จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 746



    “ถ้ามีนายกับฉัน  บนโลกนี้ยังต้องกลัวอะไรอีกหรือ?”

    “…?”

    หมอนี่เป็นใครกัน?
    กริดสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยจากเพื่อนร่วมทีมรายใหม่
    
    เคยเจอกันที่ไหนมาก่อนนะ…
    ทันใดนั้น  ชื่อของใครบางคนพลันผุดขึ้นในหัว

    ‘ไม่มีทาง…เป็นไปไม่ได้แน่’

    กริดยืนกรานปฏิเสธ

    หากใช่ชายคนนั้นจริง  เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาไอเท็มของตนเลยสักนิด

    “ไม่เห็นรึไงว่าทีมอื่นกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้?”

    ผู้เข้าแข่งทุกทีมต่างกรูเข้าหากริดอย่างพร้อมเพรียง
    เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ทั้งหลายล้วนไม่ต้องการให้กริดจัดตั้งทีมสามคนร่วมกับชายแปลกหน้า

    ต้องรีบชิงลงมือ  ก่อนที่ทีมของกริดจะมีโอกาสได้เคลื่อนไหว    

    ฟุ่บ!

    ฟุ่บ!
        
    ฟุ่บ!


    ห่าฝนธนูโปรยลงมายังจุดที่กริดและชายปริศนายืนอยู่
    
    “ชิ!”

    สถานการณ์กลับตาลปัดไปหมด

    แทนที่กริดจะคว้าชัยในการแข่งนี้อย่างง่ายดาย  กลับลงเอยด้วยการตกเป็นเป้ารุมโจมตีจากทุกคน

    ชายหนุ่มส่ายศีรษะพร้อมกับโยกตัวหลบลูกธนู  ร่างของกริดคงได้พรุนเป็นเม่นแน่หากเขาตอบสนองช้ากว่านี้ 0.5 วินาที
    
    จิสึกะถูกศรดอกหนึ่งปักเข้าที่แขน
    เธอมิอาจหลบได้หมดจดเหมือนกริด
    
    ขณะเดียวกัน

    เคร้งเคร้งเคร้ง!

    “…!!”

    ชายปริศนาใช้ดาบปัดป้องธนูทุกดอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
    กริด  จิสึกะ  และผู้เข้าแข่งที่เหลือต่างจ้องมองด้วยสีหน้าตกตะลึง
    
    “นาย…”

    กริดไม่ฝืนปฏิเสธความจริงอีกต่อไป
    ชายปริศนาที่ขอเข้าร่วมปาร์ตี้กับตนเมื่อครู่  กริดมั่นใจแล้วว่าคือใคร
    
    “ครอเกล…?”

    “แน่นอน”

    “…นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

    ใช่แล้ว…ฟ้าเหนือฟ้า
    ผู้เล่นที่มีฝีมือดาบอัจฉริยะจนยากจะหาใครเทียบเคียง
    
    ครอเกลถามกลับเมื่อเห็นกริดสับสน
    “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…?  นายคิดว่าฉันจะตกรอบงั้นหรือ?”

    “ไม่ใช่แบบนั้น…แต่คนอย่างนายไม่น่าจะต้องการไอเท็มจากฉัน”

    “ฉันควรปฏิเสธมันรึไง?  ไม่มีใครโง่พอจะมองข้ามไอเท็มจากช่างตีเหล็กในตำนานหรอกนะ  ฉันไม่ได้ทรนงในศักดิ์ศรีขนาดนั้น”

    “งั้นหรือ…แม้แต่ฟ้าเหนือฟ้าก็ยังคิดแบบนี้สินะ”

    ขณะเดียวกัน  กริดก็เจ็บใจไม่น้อย
    ขณะศัตรูรุมโจมตีเข้ามา  ตนและจิสึกะออกอาการลนลานอย่างชัดเจน  แต่ครอเกลสามารถสยบภัยอันตรายได้อย่างอยู่หมัด
    
    กริดมองครอเกลเป็นคู่ปรับตลอดกาลที่ต้องเอาชนะให้ได้
    แต่ความสุขุมเกินมนุษย์ของครอเกลเมื่อครู่  สิ่งนี้ทำให้กริดหงุดหงิดในความอ่อนแอของตัวเอง

    หมอนี่…แม้กระทั่งในสถานการณ์เช่นนี้  
    เหตุใดถึงยังใจเย็นอยู่ได้อีก?

