จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 674



    ช่องเก็บซากศพ : สิ่งนี้คือช่องสัมภาระที่มีเฉพาะผู้เล่นคลาสหมอผีเท่านั้น  สามารถกักเก็บซากศพของ NPC หรือมอนสเตอร์ได้ทั้งหมดห้าร่าง  โดยทั่วไป  หมอผีมักใช้เก็บซากศพของ NPC พิเศษหรือมอนสเตอร์บอสที่เพิ่งได้รับจากภารกิจหรือการฆ่า

    วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เล่นคลาสหมอผีเก็บซากศพที่ดีที่สุดสำหรับสร้างอัศวินความตาย  หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ  เป็นช่องเก็บซากศพของ ‘ว่าที’ อัศวินความตายในอนาคต
    ปัจจุบัน  แอ็กนัสมีซากศพเก็บไว้ในช่องนี้จำนวนหนึ่งร่าง

[ ซากศพลันเทียร์ ]
เกรด : เลเจนดารี
    ซากศพของลันเทียร์คนที่ 15  ผู้เคยเป็นนักลอบสังหารในตำนานเมื่อครั้งยังมีชีวิต

    “...อยากลองใช้หมอนี่อยู่เหมือนกัน  แต่ค่าพลังปกครองดันไม่พอซะได้  ทำไมถึงอัพแต้มได้ยากเย็นนักนะ”

    แอ็กนัสเองก็เป็นหนึ่งในผู้ท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็น  มันหวังจะครอบครองทุกสิ่งที่เป็นของแพ็กม่า  อดีตผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคนก่อนหน้าตน

    แอ็กนัสต่อสู้กับลันเทียร์สองวันสองคืนเต็มโดยไม่หยุดพัก  อัศวินความตายและลิชทั้งหมดต้องตายลงและสูญค่าประสบการณ์นับครั้งไม่ถ้วน  มันถึงขั้นต้องพึงพาทักษะติดตัวของลิช  
    ในอีกความหนึ่งก็คือ  เป็นการต่อสู้สุดโหดหินที่คนทั่วไปยากจะจินตนาการออก  แอ็กนัสมีปัญหากับค่าเรี่ยวแรงของตนอย่างมาก  เพียงย้อนนึกกลับไปก็ทำให้มันขนลุกได้ทุกครั้ง  เป็นการต่อสู้ที่สนุกและตื่นเต้นชนิดหาจากที่ใดไม่ได้อีกแล้ว

    ‘อัศวินความตายเลเวล 400 ที่สร้างจากซากศพของตำนาน...’

    ยิ่งไปกว่านั้น  ลันเทียร์คือนักลอบสังหาร ความว่องไวสูงลิบลับ  การเคลื่อนไหวร่างกายไม่เหมือนอัศวินความตายเลยสักนิด  ราวกับชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็มิปาน  
    แอ็กนัสมั่นใจว่า  อัศวินความตายลันเทียร์ต้องไม่ด้อยไปกว่าลิชมูมัดแน่

    ‘เมื่อเลเวลเพิ่มขึ้นจนค่าพลังปกครองมีมากพอ  เราจะใช้งานลันเทียร์ดุจดั่งแขนขา’

    จากนั้นก็จะกลับไปท้าทายเกาะหมายเลข 62 ใหม่อีกครั้ง  เกาะที่มันเคยพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

    “...อัศวินความตายระดับตำนานทุกคนต้องกลายเป็นของเรา”

    แอ็กนัสเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่า  อัศวินความตายในตำนานทั้งหมดบนเกาะล้วนเกิดจากฝีมือแพ็กม่า  และพวกมันกำลังสวมใส่ไอเท็มที่แพ็กม่าสร้างขึ้น

    ‘มากกว่านี้...’

    มันต้องการพลังมากกว่านี้

    ‘พลังที่บดขยี้ทุกสิ่งได้ดั่งใจนึก!’

    ไม่มีสิ่งใดน่าอภิรมณ์ไปกว่าการบดขยี้และทำลายทุกสิ่งให้สิ้นซาก  บัดนี้  แอ็กนัสเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพวกขยะที่ทำให้ชีวิตตนต้องพังพินาศขึ้นบ้างแล้ว...

    “อั่ก!”

