จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 673
“...หมู่เกาะเบเฮ็น”
กริดขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็น แต่ลอเอลกลับมองต่างออกไป
“ฝ่าบาทเคยพูดใช่ไหม ว่าบอสประจำเกาะหมายเลข 61 คือนักลอบสังหารในตำนานที่ชื่อว่าลันเทียร์”
“ระบุให้ชัดคือ ลันเทียร์ที่กลายเป็นอัศวินความตายและสวมใส่ไอเท็มแพ็กม่า!”
“เขาอาจแข็งแกร่ง แต่ฝ่าบาทก็เตรียมแผนรับมือแล้วมิใช่หรือ ฝ่าบาทได้สร้างผ้าคลุมที่สามารถลดทอนความเสียหายจากลันเทียร์ลงหลายระดับ”
กริดสร้างไอเท็มต้านทานกายภาพโดยเฉพาะขึ้นมาหลายชิ้น ทั้ง <สามชั้น> ชุดเกราะที่เน้นหนักในพลังป้องกันกายภาพ รวมถึง <ผ้าคลุมลันเทียร์> <หมวกเหล็กเขายาว> และ <ถุงมือเหล็กใหญ่พิเศษ>
กริดพยักหน้า
“ฉันรู้ว่านายไม่ได้พูดเกินจริง...การเผชิญหน้ากับลันเทียร์หนนี้ ฉันไม่มีทางตายในพริบตาเหมือนคราวก่อน...แต่ถ้าพูดถึงด้านอาวุธ ฉังยังไม่พร้อม”
กริดยังเป็นกังวลเกี่ยวกับอาวุธของตน
“ฉันเพิ่งสร้างดาบแห่งการบรรลุสัจธรรมได้ก็จริง แต่มันเป็นดาบอสูร อาวุธที่ใช้ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ดาบที่ไว้ปราบอันเดดโดยเฉพาะ”
อัศวินความตายลันเทียร์ หากพูดให้ชัดก็คือ มันเป็นสิ่งมีชีวิตธาตุมืด พลังโจมตีธาตุมืด 30% จากดาบเล่มใหม่อาจส่งผลฮีลต่อลันเทียร์ แถมยิ่งไปกว่านั้น ลันเทียร์มีค่าการหลบหลีกที่สูงลิบเหนือมนุษย์ กริดยังไม่มั่นใจเลยสักนิดว่า ตนจะสามารถโจมตีให้โดนลันเทียร์ได้จริงหรือ
“หืม...ฝ่าบาทกำลังจะบอกว่า ตอนนี้ต้องการดาบธาตุศักดิ์สิทธิ์สักเล่มก่อนไปลุยหมู่เกาะเบเฮ้น กระหม่อมเข้าใจถูกต้องรึไม่”
“อืม...ถ้าเป็นแบบนั้นคงดีกว่า”
“ก็สมเหตุสมผลดี คงฉลาดกว่าหากเตรียมตัวให้อยู่ในสภาพพร้อมรบที่สุด...ว่าแต่ ฝ่าบาทมีวัสดุสำหรับสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ”
“มิธริลไง หาได้ไม่ยาก”
“มิธริล…!”
ลอเอลโพล่งขึ้นพร้อมกับลุกพรวดจากเก้าอี้ กริดพลันประหลาดใจ
“ท—ทำไมกัน...นายตื่นเต้นรึไง”
“ใครจะไปตื่นเต้นลง! นี่คือดาบศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ...ดาบศักดิ์สิทธิ์! แต่ฝ่าบาทกลับคิดสร้างมันจากโลหะอย่างมิธริลเนี่ยนะ!”
“...”
มิธริลคือโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งต่ออันเดดเป็นพิเศษ นับเป็นโลหะชั้นสูงในมุมมองของผู้เล่นทั่วไป
แต่ว่า...
