จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,504



เทพคือสิ่งที่ใกล้เคียงนามธรรมมากกว่าความจริง


มีไว้เพื่อกราบไหว้บูชาเป็นหลัก และจะไม่ดับสูญไปเว้นเสียแต่ถูกลืมเลือน เป็นการยากมากที่จะสังหารเทพ


แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกมันคงกระพัน


“ฮายาเตะ…”


เซราทุลสัมผัสถึงภัยคุกคาม


ฆ่ามังกร


ฮายาเตะทำในสิ่งที่แม้แต่ทวยเทพก็ยากจะมองข้าม


ถึงเหตุผลหลักๆ จะมาจากการที่เทพแอสการ์ดกับมังกรไม่เคยสู้กัน แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าความสำเร็จของฮายาเตะสมควรถูกดูแคลน


โลกที่ถูกทำลายและสร้างใหม่มายาวนานหลายชั่วอายุคน


นับตั้งแต่ต้นกำเนิดจวบจนปัจจุบัน ฮายาเตะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่สามารถ ‘ปลิดชีพ’ มังกรได้ตามลำพัง ถึงแม้จะมีโชคและความบังเอิญมาเกี่ยวพันค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธผลลัพธ์สุดท้ายได้


พิสดารในหมู่พิสดาร


ฮายาเตะเป็นหนึ่งในตัวตนที่แอสการ์ดหวาดระแวงที่สุด


‘ทำไมเจ้านี่ถึงกล้าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน…’


มาช่วยบีบันที่เป็นสมาชิกสภาหอคอย?


ไม่ใช่แบบนั้นแน่


ชีวิตของสภาหอคอยทุกคนเปรียบดังวัชพืช


นับตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจเผชิญหน้ากับมังกร ชีวิตของพวกมันก็พร้อมเลือนหายไปทุกลมหายใจ


อย่างมากก็แค่เลื่อมใสในความตายของกันและกัน


ฮายาเตะลังเลที่จะออกจากหอคอยมาตลอด


มันทราบดี ร่องรอยของตนจะไปกระตุ้นมังกรที่ซ่อนตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก


‘ถ้าต้องการช่วยบีบัน มันคงมาเร็วกว่านี้’


ฮายาเตะมิได้ปรากฏกายในช่วงเวลาที่บีบันกำลังเผชิญวิกฤติ


จึงเหลือข้อสรุปเดียวที่มันคิดได้


‘…ช่วยกริด?’


เลือดของเซราทุลที่กำลังเดือดพล่าน กลับมาเย็นลงอีกครั้ง


กริดสามารถแข็งแกร่งขึ้นและพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดได้เพราะความเมตตากรุณาของรีเบคก้า


ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า พรจากสามเทพที่สถิตอยู่กับร่างกาย ทำให้กริดเป็นกริดในทุกวันนี้


แต่ชายคนนั้นกลับทรยศรีเบคก้า


มันดูแคลนแอสการ์ด สถาปนาตัวเป็นเทพตามอำเภอใจและกดขี่ศาสนารีเบคก้า


กริดคือมนุษย์ที่เนรคุณสวรรค์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีจุดจบที่น่าสมเพช


แต่แทนที่จะถูกลงทัณฑ์ มันกลับมีชีวิตสุขสบาย


แม้แต่ซือโหยวและฮายาเตะที่แอสการ์ดหวาดระแวงก็ยังคอยคุ้มครองกริด


เซราทุลเต็มไปด้วยโทสะและความเกลียดชัง


เป็นความรู้สึกที่ชวนให้หัวเสียอย่างมาก


ตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นมันไม่ควรบังเกิดอารมณ์ชั้นต่ำเช่นนี้


“…ไล่ข้ากลับ? ฮายาเตะ… เจ้ากล้าออกคำสั่งกับเทพที่ควรต้องเทิดทูนเชียวหรือ? ทำไมถึงได้โอหังเกินตัวเช่นนี้”


