จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 746
“ถ้ามีนายกับฉัน บนโลกนี้ยังต้องกลัวอะไรอีกหรือ?”
“…?”
หมอนี่เป็นใครกัน?
กริดสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยจากเพื่อนร่วมทีมรายใหม่
เคยเจอกันที่ไหนมาก่อนนะ…
ทันใดนั้น ชื่อของใครบางคนพลันผุดขึ้นในหัว
‘ไม่มีทาง…เป็นไปไม่ได้แน่’
กริดยืนกรานปฏิเสธ
หากใช่ชายคนนั้นจริง เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาไอเท็มของตนเลยสักนิด
“ไม่เห็นรึไงว่าทีมอื่นกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้?”
ผู้เข้าแข่งทุกทีมต่างกรูเข้าหากริดอย่างพร้อมเพรียง
เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ทั้งหลายล้วนไม่ต้องการให้กริดจัดตั้งทีมสามคนร่วมกับชายแปลกหน้า
ต้องรีบชิงลงมือ ก่อนที่ทีมของกริดจะมีโอกาสได้เคลื่อนไหว
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ห่าฝนธนูโปรยลงมายังจุดที่กริดและชายปริศนายืนอยู่
“ชิ!”
สถานการณ์กลับตาลปัดไปหมด
แทนที่กริดจะคว้าชัยในการแข่งนี้อย่างง่ายดาย กลับลงเอยด้วยการตกเป็นเป้ารุมโจมตีจากทุกคน
ชายหนุ่มส่ายศีรษะพร้อมกับโยกตัวหลบลูกธนู ร่างของกริดคงได้พรุนเป็นเม่นแน่หากเขาตอบสนองช้ากว่านี้ 0.5 วินาที
จิสึกะถูกศรดอกหนึ่งปักเข้าที่แขน
เธอมิอาจหลบได้หมดจดเหมือนกริด
ขณะเดียวกัน
เคร้งเคร้งเคร้ง!
“…!!”
ชายปริศนาใช้ดาบปัดป้องธนูทุกดอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กริด จิสึกะ และผู้เข้าแข่งที่เหลือต่างจ้องมองด้วยสีหน้าตกตะลึง
“นาย…”
กริดไม่ฝืนปฏิเสธความจริงอีกต่อไป
ชายปริศนาที่ขอเข้าร่วมปาร์ตี้กับตนเมื่อครู่ กริดมั่นใจแล้วว่าคือใคร
“ครอเกล…?”
“แน่นอน”
“…นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ใช่แล้ว…ฟ้าเหนือฟ้า
ผู้เล่นที่มีฝีมือดาบอัจฉริยะจนยากจะหาใครเทียบเคียง
ครอเกลถามกลับเมื่อเห็นกริดสับสน
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…? นายคิดว่าฉันจะตกรอบงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น…แต่คนอย่างนายไม่น่าจะต้องการไอเท็มจากฉัน”
“ฉันควรปฏิเสธมันรึไง? ไม่มีใครโง่พอจะมองข้ามไอเท็มจากช่างตีเหล็กในตำนานหรอกนะ ฉันไม่ได้ทรนงในศักดิ์ศรีขนาดนั้น”
“งั้นหรือ…แม้แต่ฟ้าเหนือฟ้าก็ยังคิดแบบนี้สินะ”
ขณะเดียวกัน กริดก็เจ็บใจไม่น้อย
ขณะศัตรูรุมโจมตีเข้ามา ตนและจิสึกะออกอาการลนลานอย่างชัดเจน แต่ครอเกลสามารถสยบภัยอันตรายได้อย่างอยู่หมัด
กริดมองครอเกลเป็นคู่ปรับตลอดกาลที่ต้องเอาชนะให้ได้
แต่ความสุขุมเกินมนุษย์ของครอเกลเมื่อครู่ สิ่งนี้ทำให้กริดหงุดหงิดในความอ่อนแอของตัวเอง
หมอนี่…แม้กระทั่งในสถานการณ์เช่นนี้
เหตุใดถึงยังใจเย็นอยู่ได้อีก?
