จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 747



    “นั่นมัน…คัมภีร์ทั้งหมดเลยหรือ?”

    “ไม่มีทาง…แต่ทำไมรูปลักษณ์ถึงคล้ายนัก”

    เหล่าแรงเกอร์ต่างปีนบันไดขึ้นชั้นบนด้วยสีหน้าอาจหาญ
    พวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเรกัสที่ล้มลงไปเมื่อครู่แต่อย่างใด

    แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งระดับแถวหน้าของโลก  
    ไม่มีผู้เล่นซาทิสฟายคนใดไม่รู้จักผู้เล่นท็อป 50 เหล่านี้

    พวกเขามิได้รอดมาถึงช่วงสุดท้ายของสนามรบเพราะโชคช่วย
    ทั้งหมดเกิดจากฝีมือและมันสมองอย่างแท้จริง

    ทุกคนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว  ว่าพวกเขายืนบนจุดสูงสุดของซาทิสฟายด้วยสาเหตุใด
    เหล่าตนตัวมหาอำนาจต่างพากันมั่นอกมั่นใจ  หากพวกเขาร่วมมือกัน  การคว้าชัยในสนามต่อสู้คงไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อม
    
    พลังชีวิตของผู้เข้าแข่งทุกคนล้วนมี 20 หน่วยอย่างเท่าเทียม
    การใช้จำนวนคนที่มากกว่าเข้าหักหาญศัตรู  ผลที่ได้รับย่อมเป็นชัยชนะ

    ทุกคนเคยคิดเช่นนี้จนกระทั่งได้เห็น ‘คัมภีร์’ สิบกว่าเล่มในมือกริด
    
    ‘หมอนี่…’

    ‘กริดรวบรวมคัมภีร์ได้ทั้งหมดบนเกาะเลยรึไง?’

    หนังสือเล่มบางปกสีฟ้า  
    ไอเท็มในมือกริดเป็นสิ่งอื่นใดไม่ได้นอกจากคัมภีร์

    คัมภีร์… 
    ไอเท็มแสนหายากที่นักบวชบางคนไม่สามารถครอบครองได้แม้แต่เล่มเดียว…
    
    แววตาของทุกคนกำลังหวาดผวาเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังแห่งคัมภีร์ 

    ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันปนตึงเครียด  ใครบางคนเปิดปากขึ้น

    “ท่านพี่กริด  ดีใจจังที่ได้เห็นพี่อยู่รอดจนถึงช่วงสุดท้าย  ผมรู้จักคุณค่าของความอดทนจากการเฝ้ามองพี่มาโดยตลอด  และครั้งนี้ก็เช่นกัน…พี่กริดใช้เวลารวบรวมคัมภีร์นานแค่ไหนกันแน่?”

    ไอเบลลิน  หนึ่งในขุนพลโอเวอร์เกียร์  
    เขาอมยิ้มขณะเอ่ยปากถามกริด

    มีไม่กี่คนที่เรียกกริดว่า ‘ท่านพี่’  
    ชายหนุ่มจึงทราบทันทีว่าเป็นไอเบลลิน
    
    “โฮ่…ไอเบลลิน  นายก็อยู่ด้วยหรือ?”

    “ผมแค่โชคดีเท่านั้น…ผู้เข้าแข่งจำนวนมากถูกส่งออกจากเกาะโดยที่ผมแทบไม่ต้องทำอะไร”

    “แล้วนายพกความโชคดีนั่นมาเผชิญหน้ากับฉันด้วยรึเปล่า?”

    “เดี๋ยวก็รู้”

    คัมภีร์สิบกว่าเล่มในมือกริดนั้นน่าทึ่งมากก็จริง  ไม่สิ…มันเข้ารับภัยพิบัติเลยทีเดียว
    
    ขั้นต่ำคือสิบเล่ม  

    คำนวณอย่างหยาบ  กริดจะมีพลังชีวิตสำรอง 100 หน่วย  และหากกริดพกโพชั่นพลังชีวิตสองขวด  หมายความว่าเขาจะมีพลังชีวิตสำรองมากถึง 120 หน่วย 
    เทียบเท่าได้กับ 6 ชีวิต

    แต่ถึงกระนั้น  กริดก็มีพื้นฐานเป็นเพียงนักบวช

    หมับ… 

    ไอเบลลินนำไม้เท้าเวทมนตร์ออกมาถือ
    สุดยอดศาสตราวุธชนิดเดียวที่สามารถสร้างความเสียหายได้มากถึงสามหน่วย
    
    “โว้ว…”

    “เชี่ย…”

    “นายไปเอามาจากไหน?”