อารมณ์ของเซราทุลกำลังคุกรุ่น


โทสะและความเกลียดชังที่เคยมีต่อกริด หันเหไปหาฮายาเตะทันที


นั่นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้


ฮายาเตะยืนกรานที่จะปกป้องกริด


เพื่อระบายความรู้สึกชั้นต่ำใส่กริด เซราทุลต้องเผชิญหน้ากับฮายาเตะอย่างมิอาจเลี่ยง


หลังจากอ่านเจตนาของเซราทุล ฮายาเตะพับแขนเสื้อขึ้น


มันไม่ต้องการให้เสื้อผ้าสกปรก


สมัยฮายาเตะยังเป็นมนุษย์ สังคมในช่วงเวลาดังกล่าวน่าอยู่กว่าปัจจุบันมาก ขุนนางถูกสภาพแวดล้อมกดดันให้ทำตัวเป็น และฮายาเตะก็เป็นขุนนางไปถึงแก่นแท้


หลักฐานก็คือ หอแห่งปัญญาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเจตจำนงแห่งขุนนางต้องการปกป้องมนุษย์


“ยิ่งมีชีวิตอยู่นาน ข้าก็ยิ่งเห็นใจท่าน… การที่ตัวตนซึ่งมียังอารมณ์แบบมนุษย์ ต้องมีอายุขัยอันเป็นนิรันดร์ สิ่งนี้คงทรมานมาก… เซราทุล เทพธิดามักมองท่านด้วยสายตาสงบนิ่งสินะ… ภายในนั้นไม่มีความเห็นใจและสงสารซ่อนอยู่จริงหรือ?”


“…ยั่วยุได้อ่อนหัด”


เซราทุลตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย


แต่ดวงตาของมันสั่นเทาเล็กน้อย


ความว้าวุ่นเริ่มก่อตัวภายในใจ แต่ก็อาจไม่มากไปน้อยไปกว่าความโกรธธรรมดา


“กลืนเข้าไป เร็วเข้า! กลืน!”


กริดยังคงโอบบีบันไว้ในอ้อมแขน


ปลายนิ้วชายหนุ่มสั่นระริกขณะพยายามยัดลูกท้อขาวเข้าไปในปากบีบันที่มันออกแรงบีบให้ถ่าง


โชคดีที่ลูกท้อขาวเป็นผลไม้อ่อนนุ่มและชุ่มฉ่ำ


สัมผัสคล้ายกับก้อนน้ำหวาน ถึงแม้บีบันจะเคี้ยวไม่ไหว แต่น้ำหวานก็บรรจงไหลเข้าสู่หลอดอาหาร


แต่ถึงอย่างนั้น ใบหน้าที่ซีดเซียวก็ยังไม่กลับเป็นปรกติ


ดวงตาที่อับแสงจนหมองหม่นยังคงไม่กลอกไปมา


อย่าบอกนะว่า…


กริดฉุกคิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด


จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบีบันเคยกินลูกท้อขาวไปแล้ว?


“เซฮี… ต้องเรียกเซฮีมาที่นี่…”


“เจ้าสงสัยบ้างไหม ว่าทำไมการต่อสู้ระหว่างเซราทุลกับบีบันถึงจบลงเร็วนัก?”


ฮายาเตะถามกริดที่กำลังแตกตื่น


กริดไม่ตอบ


มันไม่มีเวลาตอบ


เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน กริดแต่งตั้งให้เซฮีเป็นอัศวิน และปัจจุบันกำลังเพ่งสมาธิไปกับการอัญเชิญ


แต่ก็ไม่มีการตอบสนอง


กรุงไรน์ฮาร์ทในปัจจุบันถูกแรงกดดันของเซราทุลปกคลุม


การจะผ่านเข้าออกที่นี่มีเพียงสองหนทาง หนึ่ง ต้องได้รับอนุญาตจากเซราทุล และสอง ต้องมีระดับที่ใกล้เคียงเซราทุล


เฉกเช่นฮายาเตะ


“เพราะทั้งบีบันและเซราทุลขัดเกลาฝีมือจนถึงขีดสุด… เมื่อความเป็นไปได้นับหมื่นถูกบีบอัดไว้ในการโจมตีเดียว ทางหนีของทั้งสองฝ่ายจึงถูกปิดตาย และการป้องกันกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย”


