จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,499



ตึกตัก!


หัวใจที่เคยพังยับเยิน กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง


จังหวะการหดและคลายตัว ทั้งรวดเร็วและรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา


ในวินาทีที่หัวใจบีบ เส้นเลือดใหญ่ทั่วร่างถูกกระตุ้นให้ขยายใหญ่พร้อมกัน


กระแสเลือดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง พรั่งพรูเข้าสู่หัวใจใหม่ของบราฮัมอย่างท่วมท้น


บราฮัมซาบซ่านไปทั่วศีรษะ


นั่นเพราะหัวใจที่ดูดเลือดทั้งตัวเข้าไปอย่างหิวกระหาย ทำการส่งเลือดไปทั่วร่างอีกครั้งพร้อมกับกระแสเวทมนตร์


เลือดและเวทมนตร์ผสานกันเป็นหนึ่ง


ยกระดับขึ้นด้วยการผสาน


ความซาบซ่านที่ห่างหายกว่าร้อยปีแทรกซึมเข้าไปในเซลล์สมอง ปลุกสติให้คมชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


“ฮ่าห์…”


บราฮัมสูดลมหายใจยาวด้วยความปีติ ดวงตาสีแดงคล้ายทับทิมล่องลอยไปชั่วขณะ


ผู้ชมต่างกลืนน้ำลายเมื่อพบว่า แก้มของบราฮัมเริ่มมีสีแดงระเรื่อคล้ายกับทาบางๆ ด้วยที่ปัดแก้ม


นั่นเพราะพวกมันไม่เคยเห็นบราฮัมทำหน้าดื่มด่ำไปกับความสุขเช่นนี้มาก่อน


นักข่าวจากทั่วทุกมุมโลกต่างทำได้เพียงอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ไม่แบ่งแยกชายหรือหญิง


ตึกตัก!


ขณะสางเส้นผมที่ยุ่งเหยิง บราฮัมเผยใบหน้าสุขล้นประหนึ่งโหยหาความรู้สึกเช่นนี้มานานกว่าร้อยปี


เลือดที่ผสานพลังเวท หล่อเลี้ยงไปยังทุกส่วนของร่างกายในยามที่หัวใจสูบฉีด


จากหัวจรดเท้า มันลิ้มรสความรู้สึกที่ร่างกายและพลังเวทที่ถูกยกระดับไปอีกขั้น


แค่หายใจก็แข็งแกร่งขึ้น


มันคือยาเสพติด เป็นวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตที่มีแต่ผลดี ไม่มีผลเสีย


ปรากฏการณ์พิเศษเช่นนี้ เกิดจากการได้รับหยดเลือดของมารดาหลังจากร่างกายและจิตใจผ่านการค้นคว้าเป็นเวลานานจนพลังเวทอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ


บราฮัมรู้สึกขอบตัวเองที่ยังมีชีวิต


มันกำลังมีความสุขที่การเสียสละในอดีตของพี่น้องร่วมสายเลือดไม่สูญเปล่า


คนที่ตายไปเพราะการทดลอง คงกำลังมีความสุขหากได้เห็นว่ามันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใดในปัจจุบัน


ไอ้สารเลวพวกนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร จึงควรจะตายไปในฐานะหนูทดลองและร่วมยินดีกับวันที่เผ่าพันธุ์เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ


เปรี้ยะ!


