จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,499
ตึกตัก!
หัวใจที่เคยพังยับเยิน กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
จังหวะการหดและคลายตัว ทั้งรวดเร็วและรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา
ในวินาทีที่หัวใจบีบ เส้นเลือดใหญ่ทั่วร่างถูกกระตุ้นให้ขยายใหญ่พร้อมกัน
กระแสเลือดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง พรั่งพรูเข้าสู่หัวใจใหม่ของบราฮัมอย่างท่วมท้น
บราฮัมซาบซ่านไปทั่วศีรษะ
นั่นเพราะหัวใจที่ดูดเลือดทั้งตัวเข้าไปอย่างหิวกระหาย ทำการส่งเลือดไปทั่วร่างอีกครั้งพร้อมกับกระแสเวทมนตร์
เลือดและเวทมนตร์ผสานกันเป็นหนึ่ง
ยกระดับขึ้นด้วยการผสาน
ความซาบซ่านที่ห่างหายกว่าร้อยปีแทรกซึมเข้าไปในเซลล์สมอง ปลุกสติให้คมชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฮ่าห์…”
บราฮัมสูดลมหายใจยาวด้วยความปีติ ดวงตาสีแดงคล้ายทับทิมล่องลอยไปชั่วขณะ
ผู้ชมต่างกลืนน้ำลายเมื่อพบว่า แก้มของบราฮัมเริ่มมีสีแดงระเรื่อคล้ายกับทาบางๆ ด้วยที่ปัดแก้ม
นั่นเพราะพวกมันไม่เคยเห็นบราฮัมทำหน้าดื่มด่ำไปกับความสุขเช่นนี้มาก่อน
นักข่าวจากทั่วทุกมุมโลกต่างทำได้เพียงอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ไม่แบ่งแยกชายหรือหญิง
ตึกตัก!
ขณะสางเส้นผมที่ยุ่งเหยิง บราฮัมเผยใบหน้าสุขล้นประหนึ่งโหยหาความรู้สึกเช่นนี้มานานกว่าร้อยปี
เลือดที่ผสานพลังเวท หล่อเลี้ยงไปยังทุกส่วนของร่างกายในยามที่หัวใจสูบฉีด
จากหัวจรดเท้า มันลิ้มรสความรู้สึกที่ร่างกายและพลังเวทที่ถูกยกระดับไปอีกขั้น
แค่หายใจก็แข็งแกร่งขึ้น
มันคือยาเสพติด เป็นวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตที่มีแต่ผลดี ไม่มีผลเสีย
ปรากฏการณ์พิเศษเช่นนี้ เกิดจากการได้รับหยดเลือดของมารดาหลังจากร่างกายและจิตใจผ่านการค้นคว้าเป็นเวลานานจนพลังเวทอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ
บราฮัมรู้สึกขอบตัวเองที่ยังมีชีวิต
มันกำลังมีความสุขที่การเสียสละในอดีตของพี่น้องร่วมสายเลือดไม่สูญเปล่า
คนที่ตายไปเพราะการทดลอง คงกำลังมีความสุขหากได้เห็นว่ามันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใดในปัจจุบัน
ไอ้สารเลวพวกนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร จึงควรจะตายไปในฐานะหนูทดลองและร่วมยินดีกับวันที่เผ่าพันธุ์เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ
เปรี้ยะ!