“สามหาวนัก! ฮายาเตะ… กล้าสนทนาต่อหน้าข้าเชียวหรือ”


เป็นภาพที่ชวนให้ทุกคนฉงน


กริดเอาแต่ยัดลูกท้อเข้าปากบีบันโดยไม่สนใจสิ่งอื่น ฮายาเตะเอาแต่คุยกับกริดที่ไม่ตอบสนอง และเซราทุลด่าทอฮายาเตะอยู่ฝ่ายเดียว


“หุบปาก”


“อะไร? คราวนี้ใครอีก?”


ท่ามกลางสถานการณ์สุดอลเวง เซราทุลทวีความเดือดดาล


มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว


เจตนาของมันคือการรีบเปิดฉากบดขยี้ฮายาเตะและกลับสวรรค์ แต่กลับมีบุคคลไม่สลักสำคัญมาขวางทาง


เมอร์เซเดส


แม้จะได้ประจักษ์ความแข็งแกร่งอันท่วมท้นของเซราทุลด้วยตาตัวเองแล้ว แต่เธอกลับไม่ตื่นตระหนก เป็นความสงบนิ่งที่เหนือสามัญสำนึก ไม่ออกอาการหวาดกลัวในยามเผชิญหน้าเซราทุล


ไม่เพียงจะยืนขวางทางอย่างสง่าผ่าเผย แต่ยังจ้องมองด้วยจิตสังหารเข้มข้น


“ห้ามรบกวนฝ่าบาท… หุบปากไปเสีย”


“ฮะฮะ… นังสติแตกคนนี้กำลังพูดอะไรอยู่?”


ขณะหัวเราะแห้ง เซราทุลกำลังฉงนสุดขีด


อารมณ์ของมันแปรปรวนอีกครั้ง


โทสะและความเกลียดชังของมันหันเหไปหาเมอร์เซเดส


กริดได้สติกลับมา


ฮายาเตะชักดาบ สีหน้าแววตาและพฤติกรรมยังคงสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง มันกล่าวเสียงเรียบประหนึ่งกำลังอ่านออกเสียงหนังสือเรียน


“การต่อสู้ระหว่างสองยอดฝีมือจึงมักจบลงในพริบตา”


“เมอร์เซเดส! หนีเร็ว!”


“ค่ะ”


“ทัณฑ์สวรรค์!”


ฉากตรงหน้าเกินกว่าความวุ่นวายไปไกล


เป็นความโกลาหลที่ไม่สอดคล้องกันแม้แต่อย่างเดียว


กึก


ทันทีได้ยินคำสั่งจากกริด เมอร์เซเดสก้าวถอยหลัง


ฉึบ!


เซราทุลขยับเท้าพร้อมกับบิดเบือนมิติรอบตัว


“กล่าวอีกนัยหนึ่ง… การจะต่อสู้ให้ชนะยอดฝีมือในระดับเดียวกัน…”


ฮายาเตะยังคงร่ายยาว


“บีบัน?”


กริดสัมผัสได้ว่าลำคอของบีบันมีการขยับเขยื้อน จึงรีบก้มมองด้วยความหวัง


“อึก”


เมื่อตระหนักว่าตนหนีไม่พ้น เมอร์เซเดสจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตอบโต้เซราทุล


เหตุผลที่ทุกคนทำตัวแปลกแยกเช่นนี้ เพราะแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ


กริดซึ่งสนใจแต่ความเป็นความตายของบีบัน เมอร์เซเดสที่สนใจเพียงการขัดขวางเทพสงคราม ฮายาเตะผู้หมกมุ่นอยู่กับการสอน และเซราทุลที่เปลี่ยนเป้าหมายไปเรื่อยๆ


ทุกคนตระหนักถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่มันสามารถทำได้