    กริดและผู้เหลือรอดที่เหลือต่างทึ่งไปพร้อมกัน
    เป็นครั้งแรกของทุกคนที่มีโอกาสได้เห็นไม้เท้าเวทมนตร์  อาวุธอันดับหนึ่งของสนามต่อสู้แห่งนี้

    ไอเบลลินฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับรวมรวบพลังเวทไว้ที่ปลายไม้เท้า

    “พี่เคยพูดไว้ใช่ไหม…ว่าเกมนี้ขึ้นอยู่กับไอเท็ม”

    “…ดันถูกลูกสิงโตที่ตัวเองเลี้ยงแว้งกัดเสียได้”

    กริดเริ่มเหงื่อแตก  เขาสัมผัสได้ถึงหายนะที่กำลังคลืบคลานเข้าหา
    ทั้งผู้ชมทางบ้านหรือแม้กระทั่งฝ่ายพันธมิตรด้วยกันเอง  ทุกคนต่างถูกบรรยากาศของไม้เท้าเวทมนตร์สะกดจนอยู่หมัด

    ‘ตอนนี้แหละ!’

    ไอเบลลินรู้ดี  กริดมิใช่ไก่อ่อนเหมือนกับครั้งแรกที่ได้พบกัน  
    ชายคนนี้มีระดับพัฒนาการที่น่าทึ่งเหนือใครทั้งหมด  ไอเบลลินคอยเฝ้ามองกริดอยู่เสมอ
    
    และเหตุการณ์หนึ่งที่เขาไม่เคยลืมเลือนก็คือ… 
    ภายในผืนป่าลึกลับ  กริดทำการดวลกับร่างโคลนแพ็กม่ามากถึง 83 ครั้งก่อนจะเอาชนะได้ในที่สุด
    ชายคนนี้มีพลังใจระดับเหนือมนุษย์

    ‘เราจะประมาทพี่กริดไม่ได้’

    ไอเบลลินหวังสยบกริดให้อยู่หมัดตั้งแต่เริ่ม  ความฮึกเหิมของ ‘ปีศาจ’ ที่ชื่อว่ากริดจะยิ่งอ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป
    
    ไอเบลลินเริ่มกวัดแกว่งไม้เท้าโจมตี

    ซู่ววว!

    โครม!!

    ขั้นบันไดถูกทำลายในพริบตา
    มันคือขั้นที่กริดเคยยืนก่อนหน้านี้

    “…โว้ว”

    กริดหลบหลีกอย่างฉิวเฉียด  สีหน้าของเขาเผยความตกใจไม่น้อย  ชายหนุ่มกำลังทึ่งในพลังทำลายของไม้เท้า

    ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวต่างก็คิดแบบเดียวกัน

    ‘กริดเริ่มเสียขวัญแล้ว…’

    ราวกับกริดตั้งกฏกับตัวเองไว้ว่า
    ‘ห้ามโดนไม้เท้าโจมตี’
    สมาธิทั้งหมดของกริดกำลังเพ่งอยู่กับไอเบลลินเพียงผู้เดียว
    
    กริดหวาดกลัวไม้เท้าเวทมนตร์อย่างเห็นได้ชัด  สายตาไม่คิดเหลียวแลไปยังจุดอื่น

    ‘โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว!’

    กริดกำลังถูกไม้เท้าในมือไอเบลลินดึงดูดความสนใจ  นี่คือโอกาสทองสำหรับแรงเกอร์ที่เหลือทุกคน
    พวกเขาพยายามกะจังหวะโจมตีให้สอดประสานกับไม้เท้าเวทมนตร์

    ทันใดนั้น

    ซู่วว!

    เวทมนตร์จากปลายไม้เท้าพวยพุ่งใส่ร่างกริด

    ‘ตอนนี้แหละ!’

    แรงเกอร์ระดับท็อปจำนวนสามคนลงมือเคลื่อนไหวพร้อมกัน
    พวกเขาพุ่งตัวขึ้นไปบนบันไดแคบพร้อมกับจ้วงแทงอาวุธใส่กริด    
    
    ทุกคนเล็งโจมตีไปยังจุดปลายทางที่กริดกระโดดหนีเวทมนตร์ของไอเบลลิน

    ‘สมบูรณ์แบบ!’
    