กระแสไฟฟ้าไหลเวียนรอบใบหน้าบราฮัมที่เปี่ยมไปด้วยความจองหองและบ้าคลั่ง


นี่คือเอกลักษณ์ก่อนจะใช้มหาเวทธาตุสายฟ้า – กีก้าไรเดน


อย่างไรก็ตาม สีของแสงสายฟ้าแปลกออกไป


สายฟ้าในปัจจุบันมีสีแดง มิใช่สีเงินหรือสีเหลือง


หลังจากถูกขับไล่และลดขั้นจนกลายเป็นมนุษย์ เวทมนตร์ที่มันพัฒนาค้นคว้ามายาวนาน ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับสายเลือดอันยิ่งใหญ่ที่กลับมาตื่นขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ธรรมชาติของเวทมนตร์มีการเปลี่ยนแปลง


‘ถ้าเราทำแบบนี้…’


สติของบราฮัมกำลังตื่นตัวสุดขีด


สมองประมวลผลได้รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


ก้าวเข้ามาอยู่ในขอบเขตของเหนือมนุษย์โดยสมบูรณ์


สามารถสร้างเวทมนตร์ชนิดใหม่ขึ้นมาได้ตลอดเวลาตามใจนึก


ตึกตัก!


พีคซอร์ด ไคล์ ดยุคและอัศวิน ทหารและผู้เล่น


ขณะพวกมันกำลังประจัญบานกับกองทัพวิญญาณโดยหมายเอาชีวิตเข้าแลก เลือดที่สาดกระเด็นเปรอะเปื้อนจนดูคล้ายสี ถูกดูดกลืนเข้าไปในกระแสสายฟ้ารอบตัว


กีก้าไรเดนที่ตามปรกติจะพุ่งลงจากด้านบน พุ่งขึ้นจากด้านล่างในทิศทางย้อนกลับพร้อมกับดูดซับเลือดปริมาณมหาศาลมาหล่อเลี้ยง ส่งผลให้กองทัพวิญญาณถูกทำลายในพริบตาจนเหลือเพียงซากเถ้าถ่าน


“แมรีโรส”


บราฮัมที่เพิ่งสร้างปาฏิหาริย์ เรียกขานสตรีที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า


มันไม่ได้แหงนหน้ามอง แต่กำลังจดจ้องคามิคิน


อย่างไรก็ดี บราฮัมมิได้จ้องคามิคินเพราะหวาดระแวง


ปัจจุบัน มันสามารถ ‘หยั่งถึง’ สภาพแวดล้อมได้ด้วยมานาและเลือดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วสนามรบ ไม่มีความจำเป็นต้องจ้องหน้าคามิคินโดยตรง


เหตุผลที่เลือกมองคามิคินมากกว่าแมรีโรสนั้นไม่ซับซ้อน


มันไม่อยากเห็นหน้าแมรีโรส


ต่อให้แมรีโรสเป็นเทพ แต่เรื่องนี้ก็จะไม่เปลี่ยน


มีเพียงสองสิ่งในโลกที่มันอยากเห็น


หนึ่ง มารดาผู้มอบชีวิต และสอง กริดผู้มอบชีวิตใหม่


“ไสหัวไปซะ… ข้าขอชมเชยในสิ่งที่เจ้าทำ และจะอนุญาตให้กลับไปอย่างไร้รอยขีดข่วน”


แมรีโรสเป็นทายาทที่เกิดจากการเสียสละของมารดา


ลำพังต้นกำเนิดของเธอ ก็มากพอที่จะทำให้บราฮัมอิจฉาและเกลียดชัง


นอกจากนั้น คนที่ขับไล่และปลดบราฮัมออกจากการเป็นแวมไพร์ก็คือแมรีโรส


ความเกลียดชังยิ่งทวีความรุนแรง


และความรู้สึกดังกล่าวก็ยังไม่แปรเปลี่ยนแม้ในวันที่เธอคืนพลังมาให้


“อย่าอวดดีเกินไปนัก”


แมรีโรสกำลังฝืนต่อต้านเปลือกตาที่พยายามปิดตัวเองลง


เธอชำเลืองไปทางพี่ชายที่กำลังทำตัวโอหัง ทั้งที่แต่ก่อนเอาแต่หลบหน้าหนีมาตลอด


แต่แมรีโรสมิได้ถือสา


เธอเคยกังวลว่า บราฮัมจะควบคุมตัวเองไม่ได้และโจมตีใส่เธอ แทนที่จะเป็นศัตรูของมารดาตรงหน้า แต่โชคดีที่อีกฝ่ายยังใจเย็นและไม่หลงลืมหน้าที่ นั่นทำให้แมรีโรสโล่งใจไปหลายส่วน