กระแสไฟฟ้าไหลเวียนรอบใบหน้าบราฮัมที่เปี่ยมไปด้วยความจองหองและบ้าคลั่ง
นี่คือเอกลักษณ์ก่อนจะใช้มหาเวทธาตุสายฟ้า – กีก้าไรเดน
อย่างไรก็ตาม สีของแสงสายฟ้าแปลกออกไป
สายฟ้าในปัจจุบันมีสีแดง มิใช่สีเงินหรือสีเหลือง
หลังจากถูกขับไล่และลดขั้นจนกลายเป็นมนุษย์ เวทมนตร์ที่มันพัฒนาค้นคว้ามายาวนาน ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับสายเลือดอันยิ่งใหญ่ที่กลับมาตื่นขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ธรรมชาติของเวทมนตร์มีการเปลี่ยนแปลง
‘ถ้าเราทำแบบนี้…’
สติของบราฮัมกำลังตื่นตัวสุดขีด
สมองประมวลผลได้รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ก้าวเข้ามาอยู่ในขอบเขตของเหนือมนุษย์โดยสมบูรณ์
สามารถสร้างเวทมนตร์ชนิดใหม่ขึ้นมาได้ตลอดเวลาตามใจนึก
ตึกตัก!
พีคซอร์ด ไคล์ ดยุคและอัศวิน ทหารและผู้เล่น
ขณะพวกมันกำลังประจัญบานกับกองทัพวิญญาณโดยหมายเอาชีวิตเข้าแลก เลือดที่สาดกระเด็นเปรอะเปื้อนจนดูคล้ายสี ถูกดูดกลืนเข้าไปในกระแสสายฟ้ารอบตัว
กีก้าไรเดนที่ตามปรกติจะพุ่งลงจากด้านบน พุ่งขึ้นจากด้านล่างในทิศทางย้อนกลับพร้อมกับดูดซับเลือดปริมาณมหาศาลมาหล่อเลี้ยง ส่งผลให้กองทัพวิญญาณถูกทำลายในพริบตาจนเหลือเพียงซากเถ้าถ่าน
“แมรีโรส”
บราฮัมที่เพิ่งสร้างปาฏิหาริย์ เรียกขานสตรีที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
มันไม่ได้แหงนหน้ามอง แต่กำลังจดจ้องคามิคิน
อย่างไรก็ดี บราฮัมมิได้จ้องคามิคินเพราะหวาดระแวง
ปัจจุบัน มันสามารถ ‘หยั่งถึง’ สภาพแวดล้อมได้ด้วยมานาและเลือดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วสนามรบ ไม่มีความจำเป็นต้องจ้องหน้าคามิคินโดยตรง
เหตุผลที่เลือกมองคามิคินมากกว่าแมรีโรสนั้นไม่ซับซ้อน
มันไม่อยากเห็นหน้าแมรีโรส
ต่อให้แมรีโรสเป็นเทพ แต่เรื่องนี้ก็จะไม่เปลี่ยน
มีเพียงสองสิ่งในโลกที่มันอยากเห็น
หนึ่ง มารดาผู้มอบชีวิต และสอง กริดผู้มอบชีวิตใหม่
“ไสหัวไปซะ… ข้าขอชมเชยในสิ่งที่เจ้าทำ และจะอนุญาตให้กลับไปอย่างไร้รอยขีดข่วน”
แมรีโรสเป็นทายาทที่เกิดจากการเสียสละของมารดา
ลำพังต้นกำเนิดของเธอ ก็มากพอที่จะทำให้บราฮัมอิจฉาและเกลียดชัง
นอกจากนั้น คนที่ขับไล่และปลดบราฮัมออกจากการเป็นแวมไพร์ก็คือแมรีโรส
ความเกลียดชังยิ่งทวีความรุนแรง
และความรู้สึกดังกล่าวก็ยังไม่แปรเปลี่ยนแม้ในวันที่เธอคืนพลังมาให้
“อย่าอวดดีเกินไปนัก”
แมรีโรสกำลังฝืนต่อต้านเปลือกตาที่พยายามปิดตัวเองลง
เธอชำเลืองไปทางพี่ชายที่กำลังทำตัวโอหัง ทั้งที่แต่ก่อนเอาแต่หลบหน้าหนีมาตลอด
แต่แมรีโรสมิได้ถือสา
