จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 704
[ จักวรรดิซาฮารันประกาศสงครามกับอาณาจักรวัลฮัลล่า!! ]
[ ความสัมพันธ์ของอาณาจักรวัลฮัลล่าและจักรวรรดิซาฮารันกลายเป็น ‘ปรปักษ์’]
[ พลเมืองทั้งสองอาณาจักรจะถูกกำจัดกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกัน ]
นี่คือข้อความระบบที่ประกาศบนหน้าจอผู้เล่นทั้งสองอาณาจักร
มีเพียงน้อยคนที่สับสนหรือตกใจ
ในวินาทีที่กองทัพอาเรสชิงตัวผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย หรือเมื่อครั้งอาเรสปฏิเสธส่งบรรณาการแก่จักรวรรดิ พลเมืองวัลฮัลล่าต่างรู้เต็มอก ไม่ช้าก็เร็ว สงครามต้องอุบัติขึ้นแน่นอน
“ตัวเรามิได้ต้องการสงคราม!!”
ขณะผู้คนกำลังส่งเสียงเอะอะ
ถ้อยคำตะโกนของอาเรสดังกังวาลไปทั่วจัตุรัสเมืองหลวง
บุคลิกภายนอกที่แข็งแกร่งประหนึ่งพญาราชสีห์ของอาเรสได้สร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้เสมอ
“แต่มันเป็นสงครามเราที่เลี่ยงไม่ได้! พวกเราและจักรวรรดิมีชะตากรรมต้องแตกหัก! มันจะไม่ถูกสะสางจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหายไปจากแผนที่!”
อาเรสคือเทพสงคราม
สนามรบคือเวทีพิสูจน์การมีตัวตน
การศึกคือหนทางเดียวที่จะช่วยพัฒนากองทัพ ตนเอง และอาณาจักร
ทันใดนั้น ว่าที่ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย ‘โอเอซิส’ พลันเกิดคำถามในใจ
‘เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?’
หลังจากเข้าร่วมกับวัลฮัลล่า โอเอซิสต้องทึ่งเมื่อตระหนักถึงขุมกำลังรบวัลฮัลล่า
เมื่อรวมเข้ากับประชากรเบลโต้เดิม พลเมืองของอาเรสมีทั้งสิ้นเจ็ดแสนคน
แต่กองทัพกลับมีเพียงห้าหมื่นนายเท่านั้น
ช่างตรงกันข้ามกับจักรวรรดิที่มีทหารกล้ามากถึงสิบล้านเสียเหลือเกิน...
ในการศึกกับจักรวรรดิ วัลฮัลล่าไร้หนทางชนะโดยสิ้นเชิง
สงครามจะกินเวลาเพียงไม่กี่วันและจบลงด้วยความพ่ายแพ้ยับเยินจากฝ่ายวัลฮัลล่า
อาเรสเดินลงมาจากเวทีพร้อมกับอธิบายโอเอซิสที่กำลังมีสีหน้าฉงน
“ทหารของฉันทุกนายจะได้รับค่าประสบการณ์จากสงครามสูงกว่าปรกติ 200% ฉันยังมีทักษะปล้นสะดมที่สามารถขโมยอาหาร ทรัพสิน และกำลังทหารจากกองทัพหรือดินแดนศัตรูได้ หากบริหารใช้งานอย่างถูกต้อง วัลฮัลล่าจะเอาตัวรอดจากกองทัพจักรวรรดิได้ไม่ยาก”
ตัวตนของอาเรสจะโดดเด่นเป็นพิเศษในยามศึกสงคราม
กองทัพอาเรสไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังมีทักษะพิเศษเฉพาะการศึก
“พวกเราต้องเป็นศัตรูกับจักรวรรดิในสักวันอยู่แล้ว อันที่จริง มันคงดีกว่าหากไล่ทำสงครามกับอาณาจักรเล็กไปก่อนเพื่อสั่งสมประสบการณ์ รอให้พร้อมกว่านี้ค่อยเปิดศึกกับจักรวรรดิเต็มรูปแบบ”