    แอ็กนัสโซเซด้วยสีหน้าเจ็บปวด  มันส่ายศีรษะอย่างผิดหวังในตัวเอง  มันไม่ต้องการยอมรับว่า  จิตใจของตนได้บิดเบี้ยวจนสามารถเข้าถึงความรู้สึกพวกขยะที่ทำลายชีวิตของตนและคนรัก 
    นี่คือกลไกลการปกป้องตนเองทางจิตใจ

    “ฮะฮะ...ฮ่าฮ่า!  คิคิก  คิก!”

    แอ็กนัสใช้ลิ้นเลียเหงื่อพร้อมกับหัวเราะด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก  มันพยายามลืมเลือนอดีตอันไร้ค่าให้ได้โดยเร็ว
    แอ็กนัสตะโกนขึ้นเสียงดังโดยไม่แยแสสิ่งรอบข้าง

    “เวอราดิน!  เวอราดิน!”

    “มีอะไรผมให้รับใช้งั้นหรือ”

    ณ วังจักรพรรดินีแมรี่ซึ่งเป็นที่พักพิงของเหล่าอัศวินกุหลาบ  แอ็กนัสตะโกนขึ้นเสียงดังโดยไม่ให้ความยำเกรงแมรี่  
    เวอราดินรีบปรี่มาหาโดยไว

    “ฉันจะไปหมู่เกาะเบเฮ็นเดี๋ยวนี้!”

    “หือ”

    เวอราดินพลันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ  บนเกาะหมายเลข 62  ผู้พิทักษ์คืออัศวินความตายอเล็กซ์  นักล่าอสูร  ตัวตนที่แอ็กนัสแพ้ทางเต็มประตูและไม่มีสามารถเอาชนะได้ในเร็ววัน  เวอราดินไม่ชอบใจที่แอ็กนัสคิดท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็นโดยไม่เตรียมตัว

    “หากท้าทายตอนนี้  คุณจะมีเพียงความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ารออยู่  เหตุใดคุณต้องฝืนทำเรื่องสูญ—”

    เวอราดินพลันปิดปากเงียบเมื่อได้เห็นแอ็กนัสหลั่งน้ำตาด้วยสีหน้าโกรธแค้น
    
    “นี่คุณ...”

    “ฉันต้องการสู้…!  ฉันอยากลืมมัน!!”
    
    “...”

    ใช่แล้ว  แอ็กนัสต้องการลืมเลือนอดีตอันโหดร้าย  ด้วยการเพ่งสมาธิทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง  นี่คือความปรารถนาที่แสนสิ้นหวังและเจ็บปวด
    เวอราดินเข้าใจหัวอกแอ็กนัส  แต่หน้าที่ของมันคือต้องหยุดแอ็กนัสไว้

    “ผมขอแนะนำให้คุณไปหาจักรพรรดินีแมรี่เพื่อรับภารกิจ  ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมจะท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็น  ยิ่งคุณต่อสู้อย่างไร้เหตุผล  ฝ่ายที่พ่ายแพ้และอ่อนแอลงจะมีแต่ตัวคุณเอง  ไม่เพียงสิ่งนี้จะไม่ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย  แต่มันยิ่งทำให้คุณห่างไกลเป้าหมายมากขึ้น  ตอนนี้ช่วยสูดลมหายใจเข้าปอดและดึงความเยือกเย็นกลับมาด้วย”

    “...”

    เวอราดินคือชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลางดงามคล้ายหญิงสาว  แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับตรงข้าม  ก้องกังวาลและลุ่มลึกประหนึ่งเสียงสะท้อนจากถ้ำ  ส่งผลให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามอย่างน่าประหลาด
    ด้วยเหตุนี้  แอ็กนัสจึงเริ่มสงบสติลง  
    เวอราดินเห็นดังนั้นจึงกล่าวต่อไป

    “อย่าได้รีบร้อน  หมู่เกาะเบเฮ็นไม่หนีคุณไปไหนแน่  มันจะคงอยู่เช่นนี้จนกว่าคุณพร้อมท้าทายอีกครั้ง”    

    หมู่เกาะเบเฮ็นมีระดับความยากที่สูงลิบ  จนแม้แต่อัจฉริยะอย่างครอเกลก็มิอาจผ่านบททดสอบได้ในเร็ววัน  เวอราดินใช้สมองอัญชาญฉลาดประมวลผลอย่างถี่ถ้วนและมั่นใจกับความจริงข้อนี้มาก  
    แอ็กนัสเห็นด้วย  มันพยักหน้าเล็กน้อย

    “คิคิก...เข้าใจแล้ว  ไว้ฉันจะไปท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็นวันหลัง  ตอนนี้ต้องไปหาแมรี่ก่อนสินะ  หวังว่าเธอจะมีภารกิจน่าสนุกให้ทำก็แล้วกัน”