ขณะจิตใจของกริดกำลังถูกระคายเคือง
“อั่ก!”
ศรดอกหนึ่งพุ่งตรงจากด้านข้าง มันปักเข้าที่เอวกริดจากจัง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้รับความเสียหายจำนวนสองหน่วย เขารีบหันไปกล่าวกับจิสึกะ
“รีบหนีเข้าตึก!!”
“อื้อ!”
กริดและจิสึกะรีบวิ่งเข้าอาคารสูงโดยไม่ลังเล เป็นตึกที่อยู่ด้านหลังพวกเขา ห่างไปไม่ไกลนัก
แต่กลับกัน ครอเกลกลับยังยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมในจุดอันตราย
เบื้องหน้าครอเกลมีเหล่าแรงเกอร์ทีมอื่นกำลังกรูเข้าใส่กว่า 20 คนราวกับฝูงสุนัข
กริดรีบโพล่งขึ้นอย่างลนลาน
“ทำไมนายยังไม่รีบมาอีก?”
“นายยอมให้ฉันเข้าทีมหรือยัง?”
“อะไรนะ…?”
นี่ครอเกลกำลังรอคำตอบในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เนี่ยนะ?
“นายจะบ้ารึไง?! ฉันยังมีทางเลือกอื่นนอกจากรับนายเข้าทีมด้วยหรือ? รีบตามมาเร็วเข้า!!”
คราวนี้
“…ได้เลย”
สวบ
ครอเกลเริ่มเคลื่อนไหว
แต่สายเกินไปเสียแล้ว แรงเกอร์จำนวนสี่คนรายล้อมครอเกลไว้ทุกทิศ
“คิดจะหนีไปไหน?”
“ฉันไม่ปล่อยให้พวกนายร่วมมือกันหรอกนะ”
ผู้ชนะมีได้เพียงสามคนเท่านั้น…
การต่อสู้ภายในสนามต่อสู้แห่งนี้ หลักการที่สำคัญข้อหนึ่งก็คือ ต้องลดจำนวนศัตรูให้ได้มากที่สุด และคนที่อ่อนแอมักตกเป็นเหยื่อ
ทีมของกริดหนีไปได้เพียงสอง ส่วนชายปริศนากำลังแตกกลุ่มอยู่ในวงล้อม
เขาย่อมตกเป็นเป้ารุมโจมตี
แต่ว่า…
ฉัวะ!
ฉัวะ! ฉึก! ฉัวะ!
“แค่ก…!”
“อ…อะไรกัน?”
ชายปริศนาเพียงคนเดียว แต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าศัตรูนับสิบ
หากฝีมือชั้นเกินไป จำนวนคนที่มากกว่าย่อมกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย
ครอเกลตอบโต้ทั้งสี่คนที่โจมตีเข้ามาจากทุกทิศทางพร้อมกัน
เขาได้รับความเสียหาย 0 หน่วย
ส่วนสี่แรงเกอร์ได้รับความเสียหายไปคนละ 2 หน่วย
พวกมันพลันตะลึงราวกับได้เห็นภูติผี
ดวงตาเบิกโพลง ร่ายกายสั่นระริก
ทุกคนมั่นใจในทันที
ตัวตนของชายปริศนาคนนี้คือ…
“ฟ…ฟ้าเหนือฟ้า!!”