“ดาบอสูรถูกสร้างขึ้นจากเขาบีเลียล แต่ฝ่าบาทกลับคิดสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์จากวัสดุสุดกระจอกเนี่ยนะ! อย่างน้อยก็ต้องระดับเดียวกับบีเลียลไม่ใช่รึไง”
“...จ—จริงด้วย”
ดาบแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกิดภวังค์ปรารถนาแรงกล้าคืออาวุธเกรดมิธ สมมติให้กริดต่อสู้กับศัตรูที่เป็นอันเดด อาวุธเกรดมิธย่อมมีประสิทธิภาพสูงกว่าอาวุธที่สร้างจากมิธริลเกรดเลเจนดารีหลายขุม
“นั่นสินะ...ไม่สมเหตุสมผลเลยที่ฉันจะใช้อาวุธจากวัสดุทั่วไป”
“นั่นคือสิ่งที่กระหม่อมต้องการจะสื่อ”
ในอนาคต ทุกอาวุธของกริดจะต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำเทียบเท่าดาบแห่งการบรรลุสัจธรรม เป็นบรรทัดฐานที่ควรรักษาไว้
กริดเริ่มฉุกคิดบางสิ่งได้
‘...แล้วเราจะหาวัสดุสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์ได้จากไหน’
แม้แต่อดามันเที่ยมจากดินแดนเทพยังมีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าเขาจอมอสูรบีเลียล ดังนั้น ในการจะรวบรวมวัสดุธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับเดียวกัน...
‘นี่เราต้องฆ่านางฟ้ารึไงฟะ!’
และฆ่าไปเพื่ออะไร...
‘ไม่สิ...แล้วจะหานางฟ้าได้จากไหน’
หัวสมองกริดเริ่มปั่นป่วน
“ฝ่าบาท”
จอมปราชสติกส์เปิดประตูห้องพร้อมกับเดินเข้ามา
ลอเอลเป็นคนเรียกเขามาที่นี่
“ท่านจะออกเดินทางไปหมู่เกาะเบเฮ็นแล้วใช่ไหม”
ความปรารถนาของสติกส์คือการเห็นหมู่เกาะเบเฮ็นถูกชำระล้าง เขาหวังให้หมู่เกาะเบเฮ็นกลับไปทำหน้าที่หอเกียรติยศอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้ยินว่ากริดจะกลับไปเบเฮ็น สติกส์จึงแสดงสีหน้าเปี่ยมสุขมากเป็นพิเศษ
กริดแต่ได้เกาแก้มอย่างเคอะเขิน
“ฉันว่าจะเลื่อนมันออกไปก่อน”
หากเป็นสติกส์ต้องเข้าใจตนแน่ เพราะชายคนนี้ย่อมรู้ดีว่า ผู้พิทักษ์บนเกาะหมายเลขหลัก 60 นั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ท่าทีของสติกส์กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
“ทำไมฝ่าบาทถึงต้องเลื่อนออกไป...”
“ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะฉันยังแข็งแกร่งไม่พอยังไงล่ะ”
“หือ...” สติกส์ขมวดคิ้วฉงน
“...”
ท่าทีเช่นนี้มันอะไรกัน กริดไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น...สติกส์ นายเองก็เห็นความเก่งกาจของลันเทียร์เต็มสองตาแล้วไม่ใช่หรือ ครั้งก่อนฉันพ่ายแพ้อย่างหมดทางสู้โดยสิ้นเชิง”
“นั่นเป็นเรื่องในอดีต อัศวินความตายที่สูญเสียเจ้านายจะไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ แล้วท่านล่ะ ท่านพัฒนาขึ้นในทุกด้าน มีทั้งชุดเกราะใหม่มากมาย อาวุธใหม่อีกหลายชนิด ฝ่าบาทแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเทียบไม่ติด ปัจจุบัน ท่านสามารถเอาชนะลันเทียร์ได้ไม่ยากเย็นแล้ว”
“...”
ลอเอลและสติกส์
เมื่อสองอัจฉริยะต่างกล่าวถึงความแข็งแกร่งของตนไปในทางเดียวกัน กริดจึงเริ่มคล้อยตาม
หรือลันเทียร์อาจไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ตนคิด...
