อสวมผ้าคลุมมาลาคัสเข้าไป การล่าจึงถูกยกระดับราวกับติดปีก
[ ปราณต่อสู้กลายเป็น 20 หน่วย ]
เมื่อเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่มีเลเวลใกล้เคียง ส่งผลให้ปราณต่อสู้เพิ่มได้รวดเร็ว
ออร่าหมอกม่วง ในบางมุมจะเห็นเป็นหมอกแดง กำลังทวีความเข้มข้นรอบตัวกริด
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 32,700 หน่วย ]
ยิ่งปราณต่อสู้เข้มข้น ค่าสถานะของชายหนุ่มก็ยิ่งมหาศาล
เมดูซ่า (ลดระดับ) ล้มตายด้วยความเร็วที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
‘เกือบสืมไป...’
ขณะกำลังฆ่าฟันเมดูซ่าอย่างเพลิดเพลิน กริดพลันฉุกคิดถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนป่าศิลาหนนี้
เมื่อปราณต่อสู้พุ่งสูงถึงห้าสิบแต้ม กริดเปิดหน้าต่างทักษะเพื่อยืนยันบางสิ่ง
‘...ฝ่าบาทต้องไปยังจุดเก็บเลเวลเพื่อรวบรวมปราณต่อสู้ให้มากที่สุด จากนั้นก็ทดสอบใช้วิชาดาบ’
คำกล่าวของสติกส์ถูกเล่นซ้ำในหัว
[ ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ) Lv.1 ]
สร้างความเสียหาย 20% ต่อศัตรูทั้งหมดในระยะมองเห็น ศัตรูที่ถูกโจมตีจะตกอยู่ในอาการ ‘ถูกผนึก’ เป็นเวลา 3 วินาที
เป้าหมายที่ถูกผนึกจะไม่สามารถขยับร่ายกายหรือใช้ทักษะได้
ทรัพยากรที่ใช้ :
- มานา 5,000
- ปราณดาบ 20 หน่วย
ระยะหน่วง : 30 นาที
* ท่านสามารถใช้งานทักษะนี้ได้ ทรัพยากรของท่านอยู่ในระดับเพียงพอ
[ ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ) Lv.1 ]
สร้างรัศมีดาบจำนวน 30 เส้นภายในหนึ่งวินาที
แต่ละเส้นรุนแรง 60% ของพลังโจมตี โจมตีโดนทุกเป้าหมายในระยะ 10 เมตรด้านหน้า (ไม่สนมิตรหรือศัตรู)
ทรัพยากรที่ใช้ :
- มานา 8,000
- ปราณดาบ 50 หน่วย
ระยะหน่วงหลังใช้ : 10 นาที
* ท่านสามารถใช้งานทักษะนี้ได้ ทรัพยากรของท่านอยู่ในระดับเพียงพอ
“บ้าน่า...”
เมื่อปราณต่อสู้เพิ่มถึงระดับที่ทักษะกำหนด มันจะถูกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรสำหรับวิชาดาบทันที
เขาไม่ต้องทำสิ่งใดเพิ่มเติมให้วุ่นวาย…
กริดพลันรู้สึกอับอายสุดขีด
‘เราคงได้รับคำตอบแต่แรก หากตั้งใจสำรวจปราณต่อสู้อย่างละเอียด’
เขามันโง่ที่ลงทุนถ่อเดินทางไปหาคริสไกลถึงเรย์ดัน
เวลาที่สูญไปอย่างเปล่าประโยชน์เป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงเช่นนี้
ชายหนุ่มได้แต่อ้าแขนยอมรับในความโง่เขลาของตัวเอง
“โว้ยยย…! ให้ตายสิ!”
กริดระบายความเดือดกาลใส่เมดูซาไร้เดียงสา…
เขาบัฟพลิ้วไหวพร้อมกับฟาดฟันเมดูซ่า (ลดระดับ) อย่างบ้าคลั่ง
กรี๊ดด!
กรี๊ดด!
เสียงกรีดร้องเมดูซ่าที่เคยเป็นฝันร้ายของมนุษย์ผู้มาเยือน ปัจจุบันกำลังดังกังวาลไปทั่วผืนป่าศิลาอันเงียบงัน
[ ปราณต่อสู้เพิ่มขึ้นถึง 70 หน่วย ]
ในที่สุดกริดก็รวบรวมปราณต่อสู้มากพอสำหรับวิชาดาบ·ทัพหนึ่งแสนทั้งสองชนิด
“บิน!”
ฟุ่บ!
ชายหนุ่มไม่รีรอ
เขาสวมรองเท้าบราฮัมพร้อมกับบินขึ้นบนอากาศ
“8, 14...20, 32...”
เขานับเมดูซ่าได้สามสิบกว่าตัว
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเมดูซ่าอื่นกำลังตามมาสมทบหลังจากได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจากผ้าคลุมมาลาคัส
ชายหนุ่มแสยะยิ้มชั่วร้าย
เขาพยายามพูดจาเลียนแบบโทนเสียงของมาดรา
“พวกเจ้าจงดูให้เต็มสองตา...นี่คือท่วงท่าสังหารของเรา!”