    ขณะจิตใจของกริดกำลังถูกระคายเคือง

    “อั่ก!”
    
    ศรดอกหนึ่งพุ่งตรงจากด้านข้าง  มันปักเข้าที่เอวกริดจากจัง
    ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้รับความเสียหายจำนวนสองหน่วย  เขารีบหันไปกล่าวกับจิสึกะ    

    “รีบหนีเข้าตึก!!”

    “อื้อ!”

    กริดและจิสึกะรีบวิ่งเข้าอาคารสูงโดยไม่ลังเล  เป็นตึกที่อยู่ด้านหลังพวกเขา  ห่างไปไม่ไกลนัก

    แต่กลับกัน  ครอเกลกลับยังยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมในจุดอันตราย 
    เบื้องหน้าครอเกลมีเหล่าแรงเกอร์ทีมอื่นกำลังกรูเข้าใส่กว่า 20 คนราวกับฝูงสุนัข

    กริดรีบโพล่งขึ้นอย่างลนลาน
    “ทำไมนายยังไม่รีบมาอีก?”
    
    “นายยอมให้ฉันเข้าทีมหรือยัง?”

    “อะไรนะ…?”
    นี่ครอเกลกำลังรอคำตอบในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เนี่ยนะ?
    
    “นายจะบ้ารึไง?!  ฉันยังมีทางเลือกอื่นนอกจากรับนายเข้าทีมด้วยหรือ?  รีบตามมาเร็วเข้า!!”

    คราวนี้

    “…ได้เลย”

    สวบ

    ครอเกลเริ่มเคลื่อนไหว  
    แต่สายเกินไปเสียแล้ว  แรงเกอร์จำนวนสี่คนรายล้อมครอเกลไว้ทุกทิศ

    “คิดจะหนีไปไหน?”
    
    “ฉันไม่ปล่อยให้พวกนายร่วมมือกันหรอกนะ”

    ผู้ชนะมีได้เพียงสามคนเท่านั้น… 
    การต่อสู้ภายในสนามต่อสู้แห่งนี้  หลักการที่สำคัญข้อหนึ่งก็คือ  ต้องลดจำนวนศัตรูให้ได้มากที่สุด  และคนที่อ่อนแอมักตกเป็นเหยื่อ

    ทีมของกริดหนีไปได้เพียงสอง  ส่วนชายปริศนากำลังแตกกลุ่มอยู่ในวงล้อม
    เขาย่อมตกเป็นเป้ารุมโจมตี

    แต่ว่า… 

    ฉัวะ!

    ฉัวะ! ฉึก! ฉัวะ!

    “แค่ก…!”

    “อ…อะไรกัน?”

    ชายปริศนาเพียงคนเดียว  แต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าศัตรูนับสิบ

    หากฝีมือชั้นเกินไป  จำนวนคนที่มากกว่าย่อมกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย

    ครอเกลตอบโต้ทั้งสี่คนที่โจมตีเข้ามาจากทุกทิศทางพร้อมกัน

    เขาได้รับความเสียหาย 0 หน่วย
    ส่วนสี่แรงเกอร์ได้รับความเสียหายไปคนละ 2 หน่วย    

    พวกมันพลันตะลึงราวกับได้เห็นภูติผี
    ดวงตาเบิกโพลง  ร่ายกายสั่นระริก

    ทุกคนมั่นใจในทันที
    ตัวตนของชายปริศนาคนนี้คือ… 

    “ฟ…ฟ้าเหนือฟ้า!!”

