จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 655
>> ฉันเก็บกวาดกองพลที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว
"..."
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ประหนึ่งเพิ่งเก็บกวาดห้องนอนเสร็จ
อีกฝ่ายคือกองทัพระดับหัวกะทิจำนวน 2,000 เชียวนะ...
กริดพลันเหงื่อแตกเมื่อได้รับข้อความเสียงส่วนตัวจากยูเฟอมิน่า
>> เธอ.บาด.เจ็บ.ตรง.ไหน.รึ.เปล่า↗ เหนื่อย.ไหม.↘ น่า.เบื่อ.รึ.เปล่า↗ ฉัน.เป็น.ห่วง.นะ↗
( ลูกศรกำกับเสียง ขึ้น-ลง )
กริดชื่นชอบสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคน เขาไม่เคยเกลียดขี้หน้าใคร
แต่ในบรรดาสมาชิกทั้งหมด เขาจะมอบความรู้สึกพิเศษให้ยูเฟอมิน่าเสมอ
เป็นความรู้สึกรักตัวกลัวตาย...
กริดจะประหม่าและพยายามไม่ทำให้เธอหงุดหงิดอารมณ์เสีย ประหนึ่งลูกหนูกำลังเผชิญหน้าสัตว์ป่าดุร้าย
ทุกครั้งที่พูดกับยูเฟอมิน่า น้ำเสียงของกริดจะระมัดระวังและแข็งกระด้างราวกับท่องอาขยาน
แต่ยูเฟอมิน่ากลับเข้าใจผิด เธอคิดว่ากริดห่วงใยตนมากเป็นพิเศษ
เธอเองก็ห่วงใยกริดไม่แพ้กัน
>> จะน่าเบื่อได้ยังไง ฉันดีใจนะที่ได้ทำหน้าที่สำคัญเพื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ หลังจากนี้ก็มอบโอกาสให้ฉันบ่อยๆ ด้วยล่ะ
>> ม--ไม่มีปัญหา! แน่นอนอยู่แล้ว ฮะฮะ!
>> แต่ว่า...
>> หืม
>> ฉันคิดว่าพลังของอาเรสน่ากลัวเกินไป...พวกเราต้องระวังในจุดนี้ให้มาก
น้ำเสียงของยูเฟอมิน่าเริ่มตรึงเครียด
อันที่จริง ระหว่างต่อสู้กับกองพลที่หนึ่ง ผู้ที่ตกตะลึงที่สุดคือตัวเธอเอง
>> หน่วยเกราะหนักเจนศึก...พวกมันไม่มีใครตายเลยสักคน แม้จะถูกเวทมนตร์ระดับสุดยอดของธาตุทั้งสี่เข้าไปอย่างจัง ทักษะติดตัวที่อาเรสบรรจุให้ทหารจะต้องเป็นทักษะต้านทานเวทมนตร์และการเพิ่มพลังชีวิตสูงสุดแน่ ลองคิดดูสิ หากในกองทัพมีฮีลเลอร์สักคนหรือสองคนล่ะก็...
>> อาเรสสามารถบรรจุทักษะติดตัวให้ทหารได้สินะ...
ข้อมูลที่ได้รับจากสงครามหนนี้มีค่ามาก
หน่วยรบหัวกะทิที่ถูกฝึกฝนโดยอาเรสโดยตรงจะมีทักษะติดตัวหลากหลายชนิด บางทีอาจเก่งกาจระดับมอนสเตอร์พิเศษ
ดูเหมือนอาเรสสามารถบังคับเพิ่มเลเวลให้ทหารได้ แถมยังบรรจุทักษะติดตัวให้ทหารได้ดั่งใจนึกอีก
หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ
อาเรส...โคตรโกง
'แน่นอนว่าต้องมีจุดบอดที่ไหนสักแห่ง แต่ถึงจะมี...'