แต่น่าเสียดายที่นั่งคงเป็นไปไม่ได้
อาณาจักรเกือบทั้งหมดบนทวึปล้วนส่งบรรณาการให้จักรวรรดิ
หากมีผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เป็นของจักรวรรดิ มันผู้นั้นก็จะถูกจักรวรรดิประกาศสงคราม
ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายแรกของอาเรสจึงเคยเป็นอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
แต่ท้ายที่สุด อาเรสเลือกจับมือเป็นพันธมิตรกับกริด แทนที่จะเป็นศัตรู
โอเอซิสหันกลับไปถาม
“ผมเข้าใจพลังของคุณ แต่คู่ต่อสู้เป็นถึงจักรวรรดิเชียวนะ หากพวกเขายกทัพสิบล้านมาบดขยี้วัลฮัลล่า พวกคุณไม่มีทางต่อต้านขัดขืนได้แน่ พลังของคุณจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าทันที”
อาเรสหัวเราะ
เป็นเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
“ทุกก้าวเดินถูกคำนวณไว้ล่วงหน้าเสมอ เหตุผลที่เลือกเปิดศึกในช่วงเวลานี้ เพราะปัจจุบัน จักรวรรดิกำลังเผชิญกับปัญหาแก่งแย่งชิงดีภายใน เมื่อกำลังรบกระจัดกระจายเป็นหลายก๊ก พวกมันไม่มีทางรวมรวบทหารจำนวนมากในเวลาอันสั้นได้แน่”
“แต่ยังมีอัศวินสีชาด...”
โอเอซิสเคยลิ้มรสหายนะที่ชื่อว่าอัศวินสีชาดมาแล้ว
เหล่าอัศวินหลักเดียว
ในบรรดาพวกมัน ลำดับห้าขึ้นไปล้วนเป็นปีศาจที่อยู่คนละมิติ
อาเรสย่อมทราบดี
“อัศวินสีชาดในปัจจุบันมิได้น่ากลัวอย่างทิคิด”
อาเรสกล่าวพร้อมอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“หน่วยข่าวกรองรายงานว่า อัศวินลำดับหนึ่งและสองถูกลงโทษกักบริเวณ ส่วนอัศวินลำดับสี่คือสารวัตรทหารที่คอยตรวจสอบพฤติกรรมภายในกองทัพ มันจะไม่ปรากฏตัวในสงครามหากมิใช่สถานการณ์ร้ายแรง จึงเหลือเพียงลำดับสามกับห้า แค่สองคนไม่มีทางหยุดกองทัพฉันได้แน่”
ยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้อาเรสมั่นใจเป็นพิเศษ
ป่าลิเบรอน
การจะยกทัพจากจักรวรรดิมายังวัลฮัลล่า มีแต่ต้องกรีฑาผ่านป่าผืนนี้เท่านั้น
เป็นป่าที่มีมอนสเตอร์ร่างโคลนอันตรายอาศัยอยู่มากมาย แถมยังมีภูมิประเทศลาดชันซับซ้อน
แต่อาเรสชำนาญการรบในป่าแห่งนี้มาก
“ทัพจักรวรรดิจะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของทหารฉัน เคี๊ยกฮ่าฮ่าฮ่า!”
***
“ป่าลิเบรอนอยู่เบื้องหน้าแล้ว”
ฉากการเคลื่อนพลของทัพจักรวรรดิจำนวนห้าหมื่นนายช่างยิ่งใหญ่อลังการ
สิ่งที่น่าเกรงขามที่สุด คงหนีไม่พ้นกองอัศวินสีชาดที่เป็นทัพหน้า
กองอัศวินสีชาด
กองอัศวินอันดับหนึ่งแห่งทวีปตะวันออก เป็นสัญลักษณ์ทางพลังอำนาจของจักรวรรดิซาฮารันมาช้านาน อัศวินฝีมือฉกาจกำลังเรียงรายด้านหน้าสุดของทัพหลวงขนาดห้าหมื่น
“หืม...ใหญ่กว่าที่คิดรึเปล่านะ?”