    “บ…บ้าน่า…”

    เสียงตะโกนที่เปี่ยมด้วยความสั่นเทากำลังดังกังวาลไปรอบเมือง
    กลุ่มที่เพิ่งตามมาสมทบทัน  บัดนี้พลันชะงักฝีเท้าหยุดกึก

    เป็นฉากที่แสนน่าทึ่ง
    แรงเกอร์ระดับท็อปที่ฝ่าฟันมาจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของสนามต่อสู้
    แต่ละคนล้วนเป็นตัวแทนประเทศ  บ้างเป็นกัปตันทีม  บ้างแสดงฝีไม้ลายมือโดดเด่นมาตลอดการแข่ง
    
    ทุกคนกลับก้าวขาไม่ออกเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายคือฟ้าเหนือฟ้า  ภาพเหตุการณ์ทำให้ผู้ชมทางบ้านต่างพากันขนลุก

    === คนละมิติโดยสิ้นเชิง…ไม่มีคำอธิบายใดเหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว 

    ครอเกลยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง
    เขาหยุดอยู่หน้าประตูอาคารที่กริดและจิสึกะหนีเข้าไป  รอบกายครอเกลมีผู้เข้าแข่งจำนวนมากรายล้อมไม่ห่าง

    แต่ฝ่ายที่ต้องหวั่นเกรงกลับมิใช่ครอเกล
    ครอเกลจ้องมองทุกคนด้วยแววตาที่เปี่ยมความมั่นใจ  
    แววตาของเพชฆาตที่กำลังบ่งบอกว่า…ใครก็ตามที่เข้าใกล้จะถูกเชือดทิ้งในพริบตา 

    ทุกคนต่างทำได้เพียงล้อมไว้  ไม่มีใครกล้าเข้าไปในระยะสังหารของดาบยาวจากนรก

    ราวกับครอเกลถูกกำหนดให้เป็นผู้ชนะในการแข่งนี้เรียบร้อยแล้ว

    แต่ทันใดนั้น

    “ครอเกล!!  ฉันดีใจที่นายยังอยู่!!”
    ท่ามกลางกลุ่มคนที่ยืนจ้องมองครอเกลด้วยสีหน้าตึงเครียด
    มีอยู่หนึ่งคนที่กล้ากระโจนเข้าใส่โดยไม่เกรงกลัวภัยอันตราย

    เกรี้ยวกราดอาจหาญดุจดั่งพยาเสือ… 

    มีเพียงชายผู้นี้ที่กล้ากางเล็บแยกเขี้ยวต่อหน้าฟ้าเหนือฟ้าผู้ปกครองโลก

    “เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสสู้กับนายอย่างยุติธรรม…ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว!!”

    ชายคนดังกล่าวโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความสุข
    
    เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากหนึ่งในขุนพลโอเวอร์เกียร์
    กัปตันทีมสหราชอาณาจักร…เรกัส

    ครอเกลรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
    เขาอมยิ้ม 

    “ไม่ยุติธรรมเท่าไรมั้ง…”

    ครอเกลหมายถึงกลุ่มคนมากมายที่รายล้อมตนอยู่
    
    สวบ    

    ครอเกลเริ่มก้าวขา

    ตึก  ตึก  ตึก!

    เขาปีนป่ายผนังกำแพงอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับพุ่งตัวไปในอาคารที่กริดและจิสึกหนีเข้าไปเมื่อครู่

    “ถ้าอยากสู้ก็ตามมา”

    ครอเกลรู้จักธรรมชาติของเรกัสดี
    หากกล่าวยั่วยุไปเช่นนี้  รับรองว่าเรกัสต้องตามมาแน่นอน

    “ฉันจริงจังนะ!!”

    “เดี๋ยวก่อน!!  หยุด!!”
    ลอเอลทำได้เพียงแต่ตะโกนไล่หลังอย่างสิ้นหวัง
    
    ในสายตาเรกัสมีเพียงครอเกลเท่านั้น  
    เรกัสปรี่เข้าไปในอาคารโดยปราศจากความลังเล

    “ชิ…!  รีบตามเจ้าบ้านั่นไป!!”

    แต่ในวินาทีที่ลอเอลและป็อนกำลังจะก้าวขาเข้าไปในประตูอาคาร

    ฉึก!

    ฉึกกก!!

    ลูกธนูปริศนาได้พุ่งปักใส่หัวไหล่ของทั้งสอง  เกิดเป็นความเสียหายคนละสองหน่วย
    แม้กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง  แต่อีกฝ่ายกลับยิงเข้าเป้าอย่างแม่นยำ
    แถมยังเป็นสองดอกซ้อนในเวลาไล่เลี่ยกัน

    ฝีมือธนูระดับฟ้าประทานเช่นนี้… 

    “จิสึกะ!?”