ยิ่งเวลาผ่านไป กองทัพของอาเรสก็ยิ่งเกรียงไกรจนยากจะรับมือ
โดยเฉพาะหลังจากฮุบกลืนอาณาจักเบลโต้เข้าไปแล้ว
'ด้วยดินแดน ภาษี และประชาชน อาเรสจะสร้างกองทัพปีศาจได้อย่างไร้ขีดจำกัด'
ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นภัยคุกคาม อาเรสในอีกหลายปีข้างหน้าจะมีกำลังทหารไม่ด้อยไปกว่าจักรวรรดิเลยสักนิด ยูเฟอมิน่ากำลังกังวลในสิ่งนี้
>> และอันที่จริง หน่วยเกราะหนักเจนศึกถือเป็นกองทัพของราชวงศ์เบลโต้ มิใช่ทหารของอาเรสโดยตรง สิ่งนี้ย่อมหมายถึง หน่วยเกราะหนักเจนศึกยังไม่ใช่ทหารในอุดมคติที่อาเรสต้องการ จากข้อมูลทำเราให้ทราบว่า หากอาเรสสามารถสร้างกองทัพในอุดมคติของตนได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นปีศาจที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ พวกเราไม่ควรปล่อยให้อาเรสเติบโตไปมากกว่านี้
การที่กริดและยูเฟอมิน่าสามารถบดขยี้หน่วยเกราะหนักเจนศึกได้ในพริบตา เพราะเขาและเธอมีพลังทำลายในระดับเหนือสามัญสำนึก คนทั้งสองใช้อาวุธเกรดเลเจนดารี เสริมด้วยทักษะสุดโกงนานาชนิด ทำให้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้อย่างต่อเนื่อง
แต่หากทหารเกราะหนักเจนศึกแข็งแกร่งกว่านี้อีกเพียงสักนิด หรือหากพวกมันมีฮีลเลอร์อยู่ในกองทัพอย่างที่ยูเฟอมิน่ากล่าว
กริดและเธอจะถูกกองทหารอันแข็งแกร่งโต้กลับจนตกที่นั่งลำบาก
แม้อาจยังชนะได้ แต่ไม่มีทางง่ายดายไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้แน่
และนั่นคือกองทัพอาเรสในอนาคต
>> ไม่ใช่เรื่องดีที่จะเป็นพันธมิตรกับอาเรสนานนัก หากเราหวาดกลัวจักรวรรดิจนต้องพึ่งพาอาเรส ในสักวัน พวกเราจะถูกอาเรสกลืนกินเสียเอง
>> ...ฉันรู้
แต่พวกเรามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ
ในการจะรอดพ้นจากวิกฤติจักรวรรดิตรงหน้า มีแต่ต้องจับมือกับอาเรสเท่านั้น
>> ยูเฟอมิน่า...ที่เธอพูดก็ไม่ผิด การจับมือกับอาเรสนานเกินไปไม่ใช่เรื่องดี แต่ว่า...
กริดพยายามกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม เขาต้องการให้ยูเฟอมิน่าสลายความกังวลในใจ
>> เธอไม่ควรหลงลืมความแข็งแกร่งของฝ่ายเรา ขณะที่อีกฝ่ายเติบโต พวกเราก็เติบโตเช่นกัน เธออย่าลืมว่าฉันคนนี้คือราชาโอเวอร์เกียร์ ทหารในกองทัพไม่มีวันสวมใส่ไอเท็มกระจอก ทหารทุกคนสามารถเป็นปีศาจได้
ใช่แล้ว ความกังวลเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรมีมากเกินไป
กองทัพอาเรสจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตแล้วอย่างไร...