ชายชราผมขาวผู้หนึ่งกำลังจ้องมองเข้าไปในผืนป่าเบื้องหน้า
นามของมันคือ ‘โรเล็กซ์’
อายุอานามน่าจะเกินกว่า 40 ปีแล้ว
ข้างกายโรเล็กซ์คือหนึ่งในห้าเสาหลักแห่งจักรวรรดิ ไคล์
ไคล์ขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
เส้นผม ขนคิ้ว ผิวพรรณ แม้กระทั่งดวงตาและริมฝีปาก ทั้งหมดล้วนขาวบริสุทธิ์
เป็นรูปลักษณ์ที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก
“ป่าแห่งนี้เหมาะแก่การซุ่มโจมตีและวางกับดักอย่างมาก...”
ไคล์เริ่มสำรวจรายละเอียดป่าลิเบรอน
คิดเป็นอื่นไม่ได้อีก ผืนป่าเบื้องหน้ามีพุ่มหญ้าหนาทึบ แถมยังไม่มีเสียงร้องของสัตว์แม้แต่ตัวเดียว
โรเล็กซ์อมยิ้ม
มันปราศจากท่าทีเคารพโดยสิ้นเชิง
“ป่าลีเบรอนแตกต่างจากป่าทั่วไป สถานที่แห่งนี้ชุกชุมด้วยมอนสเตอร์ร่างโคลนอันตราย การดักซุ่มและวางกำดับไม่มีทางทำได้แน่”
“แต่ป่าลิเบรอนเป็นดินแดนของศัตรูมิใช่หรือ? พวกมันอาจค้นพบวิธีวางกับดักที่ง่ายกว่าปรกติ”
“ไม่มีทางเด็ดขาด เมื่อเข้าไปด้านในก็จะรู้เอง ป่าลิเบรอนทั้งชื้นและอบอ้าว ในทางทฤษฏี ไม่มีทางที่มนุษย์จะแอบซุ่มหรือวางกับดักด้านในได้ โดยเฉพาะทหารที่สวมเกราะหนักรุ่มร่าม”
นี่คือสาเหตุที่โรเล็กซ์ตัดสินใจเคลื่อนทัพผ่านผืนป่าโดยไม่เกรงกลัว
ด้วยความเร็วปรกติ ต้องใช้เวลานานถึงสี่ชั่วโมงครึ่งเพื่อจะเดินให้พ้นจากป่าลิเบรอน
โรเล็กซ์จึงพิจารณาแล้วว่า การพักผ่อนฟื้นฟูเรี่ยวแรงกองทัพก่อนลุยป่าคือสิ่งสำคัญ
แปะ แปะ!
ไคล์พยักหน้าพร้อมกับปรบมือให้
เขาอมยิ้มและกล่าวชม
“เซอร์โรเล็กซ์เฉียบแหลมมาก อันที่จริง ผมเคยได้ยินวีรกรรมคุณไม่น้อย สมแล้วกับตำแหน่งอัศวินลำดับสาม คุณอ่านเกมศัตรูได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ผมขอชื่นชมจากใจจริง”
“หืม...ชมกันเกินไปแล้ว...”
โรเล็กซ์เกาท้ายทอยด้วยสีหน้าเคอะเขิน
ไคล์เป็นใคร?
