จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,494



เผ่าอสูรหมายถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เกิดในนรก


เป็นการยากที่จะอยู่ร่วมกัน เนื่องจากเอกลักษณ์และธรรมชาติของแต่ละเผ่าต่างกันมาก


แต่มีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกัน


นั่นคือการเกิดมาพร้อมปราณอสูร


ปราณอสูรสามารถแทรกแซง และเสริมความแข็งแกร่งให้กับวัตถุและเวทมนตร์ จึงไม่เกินจริงไปนักหากจะนิยามว่ามันคือแหล่งกำเนิดพลัง


นั่นคือเหตุผลที่เผ่าอสูรถูกถูกประเมินคุณค่าจากปริมาณและคุณภาพของปราณอสูรโดยกำเนิด


เผ่าเกล็ดแดง


เผ่าอสูรที่จะสร้างเพลิงอสูรแดงเมื่ออารมณ์แปรปรวน


รูปลักษณ์โดยรวมคล้ายคลึงมนุษย์ มีความชำนาญสูง มักทำงานเป็นช่างในเขตเป็นกลาง หนึ่งในเผ่าเกล็ดแดงที่มีชื่อเสียงคือช่างตีเหล็กแห่งนรก เฮลมิส


ทว่า เผ่าเกล็ดแดงส่วนมากมักไม่ถูกยอมรับ


ปราณอสูรของพวกมันมีคุณภาพและปริมาณน้อยยิ่งกว่าสัตว์อสูรเสียอีก จึงเป็นเรื่องปรกติที่จะถูกดูแคลน


เซปาร์ หนึ่งในเผ่าเกล็ดแดง เติบโตมาพร้อมกับสังคมอันโหดร้ายเช่นนี้


มันไม่เคยมีความทรงจำดีๆ ในวัยเด็ก


เพียงเพราะเกิดมาเป็นคนอ่อนแอในสังคม ชะตากรรมจึงถูกผู้แข็งแกร่งเหยียบย่ำตาม ‘กฎ’


อสูรดาบยารุกต์คือตัวตนที่คอยมอบความฝันและความหวังให้มัน


แม้จะเกิดในเผ่าอสูรลำดับต่ำเหมือนกัน แต่ยารุกต์กลับชำนาญดาบในระดับที่สามารถต่อกรกับจอมอสูร


เซปาร์ต้องการเป็นเหมือนยารุกต์


จากนั้นก็ฆ่าทิ้ง


***


ฉูด—!!


โลกถูกฉาบไปด้วยสีแดงฉาน ทั้งหมดคือเลือดของเซปาร์


‘นี่มันระดับอริยดาบเลยไม่ใช่หรือ?’


ไคล์ซึ่งตกตะลึงกับศึกดวลดาบตรงหน้ามาสักพัก ทวีความประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า


ประสาทสัมผัสของเหนือมนุษย์นั้นว่องไวมาก เซปาร์สังเกตเห็นทั้งสายตา การหายใจ และความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นของยารุกต์โดยละเอียด เข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่พลาดแม้แต่จังหวะเดียว จนถึงขั้นที่สามารถทำนายอนาคตได้เล็กน้อย


แต่นั่นกลับกลายเป็นยาพิษ


ยารุกต์อาศัยประโยชน์จากประสาทสัมผัสที่ดีเกินไปของเซปาร์หลอกล่อให้อีกฝ่ายคาดการณ์พลาด ในจังหวะที่เตรียมฟัน ยารุกต์ย้ายจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายในวินาทีสุดท้าย ส่งผลให้วิถีคบดาบหักเหโดยสิ้นเชิง


เป็นเพราะไคล์เฝ้ามองจากภายนอกในฐานะบุคคลที่สาม มันจึงตระหนักถึงสิ่งนี้อย่างใจเย็น


มีโอกาสเป็นไปได้มากที่เซปาร์ซึ่งกำลังเพ่งสมาธิกับการดวล จะยังคงสับสนว่าเหตุใดตนถึงรับดาบยารุกต์แทบไม่ได้เลย


นี่คือสถานการณ์การต่อสู้


‘ทำไมกัน?’