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก็ไม่คิดย่ำอยู่กับที่เช่นกัน
>> กองทัพโอเวอร์เกียร์มีศักยภาพระดับเดียวกับกองทัพอาเรส ไม่สิ...พวกเขาแข็งแกร่งได้มากกว่าทหารของอาเรสด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวล
>> ...นั่นสินะ ฉันคิดไม่รอบคอบเอง
ยูเฟอมิน่าเริ่มใจเย็นลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงแสนมั่นใจของกริด
ชายหนุ่มอาจไม่รู้ตัวเลยว่า ยูเฟอมิน่าเชื่อใจเขายิ่งกว่าใครทั้งหมดบนโลก
***
"กิลด์โอเวอร์เกียร์สินะ...หืม ก็ไม่เลวนี่"
เป็นไปตามคาด จิสึกะตามลำพังสามารถกวาดล้างกองพลที่หกสำเร็จ
กริดรักษาสัญญาที่จะช่วยถ่วงเวลาศัตรูครึ่งหนึ่งไว้สองวัน
เมื่ออาเรสได้ฟังสรุปรายงาน ท่าทีของเขากลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด
'คงเพราะฝ่ายศัตรูไม่มีแม่ทัพที่เชี่ยวชาญการศึก เรื่องแบบนี้จึงเกิดขึ้นได้'
ทหารของอาเรสจะสำแดงศักยภาพได้สูงที่สุดเมื่อถูกบัญชาการโดยแม่ทัพเก่งกาจ
ไม่ว่ากองทัพจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่พลังที่แท้จริงจะถูกลดทอนลงหลายส่วนหากแม่ทัพขาดประสิทธิภาพในการบัญชา
นั่นคือขีดจำกัดของหน่วยเกราะหนักเจนศึกในเวลานี้
'เชนยังไม่ฉลาดพอ'
เชน แม่ทัพแห่งกองพลที่หนึ่ง ได้ชื่อว่ามีไหวพริบดี แต่สำหรับอาเรสแล้วยังบกพร่อง
แม่ทัพกองพลขาดความเข้าใจในกลศึกอย่างถ่องแท้ ทำให้ไม่อาจประเมินพลังของสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้ ทุกคนล้วนนำทัพประจัญหน้าสู้โดยตรง จากนั้นจึงค่อยตระหนักถึงฝีมือศัตรูในภายหลังเมื่อสายไป
เรียกได้ว่า ค่าโง่ราคาแพง
'เป็นหน้าที่ของแม่ทัพ ที่ต้องมองพลังที่แท้จริงศัตรูให้ออก'
นี่คือสาเหตุที่อาเรสเลือกสมาชิกเข้ากิลด์อย่างระมัดระวัง
อาเรสไม่เลือกแร้งเกอร์ระดับท็อปของแต่ละสายอาชีพ แต่เขาคัดสรรผู้เล่นที่มีความเข้าใจในกลศึกและบริหารกองทัพได้ดี
ผู้เล่นที่สามารถเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับทักษะของตน
แม้ฝีมือรบส่วนตัวอาจด้อยกว่าแร้งเกอร์คนอื่น แต่หากบริหารทัพได้เก่งฉกาจ เรื่องนั้นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับอาเรส
"รวบรวมข้อมูลการต่อสู้ระหว่างหน่วยเกราะหนักเจนศึกกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์แล้วส่งมาให้ฉัน...ฉันจะฝึกทหารใหม่ที่สามารถกลบจุดอ่อนในวันนี้"
หัวใจอาเรสเริ่มเต้นโครมคราม
เขากำลังดีใจที่จะได้ครอบครองกองทัพขนาดใหญ่
อาณาจักรเบลโต้กำลังจะตกเป็นของตนในอีกไม่ช้า
***
"รบกวนพวกนายแล้ว"
สก็อตต์กล่าวทักทายกริดเมื่อสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทั้งห้ากลับมาถึงปราสาทอาเรส
เขาให้ความสนใจกับยูเฟอมิน่าเป็นพิเศษ แม้จะเป็นหญิงสาวร่างเล็กและน่ารัก แต่สก็อตต์กลับแสดงสีหน้าหวาดผวาเมื่อได้พบเธอ
กริดอมยิ้มอย่างภาคภูมิ
'ไม่ว่าใครก็ต้องกลัวหล่อนทั้งนั้น'
ชายหนุ่มดีใจมาก
หากตนหวาดกลัวยูเฟอมิน่า คนอื่นก็ควรต้องคิดเช่นนั้นด้วย
เขาอมยิ้มให้สก็อตต์อย่างเห็นใจ
สก็อตต์เริ่มเข้าเรื่อง
"อีกสี่วันหลังจากนี้ พวกเราจะยกทัพยึดครองเมืองหลวงเบลโต้ สมาชิกโอเวอร์เกียร์พอจะช่วยสนับสนุนจนถึงตอนนั้นได้ไหม"
เป้าหมายการยกทัพคือเมืองหลวงอาณาจักรเบลโต้
คำขอร้องของสก็อตต์เป็นสิ่งสมเหตุสมผล
หนึ่งในข้อตกลงที่ลอเอลเสนออีกฝ่ายก็คือ กิลด์โอเวอร์เกียร์จะต้องช่วยเหลือกองทัพอาเรสในการยึดบัลลังก์
กริดพยักรับหน้าทันที
"พวกเราทุกคนจะเข้าร่วมสงคราม"
"นายก็ด้วยหรือ..."
