จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,503
“บีบัน! บีบันนนนน!! ไม่!!”
ม่านดาบที่ปกคลุมบีบันและเซราทุล
ฉากของดาบและใบดาบจำนวนมหาศาลที่เรียงร้อยถักสานเข้าด้วยกัน สะท้อนและดูดซับแสงให้กันและกัน ชวนให้นึกถึงอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราย งดงามราวกับภาพงามศิลป์ชิ้นเอก
อย่างไรก็ตาม ความจริงช่างโหดร้ายกับกริดที่กำลังเอื้อมมือเข้าหา
สองมือที่พยายามจับคว้า ถูกคมดาบฟันจน เหวอะหวะ เลือดสีแดงฉานอาบท่วม
กระดูกมือถูกเผยออกมาท่ามกลางเนื้อหนังที่หยาบกร้าน
“ฝ่าบาท!!”
“ได้โปรดใจเย็น…”
เหล่าเด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งบุตรีแห่งรีเบคก้า
เดิมที ชะตากรรมของพวกเธอคือการกลายเป็นหุ่นเชิดของศาสนจักร เป็นแขนขาที่ถูกใช้งานโดยไม่หยุดพัก
แต่ต้องขอบคุณดาเมี่ยนที่ช่วยเหลือออกมา และกริดที่คอยดูแลเอาใจใส่ พวกเธอจึงได้มีชีวิตในแบบปรกติ
เหตุผลสำคัญที่พวกเธอเต็มใจอุทิศชีวิตให้หลอด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ดาเมี่ยนและกริดต้องการ พวกเธอยังคงสำนึกในบุญคุณและหาทางทดแทนอย่างสุดความสามารถ
แม้ว่าพวกเธอจะไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างกริดและบุคคลที่ชื่อบีบัน แต่ดูจากท่าทีกึ่งคลุ้มคลั่งของผู้มีพระคุณ พวกเธอพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายสำคัญกับกริดมากแค่ไหน หลายคนอยากวิ่งเข้าไปสวมกอดและปลอบโยนกริด
อย่างไรก็ตาม สถานะของกริดสูงส่งเกินไป อาจยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปนี้แล้ว
อีกฝ่ายเป็นทั้งราชาและเทพโอเวอร์เกียร์
เมื่อไม่กล้าแตะต้อง เหล่าสตรีกว่าสามร้อยคนจึงทำได้เพียงมองไปทางกริด
ในระหว่างนี้ ลอร์ดที่เข้าไปดูอาการอิสซาเบลและบลันด์ ต่างก็ไม่กล่าวคำใดออกมา
ลอร์ดเคารพกริดมากกว่าใครในโลก จึงไม่กล้าเดาส่งเดช ทำเพียงเฝ้ามองโดยไม่ปริปาก
“…บัดซบ!!”
กริดทรุดคุกเข่าราวกับโลกกำลังจะแตก สบถคำหยาบคายออกจากปาก
มันไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าผู้ที่นับถือตนในฐานะบิดา กษัตริย์ หรือเทพ
ชายหนุ่มรู้สึกว่า หากไม่ปลดปล่อยความรู้สึกที่สุมอยู่ในอกออกไป ตัวมันอาจกลายเป็นบ้า
กริดกำลังโกรธจัด
มันโมโหที่เซราทุลบุกรุกเข้ามาโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า
มันโมโหการตัดสินใจของบีบัน
หากสู้ด้วยกัน โอกาสชนะย่อมมีมากกว่า แล้วทำไมถึงต้องดวลเดี่ยว?
ทุกสิ่งจะจบลงทันทีหากบีบันตาย
“…ทำไมถึงต้องทำเพื่อเราขนาดนี้”
ช่างเป็นมนุษย์ที่โง่เขลา
ทำไมถึงเอาแต่ให้ฝ่ายเดียว ไม่ยอมเป็นฝ่ายรับบ้าง?
เป็นนิสัยของสภาหอคอยที่ต้องอุทิศตัวเองเพื่อมวลมนุษย์? ชีวิตของตัวเอง เสียสละให้ผู้อื่นได้ง่ายดายขนาดนั้นเลย?
สุดโต่งเกินไปแล้ว
“โธ่เว้ย!!”
ปึง! ปึง! ปึง!
กริดลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับทุบม่านดาบด้วยความสิ้นหวัง
มันกำลังหวนนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุด
นั่นคือเมื่อครั้งที่ต้องบอกลาข่าน
ในตอนที่ข่านอยู่ในอ้อมอกและกำลังกลายเป็นแสงสีเทา ไม่ใช่ว่ากริดเคยสาบานกับตัวเองไว้หรอกหรือ?