ขณะแมรีโรสหันหลังเตรียมกลับ บราฮัมตะโกนเรียก


“ข้าเอาชนะคำสาปเกียจคร้านได้ด้วยเจตจำนงและความมุมานะของตัวเอง”


น้ำเสียงของมันเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ


ราวกับต้องการจะบอกว่า ข้าเหนือกว่าเจ้า


หากเป็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน เธอคงไม่ได้แยแสนัก


แต่ปัจจุบัน บราฮัมแข็งแกร่งขึ้นจนทำให้คำพูดดังกล่าวดูมีน้ำหนัก


ก็เลย


“นั่นไม่ใช่ความมุมานะ แต่เป็นการเสียสติ เป็นความสำเร็จที่ได้จากการสังเวยชีวิตพี่น้องไปมากมาย”


น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยอารมณ์


แม้ร่างกายอยากจะกลับไปในนอนในโลงเสียเต็มประดา แต่กระนั้นก็ยังหยุดและตอบโต้


เมื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง บราฮัมรู้สึกใจชื้น


มันตระหนักว่าตนสามารถกุมจุดอ่อนของเธอและสามารถใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองในอนาคต


“ตอนนี้ข้าได้พลังกลับมาแล้ว สามารถคลายคำสาปให้เจ้าได้”


ดังนั้น จงคุกเข่าลง


จับขากางเกงของข้า ขอร้องให้ข้าช่วยขจัดคำสาปที่ผลาญเวลาเกือบทั้งชีวิต


บราฮัมชำเลืองไปทางแมรีโรสพร้อมกับแฝงความนัยดังกล่าว


“…ถ้าพูดมากกว่านี้อีกคำเดียว ข้าจะฆ่าเจ้า”


แมรีโรสหันกลับมาจ้อง


สีหน้าเย็นชาราวกับสลัดอาการง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง กระทั่งจิตสังหารก็ยังแผ่ซ่านออกมา


“…?”


บราฮัมประหลาดใจกับคำตอบที่คาดไม่ถึง


มันคิดว่าอีกฝ่ายจะลังเลสักพัก แต่ในความเป็นจริง แมรีโรสปฏิเสธทันควัน


บราฮัมไม่เข้าใจเลยสักนิด


นับตั้งแต่เกิดจวบจนปัจจุบัน


แมรีโรสถูกคำสาปเกียจคร้านเล่นงานจนเวลาชีวิตหายไปเกือบทั้งหมด


เธอน่าจะอยากขจัดคำสาปมากกว่าใคร ต่อให้ต้องขายวิญญาณก็ยอม


บราฮัมจึงคาดไม่ถึงว่า แมรีโรสจะบอกปัดโอกาสในการหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานตลอดชีวิต


‘ต่อให้ต้องจมอยู่กับคำสาป แต่ก็ไม่ยอมลดตัวมาเป็นของเล่นของเรา?’


บราฮัมส่ายหน้า


อันที่จริง ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่แมรีโรสตอบสนองต่อเหยื่อล่อที่บราฮัมโยนออกไป


แต่มีเพียงเจ้าตัวที่ทราบคำตอบ


ซ่า—


สายฟ้าสีแดงกำลังกระจัดกระจายไปทั่วสนามรบ


ในวินาทีที่แมรีโรสกลายเป็นควันดำและเลือนหายไป มนุษย์ทุกคนที่ยังมีชีวิต ต่างรอดพ้นจากวิกฤติตรงหน้า


กองทัพวิญญาณถูกฟ้าผ่าจนแหลกสลายไปหมดสิ้น


ฉากดังกล่าวคู่ควรกับการถูกสรรเสริญให้เป็นปาฏิหาริย์


“แฮ่ก… แฮ่ก…?”