“บ…บ้าน่า…”
เสียงตะโกนที่เปี่ยมด้วยความสั่นเทากำลังดังกังวาลไปรอบเมือง
กลุ่มที่เพิ่งตามมาสมทบทัน บัดนี้พลันชะงักฝีเท้าหยุดกึก
เป็นฉากที่แสนน่าทึ่ง
แรงเกอร์ระดับท็อปที่ฝ่าฟันมาจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของสนามต่อสู้
แต่ละคนล้วนเป็นตัวแทนประเทศ บ้างเป็นกัปตันทีม บ้างแสดงฝีไม้ลายมือโดดเด่นมาตลอดการแข่ง
ทุกคนกลับก้าวขาไม่ออกเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายคือฟ้าเหนือฟ้า ภาพเหตุการณ์ทำให้ผู้ชมทางบ้านต่างพากันขนลุก
=== คนละมิติโดยสิ้นเชิง…ไม่มีคำอธิบายใดเหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว
ครอเกลยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง
เขาหยุดอยู่หน้าประตูอาคารที่กริดและจิสึกะหนีเข้าไป รอบกายครอเกลมีผู้เข้าแข่งจำนวนมากรายล้อมไม่ห่าง
แต่ฝ่ายที่ต้องหวั่นเกรงกลับมิใช่ครอเกล
ครอเกลจ้องมองทุกคนด้วยแววตาที่เปี่ยมความมั่นใจ
แววตาของเพชฆาตที่กำลังบ่งบอกว่า…ใครก็ตามที่เข้าใกล้จะถูกเชือดทิ้งในพริบตา
ทุกคนต่างทำได้เพียงล้อมไว้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปในระยะสังหารของดาบยาวจากนรก
ราวกับครอเกลถูกกำหนดให้เป็นผู้ชนะในการแข่งนี้เรียบร้อยแล้ว
แต่ทันใดนั้น
“ครอเกล!! ฉันดีใจที่นายยังอยู่!!”
ท่ามกลางกลุ่มคนที่ยืนจ้องมองครอเกลด้วยสีหน้าตึงเครียด
มีอยู่หนึ่งคนที่กล้ากระโจนเข้าใส่โดยไม่เกรงกลัวภัยอันตราย
เกรี้ยวกราดอาจหาญดุจดั่งพยาเสือ…
มีเพียงชายผู้นี้ที่กล้ากางเล็บแยกเขี้ยวต่อหน้าฟ้าเหนือฟ้าผู้ปกครองโลก
“เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสสู้กับนายอย่างยุติธรรม…ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว!!”
ชายคนดังกล่าวโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความสุข
เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากหนึ่งในขุนพลโอเวอร์เกียร์
กัปตันทีมสหราชอาณาจักร…เรกัส
ครอเกลรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เขาอมยิ้ม
“ไม่ยุติธรรมเท่าไรมั้ง…”
ครอเกลหมายถึงกลุ่มคนมากมายที่รายล้อมตนอยู่
สวบ
ครอเกลเริ่มก้าวขา
ตึก ตึก ตึก!
เขาปีนป่ายผนังกำแพงอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับพุ่งตัวไปในอาคารที่กริดและจิสึกหนีเข้าไปเมื่อครู่
“ถ้าอยากสู้ก็ตามมา”
ครอเกลรู้จักธรรมชาติของเรกัสดี
หากกล่าวยั่วยุไปเช่นนี้ รับรองว่าเรกัสต้องตามมาแน่นอน
“ฉันจริงจังนะ!!”
“เดี๋ยวก่อน!! หยุด!!”
ลอเอลทำได้เพียงแต่ตะโกนไล่หลังอย่างสิ้นหวัง
ในสายตาเรกัสมีเพียงครอเกลเท่านั้น
เรกัสปรี่เข้าไปในอาคารโดยปราศจากความลังเล
“ชิ…! รีบตามเจ้าบ้านั่นไป!!”
แต่ในวินาทีที่ลอเอลและป็อนกำลังจะก้าวขาเข้าไปในประตูอาคาร
ฉึก!
ฉึกกก!!
ลูกธนูปริศนาได้พุ่งปักใส่หัวไหล่ของทั้งสอง เกิดเป็นความเสียหายคนละสองหน่วย
แม้กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง แต่อีกฝ่ายกลับยิงเข้าเป้าอย่างแม่นยำ
แถมยังเป็นสองดอกซ้อนในเวลาไล่เลี่ยกัน
ฝีมือธนูระดับฟ้าประทานเช่นนี้…
“จิสึกะ!?”