ตรงข้ามกับที่คนนอกเห็น พวกมันมิได้ถูกบรรยากาศพัดพาจนสติแตก


เพียงแต่กำลังเยือกเย็นสุดขีดและจัดลำดับความสำคัญในหัวอย่างเคร่งครัด


สิ่งนี้เรียกว่าสมาธิขั้นสูง


เป็นภาวะที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์อันเข้มข้น หรือไม่ก็พรสวรรค์โดยธรรมชาติ


เพียงเพราะบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนแตกต่างกัน จึงดูเหมือนไม่สามัคคีกัน


แต่ในความเป็นจริง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไม่ทราบว่าตัวเองกำลังทำอะไร


‘เราพอจะยื้อเวลาได้’


เมอร์เซเดสเป็นตำนาน เธอย่อมไม่ตายโดยง่าย นอกจากนั้นยังมีเนตรมองทะลุ


เธอมั่นใจว่าสามารถยื้อเวลาเซราทุลได้ไม่ต่ำกว่าเจ็ดวินาที นั่นยังไม่รวมความช่วยเหลือจากฮายาเตะ


‘เมอร์เซเดสไม่ตายแน่’


กริดเองก็มั่นใจ


มันเลือกที่จะจดจ่ออยู่กับบีบัน เพราะเชื่อว่าสถานการณ์จะแย่ลงหากตนเข้าไปร่วมปะทะ


‘ฮายาเตะโจมตีเข้ามาแน่’


เริ่มจากการเอาชีวิตบีบัน กลายเป็นการทำลายกริด ถัดมาเป็นการกำจัดฮายาเตะ และสุดท้ายคือการพรากชีวิตเมอร์เซเดส


เซราทุลที่เปลี่ยนเป้าหมายไปเรื่อยๆ เริ่มวิเคราะห์เหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสติที่กระจ่างชัด


มันฉีกโล่เมอร์เซเดสด้วยมือซ้าย คว้าดาบเมอร์เซเดสด้วยมือขวา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปและใช้หัวไหล่กระแทกหน้าอกหญิงสาว ในสภาพขาซ้ายลอยขึ้นและเหยียดไปทางด้านหลัง เซราทุลก้มมองเท้าขวาของตัวเองที่ยังยันอยู่บนพื้น


ร่างกายของมันทำมุมเก้าสิบองศากับพื้นราบ ทันทีที่งอเข่าซ้าย การโจมตีก็พุ่งตรงไปด้านหน้าประหนึ่งลำแสง


เป็นความเร็วที่เหนือกว่าคำเปรียบเปรยที่มักเกินจริงอย่าง ‘ไวกว่าเสียง’ เสียอีก


ถ้าเมอร์เซเดสไม่บรรจุปราณดาบลงไปในเศษเกราะที่กระจัดกระจายของเธอ แก้มเซราทุลคงไม่มีเลือดไหล


แม้ทุกสิ่งจะถูกอ่านออกด้วยเนตรมองทะลุ แต่เมอร์เซเดสก็ตอบสนองไม่ทัน


กระทั่งกริดก็ยังมองเห็นได้เพียงเลือนราง


ผู้คนส่วนใหญ่มองตามความเคลื่อนไหวของเซราทุลไม่ทัน เห็นแค่แสงที่สว่างวาบ


“จงท่วมท้น”


อย่างที่คิด


เซราทุลแสยะยิ้ม


เป็นเพราะฮายาเตะหายตัวมาโผล่ที่ด้านหน้า


แม้จะบอกว่ากำลังสอนกริด แต่ดูเหมือนการพูดคนเดียวมากกว่า อย่างไรก็ตาม เซราทุลมองเป็นเรื่องที่ดี


ถ้าได้ซัดชายคนนี้สักครั้งก่อนกลับสวรรค์ โทสะในใจมันคงบรรเทาลงไม่น้อย


“เจ้าต้องมีพลังทำลาย”


คำสอนจบลงในวินาทีที่การโจมตีของฮายาเตะปะทะกับเซราทุล


ฮายาเตะแสดงให้ดูด้วยตัวเอง


กายาเซราทุลถูกป่นเป็นเศษธุลีด้วยดาบแห่งนักล่ามังกร มนุษย์คนเดียวในโลกที่เคยตัดเศียรมังกร