มันคือหนึ่งในห้าเสาหลักแห่งจักรวรรดิทั้งที่ไม่เคยมีคุณงามความดีใดมาก่อน แต่จักรพรรดิกลับชื่นชอบมันจนออกนอกหน้า
ห้าเสาหลักคือตัวตนที่มีอิทธิพลยิ่งกว่าอัศวินสีชาด ทั้งที่เหล่าอัศวินสีชาดสู้รบทั้งคืนวันโดยไม่หยุดพัก จึงไม่แปลกที่โรเล็กซ์จะไม่ชอบหน้าไคล์
ก็แค่เด็กเส้นที่มีจักรพรรดิคอยหนุนหลัง
โรเล็กซ์ไม่ชอบใจเลยสักนิดที่ไคล์รับหน้าที่แม่ทัพใหญ่แทนเมอร์เซเดส
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง…
ไคล์ถ่อมตนกว่าที่คิด เขารู้จักเคารพผู้อาวุโสและให้เกียรติกองอัศวินสีชาดทุกคน
แม้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ แต่ไคล์กลับมอบสิทธิ์ในการคุมทัพให้โรเล็กซ์ทั้งหมด แถมยังปฏิบัติตัวต่ออัศวินสีชาดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
‘นั่นสินะ...ห้าเสาหลักคงไม่มีประสบการณ์สู้รบมากเท่าที่ควร พวกมันล้วนมีอิทธิพลเพราะองค์จักรพรรดิคอยหนุนหลัง’
คงเป็นเจตนาของจักรพรรดิที่หวังให้ไคล์เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จึงพักงานเมอร์เซเดสและให้ไคล์คุมทัพแทน
‘ลิมิตบอกให้ห้ามประมาท เราจะไม่ประมาทก็ได้ แต่คงเกลียดเจ้าหนุ่มนี่ไม่ลง’
อะแฮ่ม!
โรเล็กซ์กระแอมก่อนหันไปออกคำสั่งกองทัพ
“หมดเวลาพัก! เตรียมเข้าป่า!”
***
“พวกมันกำลังมา”
ด้านในป่าลิเบรอน
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นป่ารกร้างสมัยอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เบลโต้
แต่ปัจจุบัน อาเรสได้วางแผนสู้รบกับจักรวรรดิมาตั้งแต่ต้น เขาจึงเล็งเห็นว่าป่าลิเบรอนคือยุทธศาสตร์สำคัญในการรับมือ
นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไม ทหารกองทัพวัลฮัลล่าทุกคนถึงล้วนมีทักษะติดตัวที่ชื่อ ‘ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศ’
ใช่แล้ว
บรรยากาศร้อนอบอ้าวภายในผืนป่าลิเบรอนจะไม่ส่งผลใดกับทหารของอาเรส
พวกเขาล้วนใช้ที่นี่เป็นสถานที่ฝึกรบบ่อยครั้งจนคุ้นชินภูมิประเทศ
“ทักษะ ‘ตรวจจับตัวตน’ ของอัศวินสีชาดอยู่ในระดับยอดเยี่ยมมาก อย่าเข้าไปใกล้พวกมันเด็ดขาด ปล่อยให้เดินเข้าป่าจนเหนื่อย จากนั้นค่อยเริ่มลงมือ”
อาเรสออกคำสั่งกับเหล่าทหาร
พวกเขาพยักหน้ารับอย่างเงียบงัน
ทุกคนกระจายตัวไปยังจุดที่ได้รับมอบหมายทั่วผืนป่า
ไม่มีใครส่งเสียงให้ศัตรูภายนอกได้ยิน
จนกระทั่ง...
“จังหวะนี้แหละ!”
“เฮ—!!”
บริเวณส่วนท้ายของป่าลิเบรอน
ทัพจักรวรรดิห้าหมื่นเริ่มออกอาการเหนื่อยล้าหลังจากเดินผ่านผืนป่านานกว่าสามชั่วโมงเต็ม
ทัพอาเรสเปิดฉากซุ่มโจมตีด้วยการพุ่งชาร์จออกจากพุ่มไม้ เสริมด้วยฝนธนูห่าใหญ่ยิงสนับสนุน
ทัพจักรวรรดิย่อมมิอาจต้านทาน
“อ—อะไรกัน?”
“ศ—ศัตรู! อ็ากกก!”
“ซุ่มโจมตี…!”