ลอเอลและป็อนรีบแหงนขึ้นไปมองด้านบนในจุดที่ธนูถูกยิงลงมา
และสิ่งที่พวกเขาได้พบ…
“ฮาย~ สบายดีกันไหมเจ้าพวกบ้า”
หญิงสาวหน้าอกสะบึมกำลังนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างชั้นบน
เป็นคนเดียวกับหญิงสาวปริศนาที่ปรากฏตัวพร้อมกริดเมื่อครู่
หล่อนทำการโก่งง้างคันธนูอีกระลอก
‘ฉิบหายแล้ว…!’
ลอเอลและป็อนรีบกลิ้งเข้าหาที่กำบัง
“ถ้าใครไม่อยากถูกศรปักกะโหลก แนะนำให้รีบยกมือยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ซะ!!”
เมื่อสิ้นเสียงประกาศิตของจิสึกะ เธอเริ่มรัวยิงธนูลงมาด้านล่างอย่างดุดัน
มันคือนรกบนดินสำหรับผู้เล่นที่ปราศจากจุดกำบัง
เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างทราบได้ทันทีว่าหล่อนคือจิสึกะ
ไม่มีใครโง่พอจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับลูกธนูที่ถูกปล่อยจากมือเทพีแห่งคันศร
พวกเขาหลบเข้าจุดกำบังรอบกำแพงตึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันมาปรึกษากัน
“บัดซบ…จิสึกะเข้าจุดซุ่มยิงแล้ว”
“พวกเราประมาทเกินไป…ต้องรีบหนีออกจากการมองเห็นของนังแม่มดนั่น”
“ไม่ได้…เราจะปล่อยไอ้สมองกล้ามนั่นเข้าไปลุยตามลำพังไม่ได้ หากเรกัสตาย พวกเราที่เหลือแค่สองจะตกเป็นเป้าถูกรุมทันที”
ปาร์ตี้ที่ประกอบด้วยกริด จิสึกะ และครอเกล
แม้ไม่อยากยอมรับ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทีมของกริดกลายเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขาในวินาทีนี้
หากทุกปาร์ตี้ที่เหลือไม่ร่วมมือกัน จะไม่มีทางเอาชนะปีศาจสามตนนั่นได้เลย
“ทุกคนหยุด!! พวกเรามาทำข้อตกลงกันก่อน ฆ่าสามคนนั้นให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยกลับมาต่อสู้กันอย่างยุติธรรมดีไหม?”
ลอเอลมั่นใจ หากปราศจากปาร์ตี้สามปีศาจ พวกตนคือปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการแข่งนี้
“แต่คนทั่วโลกจะไม่ต่อว่าเอาหรือ? กับการจับมืออย่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้?”
ใครบางคนแสดงความกังวล
ในฐานะตัวแทนประเทศและกัปตันทีม พวกเขาย่อมกลัวเสียหน้า
แต่ใครบางคนก็รีบแย้งทันควัน
“แล้วการที่สามคนนั้นอยู่ทีมเดียวกัน…มันยุติธรรมต่อพวกเราตรงไหน?”
“…นายพูดถูก”
“ไม่มีใครต่อว่าพวกเราแน่”
“ดีล่ะ…ลุยเข้าไปในตึก!!”