    ลอเอลและป็อนรีบแหงนขึ้นไปมองด้านบนในจุดที่ธนูถูกยิงลงมา

    และสิ่งที่พวกเขาได้พบ… 
    
    “ฮาย~ สบายดีกันไหมเจ้าพวกบ้า”

    หญิงสาวหน้าอกสะบึมกำลังนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างชั้นบน
    เป็นคนเดียวกับหญิงสาวปริศนาที่ปรากฏตัวพร้อมกริดเมื่อครู่

    หล่อนทำการโก่งง้างคันธนูอีกระลอก

    ‘ฉิบหายแล้ว…!’

    ลอเอลและป็อนรีบกลิ้งเข้าหาที่กำบัง

    “ถ้าใครไม่อยากถูกศรปักกะโหลก  แนะนำให้รีบยกมือยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ซะ!!”

    เมื่อสิ้นเสียงประกาศิตของจิสึกะ  เธอเริ่มรัวยิงธนูลงมาด้านล่างอย่างดุดัน
    มันคือนรกบนดินสำหรับผู้เล่นที่ปราศจากจุดกำบัง
    
    เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างทราบได้ทันทีว่าหล่อนคือจิสึกะ
    ไม่มีใครโง่พอจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับลูกธนูที่ถูกปล่อยจากมือเทพีแห่งคันศร
    
    พวกเขาหลบเข้าจุดกำบังรอบกำแพงตึกอย่างรวดเร็ว  จากนั้นก็หันมาปรึกษากัน

    “บัดซบ…จิสึกะเข้าจุดซุ่มยิงแล้ว”

    “พวกเราประมาทเกินไป…ต้องรีบหนีออกจากการมองเห็นของนังแม่มดนั่น”

    “ไม่ได้…เราจะปล่อยไอ้สมองกล้ามนั่นเข้าไปลุยตามลำพังไม่ได้  หากเรกัสตาย  พวกเราที่เหลือแค่สองจะตกเป็นเป้าถูกรุมทันที”

    ปาร์ตี้ที่ประกอบด้วยกริด  จิสึกะ  และครอเกล
    แม้ไม่อยากยอมรับ  แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น  ทีมของกริดกลายเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขาในวินาทีนี้

    หากทุกปาร์ตี้ที่เหลือไม่ร่วมมือกัน  จะไม่มีทางเอาชนะปีศาจสามตนนั่นได้เลย

    “ทุกคนหยุด!!  พวกเรามาทำข้อตกลงกันก่อน  ฆ่าสามคนนั้นให้เรียบร้อย  จากนั้นค่อยกลับมาต่อสู้กันอย่างยุติธรรมดีไหม?”

    ลอเอลมั่นใจ  หากปราศจากปาร์ตี้สามปีศาจ  พวกตนคือปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการแข่งนี้

    “แต่คนทั่วโลกจะไม่ต่อว่าเอาหรือ?  กับการจับมืออย่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้?”

    ใครบางคนแสดงความกังวล
    ในฐานะตัวแทนประเทศและกัปตันทีม  พวกเขาย่อมกลัวเสียหน้า
    
    แต่ใครบางคนก็รีบแย้งทันควัน

    “แล้วการที่สามคนนั้นอยู่ทีมเดียวกัน…มันยุติธรรมต่อพวกเราตรงไหน?”

    “…นายพูดถูก”

    “ไม่มีใครต่อว่าพวกเราแน่”

    “ดีล่ะ…ลุยเข้าไปในตึก!!”

    “พวกเราจะเข้าไปในตึกตรงข้ามและปืนราวตากผ้าชั้นบน”

    ค่อนข้างแน่ชัด  ในตึกที่ทีมของกริดเข้าไปหลบ  ผู้ที่ปกป้องบันไดคงเป็นกริดและครอเกล  ส่วนจิสึกะจะคอยยิงสังหารผู้เล่นที่เหลือจากชั้นบน  นี่คือกลยุทธ์ในฝันของหลายทีม
    ด้วยแผนนี้  เพียงสามคนก็สามารถต้านทานศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าได้ไม่ยาก
    
    แต่อย่าลืมว่าอีกฝ่ายมีจำนวนมากหมายถึงสามสิบ  แถมแต่ละคนยังเป็นหัวแถวของโลก
    และยังมีจ้าวกลยุทธ์อย่างลอเอล

