จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 701
[ เม็มฟิสของท่าน ‘โนเอะ’ สังหารเมดูซ่า (ลดระดับ) ]
[ เม็มฟิสของท่าน ‘โนเอะ’ สังหารเมดูซ่า (ลดระดับ) ]
[ เม็มฟิสของท่าน ‘โนเอะ’ เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ ร่างโคลนแห่งป่าลึกลับ ‘แรนดี้’ สังหารเมดูซ่า (ลดระดับ) ]
[ ร่างโคลนแห่งป่าลึกลับ ‘แรนดี้’ เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หนึ่งถูกสาปเป็นหิน]
[ หลังจากถูกสาปเป็นหินอย่างต่อเนื่อง โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หนึ่งมีค่าต้านทานสาปหินเพิ่มขึ้น 1% ]
[ หลังจากถูกสาปเป็นหินอย่างต่อเนื่อง โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองมีค่าต้านทานสาปหินเพิ่มขึ้น 1% ]
[ ค่าประสบการณ์ของหัตถ์เทวะ (4) เพิ่มขึ้น 0.01% ]
‘หืม…? ก็ไม่เลว’
ณ ป่าศิลา
เมดูซ่าฝูงใหญ่ถูกกริดแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทาด้วยดาบพินาศทัพหนึ่งแสน
แต่เหลือเมดูซ่าบางตัวที่ยังไม่ตาย เพื่อจะเอาชีวิตรอด เขาจึงอัญเชิญบรรดาสัตว์เลี้ยงออกมาช่วยถ่วงเวลา ทว่าการกระทำนี้กลายเป็นมอบค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลให้พวกมัน
‘โนเอะและแรนดี้สังหารเมดูซ่าตัวที่ใกล้ตายได้ไม่ยาก’
กลับกัน โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ยังมีเลเวลไม่ถึง 50 พวกจึงมันมิอาจสร้างรอยขีดข่วนบนร่างกายเมดูซ่าได้
ค่าประสบการณ์ไม่ตกไปถึงแม้แต่หน่วยเดียว
กระนั้น ความสามารถพิเศษของโครงกระดูกก็ยังทำงานต่อเนื่อง ค่าต้านทานถูกสาปหินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามอยู่ในระดับน่าทึ่งมาก
สิบนาทีต่อมา ในที่สุดสายตาต้องสาปของเมดูซ่าก็ไร้ผลกับโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์โดยสิ้นเชิง
[ ปราณต่อสู้กลายเป็น 10 หน่วย ]
[ แต้มสถานะของท่านกลับคืนสู่ค่าปรกติ ]
บทลงโทษจบลงเพียงเท่านี้
ปราณต่อสู้ซึ่งหยุดนิ่งที่ 0 มานานกว่าสิบนาที ในที่สุดก็ฟื้นฟูกลับเป็นสิบหน่วย
“เอาล่ะ...ให้เด็กพวกนี้เก็บเลเวลต่อดีกว่า”
พัฒนาการของสัตว์เลี้ยงย่อมหมายถึงพัฒนาการของผู้เป็นนาย
กริดตัดสินใจสวมผ้าคลุมมาลาคัสอีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดเริ่มดึงดูดฝูงเมดูซ่ากลุ่มใหม่
แรนดี้แสดงสีหน้าวิตกกงวัลเมื่อเมดูซ่าฝูงใหญ่กำลังรายล้อมจากทุกทิศ
“แรนดี้ทำไม่ได้...ศัตรูน่ากลัวเกินไป”
***
[ ปราณต่อสู้กลายเป็นค่าสูงสุด ]
[ ค่าพละกำลัง ความอดทน และความว่องไวเพิ่มขึ้น 50% ]
“วิชาดาบแพ็กม่า·มายา!”
