จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 672



    “ไอรีน!!”

    “กษัตริย์กริด!”

    “ฮะฮะฮะฮ่า!”

    “ฮุฮุฮุฮุ!”

    “...”

    อาวุธที่มีพลังโจมตีหนึ่งพันล้านหน่วย
    เวทมนตร์ที่สามารถเสกอุกกาบาตลงมาทันทีโดยไม่ต้องร่ายและไม่มีระยะหน่วง
    และอีกมากมาย
    ทั้งหมดที่กล่าวมาคืออาวุธและเวทมนตร์ในฝันของผู้เล่น  ถึงกริดจะยังไม่ได้ครอบครองความฝันที่อลังการเช่นนั้น  แต่ดาบแห่งการบรรลุสัจธรรมก็นับว่าเข้าใกล้ความฝันไปอีกหนึ่งก้าว
    อาวุธที่ดีที่สุดในซาทิสฟาย  นี่คือคำนิยามที่สั้นและเห็นภาพชัดเจนที่สุดของดาบแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกินภวังค์ปรารถนาอันแรงกล้า  กริดสร้างมันสำเร็จหลังจากใช้ชีวิตในซาทิสฟายมานานกว่าห้าปี  
    ความสุขที่กำลังสุมในอกตอนนี้  มันเอ่อล้นออกมาด้านนอกจนแม้แต่คนรอบข้างก็ยังสัมผัสได้
    กริดแสดงความรักต่อไอรีนโดยไม่แยแสสายตาคนรอบข้าง

    “เธองดงามขึ้นทุกครั้งที่เราได้พบกัน”

    กริดอมยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบไล้หน้าผากไอรีนอย่างนุ่มนวล  เขาเสยผมของเธอออกพร้อมกับจุมพิษด้วยความอ่อนโยน  
    ชายหนุ่มไม่สนว่าจะมีอัศวินและสาวใช้มากมายเพียงใดกำลังจ้องมอง  แก้มสีขาวหิมะของไอรีน  บัดนี้กลายเป็นชมพูระเรื่อ

    “มีความสุขจัง...ฉันชอบจุมพิษของคุณเสมอ”

    อันที่จริง  พักหลังมากนี้  ไอรีนเริ่มกังวลใจในหลายเรื่อง  ทั้งยูร่า  จิสึกะ  ยูเฟอมิน่า  ลาเอลล่า  และอีกมากมาย  กริดมักมีสาวงามอยู่ข้างเคียงรอบกายเสมอ  แต่เมื่อไม่นานมานี้  หญิงสาวที่ชื่อซูเอได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพลเมืองแพงเจีย  เธอเป็นคนของทวีปตะวันออก  และไอรีนก็สัมผัสได้ว่า  กริดมักเก็บอาการไม่อยู่เมื่อได้พบหน้าซูเอ 
    ไอรีนกลัวว่าในไม่ช้า  กริดคงจะแต่งตั้งภรรยารองขึ้นอย่างเป็นทางการสักคนสองคน
    แต่ผ่านมาแล้วหลายเดือน  สิ่งนั้นก็ยังมิได้เกิดขึ้น  กริดมิได้แต่งใครเป็นภรรยารองทั้งสิ้น

    ซึ่งไอรีนก็รู้ถึงสาเหตุดี  เหตุผลที่กริดไม่แต่งภรรยารอง  มิใช่เพราะเขารักเธอเพียงคนเดียว  หากแต่กริดยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาพอให้คิดเรื่องเช่นนี้

    ‘สักวัน...เขาจะมีภรรยารอง’

    ไอรีนรู้สึกเจ็บปวด  เธอเสียใจที่ความอบอุ่นจากกริดจะถูกแบ่งปันไปให้หญิงอื่น  แต่ถึงกระนั้น  ไอรีนก็มิได้คิดเก็บกริดไว้เป็นสมบัติตนเพียงผู้เดียว  เธอรู้ดีว่าไม่ควรกระทำ  สายเลือดกษัตริย์คือสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับอาณาจักร  กริดต้องเร่งมีทายาทให้มากที่สุดเพื่ออนาคตและความมั่นคง

    ‘แถมยัง...’