‘เราประเมินตนเองต่ำเกินไปงั้นหรือ’
แต่เขาเพิ่งจะแพ้แอ็กนัสมาเองนะ…
ใช่แล้ว กริดเติบโตขึ้นมากนับตั้งแต่การท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็นครั้งล่าสุด แถมยังเป็นพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด เขามีไอเท็มสวมใส่มากมาย ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสุดยอดสมญานามที่ผู้เล่นทั่วโลกล้วนอิจฉาเช่น <ผู้กอบกู้โลก> และ <กษัตริย์คนแรก>
แถมกริดยังครอบครองหนึ่งในสามทักษะติดตัวลับสายโจมตีที่ดีที่สุดในซาทิสฟายอย่าง <บัญชาแห่งเทพ>
นี่ยังไม่รวมถึงเลเวลที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
แต่บาดแผลทางใจกับลันเทียร์ครั้งก่อนนั้นรุนแรงเกินไป แถมตนยังเกือบพ่ายแพ้แอ็กนัสต่อหน้าคนทั้งโลก
“ต่อให้เอาชนะลันเทียร์ได้ แต่หมู่เกาะเบเฮ็นก็ไม่ได้สุดแค่หมายเลข 61 สักหน่อย มันมีมากถึง 66 เกาะเชียวนะ แล้วฉันจะเอาชนะตำนานอัศวินความตายทุกคนรวดเดียวได้หรือ ไว้เตรียมดาบศักดิ์สิทธิ์ให้พร้อมก่อนจะไม่ดีกว่ารึไง”
“เข้าใจแล้ว...ฝ่าบาทคิดว่าดาบศักดิ์สิทธิ์จำเป็นเพราะอัศวินความตายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดชั่วร้ายสินะ แต่พื้นฐานของอัศวินความตายคือสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดด อันเดดเป็นมอนสเตอร์ที่แพ้ทางระเบิดและธาตุแสง”
อันเดดมีค่าคงทนต่ำ แน่นอนว่าอันเดดระดับสูงอาจมีพลังป้องกันที่สูง แต่พลังป้องกันเป็นคนละส่วนกับค่าคงทน
ขณะที่พลังป้องกันสูง แต่หากถูกแรงระเบิดอย่างต่อเนื่อง กระดูกที่แสนเปราะบางก็พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ
“ผมได้ยินมาว่า อาวุธใหม่ของฝ่าบาทมีอานุภาพระเบิดที่รุนแรง สิ่งนี้จะเป็นภัยใหญ่หลวงแก่อันเดดแน่นอน”
“...”
เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องรีรออีก จิตใจที่เคยหวาดหวั่นของกริด บัดนี้ถูกคำพูดของสติกส์ชะล้างจนสงบนิ่ง
“สรุปคือ...การเคลียร์หมู่เกาะเบเฮ็นเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวใช่ไหม”
“...ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากสำหรับฝ่าบาท”
“ตกลง...เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าใจ ตนเป็นถึงกษัตริย์ แต่กลับต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดเหมือนกับพนักงานงานทั่วไป
‘เราเป็นมนุษย์เงินเดือนรึไงเนี่ย...’
กริดรู้สึกโดดเดี่ยว เขามักถูกส่งไปทำภารกิจตามลำพังเสมอ
ชายหนุ่มหันไปถามลอเอลก่อนเริ่มออกเดินทาง
“ฉันไปตอนนี้จะไม่เป็นไรแน่หรือ...ถ้าหากพวกจักรวรรดิชิงลงมือล่ะ”
กริดตระหนักดีว่ากองทัพหลวงของจักรวรรดิยังคงวุ่นวายอยู่กับการปราบชนเผ่า แต่จักรวรรดิก็ยังมีอัศวินสีชาด หากลอเอลทำตามแผนเดิมที่วางไว้ คือไม่จ่ายบรรณาการในเดือนหน้า บางทีจักรวรรดิอาจส่งอัศวินสีชาดมาจัดการกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์โดยตรง
ลอเอลพูดเพื่อให้กริดคลายกังวล
“ทางเราได้รับแจ้งข่าวใหม่มาไม่นาน มีผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายได้ปรากฏตัวขึ้นในลูบาน่า สิ่งนี้คือเรื่องเร่งด่วนอย่างแท้จริงสำหรับจักรวรรดิ พวกมันต้องรีบส่งอัศวินสีชาดไปปราบปรามทัพลูบาน่าแน่ และนี่เป็นเหตุผลที่อาเรสกล้าขับไล่ไสส่งอัครทูตของจักรวรรดิกลับไป จักรวรรดิไม่เหลือพลังมากพอจะคุกคามพวกเราในตอนนี้”
“ราชาไร้พ่าย...”