ในตอนที่มันกำลังได้เปรียบ ยารุกต์กลับโผล่มาขัดขวาง


นับตั้งแต่เริ่มดวลกับยารุกต์ สมาธิของเซปาร์ถูกเค้นจนถึงขีดสุดในทุกวินาที


บาดแผลที่ได้รับจากไคล์ค่อนข้างฉกรรจ์ มันจึงไม่คิดออมมือแม้แต่วินาทีเดียว เรียกได้ว่าเอาจริงมาตั้งแต่แรก


แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าแปลก มันอ่านทางดาบของยารุกต์ไม่ออกเลยสักนิด


ทั้งที่โอ้อวดว่ามีพัฒนาการอย่างมากในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังมิอาจรับมือ ‘ผี’ จากอดีต เรียกได้ว่ามีชะตากรรมเดียวกับเมื่อหลายร้อยปีก่อนทุกประการ


ไม่สิ ปัจจุบันอาจแย่ยิ่งกว่าด้วยซ้ำ


ในอดีต เซปาร์มีสถานะเป็นจอมอสูร ถูกสนับสนุนด้วยปริมาณพลังชีวิตมหาศาล


แต่ในทางกลับกัน ตอนนี้มันเป็นเพียงอสูร


ต่างจากสมัยก่อนที่สามารถรับมือดาบของยารุกต์ได้นานเจ็ดวันเจ็ดคืน ในปัจจุบัน ทุกดาบที่ยารุกต์ฟันเข้ามาราวกับมีอันตรายถึงชีวิต


สีหน้าของเซปาร์ที่ทั้งโกรธและอับอาย แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ส่งผลให้ไฟอสูรแดงปะทุขึ้นและวนเวียนรอบตัว


ยารุกต์หัวเราะ


“ผ่านไปร้อยปีก็ยังไม่เก่งขึ้นเลยนะ แถมยังอ่อนแอลง… เหมือนกับพวกมดปลวก”


“มดปลวกสินะ… อาจจะจริงก็ได้ ต้นกำเนิดของพวกเราไม่ต่างกัน”


“คึคึก… ถูกต้อง… ต้นทุนทางชีวิตของพวกเราไม่ต่างกัน”


เป็นความจริงที่ว่า วิชาดาบของยารุกต์ก้าวไปถึงระดับสุดยอดเรียบร้อยแล้ว แต่นั่นคือในแง่ของ ‘เชิงดาบ’


วิชาดาบที่เน้นการหลอกประสาทสัมผัสคู่ต่อสู้ด้วยการย้ายจุดศูนย์ถ่วง ส่งผลให้วิถีดาบหักเห


วิชาดาบเช่นนี้มีจุดอ่อนใหญ่หลวง


พลังทำลายของวิชาดาบตื้นเกินไป


เป็นผลมาจากการฟันในวิถีหักเหและผิดธรรมชาติ ความเสียหายจึงต่ำกว่าปรกติ


ความรุนแรงอาจเพิ่มขึ้นโดยการเปลี่ยนจุดหมุนจากแรงเหวี่ยงของการโจมตีก่อนหน้า แต่นั่นก็ช่วยได้ไม่มากนัก


ยังห่างไกลจากนิยาม ‘ตัดได้ทุกสิ่ง’ ของอริยดาบอยู่หลายก้าว


กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันขาดทีเด็ดทีขาด


แม้จะมีจอมอสูรจำนวนไม่น้อยหวาดกลัวต่อยารุกต์ประหนึ่งไฮดราในห้วงคุกนรก แต่จำนวนจอมอสูรที่ยารุกต์เคยสังหารนั้นมีแค่หยิบมือ


และเมื่อไม่มีความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน สถานะและระดับตัวตนจึงไม่พัฒนา


เป็นธรรมดาที่ยารุกต์จะก้าวไปไม่ถึงอริยดาบ


แต่นั่นก็ไม่แย่นัก


จำเป็นต้องมีพลังโจมตีในระดับทำลายล้างด้วยหรือ?