    กริดคือตัวตนที่เทพอวยพร  เขาไม่แก่ชราแม้วันเวลาจะผ่านไป  เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่ไอรีนแต่งงานกับกริด  ปัจจุบันเธอกลายเป็นสาวสวยสะพรั่งวัยกลางยี่สิบ  แต่รูปลักษณ์ของกริดกลับไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย  
    ถึงตอนนี้อาจมองว่าอายุใกล้เคียงกัน  แต่ในอนาคตอีกสักสิบปี  เรื่องราวจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

    ‘เราอยู่กับเขาตลอดไปไม่ได้’

    คนที่คู่ควรคือผู้ที่ถูกอวยพรจากเทพเช่นเดียวกับกริด   ยูร่าและจิสึกะ  
    ดวงตาไอรีนพลันแดงก่ำเมื่อหวนนึกถึงความจริงอันโหดร้ายที่รอตนอยู่ในอนาคต

    “ไอรีน...”

    กริดประหลาดใจเมื่อสีหน้าแสนมีความสุขของไอรีนเมื่อครู่  บัดนี้ดวงตากำลังพร่ามัวด้วยของเหลวสีใส  เขากังวลว่าตนทำสิ่งใดไม่เหมาะสมลงไปรึเปล่า...
    ไอรีนรีบปฏิเสธ

    “ฉันมีความสุขมากไปหน่อย  ฉันรู้สีกดีทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกับฝ่าบาท”

    “...”

    ในโลกจริง  กริดคือไอ้งั่งที่ไม่เข้าใจความคิดหญิงสาวเลยสักนิดเดียว  บาดแผลทางจิตใจที่อาฮยองทิ้งไว้นั้นรุนแรงจนชายหนุ่มเข็ดขยาดความรัก  เขาสาบานกับตนเองว่าจะเลิกคิดเพ้อไปเองฝ่ายเดียว  นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไม  กริดถึงไม่รู้ตัวว่าทั้งยูร่าและจิสึกะกำลังหลงรักตน  
    แต่เขาไม่ใช่คนโง่  กับไอรีนที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันห้าปี  กริดย่อมสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติเพียงเล็กน้อยที่เปลี่ยนไป
    ชายหนุ่มเข้าใจเธอทันที

    ‘ไอรีน...ข่าน...ลอร์ด...’

    อายุขัยที่จำกัดคือส่วนหนึ่งของสัจธรรม
    เวลาในซาทิสฟายไหลเวียนรวดเร็วกว่าความเป็นจริงอย่างมาก  กริดเคยรู้สึกบ่อยครั้ง  ว่าสักวันคนสำคัญในเกมของตนต้องจากไป  
    ถึงกระนั้น  เขาก็ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น  กริดไม่อยากให้ไอรีนต้องเสียใจ  เธอคือหญิงสาวที่ทำให้ทุกวันของเขามีแต่ความสุข  ดังนั้น  ชายหนุ่มจึงต้องการมอบความสุขคืนให้ไอรีนเท่าที่จะทำได้

    “ไอรีน...”

    “ฝ่าบาท...อุฟ...อ...”

    “...”

    อัศวินและสาวใช้ที่ยืนอยู่รอบข้างพลันหน้าแดงก่ำไปตามกัน  พวกเขาพยายามเบือนหน้าหนีไปคนละทิศละทาง  มองกำแพงบ้าง  เพดานบ้าง  พื้นบ้าง
    กริดกำลังจุมพิษริมฝีปากไอรีนอย่างดูดดื่มโดยไม่แยแสสายตาคนรอบข้าง  ประหนึ่งโลกนี้ไม่หลงเหลือใครอีกแล้วนอกจากพวกเขาสองคน

[ ความรักของกษัตริย์กริดและราชินีไอรีนจะกลายเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน ]
[ อัตราการสมรสและอัตราการกำเนิดภายในอาณาจักรโอเวอร์เพิ่มขึ้น 20% ]
[ ประชากรของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะเพิ่มจำนวนได้เร็วขึ้น ]

    “หืม...เจ๋งเป้ง!”

    ลอเอลอมยิ้มอย่างมีความสุขภายในห้องทำงาน

    “...เชี่ย”

    แวนเนอร์หัวล้านกำลังร่ำไห้น้ำตาอาบสองข้างแก้ม  มันรู้สึกเจ็บแปลบหัวใจอย่างประหลาด  ชายคนนี้โสดสนิทตั้งแต่เกิดจากท้องพ่อท้องแม่
    ป็อนที่เห็นภาพดังกล่าวกำลังหัวเราะกุมท้องด้วยสีหน้าขบขัน

    ***

    “สุดยอด...”