ว่ามันจะไม่ปล่อยให้คนที่รักต้องตายไปต่อหน้าอีก
แม้จะแตกต่างจากข่านที่เปรียบดังพ่อ แต่บีบันก็มีความสำคัญในแบบที่หาใครทดแทนไม่ได้
ทั้งสองผ่านความทรงจำมากมายด้วยกัน
กริดคิดอยู่เสมอว่าจะตอบแทนบุญคุณของอีกฝ่ายในสักวัน
สัญญาไว้แล้วว่าจะสร้างดาบให้
“แต่เป็นเพราะเรา…”
ร่างกายกริดเริ่มซวนเซ
เลือดสูบฉีดขึ้นมารวมกันที่ศีรษะเป็นจำนวนมากจนเกิดอาการวิงเวียน
ขณะทรุดคุกเข่าลงอีกครั้ง สายตาแหงนมองวิวทิวทัศน์ท้องฟ้าด้านบน
หัวใจชายหนุ่มสงบลงเมื่อได้เห็นเมฆเคลื่อนคล้อยเชื่องช้า
กริดสูดลมหายใจยาว
ทบทวนสถานการณ์อย่างใจเย็น
ม่านปราณดาบ?
สามารถตัดให้ขาดได้ด้วยดาบจันทราดับ
แต่ปัญหาก็คือ ดาบจันทราดับเป็นอาวุธลับ
หากใช้ดาบจันทราดับทำลายม่านปราณดาบ กริดจะไม่มีดาบจันทราดับสำหรับโจมตีเซราทุล หรือต่อให้มี แต่นั่นก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป นอกจากนั้นยังทำให้ความพยายามของบีบันสูญเปล่า
ถอดรหัสภาษาแห่งความตาย
กริดประเมินมูลค่าของสิ่งที่บีบันทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียสละตัวเอง
มันพยายามมองหาการใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้
‘บางที บีบันอาจจะ…’
ขณะกริดกำลังสร้างข้อสันนิษฐาน
“กรุณาออกคำสั่ง”
เสียงกระจ่างใสดังเข้ามาในหูกริด
ชายหนุ่มแหงนหน้ามองไปยังต้นเสียงและได้พบกับระลอกคลื่นสีฟ้า
จากนั้นก็ประสานสายตากับเมอร์เซเดส
ดวงตากลมกลึงของอีกฝ่ายยังคงสงบนิ่ง สีหน้าเยือกเย็นสุขุม
อีกฝ่ายยังคงปลอดภัยครบสามสิบสอง และนั่นทำให้กริดเบาใจ
“ดิฉันรอทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท”
[อัครสาวกของท่าน ‘เมอร์เซเดส’ ทำการสร้างปณิธานอัศวินข้อใหม่]
ฝ่ามือของเมอร์เซเดสที่กำลังสัมผัสกับมือกริดนั้นเย็นเยียบ เพราะเธอใส่ถุงมือโลหะ
แต่หัวใจกริดกลับละลายด้วยความอบอุ่น
ซาลิเอลเจ้าของปีกสี่คู่ ร่อนลงมายืนด้านข้างเมอร์เซเดส
ปิอาโร่และอัสโมเฟลก็ตามมาสมทบเช่นกัน
ฟันซี่ขาวของปิอาโร่ ดูเงางามเป็นพิเศษในวันนี้
“ศัตรูของฝ่าบาท เป็นได้เพียงปุ๋ยที่ทำให้ดินแดนของพระองค์อุดมสมบูรณ์มากขึ้น”
ดวงตาของอัสโมเฟลซึ่งเคยดูเหมือนปลาตาย ทวีความลุ่มลึกและกระจ่างใส
“ได้โปรดเฝ้ามองกระหม่อมต่อสู้กับตัวเอง”
“…”
กริดเผยรอยยิ้มเจือจาง
ร่างกายและจิตใจที่เคยเปี่ยมไปด้วยความโกรธและวิตกกังวล หายจากอาการสั่นเทาและกลับเป็นปรกติ
มันประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็นและออกคำสั่ง
“เมอร์เซเดส วิเคราะห์ม่านดาบด้วยเนตรมองทะลุ”
“ค่ะ”
“ซาลิเอล เตรียมทำลายม่านดาบทันทีที่เมอร์เซเดสวิเคราะห์เสร็จ”
“ไว้ใจได้เลย”
เป็นวิธีที่ใช้เวลาพอสมควร
แต่เพื่อรักษาดาบจันทราดับเอาไว้ มันไม่มีทางเลือกอื่น
และเหนือสิ่งอื่นใด กริดมีบางสิ่งที่ต้องจัดการให้เสร็จ
โดยระหว่างนั้น บีบันคิดจะยื้อเวลาไว้ให้
มันเลือกจะขังอีกฝ่ายไว้ในม่านดาบตามลำพัง แปลว่าบีบันมั่นใจว่าตนจะยื้อไว้ได้
ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อใจ
“อีกฝ่ายคือเทพสงคราม เป็นศัตรูที่แตกต่างจากในอดีตทั้งหมด… อาจมีใครสักคนต้องตาย แต่พวกเราก็ต้องสู้… หากวันนี้ทำอะไรมันไม่ได้ พวกเราก็ต้องคอยหวาดระแวงไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่”
“ขอรับ!”