    ทั้งสามแสยะยิ้มราวกับผู้มีชัย

    “อันตราย…!!”

    ไอเบลลินพลันตระหนักได้ถึงหายนะที่กำลังคลืบคลาน  การหลบหลีกของกริดมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล

    แววตาของกริดสั่นระริกอย่างผิดธรรมชาติในยามจ้องมองไม้เท้าไอเบลลิน  
    แถมยังท่าทีลนลานเกินพอดีนั่นอีก  

    เขาดูตื่นตระหนกเกินเหตุไปสักหน่อย… 
    
    ราวกับกริดแสร้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพื่อเปิดช่องว่างให้ตัวเอง
    แม้กระทั่งไอเบลลินซึ่งเป็นผู้โจมตี  กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

    แรงเกอร์ทั้งสามที่กำลังจู่โจมต่างไม่รู้เรื่องนี้  พวกเขางับเหยื่อที่กริดวางเอาไว้
    ชายหนุ่มแสยะยิ้มพร้อมกับจ้องมองดาบทั้งสามเล่มที่กำลังพุ่งแทงเข้าหา
    
    กริดเริ่มเคลื่อนไหว  เขาใช้จังหวะเท้าของ ‘วันวน’ เพื่อหมุนตัวกลางอากาศหลบการโจมตีที่พุ่งเข้าใส่
    
    วืด วืด!!
    
    ฉึก!

    "?!!"

    ดวงตาของผู้เล่นทั้งสามต่างเบิกโพลง
    กริดขยับร่างกายโยกหลบอย่างพลิ้วไหวราวกับเห็นภาพช้า  การโจมตีสามประสานจ้วงแทงโดนความว่างเปล่าไปถึงสอง

    แกร่ก!    

    บันไดไม้มิอาจรับน้ำหนักของผู้เล่นมากถึงห้าคนไหว  มันเริ่มทรุดตัว
    กริดฉวยโอกาสนี้ใช้ไหล่กระแทกใส่ทั้งสามจนเสียหลัก

    “อ๊ะ...”

    เมื่อหลักยืนไม่มั่นคง  พวกเขาตัดสินใจก้าวขาถอยหลัง
    
    ‘เอ๋...?’
    
    ทั้งสามพลันเย็นสันหลังวาบ  ฝ่าเท้าที่ก้าวถอยหลังของพวกเขาสัมผัสโดนเพียงความว่างเปล่า
    
    ใช่แล้ว… 
    บันไดขั้นดังกล่าวถูกเวทมนตร์ของไอเบลลินทำลายไปในการโจมตีเมื่อครู่

    และผลก็คือ…     

    “ว๊ากก!”

    โครม!!

    กลุก  กลุก  กลุก… 

    หกคะเมนตีลังกา

    ทั้งสามกลิ้งหล่นจากบันไดชั้นสี่ลงไปยังชั้นแรกสุด  แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บมากถึงสิบหน่วย  พวกเขาแสดงสีหน้าโอดครวญอย่างเจ็บปวดพร้อมกัน

    นับเป็นความเสียหายที่มิอาจพื้นฟูได้ด้วยโพชั่นเพียงขวดเดียว

    กริดโพล่งขึ้นต่อหน้าศัตรูคนอื่นที่จ้องมองเหตุการณ์ด้วยใบหน้าขาวซีด

    “รออะไรกันอยู่?  มันใช่เวลามัวยืนเหม่องั้นหรือ…เรื่องพื้นฐานแค่นี้ก็ไม่รู้รึไง?”

    แววตากริดที่เคยแสร้งสั่นคลอนเมื่อครู่  บัดนี้กลับมาสงบนิ่งและเย็นชาอีกครั้ง
    
    สุขุมลุ่มลึกราวกับเป็นดวงตาของนักล่า

    เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์  รวมถึงไอเบลลิน  ทุกคนต่างรู้จักดวงตานี้เป็นอย่างดี

    ดวงตาของกษัตริย์ 

    กษัตริย์ที่พวกตนรับใช้อย่างใกล้ชิดมายาวนาน

    อึก…!