    ปิอาโร่เกิดความชื่นชมเมื่อเห็นร่องรอยความพังพินาศของลานฝึกทหาร  และยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเมื่อรู้ว่าดาเมี่ยน  ลูกศิษย์ที่ตนฝึกฝนเป็นอย่างดี  กลับต้องพ่ายแพ้ราบคาบในเวลาอันสั้น

    “ชาวนาชั่วคราวหมายเลขสอง...ไม่สิ  คงต้องเรียกว่าหลวงพ่อ...ฝ่าบาทกำราบหลวงพ่อได้ในพริบตางั้นหรือ”

    อัสโมเฟลผงกศีรษะ

    “ถูกต้อง  หากพัฒนาการด้วยความเร็วระดับนี้ต่อไป  อีกสองถึงสามปี  ฝ่าบาทจะก้าวข้ามฉันได้แน่นอน”

    “ฮะฮะ...”

    อัสโมเฟลคือคนจริงจังที่ไม่เคยพูดจาใหญ่โตโอหัง  ทุกคำพูดของชายคนนี้  ปิอาโร่สามารถเชื่อถือได้หมดใจ  
    เขาลองย้อนนึกกลับไปสมัยที่ตนได้พบกริดเป็นหนแรก  เด็กหนุ่มสมองทึบผู้ไม่รู้วิธีการดึงศักยภาพของตัวเองออกมา

    “แต่ตอนนี้...ฝ่าบาทกลายเป็นยอดอัจฉริยะไปแล้ว”

    นี่คือพลังของความพวกเพียรพยายามที่ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่ย่อท้อ  ปิอาโร่อมยิ้มอย่างมีความสุขด้วยใบหน้าที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นปรากฏ
    กริดและครอเกล
    ปิอาโร่ดีใจที่สองอัจฉริยะซึ่งตนให้การยอมรับ  ปัจจุบันกำลังใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกขณะ  วีรบุรุษแห่งยุคสมัยใหม่ทั้งสอง  พลังที่สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์  
    ปิอาโร่มั่นใจมากว่า  แม้แต่ขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่อย่างจักรวรรดิซาฮารัน  ก็มิอาจเป็นภัยคุกคามกับอาณาจักรโอเวอร์ได้ตลอดไป

    ‘แต่ยังมีอีกหนึ่งปัญหา’

    ชายผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล...
    ตัวตนแสนชั่วร้ายที่จะเป็นจอมมารคอยขัดขวางยุคสมัยใหม่ที่รุ่งโรจน์ของครอเกลและกริด  มันจะเป็นอุปสรรคขัดขวางกริดอีกหลายหนในอนาคแน่  ปิอาโร่ไม่ชอบใจเอาเสียเลย

    ‘...เราต้องจัดการกับมัน’

    ตัวตนของแอ็กนัสเป็นภัยคุกคามถึงขนาดปิอาโร่ต้องลั่นวาจา

    ***

    วัลฮัลล่า
    นี่คือชื่อของอาณาจักรใหม่ที่ก่อตั้งโดยเทพสงครามอาเรส  ความสนใจจากผู้เล่นย่อมไม่แพ้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์  ผู้เล่นสายการทหารส่วนใหญ่เลือกเข้าร่วมกับวัลฮัลล่าและกองทัพอาเรส  
    หากอาณาจักรโ อเวอร์เกียร์มีพลังแห่งไอเท็ม  อาณาจักรวัลฮัลล่าก็มีพลังแห่งกองทัพเช่นกัน  
    
    เมื่อมีตัวเลือกมากขึ้น  เหล่าผู้เล่นพลเมืองจักรวรรดิก็เริ่มทยอยย้ายออก  แม้จำนวนอาจไม่มากจนส่งผลกระทบร้ายแรงในตอนนี้  แต่วันข้างหน้าก็ไม่แน่  มันคือปรากฏการณ์ที่ไม่น่าอภิรมณ์สำหรับราชวงศ์ซาฮารันสักเท่าไรนัก

    “อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังไม่ล่มสลายอีกรึไง”

    เหล่าขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิต่างรวมตัวประชุมที่มหานครไททัน  เมืองหลวงแห่งจักรวรรดิ  พวกมันล้วนมีความเห็นตรงกันว่า  อาณาจักรใหม่อย่างโอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่าจำเป็นต้องถูกทำลายโดยเร็ว  แต่ด้วยนโยบายปราบปรามชนกลุ่มน้อยที่สืบทอดในราชวงศ์อย่างยาวนาน  ความสำคัญอันดับหนึ่งจึงเป็นการไล่กำราบชนเผ่าที่หลบซ่อนตามชายแดนให้สิ้นซาก