กริดมีข้อมูลของราชาไร้พ่าย ‘มาดรา’ อย่างเลือนลาง ระหว่างการแข่งนานาชาติหนที่สอง ผู้บรรยายได้อธิบายว่า เกราะที่บูบัตสวมใส่คือเซ็ตของราชาไร้พ่าย
“กษัตริย์แห่งลูบาน่าผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่จักรวรรดิ...”
หรือว่า...
“บูบัตเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย...”
คลาสบูบัตสามารถบังคับ ‘สร้างอาการผิดปรกติ’ แก่เป้าหมายได้ทันที นับเป็นความสามารถที่ค่อนข้างทรงพลัง กริดจึงไม่ทิ้งข้อสันนิษฐานว่าบูบัตอาจเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายที่อ้างตัว
เมื่อเห็นกริดขมวดคิ้ว ลอเอลส่ายศีรษะเล็กน้อย
“ยังไม่มีใครรู้ตัวตนแน่ชัด แต่พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องกังวลบุคคลดังกล่าวในตอนนี้”
การปรากฏตัวของผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายนั้นเป็นประโยชน์ต่อทั้งโอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่า ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร และในอนาคตอาจเป็นศัตรูกัน แต่ปัจจุบัน คนผู้นี้กำลังมีประโยชน์ต่อฝ่ายกริดอย่างมาก
“พวกเราต้องรีบทำในสิ่งที่ทำได้”
***
หมู่เกาะเบเฮ็นคือหอเกียรติยศที่มีไว้สำหรับยกย่องเชิดชูตำนานในอดีต และขณะเดียวกัน มันก็มีไว้ให้ตำนานรุ่นปัจจุบันสืบทอดพลังจากรุ่นก่อน
นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของโลกกึ่งกลาง (โลกมนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ ออร์ค และเผ่าพันธุ์อื่นอีกมาก )
ด้วยเหตุนี้ หอเกียรติยศจึงตกเป็นเป้าโจมตีของจอมอสูร
จอมอสูร...พวกมันหวาดกลัวตัวตนของมนุษย์ที่ชื่อว่า ‘ตำนาน’ แม้จะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แสนต่ำต้อย แต่ตำนานกลับเป็นภัยคุกคามร้ายแรงสำหรับจอมอสูร
ด้วยเหตนี้ จอมอสูรจึงบุกโจมตีหมู่เกาะเบเฮ็นเพื่อหวังให้พลังของตำนานรุ่นใหม่อ่อนแอลง แต่ได้ถูกขัดขวางไว้โดยฝีมือของแพ็กม่า
แพ็กม่าเพียงคนเดียวสามารถหยุดยั้งการรุกรานของจอมอสูรมากมายด้วยวิธีใด…
คำตอบคือ เขาขายวิญญาณและทำพันธสัญญากับจอมอสูรอันดับหนึ่ง บาเอล
แพ็กม่าเปลี่ยนแปลงหมู่เกาะเบเฮ็นเพื่อขัดขวางจอมอสูร...เขาทำสำเร็จ จอมอสูรมิอาจยึดครองและทำลายหอเกียรติยศได้
แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้น หมู่เกาะเบเฮ็นต้องถูกปนเปื้อนจนมิอาจกลับเป็นดังเดิม มิใช่หอเกียรติยศอีกต่อไป มิใช่สถานที่สืบทอดพลังของตำนานรุ่นใหม่ กลายเป็นป้อมปราการไร้พ่ายที่มีไว้สำหรับทำร้ายผู้บุกรุกเพียงอย่างเดียว