    ‘เมื่อเวลาผ่านไป  ปาร์ตี้ของกริดจะถึงขีดจำกัดด้านพลังชีวิต’

    ชัยชนะถูกกำหนดไว้แล้ว
    พวกเขากำลังฮึกเหิมสุดขีด

    ผู้เข้าแข่งที่เหลือต่างฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจที่จะได้บดขยี้ฟ้าเหนือฟ้าและกริดไปพร้อมกัน

    ลอเอลเริ่มจัดแจงแบ่งทีม
    สายต่อสู้ระยะประชิดจะกรูเข้าไปในตึกที่กริดอยู่  ใช้จำนวนที่มากกว่าถาโถมเข้าใส่บันได

    ส่วนอีกทีมคือกลุ่มโจมตีระยะไกล  พวกเขาจะไปซุ่มอยู่ที่ชั้นบนของอาคารฝั่งตรงข้าม  จุดประสงค์เพื่อคอยลอบยิงจิสึกะจากหน้าต่างอยู่เป็นระยะ  ไม่ปล่อยให้จิสึกะโจมตีได้อิสระเกินไป

    ลอเอลยังแบ่งสายประชิดบางส่วนลอบปีนลวดตากผ้าเพื่อประชิดตัวจิสึกะจากด้านบน

    ผู้ชมทางบ้านได้แต่เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น

    ===  เอ่อ…จุดประสงค์การแข่งมันแปลกไปหน่อยรึเปล่า? 

    ===  … 

    สนามต่อสู้มิใช่สนามต่อสู้อีกแล้ว
    มันคือสนามบดขยี้ปาร์ตี้กริด
    สถานการณ์กำลังดำเนินไปอย่างผิดแผก

    ฝ่ายผู้บรรยายเริ่มแสดงความเห็น
    มีบางส่วนได้คาดเดาสิ่งเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า

    『 เป็นโชคชะตาที่ผู้แข็งแกร่งมิอาจหลีกเลี่ยงครับ  ชะตาที่ต้องถูกผู้อ่อนแอกว่ารุมกำจัดเป็นอันดับแรก 』

    『 กริด  ครอเกล  และจิสึกะจะทนได้อีกนานแค่ไหนกันครับ? 』

    『 ไม่ว่าจะสุดยอดขนาดไหน  แต่สามคนไม่มีทางเอาชนะแรงเกอร์ระดับท็อปเกือบสามสิบคนได้แน่นอนครับ  แม้ทุกคนจะด้อยกว่าครอเกล  แต่ลองดูเรกัสให้ดีสิครับ  เขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก  บางทีเรกัสอาจล้มครอเกลสำเร็จ 』

    『 นี่เป็นผลเสียของทีมที่มีแต่คนเก่งสินะครับ  ปาร์ตี้ของกริดคงต้องถูกส่งออกจากการแข่งเป็นอันดับแรก…ด…เดี๋ยวนะ! 』

    ผู้บรรยากาศส่งเสียงตะลึงกับบางสิ่ง
    
    หลังจากกล่าวชมเรกัสได้ไม่นาน  หลอดพลังชีวิตของเรกัสพลันตกไปอยู่ในจุดวิกฤติ
    แม้ชายคนนี้จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบมาตลอดทั้งเกม  แต่เมื่อเลือกเผชิญหน้ากับครอเกล  ความพ่ายแพ้หนแรกย่อมต้องมาเยือน

    อาจมองว่าสูสีในตอนต้น  แต่ครอเกลจงใจให้เป็นเช่นนั้น
    เมื่อเรกัสเผยจุดอ่อนเพียงเสี้ยววินาที  ครอเกลจัดการกำราบจนอีกฝ่ายหมดสภาพ

    “แฮ่ก…แฮ่ก...สุดยอดมาก  นายทำยังไงถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?”

    เรกัสกล่าวด้วยร่างกายที่เปี่ยมด้วยบาดแผล  เขายืนอยู่บนบันไดแคบที่ปลายทางคือชั้นสองของอาคาร
    เรกัสมองเห็นความพ่ายแพ้ที่กำลังคลืบคลานเข้าหาอย่างชัดเจน

    ครอเกลขมวดคิ้ว

    ‘เขาคิดจริงหรือว่าจะชนะเราได้…?’