ท่ามกลางบรรยากาสสุดอบอ้าว ทัพจักรวรรดิที่เดินทางติดต่อกันนานสามชั่วโมงย่อมเหนื่อยล้า
พวกมันไม่เอะใจเลยสักนิดว่าจะมีการดักซุ่ม ส่งผลให้มิอาจต้านรับการลอบโจมตีทีเผลอจากทัพวัลฮัลล่า
บรรดาทหารจักรวรรดิกลายเป็นแสงสีเทาคนแล้วคนเล่า ส่วนทหารวัลฮัลล่ากลับรายล้อมด้วยเสาสำแสงสีขาวโพลน
นี่คือลักษณะพิเศษของทหารอาเรส เมื่อเลเวลอัพ ทรัพยากรทุกชนิดจะถูกรีเซ็ตกลับไปเต็มหลอดอีกครั้ง
รวมถึงค่าเรี่ยวแรง
กระแสสงครามตกอยู่ในมือฝ่ายวัลฮัลล่าเพียงฝั่งดียว ทหารของอาเรสเริ่มแข็งแกร่งดุดันมากขึ้นเมื่อสงครามดำเนินไป
“รักษาความฮึกเหิมไว้!”
ทุกครั้งที่อาเรสฟาดฟันโจมตี ขวัญกำลังใจทัพวัลฮัลล่าก็ยิ่งเพิ่มพูน
ฝ่ายศัตรู ยิ่งสู้ยิ่งเก่งขึ้น
ทหารทัพจักรวรรดิย่อมต้องอกสั่นขวัญแขวน
“อ—อึ๋ย…!”
“ว๊ากกกก!”
นอกจากจะซุ่มโจมตีแล้ว ศัตรูยังแข็งแกร่งขึ้นและไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อย?
พวกพ้องล้มตายระเนระนาด
สีหน้าของทหารจักรวรรดิยิ่งเปี่ยมด้วยความหวาดผวา
ทันใดนั้น...
“อาเรสสสส!!”
อัศวินลำดับสาม ‘โรเล็กซ์’ พุ่งชาร์จใส่อาเรสด้วยความเร็วสูง
มันเคยรบกับอาเรสมาแล้วหนหนึ่ง
และได้รับชัยชนะขาดลอย
ครั้งนี้ มันคิดว่าจะสยบอาเรสด้วยการโจมตีเพียงห้ากระบวนเฉกเช่นอดีต
“ฉันจะเด็ดหัวแกให้ได้!”
ความประมาทที่ปล่อยให้มีการซุ่มโจมตี โรเล็กซ์คิดจะชดเชยด้วยศีรษะของอาเรส
มันกำลังเดือดดาลสุดขีดเมื่อเห็นทหารจักรวรรดิล้มตายคนแล้วคนเล่า
โรเล็กซ์กระโจนใส่อาเรสพร้อมกับฟาดขวานยักษ์จนเกิดแสงภาพติดตารูปจันทร์โค้ง
ในอดีต ขณะอาเรสบัญชาทัพหนึ่งหมื่นของเบลโต้ เขาถูกการโจมตีนี้เข้าอย่างจังจนบาดเจ็บสาหัส
แต่ปัจจุบัน...อาเรสบัญชาทัพห้าหมื่น
ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 25%
แถมยังมีโบนัสพลังโจมตีและป้องกันอีกเล็กน้อย
“ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อนหรอกนะ!!”
เปรี้ยงงงง—
“อะไรกัน...?”
ขวานของโรเล็กซ์ถูกหยุดไว้ได้?
ผู้ที่ตื่นตระหนกมากที่สุดย่อมมิใช่ใครอื่นนอกจากตัวโรเล็กซ์เอง
ชายแสนอ่อนแอที่หมดสภาพด้วยการโจมตีเดียวในคราวก่อน โรเล็กซ์ไม่เชื่อว่าบุคคลเดียวกันจะปลดปล่อยพลังมหาศาลได้เช่นนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
มันรัวกวัดแกว่งฟาดฟันขวานยักษ์ใส่อาเรสอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
“แกจะหยุดนี่ได้รึเปล่า?”