ตายแน่… เรากำลังจะตาย…


ความตายของเรามิได้สลักสำคัญ


แต่ปัญหาคือ เราจะตายโดยที่ยังช่วยเหลือบราฮัมไม่สำเร็จ


พีคซอร์ดที่กำลังตื่นตระหนก กลับมาได้สติและมองไปรอบตัว


ในรัศมีห้าเมตรมีเพียงความว่างเปล่า


ต้นตอความว่างเปล่ามาจาก ‘ป่า’ สายฟ้าที่พุ่งขึ้นจากดิน


ทุกครั้งที่ทหารวิญญาณรุกล้ำเข้ามาในป่าอย่างไม่เกรงกลัว พวกมันจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี


“นี่มัน…?”


ฝีมือไคล์?


พีคซอร์ดกวาดสายตาไปรอบตัว


มันพบว่ามนุษย์คนอื่นอีกมาก ได้รับความช่วยเหลือในทำนองเดียวกับตน


ไคล์ก็หนึ่งในนั้น


มันมองตามดวงตาที่สั่นระริกของไคล์จนพบแผ่นหลังของบราฮัม แม้เสื้อผ้าจะขาดยับเยิน แต่ก็ยังยืนเด่นสง่าอย่างมั่นคง


ช่องว่างระหว่างรอยขาดของเสื้อผ้า สะอาดเอี่ยมและเกลี้ยงเกลา ปราศจากบาดแผลโดยสิ้นเชิง


เกือกเท้าคู่หน้าของคามิคินน่าจะแทงทะลุหลังบราฮัมไปแล้ว ดังนั้นทำไมถึง?


“เอ่อ…?”


พีคซอร์ดยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์แม้จะผ่านไปเป็นเวลานาน


แต่มันก็พยุงตัวยืนอย่างรวดเร็ว


เอกลักษณ์พิเศษของชาวโอเวอร์เกียร์ก็คือ รับมือกับความไม่คาดฝันได้ดี


อาจเพราะเคยเห็นกริดสร้างความมหัศจรรย์บ่อยครั้ง เหตุการณ์ ‘เหนือความคาดหมาย’ จึงกลายเป็นเรื่องปรกติ


“ฟู่ว…”


แขนขวาฟื้นฟูกลับมาบางส่วนด้วยผลของโพชันรักษาอาการหัก แขนซ้ายเริ่มกลับมาสมานตัว


พลังชีวิตใกล้หมดหลอด แต่นี่ไม่ใช่เวลามัวพักผ่อน


คามิคินจ้องไปทางบราฮัมพร้อมกับกระทืบเท้าคู่หน้า


ท่าทีของเธอดูไม่ต่างจากกระทิง ทั้งที่ลักษณะทางกายภาพเหมือนม้ามากกว่า


‘เราต้องป้องกันให้ได้’


เวทมนตร์ของบราฮัมแตกต่างจากจอมเวททั่วไป สามารถใช้เทเลพอร์ตได้ในพริบตาเหมือนกับเวทบลิงค์


หากตนยื้อศัตรูไว้สำเร็จสักหนึ่งวินาที บราฮัมก็จะหนีไปอย่างปลอดภัย


คิดได้เช่นนั้น พีคซอร์ดไม่มัวรีรอ


มันออกจากเขตการคุ้มครองของสายฟ้า พุ่งตรงไปข้างหน้าประหนึ่งลูกศร นำพาตัวเองเข้าไปใกล้กับศัตรู


พีคซอร์ดไม่แยแสหอกดาบของทหารวิญญาณที่ทิ่มแทงใส่ชุดเกราะและเนื้อหนัง


สายตาจดจ้องเพียงคามิคินที่อยู่ห่างออกไป


มือข้างหนึ่งจับฝัก อีกข้างจับด้าม


จอมอสูรลำดับสี่


ตัวตนที่เอาชนะผลข้างเคียงของโลกและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในเวลานี้