    ***
    
    “ทำไมนายถึงไม่เล่าอดีตของแอ็กนัสให้กริดฟัง”

    เป็นเฟคเกอร์ที่เอ่ยถาม
    เฟคเกอร์มองว่าแอ็กนัสคือศัตรูตัวฉกาจในอนาคต  ดังนั้นกริดควรจะได้รับทราบอดีตของแอ็กนัสเช่นเดียวกับพวกตน  สิ่งนี้สามารถนำไปใช้เป็นจุดอ่อนในการเผชิญหน้าครั้งต่อไปได้   
    ลอเอลเล่าอดีตของแอ็กนัสให้ขุนพลโอเวอร์เกียร์ได้ฟังอย่างพร้อมหน้า ยกเว้นกริด
    เหตุผลนั้นง่ายมาก

    “กริดเองก็มีหัวใจ”

    หากมองผิวเผิน  กริดอาจเป็นคนเห็นแก่ตัวและขี้เหนียวก็จริง  แต่เขาจะไม่มีวันสร้างบาดแผลทางใจที่ลบไม่ออกให้ผู้อื่นเด็ดขาด  แม้พวกมันจะเป็นศัตรู
    กับคนที่มีอดีตคล้ายคลึงกัน  มีความเป็นไปได้สูงว่ากริดจะเกิดความเห็นอกเห็นใจ

    จะเกิดอะไรขึ้นหากกริดได้รับรู้อดีตของแอ็กนัส...

    “แทนที่จะนำอดีตนั้นมาใช้เป็นจุดอ่อน  กริดคงเลือกแสดงความเห็นใจและสงสารเสียมากกว่า  เขาคงต่อสู้กับชายเสียสติคนนั้นได้ไม่เต็มฝีมือ”

    “...”

    เฟคเกอร์ไม่เห็นด้วย  
    ในสายตาเฟคเกอร์  กริดจะเห็นใจต่อพวกพ้องเพียงอย่างเดียว  เขาไม่เคยเห็นกริดแสดงความห่วงใยศัตรูเลยสักครั้ง

    ลอเอลยิ้มอย่างขื่นขม

    “อดีตของแอ็กนัสคล้ายคลึงกริดเกินไป  กริดอาจเห็นภาพซ้อนทับตัวเองจนไม่มีกะจิตกะใจลงมือ”

    แน่นอนว่า  ความรุนแรงที่คนทั้งสองได้รับย่อมแตกต่างกัน  อดีตของแอ็กนัสเลวร้ายกว่ากริดไม่รู้กี่เท่า  
    แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า  คนที่ตกเป็นเหยื่อล้วนถูกสร้างบาดแผลทางใจไว้ใหญ่หลวง  
    ไม่ควรนำมาเทียบว่าใครเจ็บกว่าใคร
    
    “ได้แต่หวังว่าคนจะสองจะไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกในอนาคต”    

    ลอเอลกล่าวพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง  แม้อดีตของแอ็กนัสจะขมขื่นและน่าเห็นใจ  แต่ลอเอลก็ไม่คิดว่าสิ่งที่แอ็กนัสทำในปัจจุบันเป็นเรื่องถูก  อดีตส่วนอดีต  ต้องแยกแยะกับปัจจุบันที่กลายเป็นคนเสียสติและทำเรื่องชั่วช้าลงไปมากมาย

    เฟคเกอร์เฝ้ามองลอเอลอยู่ในความมืด
    เขาถามคำถามถัดไป

    “แล้วทำไมเวอราดินถึงรับใช้แอ็กนัส”

    เวอราดินถือเป็นหนึ่งในสิบรุคกี้รุ่นแรกที่โด่งดังไม่แพ้ลอเอล  หากผนึกกำลังกับลอเอลล่ะก็  ทั้งสองคนสามารถสร้างขั้วอำนาจใหม่ของซาทิสฟายได้ไม่ยาก  เฟคเกอร์จึงไม่เข้าใจเลยว่า  เหตุใดตัวตนที่ยอดเยี่ยมอย่างเวอราดินถึงรับใช้คนเสียสติอย่างแอ็กนัส

    ลอเอลตอบในสิ่งที่ตนคาดคะเนกลับไป
    มันคือเรื่องราวอันน่าตกตะลึง

    “เวอราดินไม่ได้รับใช้แอ็กนัส  หมอนั่นแค่เฝ้ามองแอ็กนัสในฐานะตัวอย่างทดลองที่น่าสนใจ”

    “ตัวอย่างทดลอง...”