สก็อตต์พลันประหลาดใจ
เป็นเกียรติไม่น้อยที่กษัตริย์จากอาณาจักรอื่น จะใช้ชีวิตและร่วมรบกับพวกตนอีกหลายวัน
'ชายคนนี้กำลังแสดงความจริงใจ'
กองทัพอาเรสถูกกิลด์โอเวอร์เกียร์บีบบังคับให้จับมือเป็นพันธมิตรทางอ้อม
พวกเขาถูกราชวงศ์ตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ แผนทุกอย่างที่เคยวางไว้ต้องถูกเปลี่ยน
สก็อตต์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเคียดแค้นกิลด์โอเวอร์เกียร์
แต่ปัจจุบัน เขากำลังสับสน
สก็อตต์เริ่มมองว่ากริดเป็นชายที่น่าชื่นชม
***
"อะไรนะ...!! หน่วยเกราะหนักเจนศึกถูกสังหารหมดแล้ว!"
ราชวงศ์เบลโต้ได้รับข่าวร้ายสุดขีด
หน่วยเกราะหนักเจนศึกที่พวกมันมั่นใจว่าจะมอบข่าวดีให้ กลับกลายเป็นถูกทัพของอาเรสบดขยี้ราบคาบ
"ดยุคอาเรสเอาชนะพวกเขาได้ยังไง...ทั้งที่สูญเสียไพร่พลไปมากมายในสงครามกับจักรวรรดิขนาดนั้น"
"เป็นที่แน่ชัดแล้ว! อาเรสไม่ยอมแสดงพลังที่แท้จริงเมื่อครั้งสู้กับจักรวรรดิ! มันต้องวางแผนหักหลักราชวงศ์มานานมากแล้วแน่!"
"อาเรสคือผู้ที่ฝึกฝนทหารเกราะหนักเจนศึกด้วยตนเอง นอกจากจะรู้จุดอ่อนเป็นอย่างดี มันน่าจะมีทหารที่คล้ายกันแอบซ่อนไว้"
เหล่าองค์ชายต่างพากันสั่นระริก
พวกมันกำลังหวาดกลัว
ทัพหลวงในปัจจุบันจะรับมือการโต้ตอบจากอาเรสไหวหรือ...
ในเมื่อพวกมันไม่หลงเหลือหน่วยเกราะหนักเจนศึกอีกแล้ว
"จบสิ้นทุกอย่าง..."
"เจ้าอสรพิษนั่นกำลังจะช่วงชิงทุกสิ่งไป...!"
