จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,498



“บราฮัม!!”


อา… อือ… โอว…


เสียงพึมพำดังระงมไปทุกสารทิศ


เป็นเสียงโหยหวนของทหารวิญญาณนับหมื่นที่พรั่งพรูจากใต้ดิน


พวกมันรายล้อมคามิคินพร้อมกับง้างหอก ดาบ หรือไม่ก็เตรียมร่ายมนตร์


ฉากตรงหน้าเปรียบประหนึ่งการโหมบุกของกองทัพ


“ไอ้พวกสุนัข…”


พีคซอร์ดและเหล่าอัศวินที่คอยให้กำลังใจบราฮัม ผงะถอยหลังในสภาพเหงื่อชุ่ม


ไคล์และสองดยุคก็กำลังตึงเครียด


บรรยากาศคุกคามจากกองทัพวิญญาณนั้นน่าสะพรึง เพราะไม่เพียงจะมีจำนวนมาก แต่วิญญาณทุกดวงล้วนเก่งกาจ


‘ต้านทานสายฟ้า?’


หลังจากโจมตีทดสอบและยืนยันได้ว่า สายฟ้าของตนไม่มีผลมากนัก ไคล์มองหาทางหนีทันที


เนื่องจากวิญญาณไม่ใช่สสาร มันจึงสันนิษฐานว่าสายฟ้าอาจใช้ไม่ได้ผลเลย แต่โชคดีที่ยังพอจะสร้างความเสียหายได้บ้าง


‘ตอนนี้ไม่สำคัญว่าการโจมตีของเราจะได้ผลหรือไม่ พวกเราไม่มีโอกาสชนะเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเลย’


ไคล์กลัวบราฮัมไม่ต่างจากกริด


เพราะบราฮัมเคยพรากแขนของมันไปหนึ่งข้าง


ทว่า บราฮัมคนเดียวกันกลับไม่มีโอกาสเอาชนะคามิคิน


ไคล์สังเกตเห็น


‘คามิคินยังไม่ได้โจมตีบราฮัมแม้แต่ครั้งเดียว’


ไม่สิ เรียกว่าไม่มีโอกาสให้โจมตีมากกว่า


การคอมโบเวทมนตร์อย่างต่อเนื่องของบราฮัม ยอดเยี่ยมเสียจนคามิคินไม่มีช่องว่างตอบโต้


แต่มานาคือสิ่งที่หมดไป


นี่คือสัจธรรม


ไคล์มั่นใจว่าอีกไม่นานมานาของบราฮัมจะหมดลง ใช่แล้ว การกระหน่ำเวทมนตร์ระดับตำนานชุดใหญ่จะไม่สิ้นเปลืองมานาได้อย่างไร?


‘ในทางกลับกัน เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ตลอดเวลา’


ไม่ว่าจะโจมตีสักแค่ไหนก็ไร้ค่า ตราบใดที่ยังสร้างความเสียหายกับร่างกายส่วนล่างของคามิคินไม่ได้


ยังมีเวลาหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว…


ขณะไคล์กำลังครุ่นคิด


“ลูกชายของข้า!!”


เสียงกรีดร้องของคามิคินสร้างคลื่นกระเพื่อมเป็นวงกว้างจนไคล์สัมผัสได้


ร่างของทหารวิญญาณทุกตนพร่ามัวในทันที มวลพลังงานอันแหลมคมกระจายออกไปทุกทิศทาง


นั่นคือผลพวงจากการที่ดวงวิญญาณนับหมื่นสละร่างมนุษย์และกลายเป็นอาวุธ ทั้งหมดอยู่ในรูปลักษณ์หอกดาบ พุ่งถาโถมเข้าใส่บราฮัมประหนึ่งคลื่นยักษ์