ลำพังการได้เฉือนเนื้อศัตรูออกไปเรื่อยๆ จนตายก็เพียงพอแล้ว


กระดูกและผิวหนังของเซปาร์อาจจะแข็งจนยากจะทำลายหัวใจ แต่ยารุกต์สามารถฆ่าเซปาร์ได้ด้วยการทำให้เลือดออกจนหมดตัว


“บัดซบ!”


เซปาร์ที่สวนกลับล้มเหลวจนต้องถูกฟันหัวไหล่ สบถออกมาอีกครั้ง


ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน มันมิอาจทำความเคยชิน


ดาบที่ควรจะพุ่งมาจากทางขวากลับฟันโดนฝั่งซ้าย และดาบที่ควรจะฟันสับลง กลับฟันเสยขึ้นมาจากด้านล่างแทน


มันพยายามตอบโต้ด้วยการตอบสนองในทิศทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่เห็น แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์ เพราะประสาทสัมผัสของเซปาร์อยู่ในกำมือยารุกต์มาตั้งแต่แรก


อสูรดาบยารุกต์


ตำนานของนรกยังมีชีวิตอยู่


‘ผ่านมากว่าร้อยปี แต่เรากลับยังเอาชนะเจ้านั่นไม่ได้!’


เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดไม่น้อย เซปาร์ไม่เคยมองว่าตัวเองอ่อนแอ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มันคงไม่อาสาเป็นทัพหน้า


‘ถ้าเราไม่ถูกขับออกจากบัลลังก์ล่ะก็…!’


เซปาร์จะช่วงชิงบัลลังก์มาจากจอมอสูรตนอื่นทุกครั้งที่ดวลชนะ


จุดสูงสุดคือลำดับสิบสาม


แต่มันมิอาจรักษาบัลลังก์ไว้ได้


นั่นเพราะเหล่าสัตว์อสูรดูแคลนว่ามันเป็นเพียงเผ่าอสูรระดับต่ำ


จริงอยู่ สัตว์อสูรอาจหวาดกลัวในมือฝีมือของเซปาร์ แต่พวกมันก็มิอาจทรยศสัญชาตญาณ ไม่ว่าจะมีทักษะและความสำเร็จมากเพียงใด แต่ในเมื่อเจ้านายมีปราณอสูรต่ำต้อยกว่า พวกมันก็กล้าที่จะแยกเขี้ยวใส่


เซปาร์สูญเสียความน่าเกรงขามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกระเด็นจากบัลลังก์


ไม่ผิดจากที่ยารุกต์ว่าไว้เลยสักนิด


ทั้งเจ้าและข้า ไม่มีใครสามารถเป็นผู้ปกครอง…


‘ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เราได้ตายแน่’


เซปาร์ต้องการจะร่นถอยเพื่อพักหายใจ แต่นั่นก็ไม่เกิดขึ้น


วิชาดาบที่ทรงพลังคอยกีดขวางทางหนีโดยสมบูรณ์


‘เราไม่อยากตาย! ไม่เด็ดขาด!’


จากที่เคยมีชีวิตเยี่ยงสุนัข มันพัฒนาตัวเองจนกระทั่งแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าคนที่ดูแคลน ได้แก้แค้น และได้ครองอำนาจเป็นระยะเวลาหนึ่ง แม้ในท้ายที่สุดจะสูญเสียอำนาจ แต่นั่นก็ไม่เลวร้ายนัก


เพราะมันทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จแล้ว - ความฝันที่จะเป็นเหมือนยารุกต์