    ทุกคนเริ่มแยกไม่ออกว่านี่คือสนามต่อสู้หรือซาทิสฟายกันแน่  ไอเบลลินรู้สึกกดดันจนต้องก้าวขาถอยหลัง
    ท่าทีของเขามิได้หยิ่งผยองเหมือนกับตอนแรกเริ่มถือไม้เท้า    
    
    กริดลงมือแทงไอเบลลินโดยปราศจากความลังเล

    ทว่า… 

    แคร้งงงง!!

    ดาบใหญ่ปริศนาได้บล็อคการแทงของกริดจนเกิดเสียงโลหะปะทะกังวาล
    เจ้าของดาบใหญ่ทำการบิดข้อมือเพื่อหมุนใบดาบ  ถ่ายเทแรงปะทะให้กริดเสียสมดุลร่างกาย

    จากนั้น

    ฉัวะ—!

    ผู้ใช้ดาบใหญ่ปริศนาหมุนตัวหนึ่งรอบพร้อมกับตวัดปลายดาบยักษ์สับใส่ลำคอกริดอย่างแม่นยำ
    
    กริดต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในชั่วพริบตา

    แคร้งง!!

    ดาบใหญ่เหวี่ยงใส่กริดซ้ำอีกหน  
    ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดี  เขารีบปัดป้องพร้อมกับอาศัยแรงส่งดีดตัวเองขึ้นไปตั้งหลักที่ชั้นบน

    ชั้นสี่ของอาคาร  ได้ถูกกลุ่มพันธมิตรยึดครองด้วยเวลาเพียงไม่นาน

    สิ่งนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่กริดคาดไว้มาก  
    ชายหนุ่มทำได้เพียงยิ้มจืดชืด

    “ไม่คิดออมมือกับฉันบ้างรึไง?”

    ผู้ใช้ดาบใหญ่ปริศนากล่าวตอบ

    “ต่อหน้านายและครอเกล  ฉันเป็นเพียงเงามืดมาเสมอ”

    “ไม่เลย…ไม่มีใครคิดแบบนั้น”

    อันดับหนึ่งของโลกคนปัจจุบัน…คริส 
    กริดได้แต่บ่นอุบอิบในใจ

    ‘ทำไมคริสไม่ไปบุกฝั่งครอเกลฟะ?’

    เทคนิคดาบใหญ่ของคริสทั้งทรงพลังและไร้เทียมทาน
    ทั่วโลกต่างยอมรับในข้อนี้  
    แม้แต่กริดที่เป็นผู้หลงไหลในดาบใหญ่  เขายังรู้สึกทึ่งทุกครั้งที่ได้เห็นคริสแสดงฝีมือ

    และหนึ่งเหตุผลที่กริดละทิ้งดาบใหญ่มาใช้ดาบยาว  นั่นก็เพราะคริสเช่นกัน
    ทำไมน่ะหรือ?
    เพราะหากคริสยังมีตัวตน  กริดรู้ดีว่าเขาไม่มีทางกลายเป็นผู้ใช้ดาบใหญ่อันดับหนึ่งของโลกได้แน่

    ‘อา…’

    กริดชำเลืองมองเวลาสนามรบที่กำลังนับถอยหลัง  จากนั้นก็กวาดสายตาเพ่งพิจารณาศัตรูด้านหน้าอย่างถี่ถ้วน

    อีกฝ่ายมีมากถึง 13 คน…รวมคริส 

    เป้าหมายของกริดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากตอนต้น
    ‘เราคงฆ่าพวกเขาทั้งหมดไม่ไหว'’
    
    สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ…
    ‘ถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด  จนกว่าสองคนข้างบนจะลงมาช่วย’

    ใช่แล้ว  กริดในตอนแรกคิดสังหารศัตรูทุกคนที่บุกเข้ามาให้ราบคาบ
    เขาไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นแรงเกอร์ที่เก่งกาจระดับใดของโลก

    นี่คือความโอหังงั้นหรือ?  
    ไม่เลย  เขากำลังประเมินสถานการณ์จากพื้นฐานความเป็นไปได้
    ในด้านฝีมือต่อสู้  ตนก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด  เขาเป็นถึงคนที่ล้มเฮ่าได้

    กริดเชื่อว่าตนแข็งแกร่ง

    ‘เราเป็นผู้เล่นแถวหน้า’