ไคล์เย็นไปถึงสันหลัง


มันอ่านความคิดคามิคินออก


แม้ว่าสัตว์ประหลาดตนดังกล่าวจะดูคล้ายเสียสติ แต่ไคล์กลับคิดว่าอีกฝ่ายชาญฉลาด


ยุทธภัณฑ์วิญญาณมีจำนวนมหาศาลจนนับไม่ไหว


พวกมันครอบคลุมทุกพื้นที่ในสนามรบ


บราฮัมไม่มีตำแหน่งให้เทเลพอร์ตหรือบลิงค์หนี


ในสภาพดังกล่าว ทางเลือกเดียวของบราฮัมคือตั้งรับ


และเจตนาของคามิคินก็คือ บีบให้บราฮัมกางบาเรียและผลาญมานาจำนวนมากในคราวเดียว


“ชิ…”


บราฮัมซึ่งยืนเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ตามลำพัง แสดงอารมณ์ที่พบเห็นได้ยาก นั่นคือการขมวดคิ้วหน้าเครียด


มันกำลังโกรธที่สมาธิของตนถูกขัดขวาง


สภาพแวดล้อมตรงหน้าวุ่นวายเสียจน มันมิอาจวิเคราะห์หาคำตอบของคำถามก่อนหน้านี้


“โฟรเซ่น·เท็มเพสต์” (Frozen Tempest)


แกร่ก


“…?”


สนามรบที่มีเปลวไฟลุกท่วมจากการกระหน่ำมหาเวทชุดแล้วชุดเล่า


สนามรบที่เต็มไปด้วยกองทัพวิญญาณทุกซอกมุม


สนามรบที่ท่วมท้นไปด้วยจิตสังหารอันเดือดพล่านและร้อนระอุ


แต่ท่ามกลางสนามรบเดียวกัน ไคล์กลับเห็นภาพหลอนว่าปลายนิ้วของตนกลายเป็นน้ำแข็ง


ไม่สิ นั่นไม่ใช่ภาพหลอน


ประกายแสงระยิบระยับของดวงจันทร์ส่องเข้ามาในตาไคล์


มันสังเกตเห็นว่า การหักเหของแสงไม่สม่ำเสมอ


นั่นเพราะวัตถุที่สะท้อนแสงมีรูปทรงแตกต่างกันไป


ผลึกน้ำแข็ง


ผลึกน้ำแข็งกำลังปกคลุมสนามรบ


มหาจอมเวทผู้สามารถดึงดวงดาวลงมาได้ตามใจปรารถนา


“อยู่นิ่งๆ ไปสักพัก”


บราฮัมส่ายหน้าพลางโบกมือด้วยท่าทีรำคาญใจ


แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!


มวลอากาศอันเย็นยะเยือกยังคงแผ่ไปตามพื้นดินไม่รู้จบสิ้น


อาวุธวิญญาณที่กำลังพุ่งเข้าใส่ ทั้งหมดถูกแช่แข็งในพริบตาจนดูเหมือนรูปปั้นคลื่นยักษ์


เช่นเดียวกันกับเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้สนามรบท่ามกลางซากอาคารบ้านเรือน


สถานการณ์ฝั่งพีคซอร์ด อัศวิน ไคล์ และดยุคก็ไม่ต่างกัน


ทุกสรรพสิ่งในรัศมีกลายเป็นน้ำแข็ง


และไม่ใช่แค่กรุงไททัน


แต่ทั่วทั้งทวีปตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ชะตากรรมร่วมกันคือการกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง


[มหาเวทในตำนานถูกสำแดง]


[จุดสูงสุดของเวทมนตร์กำลังแช่แข็งโลกทั้งใบ]


“เฮ้อ…”


บราฮัมพ่นลมหายใจพลางลอยตัวตามลำพังในโลกที่ตนสร้างขึ้น


โชคดีที่เวทมนตร์อันทรงพลังดึงดูดสายตาผู้คน


จึงไม่มีใครเห็นฝ่ามือที่สั่นเทาของบราฮัม


‘เราต้องการเวลาก่อนที่จะลงมือปิดฉาก’


มันใกล้ได้ข้อสรุปเต็มที


เพื่อที่จะเอาชนะจอมอสูรเสียสติ มันต้องการเวลาสำหรับจัดระเบียบความคิด วิเคราะห์ศัตรูอย่างละเอียด และแปลงเป็นสูตรเวทมนตร์