“โฮ่...แกมันขี้โกงเหมือนเคย”
อันที่จริง แขนขวาของอาเรสเกิดอาการชาตั้งแต่ขวานแรกแล้ว
อาเรสไม่คิดจะรับมือกับปีศาจตนนี้ตามลำพังตั้งแต่ต้น
หลังจากหลบหลีกพายุขวานจากโรเล็กซ์ อาเรสปล่อยให้สก็อตต์และลัคร่วมแจมศึก
“ตรึงไอ้ปีศาจนี่ไว้!”
“ปล่อยเป็นหน้าที่พวกเราเอง!”
เปรี้ยงง!
ลัคขานรับอย่างตื่นเต้นพร้อมกับใช้โล่เล็กบริเวณข้อมือกระแทกใส่ท้ายทอยโรเล็กซ์อย่างจัง นั่นก็เพื่อให้โรเล็กซ์เปลี่ยนเป้าจากอาเรสมาหาตน
จากนั้นเป็นดาบของสก็อตต์
ทั้งคู่ต่างประเคนทักษะระดับสูงเข้าใส่
“แกเป็นปีศาจรึไง!”
แต่หลอดพลังชีวิตของโรเล็กซ์กลับมิได้ขยับเขยื้อนแม้แต่เศษหนึ่งส่วนร้อย
อัศวินลำดับสาม โรเล็กซ์
จากบรรดาปีศาจอัศวินสีชาดทั้งหมด มันเป็นรองเพียงเมอร์เซเดสและลูคัสเท่านั้น
เคร้งง!
เคร้งเคร้ง—
พายุขวานของโรเล็กซ์เหวี่ยงสะบัดทั้งสก็อตต์และลัคกระเด็นลอยพร้อมกัน
กระนั้น กองทัพอาเรสก็มิได้สั่นคลอน
ฝีมือของโรเล็กซ์ พวกมันล้วนเคยเห็นกับตามาแล้วก่อนหน้า
“รุมหยุดมันไว้!!”
แรงเกอร์ระดับขุนพลของทัพอาเรสต่างปรี่เข้าไปช่วยสก็อตต์และลัค
การเคลื่อนไหวของโรเล็กซ์ถูกตรึงเมื่อแรงเกอร์คลาสระดับสามจำนวนมากรุมล้อมทุกทิศทาง
“พวกหมาหมู่! รีบไปช่วยเซอร์โรเล็กซ์เร็วเข้า!”
อัศวินลำดับห้าและที่เหลือ พวกมันกำลังวุ่นวายอยู่กับกองทัพอาเรส บัดนี้ต้องเบนความสนใจไปช่วยโรเล็กซ์
เมื่ออาเรสเห็นเหตุการณ์ เขารีบตะโกนขึ้นสุดเสียง
“จังหวะนี้แหละ! กับดักทำงาน!!”
“…!!”
ดวงตาเหล่าอัศวินสีชาดพลันเบิกโพลง
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าพวกมันเกิดยุบตัวลงอย่างไร้มูลเหตุ ส่งผลให้อัศวินหลายคนเสียหลักตกลงไป
อาเรสยืนข้ำท้องแข็งจากด้านบน
“เคี๊ยกฮ่าฮ่า! เจ้าพวกโง่! ฉันไม่มีวันสู้กับพวกแกโดยไม่เตรียมแผนรับมือ— เฮ้ย?”
อาเรสร้องอุทานเสียงหลง
หลุมลึกกว้างกว่า 20 เมตรที่ทหารของตนใช้เวลาขุดนานถึงสองสับดาห์
อัศวินลำดับห้ากลับกระโดดขึ้นด้านบนในพริบตาราวกับมันลึกเพียงตาตุ่ม
เป็นพลังทางกายที่บ้าบอสิ้นดี
“พวกแกจะไม่โกงไปหน่อยรึไง...!?”
แย่ล่ะสิ...