เธอเคยกังวลว่า บราฮัมจะควบคุมตัวเองไม่ได้และโจมตีใส่เธอ แทนที่จะเป็นศัตรูของมารดาตรงหน้า แต่โชคดีที่อีกฝ่ายยังใจเย็นและไม่หลงลืมหน้าที่ นั่นทำให้แมรีโรสโล่งใจไปหลายส่วน
ขณะแมรีโรสหันหลังเตรียมกลับ บราฮัมตะโกนเรียก
“ข้าเอาชนะคำสาปเกียจคร้านได้ด้วยเจตจำนงและความมุมานะของตัวเอง”
น้ำเสียงของมันเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ
ราวกับต้องการจะบอกว่า ข้าเหนือกว่าเจ้า
หากเป็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน เธอคงไม่ได้แยแสนัก
แต่ปัจจุบัน บราฮัมแข็งแกร่งขึ้นจนทำให้คำพูดดังกล่าวดูมีน้ำหนัก
ก็เลย
“นั่นไม่ใช่ความมุมานะ แต่เป็นการเสียสติ เป็นความสำเร็จที่ได้จากการสังเวยชีวิตพี่น้องไปมากมาย”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยอารมณ์
แม้ร่างกายอยากจะกลับไปในนอนในโลงเสียเต็มประดา แต่กระนั้นก็ยังหยุดและตอบโต้
เมื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง บราฮัมรู้สึกใจชื้น
มันตระหนักว่าตนสามารถกุมจุดอ่อนของเธอและสามารถใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองในอนาคต
“ตอนนี้ข้าได้พลังกลับมาแล้ว สามารถคลายคำสาปให้เจ้าได้”
ดังนั้น จงคุกเข่าลง
จับขากางเกงของข้า ขอร้องให้ข้าช่วยขจัดคำสาปที่ผลาญเวลาเกือบทั้งชีวิต
บราฮัมชำเลืองไปทางแมรีโรสพร้อมกับแฝงความนัยดังกล่าว
“…ถ้าพูดมากกว่านี้อีกคำเดียว ข้าจะฆ่าเจ้า”
แมรีโรสหันกลับมาจ้อง
สีหน้าเย็นชาราวกับสลัดอาการง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง กระทั่งจิตสังหารก็ยังแผ่ซ่านออกมา
“…?”
บราฮัมประหลาดใจกับคำตอบที่คาดไม่ถึง
มันคิดว่าอีกฝ่ายจะลังเลสักพัก แต่ในความเป็นจริง แมรีโรสปฏิเสธทันควัน
บราฮัมไม่เข้าใจเลยสักนิด
นับตั้งแต่เกิดจวบจนปัจจุบัน
แมรีโรสถูกคำสาปเกียจคร้านเล่นงานจนเวลาชีวิตหายไปเกือบทั้งหมด
เธอน่าจะอยากขจัดคำสาปมากกว่าใคร ต่อให้ต้องขายวิญญาณก็ยอม
บราฮัมจึงคาดไม่ถึงว่า แมรีโรสจะบอกปัดโอกาสในการหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานตลอดชีวิต
‘ต่อให้ต้องจมอยู่กับคำสาป แต่ก็ไม่ยอมลดตัวมาเป็นของเล่นของเรา?’
บราฮัมส่ายหน้า
อันที่จริง ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่แมรีโรสตอบสนองต่อเหยื่อล่อที่บราฮัมโยนออกไป
แต่มีเพียงเจ้าตัวที่ทราบคำตอบ
ซ่า—
สายฟ้าสีแดงกำลังกระจัดกระจายไปทั่วสนามรบ
ในวินาทีที่แมรีโรสกลายเป็นควันดำและเลือนหายไป มนุษย์ทุกคนที่ยังมีชีวิต ต่างรอดพ้นจากวิกฤติตรงหน้า
กองทัพวิญญาณถูกฟ้าผ่าจนแหลกสลายไปหมดสิ้น
ฉากดังกล่าวคู่ควรกับการถูกสรรเสริญให้เป็นปาฏิหาริย์
“แฮ่ก… แฮ่ก…?”