แต่ดูเหมือนจะมีเวลาไม่พอ


ร่างกายคามิคินที่กำลังถูกแช่แข่ง เริ่มแสดงอาการผิดปรกติ


กล้ามเนื้อต้นขาที่แข็งแรง มีการสั่นกระตุกให้เห็น


ในวินาทีที่ขาลอยขึ้นจากพื้น กระแสเวลาของเธอจะกลับมาไหลตามปรกติทันที


จากนั้น เธอจะปรี่เข้าหาบราฮัมพร้อมกับใช้ขาอันทรงพลังเหยียบย่ำลงบนหน้าอก


เนื่องจากบราฮัมสาดกระหน่ำมหาเวทจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง วงจรเวทมนตร์จึงไหลเวียนช้าลง 0.05 วินาที โดยนี่คือเวลาที่คำนวณจากการนำโลกจินตภาพออกมาใช้


โอกาสหลบให้พ้นนั้นริบหรี่เหลือเกิน


‘…ช่วยไม่ได้ล่ะนะ’


มันไม่อยากให้ผู้คนเห็นสภาพที่น่าสมเพชของตัวเองสักเท่าไร แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับในความแข็งแกร่งของคามิคิน


คงต้องยอมถูกป่นกระดูก เพื่อแลกกับการทำลายขาของหล่อนสี่ข้าง…


สมองของบราฮัมประมวลผลเร็วขึ้น


มันพยายามเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นสูตรเวทมนตร์ภายในเสี้ยววินาที


อาจทันแค่บางส่วน


แต่บางส่วนก็ยังดี


หากมันปลดปล่อยเวทมนตร์ใหม่ออกไป ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็เพียงพอที่จะทำลายขาที่ทนทานของเธอ


“…”


ในสภาพหลับตา ขนตาบราฮัมสั่นไหวแผ่วเบา เปลือกตากระตุกต่อเนื่อง


ฉึบ


เส้นกรามของมันยกขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากการขบกราม


ฉึบ


ใบหูกระตุกเพื่อตรวจจับเสียงรอบๆ ตัว


คามิคินกำลังใกล้เข้ามา


ทันใดนั้น


[เทพธิดาแห่งแสง รีเบคก้า สำแดงอิทธิฤทธิ์ ทุกสิ่งที่ถูกแช่แข็งจะกลับเป็นปรกติราวกับไม่เคยเกิดขึ้น]


เพล้ง—


อาวุธวิญญาณที่ถูกแช่แข็ง แตกละเอียดกลายเป็นเศษแก้วและสลายไป เปลวไฟที่ปกคลุมสนามรบดับมอดในพริบตา


สติสัมปชัญญะของผู้คนกลับเป็นปรกติ


สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนทวีปกะพริบตาด้วยความสับสนเล็กๆ


ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา


“ยอดเยี่ยม!!”


คามิคินเข้าประชิดตัวบราฮัม


ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก เธอกลับเป็นปรกติก่อนที่โลกจะถูกฟื้นฟูด้วยซ้ำ


จอมอสูรลำดับสี่กระแทกเท้าคู่หน้าที่ยกขึ้น


ลำพังการเคลื่อนไหวแสนธรรมดาดังกล่าว สร้างสายลมกระโชกที่ราวกับจะทำให้แรงโน้มถ่วงของโลกเพิ่มขึ้น พื้นดินในจุดที่บราฮัมยืนเกิดระเบิดจากแรงปะทะมหาศาล


โลกจินตภาพของบราฮัมถูกทำลาย


โลกจินตภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเมื่อครั้งยังเป็นแวมไพร์ มันจึงไม่สมบูรณ์ เว้นเสียแต่บราฮัมจะกลับไปเป็นแวมไพร์อีกครั้ง


ปึด


เลือดไหลออกจากดวงตา หู ปาก และจมูกของบราฮัม


ที่ปลายไม้เท้า เวทมนตร์ซึ่งถูกควบแน่นเป็นทรงกลมกำลังส่องแสง


เวททรงกลมดังกล่าว หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงจนดูราวกับหยุดนิ่ง


“พันนิชเมนต์” (Punishment)


—!