ฝ่ายฮายาเตะก็ได้รับแผลฉกรรจ์เช่นกัน ยาวจากหน้าอกลงมาถึงใต้สะดือ แต่ตัวตนสัมบูรณ์เพียงหนึ่งเดียวของโลกย่อมไม่ตายด้วยบาดแผลเพียงเท่านี้ มันซ่อมแซมลำไส้ที่ทะลักออกมาพร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อปิดแผล


“…”


“…”


ทุกคนต่างหมดคำพูด


แม้แต่กริดก็ยังเกือบทำลูกท้อขาวล้ำค่าหลุดมือ


ฮายาเตะที่ใช้ปราณดาบเช็ดเลือดบนดาบ เผยรอยยิ้มอบอุ่น


“บทเรียนเป็นยังไงบ้าง? พอจะเข้าใจไหม?”


“...อะ?”


หลังจากคำถามจบลง ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมทันที


การดวลเมื่อครู่


ฮายาเตะสำแดงวิธีเอาชนะทวยเทพโดยไม่ต้องฆ่า


เดาได้ไม่ยากเลยว่า เทพสงครามที่ควรไร้พ่าย จะทุกข์ทรมานเพียงใดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้


เซราทุลคือเทพสงคราม ถึงจะเป็นแบบจำลองจากซือโหยว แต่ก็เป็นเทพสงครามไม่ผิดแน่


ต่อให้ถูกบั่นทอนพลังบนโลกมนุษย์และไม่มีตรีเอกานุภาพ แต่ก็ควรจะไร้พ่ายไม่แปรเปลี่ยน


ดังนั้น ความสำเร็จเมื่อครู่ของฮายาเตะจึงใกล้เคียงกับเทวตำนานที่ควรค่าแก่การถูกเล่าขาน


แล้วทำไมถึงยังถ่อมตัวและใจเย็นได้เช่นนี้?


“อะ…”


เหล่าอัครสาวกและอัศวินถึงกับบรรลุสัจธรรมบางข้อหลังจาก ‘ประจักษ์’ เหตุการณ์ดังกล่าว ค่าสถานะของกริดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน


กริดที่จ้องมองหน้าต่างข้อความระบบอย่างเหม่อลอยสักพัก ได้สติกลับมากะทันหัน


นั่นเพราะลูกท้อขาวในมือมีขนาดเล็กลงอย่างมาก


เมื่อก้มลงไป มันพบบีบันที่เริ่มได้สติกลับคืนมา


“บีบัน…!”


ขอบคุณสวรรค์ มันรู้สึกยินดีจากก้นบึ้ง


บีบันมองกริดที่กำลังหลั่งน้ำตา ฝืนกล่าวอย่างยากลำบาก


“ทำไม…”


“หือ…?”


“…ไม่…”


“บีบัน… ใจเย็นก่อน ค่อยๆ พูด ไม่ต้องรีบ”


บีบันได้รับบาดเจ็บสาหัส


ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะตายคาที่ การที่ยังรอดมาได้เป็นเพราะมีร่างกายของเหนือมนุษย์


ท่ามกลางความเจ็บปวดเจียนตายเช่นนี้ ข้อความที่อยากเปล่งออกมาต้องสำคัญมากเพียงใด?


กริดนำหูไปใกล้ปากบีบัน สีหน้าเริ่มสงบลง


“ทำไม… ถึงไม่รีบบอก… ว่านายมี… ลูกท้อขาว… วะ…”


“…”


สันดานแบบนี้ ถึงจะตายไปแล้วคืนชีพมาใหม่ก็คงไม่เปลี่ยน


ขณะเดียวกัน กริดเริ่มเวียนหัว


ฮายาเตะซึ่งเดินเข้ามาใกล้ วางมือลงบนบ่ากริดพร้อมกับก้มศีรษะให้


สำหรับกริด พฤติกรรมเช่นนี้ชวนให้มันกระอักกระอ่วน


“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกพ้องของข้า… สหาย”