ตายแน่… เรากำลังจะตาย…
ความตายของเรามิได้สลักสำคัญ
แต่ปัญหาคือ เราจะตายโดยที่ยังช่วยเหลือบราฮัมไม่สำเร็จ
พีคซอร์ดที่กำลังตื่นตระหนก กลับมาได้สติและมองไปรอบตัว
ในรัศมีห้าเมตรมีเพียงความว่างเปล่า
ต้นตอความว่างเปล่ามาจาก ‘ป่า’ สายฟ้าที่พุ่งขึ้นจากดิน
ทุกครั้งที่ทหารวิญญาณรุกล้ำเข้ามาในป่าอย่างไม่เกรงกลัว พวกมันจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
“นี่มัน…?”
ฝีมือไคล์?
พีคซอร์ดกวาดสายตาไปรอบตัว
มันพบว่ามนุษย์คนอื่นอีกมาก ได้รับความช่วยเหลือในทำนองเดียวกับตน
ไคล์ก็หนึ่งในนั้น
มันมองตามดวงตาที่สั่นระริกของไคล์จนพบแผ่นหลังของบราฮัม แม้เสื้อผ้าจะขาดยับเยิน แต่ก็ยังยืนเด่นสง่าอย่างมั่นคง
ช่องว่างระหว่างรอยขาดของเสื้อผ้า สะอาดเอี่ยมและเกลี้ยงเกลา ปราศจากบาดแผลโดยสิ้นเชิง
เกือกเท้าคู่หน้าของคามิคินน่าจะแทงทะลุหลังบราฮัมไปแล้ว ดังนั้นทำไมถึง?
“เอ่อ…?”
พีคซอร์ดยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์แม้จะผ่านไปเป็นเวลานาน
แต่มันก็พยุงตัวยืนอย่างรวดเร็ว
เอกลักษณ์พิเศษของชาวโอเวอร์เกียร์ก็คือ รับมือกับความไม่คาดฝันได้ดี
อาจเพราะเคยเห็นกริดสร้างความมหัศจรรย์บ่อยครั้ง เหตุการณ์ ‘เหนือความคาดหมาย’ จึงกลายเป็นเรื่องปรกติ
“ฟู่ว…”
แขนขวาฟื้นฟูกลับมาบางส่วนด้วยผลของโพชันรักษาอาการหัก แขนซ้ายเริ่มกลับมาสมานตัว
พลังชีวิตใกล้หมดหลอด แต่นี่ไม่ใช่เวลามัวพักผ่อน
คามิคินจ้องไปทางบราฮัมพร้อมกับกระทืบเท้าคู่หน้า
ท่าทีของเธอดูไม่ต่างจากกระทิง ทั้งที่ลักษณะทางกายภาพเหมือนม้ามากกว่า
‘เราต้องป้องกันให้ได้’
เวทมนตร์ของบราฮัมแตกต่างจากจอมเวททั่วไป สามารถใช้เทเลพอร์ตได้ในพริบตาเหมือนกับเวทบลิงค์
หากตนยื้อศัตรูไว้สำเร็จสักหนึ่งวินาที บราฮัมก็จะหนีไปอย่างปลอดภัย
คิดได้เช่นนั้น พีคซอร์ดไม่มัวรีรอ
มันออกจากเขตการคุ้มครองของสายฟ้า พุ่งตรงไปข้างหน้าประหนึ่งลูกศร นำพาตัวเองเข้าไปใกล้กับศัตรู
พีคซอร์ดไม่แยแสหอกดาบของทหารวิญญาณที่ทิ่มแทงใส่ชุดเกราะและเนื้อหนัง
สายตาจดจ้องเพียงคามิคินที่อยู่ห่างออกไป
มือข้างหนึ่งจับฝัก อีกข้างจับด้าม
จอมอสูรลำดับสี่
ตัวตนที่เอาชนะผลข้างเคียงของโลกและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในเวลานี้
พีคซอร์ดพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่โดยไม่หวั่นไหว
ขอแค่ดาบเดียว
ดาบเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างโอกาสให้บราฮัม มันยอมสังเวยเนื้อและกระดูกของตนให้ทหารวิญญาณ สมาธิจดจ่ออยู่กับปลายนิ้ว
‘เราทำได้แน่’