ความพังพินาศที่มีเสียง


เสียงสุดสยดสยองเหนือพรรณนาที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน ดังกังวานไปรอบทิศ


กระดูกและหัวใจบราฮัมถูกกีบเท้าคู่หน้าของคามิคินบดขยี้ เกิดเป็นเสียงอันน่าสะพรึงยิ่งกว่าสภาพบาดแผล


แต่หลังจากเสียงดังกล่าวจบลง


“อ๊ากกกก!!”


เสียงกรีดร้องอันบิดเบี้ยวของคามิคินดังขึ้น


เมื่อตระหนักว่าขาหน้าของตนหายไปโดยสมบูรณ์ ใบหน้าคามิคินพลันซีดเผือด


“วิญญาณของเจ้า…! ข้าจะทรมานดวงวิญญาณของเจ้าไปชั่วนิรันดร์!!”


“ช่างอ่อนแอ…”


ความรักเชิงมารดาของคามิคินมิได้เกิดจากความจริงใจมาตั้งแต่ต้น


เธอละทิ้งคำสัญญาที่จะดูแลบราฮัม สายตาจดจ้องอีกฝ่ายด้วยความเคียดแค้น


ราวกับตอบสนองต่อโทสะและจิตสังหารของจอมอสูรลำดับสี่ วิญญาณจำนวนมากพรั่งพรูขึ้นมาจากใต้ดิน


เฉกเช่นกองทัพวิญญาณก่อนหน้า จำนวนของพวกมันคือหลักหมื่น


โลกนี้ไม่ได้มีวิญญาณคนตายแค่สองสามดวงอยู่แล้ว


และเหนือสิ่งอื่นใด ดวงวิญญาณมิใช่สิ่งที่ถูกทำลายได้ง่ายนัก


ดวงวิญญาณจะไม่หายไปหลังจากเสียชีวิต แต่จะคงอยู่ในแม่น้ำแห่งการคืนชีพเป็นระยะเวลาหนึ่ง


กล่าวคือ กองทัพวิญญาณของคามิคินมีจำนวนใกล้เคียงอนันต์


นอกจากนั้น วิญญาณที่เธออัญเชิญขึ้นมาใหม่ ยังมีหนึ่งในเหล่าวีรบุรุษที่ตายไปท่ามกลางฝนอุกกาบาตของบราฮัม


พวกมันถูกเรียกกลับจากแม่น้ำแห่งการคืนชีพ


“ไสหัวไป! หลีกทางซะ! ไอ้พวกระยำ!!”


พีคซอร์ดปรี่เข้าไปกลางดงศัตรู


มันมิได้อัญเชิญยารุกต์ เป็นการประจันหน้ากับกองทัพศัตรูตามลำพัง


เพียงเพื่อปกป้องบราฮัม


มันเคยเห็นกริดในตอนที่ข่านตาย


พีคซอร์ดไม่ต้องการให้กริดเจ็บปวดแบบเดิมอีก


“…ย๊ากกกก!!”


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!


เสียงดาบถูกชักและเก็บกลับเข้าฝักดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


แต่ด้วยเอกลักษณ์ของคลาส ยิ่งโจมตีต่อเนื่อง ร่างกายก็ยิ่งรับภาระหนัก ถึงอย่างนั้นพีคซอร์ดก็ฟาดฟันศัตรูโดยปราศจากความลังเล ฝักดาบถูกย้ายมาคาบที่ปาก แทนแขนซ้ายที่หักและเคลื่อนไหวไม่ได้อีก


เหล่าดยุคและอัศวินเองก็ไม่ต่าง


พวกมันเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่สนใจสภาพร่างกายตัวเอง


> บ้าบอสิ้นดี…


> อย่าบอกนะว่า… พวกเขาจะตายกันหมด…


> ไม่มีทาง บราฮัมไม่มีทางพ่ายแพ้


> แต่บราฮัมในตอนนี้…


ดังที่เคยกล่าวไป จำนวนกองทัพวิญญาณนั้นใกล้เคียงอนันต์


จอมเวทซึ่งเสื้อผ้าสีขาวโพลนถูกย้อมเป็นสีแดงฉานเหมือนกับดวงตา กระหน่ำยิงศรเวทอย่างไม่ลดละ