บรรดาองค์ชายต่างกระวนกระวายใจ
ส่วนกษัตริย์ไร้ความสามารถกลับยังนั่งนิ่ง
...ทันใดนั้นเอง
"ให้ฉันช่วยไหมล่ะ...หือ~"
สถานที่แห่งนี้คือห้องประชุมลับสำหรับราชวงศ์เท่านั้น บัดนี้ประตูถูกเปิดออกโดยไม่ได้รับอนุญาต
ชายปริศนาผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านใน
ผิวหนังของมันขาวซีด รูปร่างซูบผอม ใบหน้าหล่อเหลางดงาม
"แกเป็นใคร!"
สะดุ้ง
ดวงตาสีทองสามารถสะกดทุกคนให้แข็งทื่อเพียงจ้องมอง
ชายปริศนาผู้นี้เปี่ยมด้วยความบ้าคลั่ง ทั้งกษัตริย์และเหล่าองค์ชายต่างสัมผัสได้ สัญชาตญานของพวกมันได้ร่ำร้องหาคนช่วยเหลือโดยพลัน
'ฮ--เฮ้ย!'
เมื่อกวาดสายตามองออกไปยังทางเดินด้านหน้า
กษัตริย์และองค์ชายล้วนอ้าปากค้างเป็นปลาคาร์ปอย่างพร้อมเพรียง
อัศวินองครักษ์ที่ทำหน้าที่อารักขา บัดนี้ถูกสังหารจนหมดสิ้น
"ก--แกเป็นใครกันแน่"
ต้องป่าเถื่อนขนาดไหน ถึงกล้าบุกรุกที่พักราชวงศ์ของอาณาจักรใหญ่
ชายคนนี้ไม่ปรกติแน่
แต่สิ่งที่น่าประหลาดคือ...มันมาพร้อมกับสัญลักษณ์ของจักรวรรดิซาฮารัน
"ฉันคือทูตที่จักรวรรดิส่งมายังไงล่ะ น่าประหลาดใช่ไหม คิคิคิก! คิฮ่าฮ่าฮ่า!!"
ชายปริศนาหัวเราะอย่างขบขัน
มันใช้ลิ้นเลียคมดาบที่เปื้อนด้วยเลือด จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งบีบกรามกษัตริย์ไร้ความสามารถไว้
"เลียเท้าฉันซะ...จงร้องขอชีวิต แล้วฉันจะทำลายอาเรสให้พวกแก"
"อ--อี๋ย!"
กษัตริย์เบลโต้พลันหน้าถอดสีเมื่อได้เห็นอัศวินความตายสองตนกำลังยืนขนาบซ้ายขวาแอ็กนัส
ภาพตรงหน้ามิต่างอะไรกับฝันร้าย
พวกมันทำศึกกับจักรวรรดิเพราะต้องการเป็นอิสระ ส่งผลให้ปัจจุบันกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาขลาดแคลนกำลังทหาร
เมื่อจักรวรรดิคิดหยิบยื่นมือเข้าช่วย...
"คิคิก! คิคิคิคิคิก!"
หงึกหงึก หงึกหงึก
แอ็กนัสก้มมองกษัตริย์เบลโต้กำลังเลียรองเท้ามันด้วยความอับอายและความกลัว
แอ็กนัสระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
ปกป้องอาณาจักรเบลโต้
ซื้อใจราชวงศ์เบลโต้
ทำลายกองทัพของอาเรสเพื่อให้จักรวรรดิปราศจากเสี้ยนหนาม
นี่คือคำสั่งที่ได้รับมาในฐานะทูตของจักรวรรดิ...แต่แอ็กนัสลืมมันไปหมดแล้ว
มันหวังเพียงได้สนุกกับมหาสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น
กริดและแอ็กนัส
การเผชิญหน้าครั้งแรกของชายใจแคบและชายเสียสติ
กำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
มาแล้วกริดและแอ็กนัส
ReplyDeleteความมืดและความตาย
ใจแคบและเสียสติ
อสุด Vs ปีศาษ
สนุกมาก รออ่านฉากต่อไป กริดจะสู้แอ็กนัสได้ไหม
ReplyDeleteคือ
ReplyDelete