พีคซอร์ดพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่โดยไม่หวั่นไหว


ขอแค่ดาบเดียว


ดาบเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างโอกาสให้บราฮัม มันยอมสังเวยเนื้อและกระดูกของตนให้ทหารวิญญาณ สมาธิจดจ่ออยู่กับปลายนิ้ว


‘เราทำได้แน่’


สิบวีรชนฯ แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือตำแหน่งที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย และพีคซอร์ดก็มักจะถูกตั้งคำถามถึงคุณสมบัติและความเหมาะสม


แน่นอน มันพยายามผลักดันตัวเองอย่างหนัก


ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อไม่ให้ตำแหน่งอันทรงเกียรติต้องมัวหมอง


ร่างของพีคซอร์ดที่พุ่งตรงเริ่มโน้มไปด้านหน้า อีกนิดเดียวคางก็จะสัมผัสกับพื้น


ผลลัพธ์ทำให้แผ่นหลังของมันเปิดโล่งจนถูกดาบและหอกของทหารวิญญาณทิ่มแทง ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว ก้าวเท้าไม่เป็นจังหวะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่หยุดเร่งความเร็ว


‘วิชาชักดาบฟัน… พยัคฆ์หมอบแยกเขี้ยว!’


ประกายแสงสว่างวาบออกจากปลายนิ้วพีคซอร์ด


แต่ปราศจากสุ้มเสียง


เทคนิคการชักดาบออกจากฝักโดยใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายช่วยผลัก ส่งผลให้ดาบถูกชักด้วยความเร็วสูงจนเสียงดังตามไม่ทัน


“…!”


การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของ ‘ลูกสาวเบริอาเช่’ ทำให้บรรยากาศรอบตัวบราฮัมเปลี่ยนไปในพริบตา


คามิคินที่เอาแต่ระแวงบราฮัมมาตลอด เพิ่งได้สติและสังเกตเห็นพีคซอร์ด


เธอตระหนักถึงปราณดาบล่องหนซึ่งแฝงกลิ่นอายเสือขาว


อาศัยประสาทสัมผัสเหนือธรรมดา คามิคินสามารถมองเห็นความผิดปรกติที่แฝงมากับการโจมตี


ฉึบ!


คามิคินซึ่งรวบรวมพละกำลังเพื่อเตรียมกระโจนไปข้างหน้า เปลี่ยนใจพุ่งเข้าหาพีคซอร์ดกะทันหัน


สิ่งนี้เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณโดยที่สมองยังไม่ได้สั่งการ


ในวินาทีที่เห็นร่างกายขนาดมหึมาของคามิคินเต็มสองตา พีคซอร์ดเผยรอยยิ้ม


มันไม่ได้มีความสุขเพราะเห็นบาดแผลที่ตนทิ้งไว้บนหน้าอกอีกฝ่าย


แต่เป็นความโล่งใจเมื่อพบว่าบราฮัมหายไปจากการมองเห็น


‘สำเร็จ’


ขอแค่บราฮัมหนีไปได้อย่างปลอดภัย ที่เหลือจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ


ถึงจะน่าเสียดายที่กรุงไททันต้องถูกทำลาย… แต่เราได้ยินว่าชาวเมืองส่วนใหญ่ถูกอพยพออกไปหมดแล้ว ตราบใดที่ยังมีผู้คน เมืองก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ทุกเมื่อ…


พีคซอร์ดผ่อนคลายขณะจ้องกีบเท้าคู่หน้าของคามิคินที่พุ่งเข้าหา มันอ้าแขนรอรับความตายที่เตรียมใจไว้นานแล้ว


จนกระทั่งเสียงของบราฮัมดังขึ้น


“ทีหลังอย่าคิดเอาเอง”


ดวงตาพีคซอร์ดเผยความสับสนสุดขีด


บราฮัมซึ่งควรจะหนีไปแล้วด้วยเทเลพอร์ต กลับมาโผล่ตรงหน้าตนแทน


บราฮัมใช้มือเปล่าสองข้างรับเกือกเท้าคู่หน้าของคามิคินไว้


ขาแต่ละข้างถูกจับคว้าอย่างแนบแน่น มหาจอมเวทสามารถทนรับแรงปะทะมหาศาลที่ระเบิดพื้นดินไว้ได้อย่างน่าฉงน


“อะ…?”