แค่นั้นก็เพียงพอ


มันฆ่ายารุกต์และกลายเป็นอสูรดาบตนเดียวในนรก


เซปาร์ได้รับการชื่นชมที่มันเคยใฝ่ฝัน


นอกจากนั้น สงครามปัจจุบันคือโอกาสอันดีที่จะทวงบัลลังก์คืน เซพาเดียสัญญากับเซปาร์ไว้ว่าจะช่วยคุยกับบาเอลให้ และเซปาร์จะได้กลายเป็นอสูรขุนนางตัวจริงด้วยอำนาจของมหาบาเอล


มันไม่ต้องการจบชีวิตลงที่นี่ ไม่เคยอยู่ในหัวเลยสักนิด


ขณะเซปาร์กำลังสั่นกลัว


“เซปาร์ เจ้าไม่เคยเปลี่ยนไปเลย… ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับยารุกต์ เจ้ามักจะคิดมากเกินไปเสมอ… ข้าจึงเกลียดพวกที่บูชาตัวบุคคล”


ท้องฟ้าแยกออกเป็นสองฝั่ง


พรมแดงยื่นออกจากประตูมิติขนาดมหึมา - ใหญ่ขนาดแบ่งสนามรบออกเป็นสองฝั่ง


ภูตผีหลายสิบตนโผล่ออกจากประตูมิติดังกล่าวและลอยเรียงรายฝั่งซ้ายขวาของพรมแดง


ทั่วโลกต่างพากันกลั้นหายใจเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า


เนื่องจากภูตผีทั้งสามสิบตน แม้จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่าง แต่ทั้งหมดล้วนมีชื่อสีทอง


ฉากการแสดงความเคารพของพวกมันทั้งสามสิบตนได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ผู้พบเห็น


[จอมอสูรลำดับสี่ ราชาแห่งความตายผู้ปกครองวิญญาณ ‘คามิคิน’ ปรากฏตัว]


[คามิคินสามารถควบคุมดวงวิญญาณคนตาย หากท่านถูกสังหารด้วยฝีมือคามิคิน ความตายของท่านจะเลื่อนออกไปชั่วคราวและกลายเป็น ‘ทหารวิญญาณ’ นาน 5 ถึง 20 นาที]


[ในร่าง ‘ทหารวิญญาณ’ ท่านไม่มีสิทธิ์ขัดขืนคำสั่งของคามิคิน]


[ท่านจะได้รับความตายเมื่อเสียชีวิตในร่าง ‘วิญญาณทหาร’ หรือผลของบัฟหมดลง นอกจากนั้น วิญญาณของท่านจะได้รับความเสียหายอย่างหนักและมิอาจคืนชีพได้นานหนึ่งชั่วโมง]


[ขาทั้งสี่ของคามิคินทั้งว่องไวและแข็งแรง ไม่มีใครหยุดการวิ่งของคามิคินได้]


[ดวงวิญญาณที่ถูกลืมของอดีตวีรบุรุษจะคอยปกคุ้มครองคามิคิน]


ร่างกายท่อนล่างเป็นม้า แต่ท่อนบนคล้ายกับมนุษย์เพศหญิง


คามิคิน


จอมอสูรที่ร่วมมือกับเซปาร์เพื่อมอบความตายให้ยารุกต์


เธอปรากฏกายบนสนามรบด้วยพรมแดง


“เซปาร์ ข้าจะเล่นกับยารุกต์ให้เอง ส่วนเจ้าไปทำสมองให้โล่ง… เจ้าน่ะแข็งแกร่งมากในตอนที่ไม่คิดอะไร”


มีคำกล่าวติดตลกอยู่ว่า หากยารุกต์และเซปาร์นำพรสวรรค์มารวมกัน อริยดาบจะถือกำเนิดในนรก


วิชาดาบของยารุกต์เปี่ยมไปด้วยเทคนิคและเล่ห์กล ส่วนวิชาดาบของเซปาร์อัดแน่นด้วยพลังทำลาย


“เอาล่ะ ยารุกต์ มาเล่นกันเหมือนที่เคยทำดีไหม?”