นักดาบที่คาบฝักไว้ในปาก เมื่อแขนขวาหัก มันปลุกจิตวิญญาณเทควันโดและเริ่มประเคนลูกเตะ


ราชาสัตว์ป่าในร่างสัตว์ร้าย หลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดหลังจากสัตว์ที่มันชุบเลี้ยงถูกทำลายจนเกลี้ยง


ราชาอมตะถูกตรึงด้วยกองทัพวิญญาณที่ไม่ว่าจะล้มลงไปเท่าไรก็กรูเข้ามาโจมตีไม่หยุดพัก


กองพันอัศวินสีชาดมีสภาพไม่ต่างจากเม่น แม้พวกมันจะถูกคมหอกคมดาบวิญญาณแทงร่างกายจนพรุน แต่ก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคงประหนึ่งต้นไม้ใหญ่


ผู้เล่นและทหารที่ถูกช่วยเหลือในตอนแรก ตัดสินใจกลับเข้าร่วมสงครามอีกครั้ง


พวกมันหันหลังให้กับทางรอด และเลือกเดินบนเส้นทางที่แสงสว่างแสนริบหรี่


จนกระทั่ง


“คึฮ่าฮ่า! ฮะฮะฮ่า!!”


จอมอสูรยิ้มเยาะอย่างภาคภูมิใจเมื่อขาของหล่อนฟื้นฟูกลับมา


『ข… แข็งแกร่ง! ศัตรูแข็งแกร่งมากครับ!!』


> บัดซบ! เกมมันจะมีโทษห้ามออนไลน์ไว้ทำไมฟะ!


> คนอื่นมัวทำอะไรกันอยู่! ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ บราฮัมได้ตายจริงแน่!!


จอมอสูรหลักเดียว


เมื่อผู้คนได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของตัวตนที่พวกมันไม่เคยรู้จักมาก่อน ความสิ้นหวัง ท้อแท้ และเสียใจเริ่มถาโถม บางคนสบถอย่างหัวเสีย


กลุ่ม NPC ที่แข็งแกร่งที่สุด และหนึ่งในผู้เล่นที่ต่อสู้ได้เก่งกาจที่สุดของโลก กำลังพ่ายแพ้อย่างหมดสภาพ


มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถทำใจยอมรับสภาพความจริงอันเลวร้ายตรงหน้า


ท่ามกลางความสิ้นหวัง


“บราฮัม”


เสียงแหลมเล็กดังกังวานไปทั่วสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือด เสียงโหยหวน และคำหยาบคาย


เสียงดังกล่าวฟังดูชวนฝันและน่าหลงใหล


ไม่ใช่แค่ผู้ชมทางบ้าน แต่ยังรวมถึงเหล่านักรบที่กำลังจะตายในสมรภูมิ ทุกคนต่างพากันผงะและหยุดหายใจ


“ข้าง่วงอีกแล้ว คงต้องกลับไปนอนอีกครั้ง… จะคืนมันให้ก็แล้วกัน”


แปะ


เลือดหนึ่งหยดสัมผัสกับกึ่งกลางหน้าผากที่เต็มไปด้วยบาดแผลของบราฮัม


เลือดดังกล่าวไหลซึมเข้าไปในหัวใจที่มีสภาพพังยับเยิน


ตึกตัก!


หัวใจของมันซึ่งเต้นแผ่วเบามานานนับร้อยปี กลับมามีชีวิตชีวาและสูบฉีดเต็มพิกัดอีกครั้ง


“…พลังของเจ้าน่ะ”


เลือดของหนึ่งในสามอสูรต้นกำเนิด จอมอสูรลำดับสาม เบริอาเช่


[ผู้ส่งสารของท่าน ‘บราฮัม’ ได้รับพลังแวมไพร์ทายาทกลับคืนมา]


บัดนี้ พวกมันกลับมาไหลเวียนภายในระบบเส้นเลือดใหญ่ของบราฮัมอีกครั้ง


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,040
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00