    กองทัพต้องเหนื่อยล้าในทุกวัน  ไม่เหลือเรี่ยวแรงพอให้เคลื่อนทัพหลวงสำหรับรุกรานอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่า  
    ด้วยเหตุนี้  พวกมันจึงมีแผนให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ทำลายตัวเองโดยไม่ต้องลงมือให้เสียแรง  แต่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กลับถึกทนและอึดกว่าที่คิดไว้มาก

    “น่าแปลก...พวกมันเอาเงินที่ไหนไปสร้างยุทธภัณฑ์รบและผลิตอาหาร”

    “พวกมันโกงภาษีรึเปล่า  ไม่ใช่ว่าแอบซ่อนเงินไว้บางส่วนโดยไม่แจ้งหรอกนะ”

    “ไม่มีทาง  พวกเราตรวจสอบอย่างละเอียด  การโกงภาษีไม่มีทางเกิดขึ้นได้”

    “แล้วจะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันด้วยเหตุผลใด  พวกมันไม่มีทางดำรงอาณาจักรอยู่ได้  นอกเสียจากจะมีโลหะและอาหารที่ไม่มีวันหมด”

    “โลหะและอาหารไม่มีวันหมด...ของแบบนั้นจะเป็นไปได้ยังไง”

    “คงมีอาณาจักรอื่นคอยแอบช่วยโดยไม่เปิดเผยตัว  ฉันว่าเราควรปิดกั้นความสัมพันธ์ทางการทูตของอาณาจักรที่เหลือกับโอเวอร์เกียร์ซะ”

    “ทำไมต้องวุ่นวายขนาดนั้น  ทำสงครามซะก็สิ้นเรื่อง”

    “ผิดแล้ว  ปัญหาที่แท้จริงอยู่ทางอาณาจักรวัลฮัลล่าต่างหาก  อาณาจักรนี้ก่อตั้งโดยได้รับความช่วยเหลือจากราชาโอเวอร์เกียร์  หมายความว่าโอเวอร์เกียร์ไม่มีพันธมิตรอื่นใดนอกจากวัลฮัลล่าอีกแล้ว  หากเราปิดกั้นการติดต่อระหว่างโอเวอร์เกียร์กับวัลฮัลล่าได้  พวกมันก็จะถึงคราวจบสิ้น”

    “ก็บุกมันทั้งสองอาณาจักรพร้อมกันไปเลยสิ  ทำแบบนี้ง่ายกว่าตั้งเยอะ”

    “พวกเรามีกองทัพเหลือที่ไหนกัน  กองทัพส่วนใหญ่ยุ่งอยู่กับการปราบปรามชนเผ่าชายแดน”

    “ยิ่งสงครามกับชนเผ่าดำเนินไป  พวกมันก็ยิ่งเข้าสู่ภาวะอดอยากมากขึ้น  หากไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภายนอก  อีกไม่นานต้องขูดรีดภาษีเอาจากพลเมืองของเผ่าตัวเองแน่  และนั่นจะก่อให้เกิดกบฏขึ้นภายในแต่ละเผ่า  พวกเราต้องทำสงครามต่อไป  จนกว่าเหตุการณ์จะดำเนินไปถึงจุดนั้น  ให้หยุดชะงักกลางคันไม่ได้เด็ดขาด”

    “ไอ้พวกขยะ...ทำไมถึงได้ถึกทนนัก”

    “เหนือสิ่งอื่นใด  ชนเผ่าชายแดนต้องถูกกำจัดเป็นอันดับแรก  จากนั้นค่อยเป็นโอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่า”

    ความสับสนของขุนนางจักรวรรดิ  เกิดจากการที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังคงไม่ทำลายตนเองไป  แม้จะถูกขูดรีดรายได้เกือบทั้งหมดแล้วก็ตาม  
    อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ควรล่มสลายไปในเวลาไม่กี่เดือน  กลับยืนหยันโดยไม่มีท่าทีว่าจะล้มลง  
    เหตุใดอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถึงยังไม่เข้าสู่ภาวะอดอยากสักทีนะ…
    
    ต่อให้พวกมันเค้นสมองคิดเพียงใด  แต่จักรวรรดิก็ไม่มีทางรู้ถึงสาเหตุแน่นอน    
    
    ***
    
    “ไตรมาสนี้ก็เก็บเกี่ยวได้ยอดเยี่ยมเช่นเคยขอรับ  ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท”

    “ต้องขอบคุณปิอาโร่...”

    อาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีพืชผลทางการเกษตรบานสะพรั่งในทุกฤดู  ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ผลิ  หน้าร้อน  ใบไม้ร่วง  และหน้าหนาว  ทุกฤดูกาลคือฤดูเก็บเกี่ยวของอาณาจักร  เรื่องราวเช่นนี้นี้เกิดขึ้นได้เพราะพลังอันยิ่งใหญ่ของชาวนาในตำนาน  ตัวตนของปิอาโร่คือสิ่งที่อาณาจักรจะขาดไม่ได้เลย

    “ก็ยังดี...ถึงแม้รายได้เกือบทั้งหมดจะถูกจักรวรรดิยึดไป  แต่อย่างน้อยทั้งทหารและประชาชนก็ยังอยู่ดีกินดี”

    เมื่อได้ยินเช่นนี้  แร็บบิทส่ายศีรษะให้กับกริดที่กำลังแสดงสีหน้าโล่งใจ

    “สงบสุขเพียงเปลือกนอกเท่านั้น  สถานการณ์ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ  หากแต่ละหน่วยงานไม่มีเม็ดเงินไหลเข้าไปสนับสนุน  การพัฒนาจะไม่เกิดขึ้น  และตายลงในที่สุด”

    “ไม่ว่ายังไง  พวกเราก็ต้องหลุดพ้นการส่งบรรณาการแก่จักรวรรดิให้ได้สินะ”

    “ขอรับ”

    แร็บบิทพยักหน้า  แต่เขาก็มิได้เสนอทางออกใดให้กริดฟัง
    แม้ตัวตนของวัลฮัลล่าจะทำให้จักรวรรดิไม่กล้าส่งคนเข้ารุกรานในทันที  แต่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังไม่แข็งแกร่งพอจะประกาศอิสระภาพในตอนนี้  

    ไม่มีหนทางที่จะแก้ปัญหากับจักรวรรดิเลยรึไงนะ…

    “หืม...”

    ขณะกริดกำลังดำดิ่งในห้วงความคิด

    >>  ราชาโอเวอร์เกียร์  นายกำลังทำอะไรอยู่

    ข้อความส่วนตัวถูกส่งถึงกริด  
    มาจากราชาวัลฮัลล่า  อาเรส

    >>  ว่าไง

    แม้พวกเขาอาจต้องการเป็นศัตรูกันในสักวัน  แต่อาเรสคือพันธมิตรที่ดีที่สุดของกริดในตอนนี้อย่างไร้ข้อกังขา  
    อาเรสอธิบายทันที    

    >>  จักรวรรดิเพิ่งส่งอัครทูตเข้าพบฉัน  พวกมันต้องการให้วัลฮัลล่าจ่ายบรรณาการในทุกเดือนเป็นเครื่องยืนยันความจงรักภักดี

    >>  วัลฮัลล่าเองก็โดนงั้นหรือ...    
    
    กริดคิดว่าอาเรสคงรับปากจักรวรรดิเหมือนตน  แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น  อาเรสคือพญาราชสีห์ผู้เกรี้ยวกราดดังที่ลอเอลเคยกล่าวไว้

    >>  ฉันบอกให้มันไสหัวกลับไป

    >>  เอ๋!

    >>  ใครจะยอมถวายบรรณาการให้พวกมันกัน  ในเมื่อพวกมันคือคนที่ส่งแอ็กนัสมาขัดขวางการยืดครองอาณาจักร  ฉันจะบดขยี้มันให้แหลกเหมือนเมล็ดป็อปคอร์น  จากนั้นก็ดื่มเลือดมันเฉกเช่นดื่มโค้ก  วะฮ่าฮ่า!