พีคซอร์ดหลุดครางออกมาโดยไม่รู้ตัว


มันมิอาจทำความเข้าใจกับภาพตรงหน้า


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


บราฮัมคือมหาจอมเวทในตำนาน


ค่าสถานะส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ค่าสติปัญญา


เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีร่างกายอ่อนแอ


นอกจากนั้น บราฮัมเคยยอมรับจากปากว่าตนไม่มีวันเอาชนะอริยดาบได้


ทว่า มันกลับสามารถรับมือการโจมตีของคามิคิน


ในแง่พลังทำลายเพียงอย่างเดียว การโจมตีของจอมอสูรลำดับสี่ไม่น่าจะด้อยกว่าอริยดาบ ถึงกระนั้นบราฮัมกลับรับไว้ด้วยสองมือเปล่าๆ


บราฮัมขมวดคิ้ว


“ทีหลังอย่าเข้ามาสอดอีก”


เป็นคำเตือนถึงพีคซอร์ด มิใช่คามิคิน


มันไม่พอใจสถานการณ์ที่ตนต้องยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นสักเท่าไร เป็นความรู้สึกที่ชวนให้อึดอัด


บึ้ม!


เสื้อของบราฮัมพองออกและระเบิดฉีกขาด


เส้นเลือดบนหลังมือที่กำลังปูดโปน มัดกล้ามเนื้อที่งดงามบนท่อนแขน ทั้งหมดถูกเผยให้คนทั่วโลกได้เห็น


กายาของแวมไพร์ทายาท


ร่างกายที่สืบทอดมาจากเบริอาเช่โดยตรง


ไม่เกินจริงไปนักหากจะเรียกว่าร่างกายที่ก้าวข้ามเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยสมบูรณ์ เกิดจากการที่บราฮัมใช้เวทเสริมร่างกาย ประกอบกับการเพิ่มสมรรถภาพด้วยการไหลเวียนของเลือดชนิดใหม่


“เจ้าาาาาาาา!!”


คามิคินแหกปากกรีดร้องหลังจากถูกจับโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า


เป็นผลมาจากพละกำลังของบราฮัมและเวทแรงโน้มถ่วง บราฮัมจงใจกำหนดแรงโน้มถ่วงแต่ละจุดบนร่างกายคามิคินไม่เท่ากัน ส่งผลให้เธอไม่สามารถรักษาสมดุลและเอาแต่ดีดดิ้นไปมาในอากาศ


วิ้ง!


ดวงตาสีแดงของบราฮัมกำลังส่องประกาย


ด้วยการตื่นของสติ มันนำเลือดในร่างกายไปฟื้นฟูแก่นมานาและวงจรเวทมนตร์ที่เป็นอัมพาต


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระยะหน่วงของเวทมนตร์ที่เคยใช้ไปทั้งหมดจะถูกล้าง


สิ่งนี้แลกมากับอาการบาดเจ็บภายในที่รุนแรง แต่บราฮัมไม่แยแส


ด้วยการคำนวณของดยุคแห่งปัญญา บราฮัมมั่นใจว่าร่างกายของแวมไพร์ทายาทสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ทันความเสียหาย


“พันนิชเมนต์”


ลูกบอลสีแดงสดที่หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงจนดูเหมือนหยุดนิ่ง ถูงยิงตรงไปยังเป้าหมาย


ร่างกายท่อนล่างของจอมอสูรลำดับสี่ถูกบดขยี้ในพริบตา


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,043
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00