    ย่อมต้องมีสาเหตุที่ครอเกลตั้งคำถามเช่นนี้  และสาเหตุนั้นก็คือ  เรกัสต่อสู้โดยใช้เพียงกำปั้นเปลือยเปล่ามาโดยตลอด

    ใช่แล้ว…เรกัสดวลกับครอเกลโดยปราศจากอาวุธในมือ 
    สิ่งนี้เกิดจากความหลงไหลในศิลปการต่อสู้อย่างหาที่สุดมิได้
        
    เรกัสเลือกเล่นคลาสนักรบที่สามารถใช้กำปั้นโจมตีศัตรูได้หนึ่งหน่วย
    เขามองว่า  เวทีแห่งนี้ส่งเสริมให้ผู้ใช้กำปั้นได้มีโอกาสเฉิดฉาย

    ตลอดทั้งสนามต่อสู้ที่ผ่านมา  เรกัสใช้เพียงกำปั้นโดยไม่แยแสอาวุธทุกชนิด
    
    แม้กระทั่งตอนดวลกับครอเกล… 

    “…”

    ขุนพลโอเวอร์เกียร์แต่ละคนล้วนมีความสุดยอดในแบบของตัวเอง
    ครอเกลนึกชื่นชมในใจพร้อมกับเหวี่ยงดาบครั้งสุดท้ายเพื่อดับลมหายใจเรกัส

    “แค่ก…!  สมกับเป็นฟ้าเหนือฟ้า”

    เรกัสยกนิ้วโป้งให้ในวาระสุดท้ายของชีวิต  
    ผู้ชมทางบ้านต่างกล่าวยกย่องเรกัสที่สามารถใช้กำปั้นตะลุยมาจนถึงช่วงสุดท้ายของการแข่งได้

    ครอเกลยังมีปัญหาให้ต้องเผชิญหน้าอีกมาก  ศัตรูนับสิบคนกรูเข้าใส่พร้อมกันเมื่อเรกัสล้มลง

    ‘สูญเสียพลังชีวิตไปมากกว่าที่คิด…’

    หมัดและเท้าของเรกัสเข้าเป้าครอเกลมากถึงห้าครั้ง
    ตลอดการแข่งที่ผ่านมา  ครอเกลไม่เคยถูกโจมตีด้วยจำนวนเท่านี้จากผู้เล่นเพียงคนเดียวมาก่อน

    เขาตัดสินใจว่าจะไม่ประมาทเหล่าแรงเกอร์ระดับท็อปที่เหลืออยู่
    ขณะครอเกลกำลังกำดาบแน่นพร้อมสู้    

    “ฉันเฝ้าที่นี่ให้เอง…นายรีบขึ้นไปช่วยจิสึกะเถอะ”

    “กริด…”

    ครอเกลกำลังจะทักท้วง
    แต่เมื่อได้เห็นบางสิ่งในมือกริด  เขาจึงไม่กล่าวคำใดออกไปเพิ่มเติม
    ฟ้าเหนือฟ้าตัดสินใจลดอาวุธลงพร้อมกับเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่โต้แย้ง

    ขณะนี้…กริดกำลังใช้มือข้างซ้ายถือหนังสือสีฟ้าไว้มากถึงสิบเล่ม    

    ทั้งหมดคือคัมภีร์ฟื้นฟูพลังชีวิต

    “เชี่ย!!”

    เหล่าแรงเกอร์ทั้งสิบที่หวังกรูเข้าโจมตีครอเกลเมื่อครู่  บัดนี้พลันชะงักค้างอย่างตกตะลึงไปตามกัน

    กริดยืนเด่นตระหง่านด้านบนบันไดพร้อมกับประกาศกร้าว

    “ฉันคือราชาโอเวอร์เกียร์!!”

    “…”

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,184
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. แสบจริง ๆ น่ะกริด 55

    ReplyDelete
  2. 555 ฮามากกับฉากสุดท้าย แม้กระทั้งต้องประกาศชื่อตัวเองออกมาอีกรอบแสบจริงๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ดีเท่าไหร้แล้ว ที่ไม่ประกาศว่า แคปซูลของโคเม็ตกรุ๊ป รุ่นเพ็ชร มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆเลยซาร่า

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00