ดวงตาแฝงประกายความโลภของคามิคิน จดจ้องไปยังยารุกต์ซึ่งกำลังยืนแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้นหิน ในคราวนี้เธอหมายช่วงชิงดวงวิญญาณของยารุกต์มาเก็บสะสม


“คามิคิน!!”


จิตสังหารของยารุกต์ระเบิดท่วมท้นในพริบตา ทว่า แตกต่างจากบรรยากาศที่เร่าร้อน ยารุกต์ไม่บุกเข้าไป แต่เลือกที่จะถอย


นั่นเป็นสัญชาตญาณ


ไม่ว่าเล็บแมวจะคมสักเพียงใด แต่ก็ไม่มีวันระคายผิวช้าง


เป็นเรื่องยากที่จะให้ยารุกต์เปิดฉากบุกใส่จอมอสูรที่ทรงพลัง


ขณะอสูรดาบกำลังสั่นเทาด้วยความกลัว แสงหนึ่งสว่างขึ้นด้านข้าง


เป็นประกายแสงของเวทเทเลพอร์ต


“ไสหัวไปซะ”


เสียงแผดอันเย็นเยียบดังกังวานไปทั่วสนามรบ


“ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”


ดวงตาสีแดงเลือดจ้องไปทางยารุกต์ มิใช่คามิคิน ภายในนั้นแฝงความเกลียดชัง


มันไม่ยอมยกโทษให้พฤติกรรมที่น่าสมเพชของบุคคลที่ถูกเรียกว่าบริวารของกริด


กึก


แม้กระทั่งย่างก้าวก็ยังเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม เปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์และเลอค่า เมื่อประกอบกับเสื้อผ้าที่แทบไม่มีรอยยับ ทุกสิ่งส่งเสริมให้สง่างามอย่างเหนือคำบรรยาย


ริมฝีปากคามิคินเริ่มกระตุกแผ่วเบาในยามที่จ้องมองชายผมเงิน


“นี่เจ้า…? ทายาทเบริอาเช่?”


“เจ้าไม่มีสิทธิ์เอ่ยนามของมารดาด้วยปากสกปรกนั่น”


บราฮัมขมวดคิ้วพร้อมกับหยิบไม้เท้าออกจากช่องสัมภาระห้วงมิติโดยไม่รีรอ


ไม้เท้าซึ่งถูกกริดปรับแต่ง


ฉึก!!


หอกแสงพุ่งลงจากท้องฟ้า ทะลวงใส่ร่างเซปาร์ในพริบตา


“…!?”


เซปาร์กำลังรวบรวมสมาธิในจังหวะที่คามิคินสร้างให้


เนื่องจากพยายามทำสมองให้โล่ง จึงมิอาจตอบสนองได้ทันท่วงทีและกลายเป็นแสงสีเทา


ข้อความระบบแสดงขึ้นบนมุมสายตาพีคซอร์ด


[ชิ้นส่วนลับ <อสูรดาบ> จบลงด้วยชัยชนะของยารุกต์]


[ยารุกต์ได้บรรลุเคล็ดลับ ‘ดาบไร้ความคิด’]


[ดวงวิญญาณของยารุกต์ถูกฟื้นฟูและถูกยกระดับ]


[ผนึกของอสูรดาบ ยารุกต์ อ่อนแอลง]


[ชิ้นส่วนลับ <ผนึกสุดท้าย> ปรากฏขึ้น]


[หากต้องการคลายผนึกให้ยารุกต์ จงทำลายจอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน]


“ร…เรื่องจริงหรือเนี่ย…”


พีคซอร์ดพึมพำด้วยสีหน้ามึนงงสุดขีด


ยารุกต์ปรารถนาความตายของเซปาร์มาโดยตลอด


แม้จะถูกผนึกในดาบ แต่ก็อดทนมาได้นานนับร้อยปีเนื่องจากความแค้นที่ฝังลึก


และมาวันนี้ โอกาสก็มาถึง


ในที่สุดมันก็จะได้ทำความฝันอันยาวนานให้เป็นจริง


ทว่า ก่อนที่จะได้ทำสำเร็จ จอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน ปรากฏตัวออกมาขวาง