ซู่วว—
ออร่าหมอกมีม่วงรอบกายกริดเริ่มปั่นป่วนหมุนควงเป็นวงกลมประหนึ่งลมพายุ
เอฟเฟครอบตัวกำลังฟุ้งกระกายจนบดบังร่างกริดมิดชิด
“ดาบสกัดทัพ—”
มีเพียงดวงตาของชายหนุ่มที่กำลังส่องสว่างท่ามกลางพายุหมอกม่วงอันเกรี้ยวกราด
ดาบยาวในมือกริดกำลังเคลื่อนไหว
“หนึ่งแสน!!”
บึ้มบึ้มบึ้ม—
บึ้มบึ้มบึ้ม—
ประหนึ่งเทศกาลรื่นเริงก็มิปาน
พายุหมอกม่วงก่อตัวเป็นคลื่นดาบและกระจายออกไปทุกทิศทางราวกับดอกไม้ไฟ
เป้าหมายคือเหล่าเมดูซ่าไร้เดียงสาหลายสิบตัวด้านล่าง
ทุกเป้าหมายที่กริด ‘มองเห็น’ ล้วนถูกปราณดาบสีม่วงกระแทกใส่จนเกิดระเบิด
กรี๊ดดด!
บึ้มมมมม!
พลังทำลายของดาบสกัดทัพหนึ่งแสนจะไม่สูงนัก
เหล่าเมดูซ่าที่ถูกคลื่นดาบดอกไม้ไฟสีม่วงปะทะร่าง พวกหล่อนมิได้ปรากฏบาดแผลฉกรรจ์ตามร่ายกาย
แต่ปัญหาที่แท้จริงคืออาการ ‘ถูกผนึก’
อาการนี้ถือเป็นหนึ่งใน CC ร้ายแรงของซาทิสฟาย สามารถตรึงการเคลื่อนไหวศัตรู แถมยังห้ามใช้งานทักษะโจมตี และห้ามใช้งานเวทมนตร์ทุกชนิดเป็นเวลานานสามวินาที
เหล่าเมดูซ่าเสียเองที่แข็งทื่อกลายเป็นรูปปั้นหิน
พวกหล่อนเคยแต่เล่นงานมนุษย์ให้ตัวแข็ง ปัจจุบันกำลังประสบชะตากรรมเดียวกันราวกับบาปคืนสนอง
“ดาบพินาศทัพ—”
กริดพุ่งตัวลงพื้นด้วยความเร็วสูง
“หนึ่งแสน!!”
บึ้มมมมม—
ตู้มตู้มตู้มตู้ม—
30 ครั้งในหนึ่งวินาที
เป้าหมายคือเมดูซ่าทุกตัวที่อยู่ด้านหน้ากริดในระยะสิบเมตร
บึ้มบึ้มบึ้ม—
กระจายความเสียหาย กระจายความเสียหาย กระจายความเสียหาย!
ระเบิดเพลิงทมิฬหลายสิบครั้ง ทั้งหมดส่งผลเป็นวงกว้างและกำลังบดขยี้ฝูงเมดูซ่าภายในป่าศิลาจนพินาศสิ้น
รัศมีของระเบิดเพลิงทมิฬคือสิบเมตรเฉกเช่นวิชาดาบพินาศทัพหนึ่งแสน
หากเกิดระเบิดเพลิงทมิฬเพียงหนึ่งครั้ง เมดูซ่าหลายสิบตัวจะได้รับบาดเจ็บถ้วนหน้า
และยิ่งมีเป้าหมายมาก โอกาสเกิดระเบิดก็ยิ่งมากขึ้น แถมยังเป็นการโจมตี 30 ครั้งในหนึ่งวินาทีที่กินรัศมีวงกว้างสิบเมตร…
ความพิินาศซ้อนทับจนเกิดเป็นภัยพิบัติระดับหายนะ
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 15,380 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 16,900 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 18,700 หน่วย ]
[ ท่านสร้าง...]
มีสองเหตุผลที่กริดชื่นชอบ ‘ร่ายรำ’ เป็นพิเศษหลังจากครอบครองดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรม
ประการแรก ยิ่งจำนวนครั้งการโจมตีมาก ย่อมหมายถึงโอกาสสร้างเพลิงทมิฬที่มากขึ้น
ประการที่สอง ยิ่งสะสมการโจมตีจากเป้าหมายเดิมซ้ำ ผลซ้อนทับเพิ่มพลังโจมตีอาวุธก็ยิ่งทำงานได้เต็มพิกัด
หรือก็คือ หากเป้าหมายถูก ‘ร่ายรำ’ เข้าไปอย่างจัง ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมจะมีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นถึงขีดกำจัด 100% ทันที
แต่ดาบพินาศทัพหนึ่งแสนยอดเยี่ยมกว่านั้นมาก
มันคือร่ายรำเวอร์ชั่นอัพเกรดที่โจมตีมากครั้งขึ้นและเป็นวงกว้างกว่าสิบเมตร!