สิบวีรชนฯ แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือตำแหน่งที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย และพีคซอร์ดก็มักจะถูกตั้งคำถามถึงคุณสมบัติและความเหมาะสม
แน่นอน มันพยายามผลักดันตัวเองอย่างหนัก
ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อไม่ให้ตำแหน่งอันทรงเกียรติต้องมัวหมอง
ร่างของพีคซอร์ดที่พุ่งตรงเริ่มโน้มไปด้านหน้า อีกนิดเดียวคางก็จะสัมผัสกับพื้น
ผลลัพธ์ทำให้แผ่นหลังของมันเปิดโล่งจนถูกดาบและหอกของทหารวิญญาณทิ่มแทง ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว ก้าวเท้าไม่เป็นจังหวะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่หยุดเร่งความเร็ว
‘วิชาชักดาบฟัน… พยัคฆ์หมอบแยกเขี้ยว!’
ประกายแสงสว่างวาบออกจากปลายนิ้วพีคซอร์ด
แต่ปราศจากสุ้มเสียง
เทคนิคการชักดาบออกจากฝักโดยใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายช่วยผลัก ส่งผลให้ดาบถูกชักด้วยความเร็วสูงจนเสียงดังตามไม่ทัน
“…!”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของ ‘ลูกสาวเบริอาเช่’ ทำให้บรรยากาศรอบตัวบราฮัมเปลี่ยนไปในพริบตา
คามิคินที่เอาแต่ระแวงบราฮัมมาตลอด เพิ่งได้สติและสังเกตเห็นพีคซอร์ด
เธอตระหนักถึงปราณดาบล่องหนซึ่งแฝงกลิ่นอายเสือขาว
อาศัยประสาทสัมผัสเหนือธรรมดา คามิคินสามารถมองเห็นความผิดปรกติที่แฝงมากับการโจมตี
ฉึบ!
คามิคินซึ่งรวบรวมพละกำลังเพื่อเตรียมกระโจนไปข้างหน้า เปลี่ยนใจพุ่งเข้าหาพีคซอร์ดกะทันหัน
สิ่งนี้เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณโดยที่สมองยังไม่ได้สั่งการ
ในวินาทีที่เห็นร่างกายขนาดมหึมาของคามิคินเต็มสองตา พีคซอร์ดเผยรอยยิ้ม
มันไม่ได้มีความสุขเพราะเห็นบาดแผลที่ตนทิ้งไว้บนหน้าอกอีกฝ่าย
แต่เป็นความโล่งใจเมื่อพบว่าบราฮัมหายไปจากการมองเห็น
‘สำเร็จ’
ขอแค่บราฮัมหนีไปได้อย่างปลอดภัย ที่เหลือจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ
ถึงจะน่าเสียดายที่กรุงไททันต้องถูกทำลาย… แต่เราได้ยินว่าชาวเมืองส่วนใหญ่ถูกอพยพออกไปหมดแล้ว ตราบใดที่ยังมีผู้คน เมืองก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ทุกเมื่อ…
พีคซอร์ดผ่อนคลายขณะจ้องกีบเท้าคู่หน้าของคามิคินที่พุ่งเข้าหา มันอ้าแขนรอรับความตายที่เตรียมใจไว้นานแล้ว
จนกระทั่งเสียงของบราฮัมดังขึ้น
“ทีหลังอย่าคิดเอาเอง”
ดวงตาพีคซอร์ดเผยความสับสนสุดขีด
บราฮัมซึ่งควรจะหนีไปแล้วด้วยเทเลพอร์ต กลับมาโผล่ตรงหน้าตนแทน
บราฮัมใช้มือเปล่าสองข้างรับเกือกเท้าคู่หน้าของคามิคินไว้
ขาแต่ละข้างถูกจับคว้าอย่างแนบแน่น มหาจอมเวทสามารถทนรับแรงปะทะมหาศาลที่ระเบิดพื้นดินไว้ได้อย่างน่าฉงน
“อะ…?”