สติกส์มองว่ามันกำลังถูก ‘ปนเปื้อน’
“แต่คุณงามความดีของแพ็กม่าสมควรได้รับการยกย่อง หากไม่มีแพ็กม่า ป่านนี้โลกกึ่งกลางคงถูกจอมอสูรเพ่นพ่านอยู่ทั่วแล้ว และพวกเราก็จะไม่มีตัวตนเกิดมา สิ่งที่แพ็กม่าทำเพื่อมนุษย์ควรค่าแก่การถูกสรรเสริญ”
แต่ว่า
“ทางเลือกของแพ็กม่าส่งผลให้โลกกึ่งกลางอ่อนแอลง ตำนานที่สืบทอดพลังมาจากอดีตจะไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงได้เลย นอกเสียจากตำนานที่สร้างเส้นทางของตนขึ้นใหม่ เฉกเช่นปิอาโร่ คนเหล่านั้นถือเป็นข้อยกเว้นพิเศษ”
“คนเหล่านั้น...นายกำลังจะบอกว่า นอกจากปิอาโร่แล้ว ยังมีตำนานคนอื่นที่สร้างเส้นทางขึ้นเองอยู่ด้วยหรือ”
“มันก็ยังมีโอกาส...ที่ใดสักแห่งบนโลกกึ่งกลางใบนี้ มนุษย์หรือเอลฟ์สักคนอาจให้กำเนิดตำนานเส้นทางใหม่ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ยาก แต่ก็เป็นไปได้”
“...นั่นสินะ”
โลกซาทิสฟายนั้นกว้างใหญ่ไพศาล สติกส์อาจกล่าวถึงเพียงมนุษย์และเอลฟ์ แต่ตำนานก็สามารถถือกำเนิดภายในเผ่าคนแคระและออร์คได้เช่นกัน
‘...ตำนานเส้นทางใหม่ต้องถือกำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่’
ไม่มีทางที่พวกระยำ S.A. กรุ๊ปจะจำกัดตำนานไว้ดั้งเดิมเพียงเก้าชนิด S.A. กรุ๊ปต้องหาทางทำให้เกมยากขึ้น โดยเพิ่ม NPC ตำนานที่แข็งแกร่งขึ้นมาเป็นภัยคุกคามผู้เล่นอย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่มีใครรู้เลยว่า บริษัทเกมระยำแห่งนี้กำลังคิดทำสิ่งใดต่อไปในอนาคต
สติกส์นำฝ่ามือวางลงบนบ่ากริด
“ไปกันเถอะ”
สติกส์ตั้งความหวังกับกริดไว้มาก
กริดคือผู้สืบทอดแพ็กม่า ราวกับโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว ให้กริดสานต่อสิ่งที่แพ็กม่าทำไม่เสร็จ
ชายหนุ่มถูกกำหนดให้เป็นผู้ชำระล้างหมู่เกาะเบเฮ็นให้กลับมาใสสะอาดอีกครั้ง
“ฟื้นฟูหมู่เกาะเบเฮ็น...และกลายเป็นราชาวีบรุรุษ”
‘ราชาวีบรุรุษ...’
วีรบุรุษในหมู่วีรบุรุษ
‘เหมือนกับคนดังในหมู่คนดังสินะ...’
ขณะกริดกำลังครุ่นคิด
ซู่ววว!
ภาพการมองเห็นของกริดกลายเป็นสีดำสนิท นี่คือเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่มที่สติกส์ใช้พาตัวกริดมายังหมู่เกาะเบเฮ็น
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,132
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
จะเครียทั้งหมดใช้กี่ตอนว่ะ
ReplyDelete