“พวกเราจะเข้าไปในตึกตรงข้ามและปืนราวตากผ้าชั้นบน”
ค่อนข้างแน่ชัด ในตึกที่ทีมของกริดเข้าไปหลบ ผู้ที่ปกป้องบันไดคงเป็นกริดและครอเกล ส่วนจิสึกะจะคอยยิงสังหารผู้เล่นที่เหลือจากชั้นบน นี่คือกลยุทธ์ในฝันของหลายทีม
ด้วยแผนนี้ เพียงสามคนก็สามารถต้านทานศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าได้ไม่ยาก
แต่อย่าลืมว่าอีกฝ่ายมีจำนวนมากหมายถึงสามสิบ แถมแต่ละคนยังเป็นหัวแถวของโลก
และยังมีจ้าวกลยุทธ์อย่างลอเอล
‘เมื่อเวลาผ่านไป ปาร์ตี้ของกริดจะถึงขีดจำกัดด้านพลังชีวิต’
ชัยชนะถูกกำหนดไว้แล้ว
พวกเขากำลังฮึกเหิมสุดขีด
ผู้เข้าแข่งที่เหลือต่างฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจที่จะได้บดขยี้ฟ้าเหนือฟ้าและกริดไปพร้อมกัน
ลอเอลเริ่มจัดแจงแบ่งทีม
สายต่อสู้ระยะประชิดจะกรูเข้าไปในตึกที่กริดอยู่ ใช้จำนวนที่มากกว่าถาโถมเข้าใส่บันได
ส่วนอีกทีมคือกลุ่มโจมตีระยะไกล พวกเขาจะไปซุ่มอยู่ที่ชั้นบนของอาคารฝั่งตรงข้าม จุดประสงค์เพื่อคอยลอบยิงจิสึกะจากหน้าต่างอยู่เป็นระยะ ไม่ปล่อยให้จิสึกะโจมตีได้อิสระเกินไป
ลอเอลยังแบ่งสายประชิดบางส่วนลอบปีนลวดตากผ้าเพื่อประชิดตัวจิสึกะจากด้านบน
ผู้ชมทางบ้านได้แต่เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
=== เอ่อ…จุดประสงค์การแข่งมันแปลกไปหน่อยรึเปล่า?
=== …
สนามต่อสู้มิใช่สนามต่อสู้อีกแล้ว
มันคือสนามบดขยี้ปาร์ตี้กริด
สถานการณ์กำลังดำเนินไปอย่างผิดแผก
ฝ่ายผู้บรรยายเริ่มแสดงความเห็น
มีบางส่วนได้คาดเดาสิ่งเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า
『 เป็นโชคชะตาที่ผู้แข็งแกร่งมิอาจหลีกเลี่ยงครับ ชะตาที่ต้องถูกผู้อ่อนแอกว่ารุมกำจัดเป็นอันดับแรก 』
『 กริด ครอเกล และจิสึกะจะทนได้อีกนานแค่ไหนกันครับ? 』
『 ไม่ว่าจะสุดยอดขนาดไหน แต่สามคนไม่มีทางเอาชนะแรงเกอร์ระดับท็อปเกือบสามสิบคนได้แน่นอนครับ แม้ทุกคนจะด้อยกว่าครอเกล แต่ลองดูเรกัสให้ดีสิครับ เขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก บางทีเรกัสอาจล้มครอเกลสำเร็จ 』
『 นี่เป็นผลเสียของทีมที่มีแต่คนเก่งสินะครับ ปาร์ตี้ของกริดคงต้องถูกส่งออกจากการแข่งเป็นอันดับแรก…ด…เดี๋ยวนะ! 』
ผู้บรรยากาศส่งเสียงตะลึงกับบางสิ่ง
หลังจากกล่าวชมเรกัสได้ไม่นาน หลอดพลังชีวิตของเรกัสพลันตกไปอยู่ในจุดวิกฤติ
แม้ชายคนนี้จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบมาตลอดทั้งเกม แต่เมื่อเลือกเผชิญหน้ากับครอเกล ความพ่ายแพ้หนแรกย่อมต้องมาเยือน
อาจมองว่าสูสีในตอนต้น แต่ครอเกลจงใจให้เป็นเช่นนั้น
เมื่อเรกัสเผยจุดอ่อนเพียงเสี้ยววินาที ครอเกลจัดการกำราบจนอีกฝ่ายหมดสภาพ
“แฮ่ก…แฮ่ก...สุดยอดมาก นายทำยังไงถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?”
เรกัสกล่าวด้วยร่างกายที่เปี่ยมด้วยบาดแผล เขายืนอยู่บนบันไดแคบที่ปลายทางคือชั้นสองของอาคาร
เรกัสมองเห็นความพ่ายแพ้ที่กำลังคลืบคลานเข้าหาอย่างชัดเจน
ครอเกลขมวดคิ้ว
‘เขาคิดจริงหรือว่าจะชนะเราได้…?’