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ—
บัฟปราณต่อสู้ช่วยรีดเร้นพลังทำลายของกริดออกมาถึงขีดสุด
ด้วยผลจากมายา การโจมตีธรรมดาของกริดจึงรุนแรงขึ้นสองเท่าและเปลี่ยนเป็นระยะไกล
ด้วยผลจากถุงมือว่องไวอเล็กซ์ กริดฟาดฟันได้วินาทีละสี่ครั้ง มอนสเตอร์ที่พลังทางกายภาพอ่อนแอเฉกเช่นเมดูซ่า พวกหล่อนมิอาจต่อกรกับหายนะระดับนี้ได้
ผ่านไปสองชั่วโมงหลังจากกริดมาเยือนป่าศิลา
ชายหนุ่มช่ำชองและเข้าใจคุณลักษณะของปราณต่อสู้ทุกซอกมุม
‘ถ้าไม่จำเป็น เราไม่ควรใช้วิชาดาบทัพหนึ่งแสน’
หากเปรียบเทียบความคุ้มค่า วิชาดาบทัพหนึ่งแสนที่ส่งผลให้ปราณต่อสู้ลดลงมหาศาล จะมีประสิทธิภาพด้อยกว่าการสะสมปราณต่อสู้ให้ถึงค่าสูงสุดและใช้วิชาดาบแพ็กม่าโจมตี
‘แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า วิชาดาบทัพหนึ่งแสนทรงพลังอย่างมาก เราอาจต้องพึ่งพามันในบางสถานการณ์’
กริดเพียงผิดหวังที่มันสิ้นเปลืองปราณต่อสู้มากเกินไป
‘ถึงจะรุนแรงเพียงใด แต่การต้องสละปราณต่อสู้มากถึง 50 หน่วย...’
ในตอนแรก เขาคิดว่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วย ‘แหวนแห่งความไร้เหตุผล’
แต่น่าเสียดายที่ออปชั่น ‘ลดการใช้ทรัพยากรทุกชนิด 50%’ ไม่มีผลกับปราณต่อสู้
การสวมแหวนแห่งความไร้เหตุผลและใช้วิชาดาบทัพหนึ่งแสน สิ่งเดียวที่สิ้นเปลืองน้อยลงกว่าเดิมคือทรัพยากรมานา
‘ปราณต่อสู้เป็นทรัยากรพิเศษ...’
ชายหนุ่มได้แต่ยอมรับสภาพ
เฉกเช่นค่าสถานะ ‘พลังอสูร’
เอฟเฟค ‘เพิ่มค่าสถานะทุกชนิด’ จะไม่ส่งผลต่อพลังอสูรแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นค่าสถานะที่ได้รับหลังจากผลิตไอเท็ม หรือแม้กระทั่งค่าสถานะจากสมญานามผู้กอบกู้โลก
‘ลงเอยด้วย...เราต้องใช้วิชาดาบทัพหนึ่งแสนอย่างระมัดระวัง’
พลังอันยิ่งใหญ่มักมาพร้อมกับข้อจำกัดยุ่งยากเสมอ
ยิ่งกริดต้องการใช้ปราณต่อสู้มากเท่าไร มันก็ยิ่งไม่พอมากเท่านั้น
‘คงดีกว่านี้หากสามารถรวบรวมปราณต่อสู้ได้จากทักษะ...’
ปราณต่อสู้คือทรัพยากรที่จะเพิ่มขึ้นด้วยการโจมตีธรรมดาเท่านั้น
หรือไม่ก็เป็นฝ่ายถูกโจมตี
ทักษะวงกว้างมิอาจสะสมปราณต่อสู้ได้แม้แต่หนึ่งหน่วย
นี่เป็นขีดจำกัดที่พันธนาการมิให้ปราณต่อสู้ทำลายสมดุลซาทิสฟายมากเกินไป
กริดนำดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมเก็บเข้าช่องสัมภาระ
ป่าศิลาที่เคยชุกชุมด้วยเมดูซ่า บัดนี้รกร้างว่างเปล่าไร้สุ้มเสียงสิ่งมีชีวิต
ทันทีที่กริดรวมรวบปราณต่อสู้ครบ 100 หน่วย สปีดในการฆ่าฟันก็รวดเร็วจนเมดูซ่า (ลดระดับ) เกิดใหม่ไม่ทัน
ชายหนุ่มหลบไปยังจุดปลอดภัยพร้อมกับนำไดอารี่มาดราออกมาอ่าน
ปัจจุบัน ปราณต่อสู้ถูกรวบรวมจนเพียงพอสำหรับใช้วิชาดาบทัพหนึ่งแสน
‘เราสามารถอ่านไดอารี่มาดราต่อได้’
ในวินาทีที่กริดเปิดหนังสือออก
วาบ—
การมองเห็นพลันพร่ามัว
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แพ็กม่ากำลังยืนเด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
***
“...เข้าใจแล้ว นี่คือสาเหตุที่เจ้าคืนชีพเราในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้สินะ? ช่างต่ำช้านัก!! กล้าดียังไงถึงย่ำยีร่างกายอันสูงศักดิ์ของเรา! คนเยี่ยงเจ้าสมควรตายนับพันครั้ง!!”
บังอาจคืนชีพตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นเราในร่างอันเดดต่ำต้อย เพียงเพื่อปกป้องหอเกียรติยศ…
แถมยังไม่ไต่ถามความสมัครใจสักคำ
ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด…
อภัยให้ไม่ได้!!
“ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน!”
ซู่วว—
เราเล็งฟาดฟันดาบในมือใส่แพ็กม่า
มันคือวิชาดาบที่สามารถดับลมหายใจทหารทัพจักรวรรดินับแสนในพริบตา
ทว่า...
“…!”
แพ็กม่าคือเป้าหมายที่เราไม่สามารถโจมตีได้
ร่างกายของเราไม่ขยับ
มันปฏิเสธโจมตีใส่ชายผู้นี้
เรากวัดแกว่งดาบอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม ดาบของเราหลบหลีกแพ็กม่าอัตโนมัติ
แพ็กม่าอธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ผมคงไม่คืนชีพท่านอีกครั้งโดยไม่เตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้า ปัจจุบัน ผมคือเจ้านายที่ท่านมิอาจโจมตีได้”
“...”
เราเองก็รู้ตัวดี
เรากลายเป็นอัศวินความตายไปแล้ว
แม้จะสวนทางกับสติปัญญานึกคิด แต่สัญชาตญาณของร่างกายกลับบอกให้เราเชื่อฟังคำสั่งแพ็กม่า
“ได้โปรดปกป้องสถานที่แห่งนี้จากการรุกรานของจอมอสูร นั่นคือภารกิจของท่าน”
ทุกสิ่งจบลงเพียงเท่านี้
แพ็กม่าจากไปโดยทิ้งเราไว้ตามลำพัง
นี่คือจุดเริ่มต้นของความเดียวดายชั่วนิรันดร์
***
“...ฟู่ว”
ในวินาทีที่เนื้อหาไดอารี่จบลง กริดถูกส่งกลับสู่โลกความจริงด้วยลมหายใจเหนื่อยหอบ
ชายหนุ่มรีบปาดเหงื่อ
อาการเครียดทางจิตที่เกิดจากความทรงจำมาดรา มันรุนแรงเกินกว่ามนุษย์ปรกติจะรับไหว
กริดยังคงสัมผัสได้ถึงความเดือดดาลและสับสนที่หลงเหลือ
เขากำลังถูกอารมณ์อันเข้มข้นของมาดราครอบงำจิตใจ
‘ไม่อยากอ่านอีกแล้ว...’
กริดกำลังหวาดกลัว
เขารู้ดีว่ามีสิ่งใดรออยู่…
การใช้ชีวิตบนเกาะว่างเปล่าตามลำพังนานหลายร้อยปี ห้วงอารมณ์ของมาดราในขณะนั้น กริดหวาดกลัวที่จะสัมผัสมัน
แต่ท้ายที่สุด…
ชายหนุ่มกัดฟันเปิดอ่านบทที่สามของไอดารี่
นี่คือสิ่งเดียวที่มาดราเหลือทิ้งไว้ให้ตน เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวบนโลกของอัศวินความตายมาดรา
เขาต้องเผชิญหน้ากับมัน
ไม่สนว่าจะมีสิ่งใดรออยู่
***
บทที่สาม
เรานั่งนับวันเวลาที่ผ่านไปหลังจากถูกคืนชีพ
แต่เนื่องด้วยร่างกายอันเดด เราจึงไม่เคยรู้สึกง่วง และความชัดเจนของวันเวลาก็ยิ่งเลือนลางลงทุกขณะ
“...”
เกาะร้างขนาดเล็กที่ปราศจากทุกสิ่ง
เราไม่รู้อีกแล้ว ว่าความเจ็บปวดในปัจจุบัน เกิดจากความโดดเดี่ยวหลายปีหรือหลายสิบปีกันแน่
ท่ามกลางความเงียบเหงา
ในที่สุดเราก็หลงลืมตัวตน
หากขอพรได้หนึ่งข้อที่ไม่เกินจริง เราขอเพียงให้อันเดดมีเปลือกตาและสามารถนอนหลับพักผ่อน
เราอยากหลับตาลงและมองไม่เห็นโลกใบนี้อีก
เราอยากหยุดคิดถึงมิติอันเงียบเหงาแห่งนี้
เราอยากหายไปตลอดกาล...