    “เวอราดินคือนักจิตวิทยา”

    “...”

    ลงเอยด้วย...แอ็กนัสได้ถูกทิ้งให้อยู่บนโลกอันแสนโหดร้ายตามลำพัง
    ช่างเป็นชายที่อาภัพอะไรเช่นนี้

    ***
    
[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 60 ]

    ณ หมู่เกาะเบเฮ็น  กริดปรากฏตัวขึ้นในจุดบันทึกล่าสุด  ข้างกายของเขาคือเอลฟ์ผู้มีใบหน้างดงามนามว่าสติกส์  ถึงแม้จะเป็นเพศชายก็ตาม

    “ฉันสงสัยอยู่หนึ่งเรื่อง...ผู้พิทักษ์ของเกาะหมายเลข 66 ใช่อัศวินความตายมุลเลอร์รึเปล่า”

    ตำนานที่แม้กระทั่งบราฮัมยังยอมรับให้แข็งแกร่งที่สุด  กริดมองว่า  หากมุลเลอร์เฝ้าอยู่เกาะหมายเลขสุดท้ายล่ะก็  ตนคงไม่มีทางชำระล้างหมู่เกาะเบเฮ็นได้ในคราวนี้แน่
    
    สติกส์กล่าวในสิ่งที่น่ายินดี

    “แพ็กม่าไม่สามารถสร้างอัศวินความตายจากมุลเลอร์ได้  ถึงแม้จะมีพลังของบาเอลคอยช่วยเหลือแล้วก็ตาม  ดวงวิญญาณของมุลเลอร์อยู่ในระดับสูงกว่ามนุษย์ปรกติ”

    “...สมกับเป็นชายที่สุดยอดในทุกด้าน”

    หมายความว่า  มุลเลอร์ยังมีชีวิตอยู่ในฐานะดวงวิญญาณ  แม้จะตายไปแล้วงั้นหรือ
    ทันใดนั้น  น้ำเสียงอันคุ้นเคยได้ดังขึ้นข้างหูกริด

    “สติกส์! สติกส์! สติกส์!!”

    เป็นเสียงของภูติน้อยบีนี่  ผู้ทำหน้าที่คอยนำทางนักผจญภัยทุกคนในยามสติกส์ไม่อยู่บนเกาะ  
    เหตุใดต้องรีบร้อนขนาดนี้…
    บีนี่รีบบินมาทางกริดและสติกส์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด    

    “แฮ่ก...แฮ่ก”
    
    ดูเหมือนบีนี่จะมีสิ่งสำคัญที่ต้องการแจ้ง  แต่ด้วยความที่ใช้เรี่ยวแรงไปมากกับการบิน  ทำให้เขาเหนื่อยหอบจนหายใจไม่ทันไปอีกพักใหญ่  

    ‘นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการออกกำลังกายถึงสำคัญนัก’

    คืนนี้  ตนจะวิดพื้น 200 ครั้ง  นั่งยองและดึงข้ออีกอย่างละ 100 ครั้ง  จากนั้นค่อยเข้านอน
    กริดย้อนนึกถึงสูตรการออกกำลังกายที่ตนปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอมาตลอดหลายปี

    “เกาะหมายเลข 61…เกาะหมายเลข 61 ถูกเคลียร์แล้ว!”

    “อะไรนะ…!”

    ทั้งกริดและสติกส์ต่างตกตะลึงพร้อมกัน  อัศวินความตายลันเทียร์  ปีศาจที่มีความว่องไวระดับสูงสุดและหายตัวได้สมบูรณ์แบบ  สิ่งมีชีวิตระดับนั้นถูกปราบลงแล้วหรือ

    ‘ใครกัน’

    กริดคือผู้เล่นคนแรกที่ได้รับคลาสเกรดเลเจนดารี  หลังจากนั้นก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดโดยไม่หยุดพัก  แต่ในวินาทีนี้  เขากลับต้องตามหลังผู้เล่นอื่นอีกครั้ง  
    ข่าวของบีนี่ได้กระทบกระเทือนจิตใจกริดอย่างรุนแรง  ชายหนุ่มตัดพ้อในความไร้พรสวรรค์ของตนที่ต้องตามหลังผู้อื่นอยู่เสมอ  
    จิตใจของเขากำลังว้าวุ่นสุดขีด
    ทันใดนั้น  ภูติตัวน้อยบีนี่ได้เอ่ยเชื่อของคนที่ไม่คาดฝันออกมา

    “แอ็กนัส…!  เขาบอกว่าตัวเองชื่อแอ็กนัส  หมอนั่นเสียสติโดยสมบูรณ์แบบ!”