ทุกเป้าหมายจะถูกโจมตีอย่างเท่าเทียม 30 ครั้งต่อวินาที
หมายความว่า เขาสามารถสร้างหายนะได้มากขึ้นหลายเท่าตัว…
“คุคุ…! วะฮ่าฮ่าฮ่า!!”
สุดยอด! เจ๋งเป้ง!!
กริดระเบิดเสียงหัวเราะด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
ณ มุมหนึ่งของสายตา ข้อความระบบกำลังรันหลายร้อยข้อความชนิดที่ไม่มีทางอ่านทัน
ต่อหน้าศัตรูหลายสิบตัว กริดโจมตีเป้าหมายละ 30 ครั้ง หากเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคเก่าก็คงจะแฮงค์ค้างไปเรียบร้อยแล้ว
“เอาล่ะ...ได้เวลาปิดฉาก!”
ชายหนุ่มพยายามระงับความตื้นตันใจ
ขณะกำลังจะเก็บกวาดเมดูซ่าที่เหลือซึ่งยังไม่ถูกโจมตี สีหน้าของชายหนุ่มพลันบิดเบี้ยวสุดขีดราวกับได้เห็นผีตอนกลางวันแสก
[ ปราณต่อสู้ลดเหลือ 0 หน่วย ]
[ ท่านได้รับผลข้างเคียง : ปราณต่อสู้ของท่านจะไม่ฟื้นฟูเป็นเวลา 10 นาที ค่าสถานะทุกชนิดลดลง 50% ]
“เอาจริงดิ...”
สาเหตุที่กริดใช้สองทักษะในตอนที่มีปราณต่อสู้ 70 หน่วยพอดิบพอดี เพราะเขาต้องการทดสอบผลข้างเคียงเมื่อปราณต่อสู้ลดต่ำกว่าสิบไปในตัว
และเมดูซ่าเหมาะสมที่สุดสำหรับทดสอบ พวกหล่อนอ่อนแอกว่ามอนสเตอร์ปรกติในระดับเดียวกัน
แน่นอน กริดคาดไม่ถึงว่าผลข้างเคียงจะรุนแรงเช่นนี้
กรี๊ดดดด!
“เชี่ยแล้ว...”
ค่าสถานะทุกชนิดลดลง 50%!
ต่อให้กริดทานทนต่ออาการแข็งเป็นหิน 100% เต็ม แต่การต้องรับมือเมดูซ่า (ลดระดับ) ฝูงใหญ่ด้วยค่าสถานะเพียงครึ่งเดียว...
แถมระหว่างการทดสอบที่ผ่านมา เขายังคงสวมผ้าคลุมมาลาคัสไว้เพื่อดึงดูดเมดูซ่าตลอดเวลา
“ห—หัตถ์เทวะ! โนเอะ! แรนดี้! โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์!”
ใบหน้ากริดขาวซีดราวกระดาษ เขารีบอัญเชิญฝูงสัตว์เลี้ยงทุกตัวอย่างลนลาน
โนเอะและแรนดี้ไม่มีโอกาสทักทายให้หายคิดถึง
“ถ่วงเวลาพวกมันไว้จนกว่าฉันจะวิ่งหนีพ้น!!”
“...”
สัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกย่อมมีสติปัญญาในการเรียนรู้สูง
ในการรับใช้กริด เจ้านายผู้ไม่เคยใช้งานสัตว์เลี้ยงในทางที่ถูกที่ควร โนเอะได้เรียนรู้และซึมซับหลายสิ่ง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่โนเอะไม่เคยกระทำ
การด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงเยี่ยงตน ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์หรือศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่โนเอะได้ถูกปลูกฝังจิตสำนึกให้รักษาความเย่อหยิ่งและองอาจของสิ่งมีชีวิตระดับสูงไว้เสมอ
แต่สิ่งนั้นกลับขาดผึ่งโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์สุดจังไรตรงหน้า
“เจ้านายหัวค*ย...”
“...”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,152
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
55"5"" นี้โนเอะ คงสุดทนแล้วจริงๆ
ReplyDeleteดีมากโนเอะ
ReplyDelete55555 หมดกัน มาดแมวน่ารักๆที่แฟนคลับเป็นล้านหลงรัก
ReplyDeleteพระเอกแม่งโง่เกินคำบรรยายจริงๆ
ReplyDeleteเพราะความโง่ มันถึงได้เก่งในแบบของมัน55
Deleteอ่านมาถึงฉากท้ายขำลั่นบ้านเลย
ReplyDeleteแน่นอนเลยว่าโนเอะไปจำคำนี้มาจากใคร😅
ReplyDelete