***
“ที่นี่คือขุมนรก...”
หลังจากถูกบังคับคืนชีพใหม่ในร่างอันเดดพร้อมกับความทรงจำ มาดราถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวนานหลายสิบปี
คุกที่ชื่อว่า ‘นิรันดร์’ ได้กักขังเขาไว้ มันเป็นการจองจำที่ทรมานและโหดร้ายมิต่างจากขุมนรก
บทที่สี่…
บทที่ห้า…
บทที่หก...
ทุกบทผ่านไปอย่างเจ็บปวด
มาดราเผชิญเพียงความว่างเปล่าที่มิอาจพักสติได้แม้แต่วินาทีเดียว
กริดสงสารชายคนนี้จากก้นบึ้งหัวใจ
เขาทวีความเกลียดชังแพ็กม่า แม้จะรู้ว่าแพ็กม่าทำไปเพื่อความสงบสุขของโลก
จนกระทั่งบทที่เจ็ด มีบางสิ่งเกิดขึ้น
จอมอสูรปรากฏกาย!
***
บทที่เจ็ด
“นี่คือเกาะสุดท้ายสินะ”
มันเรียกตัวเองว่าจอมอสูรลำดับสิบ
“ชื่อของเราคือเลอราเช่ หนึ่งใน 33 ผู้่ปกครองสูงสุดแห่งขุมนรก”
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเลอราเช่ถูกปกปิดด้วยหมวกปีกกว้าง
ริมฝีปากแดงก่ำตัดกับผิวหนังสีขาวซีดชัดเจน
“เราคือจอมอสูรผู้เปี่ยมด้วยสติปัญญาและพลัง หลักฐานคือการมาถึงเกาะหมายเลข 66แห่งนี้อย่างง่ายดาย”
“...”
เราไม่ได้พบกับสิ่งมีชีวิตมานานแค่ไหนแล้วนะ...
คงจะหลายสิบปีกระมัง
แต่เรากลับไม่ดีใจเลยสักนิด
เราไม่อยากพบกับจอมอสูรเห็นแก่ตัวที่เอาแต่พล่ามไร้สาระอย่างมัน
เลอราเช่ยังคงพูดไม่หยุดนับตั้งแต่ปรากฏตัวจากประตูมิติ
“เราถนัดด้านแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า...เรามีนิสัยชอบเอาชนะศัตรูทุกคนที่ต่อสู้ด้วย หลักฐานคือ เราสามารถจัดการกับอดีตตำนานทุกคนจนมาถึงเกาะแห่งนี้ นักล่าอสูรอเล็กซ์ที่เหล่าจอมอสูรต่างหวาดกลัว ชายคนนั้นมิได้เป็นปัญหาสำหรับเราผู้นี้เลยสักนิด ฮุฮุฮุ!”
“...”
“หืม...นั่นสินะ การสนทนากับอัศวินความตายไร้สติปัญญาคงเป็นการกระทำที่สูญเปล่า ไม่สนุกเลยสักนิด แต่ถึงกระนั้น เราก็รู้สึกตื้นเต้นเล็กน้อย หากพิจารณาจากดาบที่ห้อยตรงเอว เจ้าคืออริยดาบมุลเลอร์ใช่ไหม? ตำนานผู้ผนึกจอมอสูรไปมากถึงสี่ตน รวมถึงเฮล·กาโอ...เราอยากสู้กับเจ้ามานานแล้ว เพื่อพิสูจน์ว่าเรายอดเยี่ยมกว่าเฮล·กาโอ”
“เรามิใช่มุลเลอร์”
บังอาจเข้าใจเราผิดเป็นผู้อื่น…
เมื่อสิ้นเสียงมาดรา เลอราเช่แสยะยิ้ม
“โฮ่? อัศวินความตายพูดได้? ยอดเยี่ยมมาก! เจ้าไม่ใช่มุลเลอร์สินะ เช่นนั้นแล้วเจ้าคือใคร?”
“มาดรา กษัตริย์แห่งลูบาน่า”
“มาดรา…? เป็นนามที่แทบไม่เคยได้ยินมาก่อน ช่างน่าผิดหวังนัก นึกว่าจะได้พบมุลเลอร์ที่เกาะสุดท้ายเสียอีก การต่อสู้จะได้น่าตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง”
“...”
เราเริ่มฉุนเฉียว
แพ็กม่า...เจ้าคืนชีพเราเพียงเพราะหวาดกลัวขยะเยี่ยงนี้หรือ?