อาเรสมีแผนจะตรึงอัศวินสีชาดไว้ จากนั้นก็ฉวยโอกาสทองสังหารกองทัพจักรวรรดิให้มากที่สุด แต่กลับกลายเป็น การตรึงโรเล็กซ์ต้องใช้แรงเกอร์หลายสิบคน ส่วนอัศวินลำดับห้าก็ไม่ถูกกับดักเล่นงานตามแผน
ขณะที่อาเรสเริ่มสัมผัสถึงภัยอันตราย
บึ้ม!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—
เสียงระเบิดกึกก้องดังมาจากฝั่งกองทัพจักรวรรดิ
สายตาของอัศวินสีชาด อาเรส และทุกคนในสนามรบ ต่างจ้องมองไปยังทิศทางดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
“เกิดอะไรขึ้น…?”
สายฟ้าสีชาดฟาดผ่าจากด้านบน
ทะลวงผ่านเกราะหนักและคร่าชีวิตทหารทัพจักรวรรดิอย่างง่ายดาย
“ราชาอสูรปรากฏตัวรึไง…?”
ท่ามกลางผืนป่าเขียวขวี เพลิงทมิฬระเบิดเป็นวงกว้างกลืนกินดวงวิญญาณทหารจักรวรรดิไปหลายสิบในคราเดียว
เหตุการณ์ข้างต้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่พักใหญ่ ยิ่งดำเนินผ่านไป ชีวิตนับร้อยของทหารฝ่ายจักรวรรดิก็ยิ่งถูกบดขยี้
พลังทำลายสุดน่าทึ่ง…
“ต—ตัวอะไรกัน? เป็นมอนสเตอร์ชนิดมานาไร้ขีดกำจัดรึไง?”
สิ่งมีชีวิตแบบใดกันที่สามารถทำลายกองทัพอันเกรียงไกรของจักรวรรดิได้ด้วยเวทมนตร์เปลวเพลิงอนันต์เช่นนี้?
อาเรสได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่
เขาไม่เคยคิดว่าป่าลิเบรอนแห่งนี้จะมีบอสลับซ่อนอยู่
“อาเรส! จะปล่อยให้กองทัพเราโดนปีศาจนั่นกลืนกินไม่ได้! รีบถอยเร็วเข้า!”
ท่ามกลางความวุ่นวาย สก็อตต์รีบถอนตัวจากโรเล็กซ์เพื่อกลับมาหาอาเรส
ปีศาจลึกลับตนนี้อาจกำลังทำลายของทัพจักรวรรดิอยู่ก็จริง แต่หากกองทัพจักรวรรดิเสียชีวิตจนหมดสิ้น เป้าหมายต่อไปจะไม่พวกตนหรอกหรือ?
อาเรสคิดไม่ต่างกัน
แม้จะมองเห็นตัวปีศาจไม่ชัด เพราะถูกทหารฝ่ายจักวรรดิบังไว้หมด แต่อาเรสก็มั่นใจหลายส่วนว่า ปีศาจตนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
อาจเป็นบอสระดับมังกร…
“ถอนทัพ! ถอยทัพเต็มกำลัง!!”
ปัจจุบัน โรเล็กซ์เลิกสนใจอาเรสและเหล่าขุนพล มันรีบกลับไปยังจุดที่กองทัพฝ่ายจักรวรรดิถูกปีศาจทำลาย
นี่คือโอกาสทองให้อาเรสรีบหนี
ขณะอาเรสออกคำสัญถอนทัพโดยไม่ลังเลพร้อมกับกระโจนขึ้นม้า
“ฉันคือราชาโจมตีธรรมดา...”
ปีศาจลึกลับที่ตะลุยฝ่ากองทัพจักรวรรดินับหมื่น มันผู้นั้นได้ป่าวประกาศแนะนำตัวเองด้วยนามสุดเห่ยว่า…
‘ราชาโจมตีธรรมดา’
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,152
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ได้ยินแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนะว่าใคร .....อาเรส
ReplyDelete555ไม่มีทางเป็นใครไปได้อีก ชื่อที่แสดงถึงความเห่ยสุดบรรยายของการตั่งชื่อ
ReplyDeleteจะประกาศชื่อทำเพื่อ 555+ บางครั้งการเงียบปากก็ดีกว่านะ 555+
ReplyDelete