ย่อมต้องมีสาเหตุที่ครอเกลตั้งคำถามเช่นนี้ และสาเหตุนั้นก็คือ เรกัสต่อสู้โดยใช้เพียงกำปั้นเปลือยเปล่ามาโดยตลอด
ใช่แล้ว…เรกัสดวลกับครอเกลโดยปราศจากอาวุธในมือ
สิ่งนี้เกิดจากความหลงไหลในศิลปการต่อสู้อย่างหาที่สุดมิได้
เรกัสเลือกเล่นคลาสนักรบที่สามารถใช้กำปั้นโจมตีศัตรูได้หนึ่งหน่วย
เขามองว่า เวทีแห่งนี้ส่งเสริมให้ผู้ใช้กำปั้นได้มีโอกาสเฉิดฉาย
ตลอดทั้งสนามต่อสู้ที่ผ่านมา เรกัสใช้เพียงกำปั้นโดยไม่แยแสอาวุธทุกชนิด
แม้กระทั่งตอนดวลกับครอเกล…
“…”
ขุนพลโอเวอร์เกียร์แต่ละคนล้วนมีความสุดยอดในแบบของตัวเอง
ครอเกลนึกชื่นชมในใจพร้อมกับเหวี่ยงดาบครั้งสุดท้ายเพื่อดับลมหายใจเรกัส
“แค่ก…! สมกับเป็นฟ้าเหนือฟ้า”
เรกัสยกนิ้วโป้งให้ในวาระสุดท้ายของชีวิต
ผู้ชมทางบ้านต่างกล่าวยกย่องเรกัสที่สามารถใช้กำปั้นตะลุยมาจนถึงช่วงสุดท้ายของการแข่งได้
ครอเกลยังมีปัญหาให้ต้องเผชิญหน้าอีกมาก ศัตรูนับสิบคนกรูเข้าใส่พร้อมกันเมื่อเรกัสล้มลง
‘สูญเสียพลังชีวิตไปมากกว่าที่คิด…’
หมัดและเท้าของเรกัสเข้าเป้าครอเกลมากถึงห้าครั้ง
ตลอดการแข่งที่ผ่านมา ครอเกลไม่เคยถูกโจมตีด้วยจำนวนเท่านี้จากผู้เล่นเพียงคนเดียวมาก่อน
เขาตัดสินใจว่าจะไม่ประมาทเหล่าแรงเกอร์ระดับท็อปที่เหลืออยู่
ขณะครอเกลกำลังกำดาบแน่นพร้อมสู้
“ฉันเฝ้าที่นี่ให้เอง…นายรีบขึ้นไปช่วยจิสึกะเถอะ”
“กริด…”
ครอเกลกำลังจะทักท้วง
แต่เมื่อได้เห็นบางสิ่งในมือกริด เขาจึงไม่กล่าวคำใดออกไปเพิ่มเติม
ฟ้าเหนือฟ้าตัดสินใจลดอาวุธลงพร้อมกับเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่โต้แย้ง
ขณะนี้…กริดกำลังใช้มือข้างซ้ายถือหนังสือสีฟ้าไว้มากถึงสิบเล่ม
ทั้งหมดคือคัมภีร์ฟื้นฟูพลังชีวิต
“เชี่ย!!”
เหล่าแรงเกอร์ทั้งสิบที่หวังกรูเข้าโจมตีครอเกลเมื่อครู่ บัดนี้พลันชะงักค้างอย่างตกตะลึงไปตามกัน
กริดยืนเด่นตระหง่านด้านบนบันไดพร้อมกับประกาศกร้าว
“ฉันคือราชาโอเวอร์เกียร์!!”
“…”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,184
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
แสบจริง ๆ น่ะกริด 55
ReplyDelete555 ฮามากกับฉากสุดท้าย แม้กระทั้งต้องประกาศชื่อตัวเองออกมาอีกรอบแสบจริงๆ
ReplyDeleteดีเท่าไหร้แล้ว ที่ไม่ประกาศว่า แคปซูลของโคเม็ตกรุ๊ป รุ่นเพ็ชร มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆเลยซาร่า
Delete