“ดาบสะบั้นทัพสองแสน!”
“…!”
ในชีวิตที่สอง เราปราศจากจุดหมายการดำรงชีวิตโดยสิ้นเชิง
เราไร้แรงขับเคลื่อน...กาลเวลาและความโดดเดี่ยวได้กัดเซาะจิตใจเราจนเหี่ยวเฉา
ทว่า...แม้ทั้งคืนวันเราจะเอาแต่จ้องมองท้องฟ้าและวิวทิวทัศน์โดยรอบโดยไม่ฝึกซ้อม
แต่กระนั้น ฝีมือการสู้รบที่ไหลเวียนในจิตวิญญาณก็มิได้ขึ้นสนิม
ดวงตาแสนโอหังของเลอราเช่กำลังเปี่ยมด้วยความหวาดผวาสุดขีด
***
[ ปัจจุบัน ท่านมิอาจเข้าถึงวิชาดาบที่มาดราใช้ในบทที่เจ็ดได้ ]
[ ท่านไม่สามารถอ่านไดอารี่บทที่เจ็ดจนกว่าจะเรียนรู้วิชาดาบมาดราอย่างถ่องแท้ ]
[ ท่านได้รับหนังสือทักษะ : วิชดาบทัพสองแสน ]
[ ไดอารี่อัศวินความตายมาดราจะถูกผนึกไว้จนกว่าท่านเรียนรู้วิชาดาบทัพสองแสน ]
[ หนังสือทักษะ : วิชาดาบทัพสองแสน ]
เกรด : เลเจนดารี
หนังสือทักษะที่บรรจุวิชาดาบพื้นฐานของมาดรา
วิชาดาบที่ถูกบรรจุด้านใน เป็นเพียงวิชาดาบที่มาดราใช้หลังจากกลายเป็นอัศวินความตาย ส่งผลให้ความรุนแรงถูกลดทอนลงจากวิชาดาบดั้งเดิม
บรรจุทักษะ :
- ดาบสะบั้นทัพสองแสน (ลดระดับ)
เงื่อนไขการเรียน :
- ถูกมาดรายอมรับ
- เลเวล 399 หรือสูงกว่า
“ตำนานที่เก่งกาจเทียบเท่ามุลเลอร์...”
สิ่งนี้ประเมินได้ไม่ยากจากคำกล่าวที่บราฮัมเคยสรรเสริญมาดราไว้
แม้ชื่อเสียงจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าตำนานคนอื่น เนื่องจากขอบเขตวีรกรรมเกิดขึ้นภายในลูบาน่าเท่านั้น
แต่ฝีมือของมาดราเข้าขั้นปีศาจ
กริดมั่นใจมากเมื่อเห็นจอมอสูรลำดับสิบ ‘เลอราเช่’ กำลังหวาดผวาสุดขีดเมื่อต้องเผชิญหน้าวิชาดาบสุดทรงพลังของมาดรา
ทั้งที่มันสามารถผ่านลันเทียร์ อเล็กซ์ ครูเกอร์ กิส และโพเวียอย่างง่ายดาย
“ถัดจากวิชาดาบทัพหนึ่งแสน เราได้รับหนังสือทักษะวิชาดาบทัพสองแสนทันที...”
หรือท้ายที่สุด ตนจะมีสิทธิ์ได้เรียนวิชาดาบทัพหนึ่งล้านจากมาดรา?
กริดที่กำลังตื่นเต้นพลันขมวดคิ้วเมื่ออ่านรายละเอียดทักษะอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
“เลเวลจำกัด 399 ขึ้นไป...คงอีกเป็นปีกว่าเราจะได้เรียนมัน”
ถึงจะน่าเสียดาย แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ขีดกำจัดทางด้านเลเวลมีแต่ต้องชดเชยด้วยการเก็บเลเวลเท่านั้น
‘กลับไรน์ฮาร์ทก่อนดีกว่า’
ชายหนุ่มนำไดอารี่เก็บใส่ช่องสัมภาระก่อนจะเริ่มเดินทางกลับ
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,152
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ทำ่ร็วๆนะคับ
ReplyDeleteรอเวลานั้นมาถึง รอนะครับ
ReplyDeleteมาดราอาจจะแข่งแกร่งกว่ามุลเลอร์แต่วีรกรรมของมาดราดังน้อยกว่ามุลเลอร์
ReplyDelete