“หมายความว่ายังไง…”


ฝ่ายที่ขอบคุณมันทางนี้ต่างหาก เป็นพวกเราทุกคนติดหนี้คุณ


แต่ขณะกริดเตรียมกล่าวออกไป มันชะงักคำพูดกะทันหัน


เนื่องจากพบว่าเปลือกตาของฮายาเตะกำลังสั่นระริก


ชายหนุ่มตระหนักได้ทันที


มิใช่ว่าสภาหอคอยไม่รักตัวกลัวตาย


เพียงแต่พวกมันตระหนักถึงความสำคัญของชีวิตมากกว่าใคร


ดังนั้นด้วยหน้าที่ ทุกคนต้องเก็บซ่อนความกลัวและเตรียมใจที่จะเสียสละ หอคอยถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องและรักษาชีวิตของมนุษย์


ฮายาเตะต้องกระวนกระวายมากเพียงใดเมื่อได้เห็นบีบันกำลังจะตาย? กริดเพิ่งทราบความจริง


“…ทางนี้ก็ต้องขอบคุณเช่นกัน ผมจะตอบแทนบุญคุณในวันนี้อย่างแน่นอน”


“แค่แวะมาคุยกับข้าบ้างก็พอ… นอกจากนั้น หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมคำแนะนำเมื่อครู่ เจ้ามีศักยภาพเพียบพร้อมที่จะทำมันให้เป็นจริง แถมยังมีแบบอย่างที่ยอดเยี่ยม…”


ดวงตาฮายาเตะหันไปทางหัตถ์เทวะสามสิบข้าง


“…จงถล่มด้วยอุกกาบาต”


“…!”


ศักยภาพที่ฮายาเตะพูดถึงคือละโมบ และตัวอย่างที่ว่าคือบราฮัม


ชายผู้ขัดเกลาฝีมือของตนจนถึงขีดสุด


ความหมายของฮายาเตะก็คือ ปัจจัยข้างต้นสามารถนำไปใช้เป็น ‘พลังทำลายเสริม’ ในสถานการณ์ที่ต้องต่อกรกับศัตรูประเภท ‘ต่างคนต่างแลกหมัด’ แก่นสำคัญคือการใช้เวทมนตร์ที่ผสานเข้ากับมวลทางกายภาพอันมหาศาลของละโมบ


หากทำสำเร็จ นั่นจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างมาก


นอกจากนั้นกริดยังตระหนักถึงความจริงอีกหนึ่งข้อ


วิชาดาบทัพสี่แสนที่เพิ่งเรียนจากไดอารีมาดราเมื่อครู่


ประเด็นก็คือ ฮายาเตะไม่ได้พูดถึงวิชาดาบถล่มทัพห้าแสนที่สร้างจาก ‘ดึงศักยภาพซ่อนเร้น’ แม้แต่คำเดียว


‘…นั่นสินะ ราชาไร้พ่ายเป็นอดีตไปแล้ว’


ราชาไร้พ่าย มาดรา


มีหลักฐานมากมายคอยสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า มาดราจะแข็งแกร่งที่สุดในโลกหากไม่อายุสั้น


แต่ความเป็นจริงก็คือ มันด่วนตายไปก่อนที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด


กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิชาดาบมาดรายังมีช่องโหว่เกินกว่าจะถูกขนานนามให้ ‘แข็งแกร่งที่สุด’


นั่นจึงหมายความว่า วิชาดาบราชาไร้พ่ายที่กริดครอบครองยังไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด


กริดมั่นใจ


เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่ตนต้องสนใจและปรับปรุงมิใช่ของเหลือจากอดีต แต่เป็นศักยภาพของตัวเอง


วิชาดาบราชาไร้พ่ายอาจเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ต้องพึ่งพา


บราฮัมก็เคยกล่าวไว้ไม่ใช่หรือ


กริด… ตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาคือฉัน…


“ครับ… ผมจะสลักบทเรียนของคุณไว้ในใจ”


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,051
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00