พีคซอร์ดหลุดครางออกมาโดยไม่รู้ตัว
มันมิอาจทำความเข้าใจกับภาพตรงหน้า
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
บราฮัมคือมหาจอมเวทในตำนาน
ค่าสถานะส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ค่าสติปัญญา
เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีร่างกายอ่อนแอ
นอกจากนั้น บราฮัมเคยยอมรับจากปากว่าตนไม่มีวันเอาชนะอริยดาบได้
ทว่า มันกลับสามารถรับมือการโจมตีของคามิคิน
ในแง่พลังทำลายเพียงอย่างเดียว การโจมตีของจอมอสูรลำดับสี่ไม่น่าจะด้อยกว่าอริยดาบ ถึงกระนั้นบราฮัมกลับรับไว้ด้วยสองมือเปล่าๆ
บราฮัมขมวดคิ้ว
“ทีหลังอย่าเข้ามาสอดอีก”
เป็นคำเตือนถึงพีคซอร์ด มิใช่คามิคิน
มันไม่พอใจสถานการณ์ที่ตนต้องยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นสักเท่าไร เป็นความรู้สึกที่ชวนให้อึดอัด
บึ้ม!
เสื้อของบราฮัมพองออกและระเบิดฉีกขาด
เส้นเลือดบนหลังมือที่กำลังปูดโปน มัดกล้ามเนื้อที่งดงามบนท่อนแขน ทั้งหมดถูกเผยให้คนทั่วโลกได้เห็น
กายาของแวมไพร์ทายาท
ร่างกายที่สืบทอดมาจากเบริอาเช่โดยตรง
ไม่เกินจริงไปนักหากจะเรียกว่าร่างกายที่ก้าวข้ามเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยสมบูรณ์ เกิดจากการที่บราฮัมใช้เวทเสริมร่างกาย ประกอบกับการเพิ่มสมรรถภาพด้วยการไหลเวียนของเลือดชนิดใหม่
“เจ้าาาาาาาา!!”
คามิคินแหกปากกรีดร้องหลังจากถูกจับโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า
เป็นผลมาจากพละกำลังของบราฮัมและเวทแรงโน้มถ่วง บราฮัมจงใจกำหนดแรงโน้มถ่วงแต่ละจุดบนร่างกายคามิคินไม่เท่ากัน ส่งผลให้เธอไม่สามารถรักษาสมดุลและเอาแต่ดีดดิ้นไปมาในอากาศ
วิ้ง!
ดวงตาสีแดงของบราฮัมกำลังส่องประกาย
ด้วยการตื่นของสติ มันนำเลือดในร่างกายไปฟื้นฟูแก่นมานาและวงจรเวทมนตร์ที่เป็นอัมพาต
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระยะหน่วงของเวทมนตร์ที่เคยใช้ไปทั้งหมดจะถูกล้าง
สิ่งนี้แลกมากับอาการบาดเจ็บภายในที่รุนแรง แต่บราฮัมไม่แยแส
ด้วยการคำนวณของดยุคแห่งปัญญา บราฮัมมั่นใจว่าร่างกายของแวมไพร์ทายาทสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ทันความเสียหาย
“พันนิชเมนต์”
ลูกบอลสีแดงสดที่หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงจนดูเหมือนหยุดนิ่ง ถูงยิงตรงไปยังเป้าหมาย
ร่างกายท่อนล่างของจอมอสูรลำดับสี่ถูกบดขยี้ในพริบตา
Comments
Post a Comment