    >> ...ไม่ใช่ว่าการทำเช่นนี้  จะส่งผลให้จักรวรรดินำกองทัพรุกรานวัลฮัลล่าหรอกหรือ

    >>  พวกมันยังไม่กล้าลงมือบุ่มบามทำอะไรตอนนี้แน่  กองทัพส่วนใหญ่วุ่นวายอยู่กับการปราบชนเผ่าชายแดน  กองทัพที่เหลือไม่มีทางถูกนำมาใช้ทำสงครามกับวัลฮัลล่า  เพราะพวกมันกำลังหวาดกลัวกองทัพโอเวอร์เกียร์ที่อยู่อีกฝั่ง

    >>  แล้วนายต้องการจะบอกอะไรฉัน

    >>  ...ราชาโอเวอร์เกียร์  ฉันต้องการความช่วยเหลือ

    >>  กำลังเสริมงั้นหรือ

    >>  ไม่ใช่...ขอเป็นไอเท็ม

    >> ...

    >> ฉันต้องการให้ทหารวัลฮัลล่าสวมใส่ยุทธภัณฑ์ศึกของนาย  แน่นอนว่าจะจ่ายให้ในราคาที่เหมาะสม  และจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ไปชั่วชีวิต

    อาเรสเชื่ออย่างหมดหัวใจว่า  หากกองทัพตนได้สวมใส่ไอเท็มจากกริด  พวกเขาไม่มีวันพ่ายแพ้การรุกรานจากจักรวรรดิแน่นอน  แต่ปัญหาคือ  กริดยังไม่สนิทใจกับอาเรสเท่าที่ควร  ทั้งสองฝ่ายอาจเป็นศัตรูกันได้ในวันข้างหน้า  หากมอบไอเท็มล้ำค่าให้อาเรสตอนนี้  ไม่ใช่ว่าจะเป็นการหยิบยื่นอาวุธให้ศัตรูในอนาคตหรอกหรือ…
    ราวกับอาเรสอ่านใจได้  เขากล่าวเสริม

    >>  เผื่อนายไม่รู้...ฉันชืนชอบนายจากใจจริง  ฉันไม่ต้องการเป็นศัตรูกับนาย

    >>  นั่นสินะ...นายเองก็เป็นตาลุง

    >>  หืม…

    >>  ไม่มีอะไร...ขอคุยกับลอเอลก่อน

    ทำไมถึงมีแต่พวกลุงที่ชื่นชอบตน…
    กริดขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ  เหตุใดชีวิตของเขาถึงมีแต่ลุงแก่รายล้อมเต็มไปหมด  
    ชายหนุ่มรีบส่งข้อความส่วนตัวไปปรึกษาลอเอล  ลอเอลตอบกลับในทันที

    “หากอาเรสยื่นขอเสนอนี้มาเมื่อวาน  กระหม่อมคงตอบปฏิเสธโดยไม่ลังเล แต่ว่า...”

    “แต่อะไร”

    “แต่วันนี้ไม่ใช่อีกแล้ว  ฝ่าบาทตอบรับข้อเสนอของอาเรสได้เลย  นี่จะเป็นอีกหนึ่งหนทางทำเงินของพวกเรา”

    “ทำไมเมื่อวานไม่ได้  แต่วันนี้ได้”

    “เพราะต่อให้อาเรสกล้าหักหลังฝ่าบาท  ฝ่าบาทก็แค่ปลดปล่อยเพลิงมังกรทมิฬที่กำลังคลุ้มคลั่งภายในดาบเล่มนั้นใส่พวกมันเสีย  คุคุ!  คุคุคุคุคุ!  คุฮ่าฮ่าฮ่า!”

    “...”

    ลอเอลมั่นใจว่าพลังของกริดอยู่ในระดับกองทัพอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว

    “ปล่อยหน้าที่ค้าขายกับวัลฮัลล่าให้กระหม่อมดูแลเอง  ได้เวลาฝ่าบาทครอบครองทุกสิ่งบนหมู่เกาะเบเฮ็นแล้ว”

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,131
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ทนไม่ไหวแล้ววววววววว

    ReplyDelete
  2. ได้เวลาเครีย​หมู่เกาะเบเฮ็น

    ReplyDelete
  3. ลอเอลเชื่อมั่นในพลังไอเท็มอันใหม่ของกริดมาก กำลังมันเลย

    ReplyDelete
  4. อาเรสชื่อของเทพกรีก แต่ชื่ออาณาจักรวัลฮาล่าเป็นของเทพนอร์ส 555555

    ReplyDelete
  5. จริงๆก็ไม่ต้องส่งบรรณาการเเล้วก็ได้ เวลานี้จักรวรรดิทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ก็น่าจะใกล้เลิกส่งบรรณาการเเล้วเร่งพัฒนาประเทศเเล้วละ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00