ยารุกต์จมอยู่ในความสิ้นหวังสุดขีด แม้แต่พีคซอร์ดก็ยังมองไม่เห็นโอกาสประสบความสำเร็จ


ราวกับว่า โอกาสแก้แค้นที่รอคอยมานานนับร้อยปีกำลังจะอันตรธานหาย


ทว่า บราฮัมที่เพิ่งปรากฏตัว ลงมือเชือดเซปาร์ทิ้งอย่างง่ายดาย


แต่ตรงข้ามกับความชื่นชมหรือโล่งใจ สถานการณ์ปัจจุบันซับซ้อนเกินกว่าจะให้ตามทัน


“หืม…”


คามิคินฉีกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ไม่สมจริงและไม่น่ามอง ประหนึ่งหน้ากากของตัวตลก


“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมดาวถึงตก”


บราฮัม·เฮชวาล บุตรแห่งอดีตจอมอสูรลำดับสาม เบริอาเช่ มหาจอมเวทในตำนาน ดยุคแห่งปัญญา ชายผู้ครอบครองเศษเสี้ยวเทวตำนาน และผู้ส่งสารแห่งเทพโอเวอร์เกียร์ โยนคำถามใส่คามิคิน


สายตาคามิคินมิได้เผยความสนใจ คล้ายกับไม่แยแสคำถามไร้สาระ ในฐานะผู้ปกครองแห่งขุมนรก อารมณ์ของเธอค่อนข้างซับซ้อนและยากจะทำความเข้าใจ


“ได้ยินมาว่าเบริอาเช่มีทายาทอยู่หลายตน… ข้าจะมีโอกาสได้รวบรวมจนครบไหมนะ?”


คามิคินพ่นความคิดส่วนตัวโดยไม่ตอบคำถาม


บราฮัมคาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าจะมีจอมอสูรลำดับต้นๆ โผล่ออกจากห้วงคุกนรก จึงประจำการที่กรุงไททันมาตลอด


แต่สาเหตุที่ไม่ยอมออกมาช่วยจนถึงตอนนี้ เพราะมันมองว่าสถานการณ์น่าเบื่อเกินไป


บราฮัมเองก็ได้ชื่อว่าเป็นพวกอารมณ์แปรปรวนคนหนึ่ง


“มีเหตุผลเพียงเดียวที่ทำให้ดวงดาวตกลงมาได้”


บราฮัมตอบคำถามตัวเอง


“พวกมันตอบสนองต่อเจตจำนงของข้า”


ฟ้าว—!


ท้องฟ้าลุกไหม้จนกลายเป็นสีส้ม ฟ้าดินสั่นสะเทือนรุนแรง


อุกกาบาตหลายสิบดวงถูกดึงจากวงโคจรลงตกลงมาเหนือศีรษะคามิคิน


เหล่าดยุคและอัศวินต่างเร่งมืออพยพผู้คน ชาวเมืองและผู้เล่นทยอยหนีตายกันสุดชีวิต บรรดานักข่าว สตรีมเมอร์ และผู้ชมทางบ้านเอาแต่เฝ้ามองเหตุการณ์จนลืมหายใจ ส่วนพีคซอร์ด ไคล์ และยารุกต์หมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน


ทุกคนหันไปบราฮัมพร้อมกับเปิดปากกว้าง


ผืนดินไหม้เกรียมและพังถล่ม ควันดำแผ่ปกคลุมท้องฟ้าพร้อมกับเสาลำแสงสีเทาจำนวนมาก


สีหน้าที่พึงพอใจของบราฮัม ผู้เฝ้ามองทัศนียภาพซึ่งดูราวกับเป็นวันสิ้นโลก มอบความรู้สึกที่ซับซ้อนและหลากหลายให้กับผู้คน


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,035
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00