    “แอ็กนัส...”

    ชายที่เกือบทำให้กริดต้องพ่ายแพ้ต่อหน้าคนทั้งโลก  บัดนี้ได้นำหน้าตนไปหนึ่งก้าวอีกแล้วงั้นหรือ  
    เลือดในกายกริดพลันเดือนพล่าน  ดวงตาลุกโชนด้วยไฟการต่อสู้เหมือนกับเมื่อครั้งเผชิญหน้าครอเกลในงานแข่งนานาชาติที่ผ่านมา

    “...”

    หากกริดเป็นคนปรกติ  เขาคงจะสูญเสียความเยือกเย็นเมื่อโทสะกำเดือดดาล 
    เฉกเช่นคนทั่วไป
    ทว่า...

    “แล้วเกาะหมายเลข 62 ล่ะ  หมอนั่นผ่านบททดสอบด้วยรึเปล่า”    

    กริดแตกต่างจากคนปรกติเล็กน้อย  หากเป็นบุคคลที่เขามองว่าเป็น ‘คู่แข่ง’ ล่ะก็  แม้กำลังรู้สึกเดือดดาลมากเพียงใด  แต่สมาธิกลับยังแน่วแน่และเยือกเย็นอยู่ได้

    “หมอนั่นยังไม่ผ่านเกาะหมายเลข 62 มันเสียชีวิตลงหลังจากถูกยิงเพียงไม่กี่นัด”

    “ถูกยิง...เกาะหมายเลข 62 ถูกปกป้องโดยนักล่าอสูรใช่ไหม”    

    ดูเหมือนกริดต้องสู้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก <ร่างมืด>  แต่เขาก็ยอมรับข้อจำกัดนี้แต่โดยดี

    ‘หากการไม่มีร่างมืดทำให้ผ่านเกาะหมายเลข 62 ไม่ได้...เราคงไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเคลียร์ทั้ง 66 เกาะ’

    แอ็กนัสผ่านเกาะหมายเลข 61 โดยที่ยังไม่พัฒนาคลาสเป็นเกรดเลเจนดารีด้วยซ้่ำ  ส่วนตนคือผู้ได้เห็นเศษเสี้ยวของเทวะตำนานมาแล้วกับตา  กริดมั่นใจว่า  ตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าแอ็กนัสเลยสักนิด

    “ฉันจะลุยเกาะหมายเลข 62”

    ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับดึงใบดาบแห่งการบรรลุสัจธรรมเชื่อมติดกับด้าม

    “ขอให้โชคดี”

    สติกส์อมยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกลับกล่าวให้กำลังใจเป็นครั้งสุดท้าย  
    กลับกัน  บีนี่กำลังหน้าถอดสี

    “ค—คุณจะผ่านเกาะหมายเลข 62 ที่ชายเสียสติยังล้มเหลวได้ยังไง!  ในเมื่อตัวคุณเองยังไม่ผ่านเกาะหมายเลข 61 เลยด้วยซ้ำ!”

    “นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว”

    ซู่ววว!

    กริดก้าวขาเข้าไปในประตูมิติที่เปิดออกตรงหน้า  บินี่ไม่รู้จะห้ามกริดอย่างไร  เขาทำได้เพียงยืนมองร่างของกริดหายไปต่อหน้า

    “ส—สติกส์!  คุณไม่พูดอะไรหน่อยหรือ  ชายคนนั้นกำลังจะเอาชีวิตไปทิ้งนะ!”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นแน่”

    “...”

    “เขาคือผู้ที่จะมาชำระล้างหมู่เกาะเบเฮ็นทั้งหมดที่เหลือ  และได้รับสมญานาม <ราชาวีรบุรุษ>”

    สติกส์กล่าวอย่างมั่นใจพร้อมกับนำบอลคริสตัลออกมาถือ  
    ดวงตาบีนี่พลันเบิกโพลงเมื่อได้เห็นพลังที่แท้จริงของกริดผ่านลูกบอลคริสตัล

    บึ้มมมมมม!

    ร่างอัศวินความตายอเล็กซ์กำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงทมิฬ

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,132
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สนุกเกิน จนลืมเม้น

    ReplyDelete
  2. รู้สึกสงสารแอ็กนัสอ่ะ อยากไปปลอมนางจัง กริดต้องชนะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00