    ยิ่งไปกว่านั้น  ทีมของตนยังประกอบด้วยเทพีแห่งคันศรและฟ้าเหนือฟ้า

    กริดเชื่อมั่นว่าจะหยุดผู้บุกรุกทุกคนไม่ให้ผ่านขึ้นไปทำอันตรายสองคนนั้นได้

    “เอาล่ะ…อันแรก”

    ชิ้ง— 

    ชายหนุ่มเปิดคัมภีร์เล่มแรกอ่าน  เกิดเป็นแสงสว่างส่องอาบร่างกายอย่างอบอุ่น
    บาดแผลตามลำตัวกริดถูกฟื้นฟูหลายส่วนในพริบตา

    “ฉันยังเหลืออีก 11 เล่ม”

    “ไอ้แมลงสาบ…”

    “…” 

    ใครบางคนพึมพำออกมา  

    เป็นความจริงที่กริดมิอาจปฏิเสธได้
    
    ***

    ฉึก!

    “...เกือบไป”

    เศษฝุ่นลอยฟุ้งตลบอบอวลเหนือศีรษะจิสึกะขณะเธอกำลังง้างคันธนูเล็ง
    ศรปริศนาถูกยิงมาจากตึกฝั่งตรงข้าม  
    มันปักเสียบเพดานเหนือศีรษะจิสึกะไปเพียงเล็กน้อย

    “คิดยิงหัวฉันงั้นหรือ?  กล้าดีนักนะ!”

    ฟุ่บ!!

    จิสึกะปล่อยสายรั้งพร้อมกับส่งลูกธนูบินพุ่งใส่หน้าต่างอาคารฝั่งตรงข้าม

    ฉึก!

[ ท่านสร้างความเสียหาย 1 หน่วย ]

    “สุดยอด”

    ครอเกลเอ่ยปากชมเป็นครั้งที่สาม
    ฝีมือธนูของจิสึกะทำให้ฟ้าเหนือฟ้าอย่างครอเกลรู้สึกทึ่งหนแล้วหนเล่า

    เธอยักไหล่

    “ถ้าเทียบกับกริดแล้ว…ของแค่นี้ธรรมดามาก”

    “…”

    ในบางครั้ง  ครอเกลก็ยากจะทำความเข้าใจกับนิสัยพิสดารของเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์

    เขาไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อ  ทำเพียงเชือดศัตรูริมหน้าต่างคนแล้วคนเล่าอย่างเลือดเย็น
    
    ผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรสายระยะประชิดที่หวังจะเข้าใกล้จิสึกะจากทางหน้าต่าง  ทุกคนล้วนถูกครอเกลฆ่าทิ้งในพริบตา
    
    แต่ขณะที่ครอเกลเผยตัวทางหน้าต่าง
    
    ฟุ่บ!
    
    ฟุ่บฟุ่บ!

    พลธนูจากฝั่งตึกตรงข้ามรีบกระหน่ำรัวยิงใส่โดยไม่รีรอ
    
    “อันตราย!!”
    จิสึกะร้องเตือนด้วยสีหน้าหวั่นวิตก

    ทันใดนั้น  ครอเกลหมุนตัวเบี่ยงหลบธนูทั้งสามดอกได้อย่างหมดจด

    “…นายยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?”

    “แน่นอน”

    คำตอบแสนเรียบง่าย  
    ครอเกลพึงพอใจกับคำชมของเทพีแห่งคันศร

    ขณะเดียวกัน  

    เคร้งงง!!

    หอกปริศนาถูกแทงจากทางซ้ายมือของหน้าต่างที่ครอเกลกำลังยืนอยู่
    ครอเกลปัดป้องสำเร็จ 
    ขณะที่สายตากำลังเฝ้าระวังทางซ้าย  การโจมตีถัดไปกลับมาจากทางขวา
    
    จิสึกะคิดยิงช่วย  แต่เมื่อเหลือบไปเห็นลูกธนูที่กำลังพุ่งใส่ตน  เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหลบหลังที่กำบัง

    ‘พวกมันเริ่มรู้ตัวแล้วสินะ…ว่าการยิงธนูใส่ครอเกลไม่เกิดประโยชน์’

    สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย
    เมื่อระลอกฝนธนูหยุดลง  จิสึกะจึงชะโชกโงกหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย
    
    แล้วเธอก็ได้พบกับชายปริศนาสองคน
    พวกเขากำลังรุมโจมตีครอเกลจากทางซ้ายและขวาพร้อมกัน
    
    เป็นป็อนและลอเอล

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,185
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00