เมอร์เซเดส ปิอาโร่ ซาลิเอล อัสโมเฟล ซินกูเล็ด อเมลด้า ดันเต้ เคนดริก
หนึ่งในกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ขานรับอย่างแข็งขันขณะยืนรายล้อมกริด
ไม่มีใครหวาดกลัวต่อทวยเทพเลยสักนิด
พวกมันต่างหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี
กริดเปิดอ่านของขวัญที่ได้รับจากบีบัน
[ตรวจสอบเนื้อหาของ ‘ถอดรหัสภาษาแห่งความตาย’]
[รายละเอียดที่ถูกเขียนอย่างพิถีพิถันโดยตัวตนสัมบูรณ์ ช่วยให้ท่านเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาก]
[ค่าสติปัญญาที่สูงของท่าน ช่วยให้ท่านเข้าใจเนื้อหาของ <ถอดรหัสภาษาแห่งความตาย> ได้อย่างครบถ้วน]
[ตอนนี้ท่านเข้าใจภาษาแห่งความตายแล้ว]
จากนั้น ความรู้ใหม่พรั่งพรูเข้ามาอย่างน่าอัศจรรย์
กริดปวดแปลบจนวิงเวียนศีรษะ เป็นความรู้สึกคล้ายมีใครบางคนใช้มือเจาะเข้าไปใสมองและบีบเล่น
หลังจากกัดฟันทนต่ออาการคลื่นไส้และอยากอาเจียน ชายหนุ่มรีบหยิบไดอารีมาดราออกมาอ่าน
มันรู้ว่าดีตนควรทำสิ่งใด และไม่ลังเลที่จะลงมือ
ซู่ว—
สติของกริดเริ่มดำดิ่ง ตัวอักษรแปลกหน้ากลายเป็นสิ่งที่อ่านออก เรียงตัวเป็นคำพูดที่มีความหมาย จากนั้นก็เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
เมื่อได้สติอีกครั้ง มันพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนหมู่เกาะเบเฮ็นเมื่อกว่าร้อยปีก่อน
มันอยู่ตามลำพังกับมาดรา ไม่สิ อัศวินความตายมาดรา คล้ายกับจิตของทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง กริดพบว่าห้วงอารมณ์ของตนกำลังท่วมท้นประหนึ่งจะถูกกลืนกิน
‘ผมขอโทษ แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องราวของคุณอีกแล้ว’
ความเห็นอกเห็นใจต่อโทสะและความแค้นของมาดรา กริดทำมามากพอแล้วเมื่อในอดีต
มาดราในปัจจุบันกำลังเสียสติ จึงเป็นการยากที่จะสนทนา
กริดเปิดรับเฉพาะสิ่งที่ตนต้องการ
เพื่อปกป้องคนสำคัญในปัจจุบัน วิญญาณจากอดีตต้องถูกปัดเป่า
‘ได้โปรดหลับให้สบาย’
[ท่านได้รับทักษะใหม่]
[ไดอารีของราชาไร้พ่าย มาดรา เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์]
***
อริยดาบบีบันได้ก้าวไปถึงขอบเขตของภาวะ ‘ดาบอยู่ที่ใจ’
จิตของมันคือดาบ และไม่มีสิ่งใดที่ดาบตัดไม่ขาด
เป็นเรื่องง่ายที่จะตัดห้วงมิติ
ม่านปราณดาบที่มันกางปกคลุมมิติ สามารถกีดกันทุกสิ่งออกจากโลกความจริงแม้กระทั่งเวลา
ดาบและใบดาบจำนวนมหาศาลที่หมุนวนอยู่รอบนอก ทั้งหมดอัดแน่นด้วยจิตอันแรงกล้า
เป็นจิตสังหารที่พุ่งไปหาเซราทุลเพียงผู้เดียว
“เจ้าหนู”
นับตั้งแต่บีบันปรากฏตัวจนถึงตอนนี้
เซราทุลจ้องมองสักพักก่อนจะเปิดปากพูดเป็นครั้งแรก
“ข้าชื่นชมผู้ที่พรสวรรค์ด้านการต่อสู้เสมอ นับตั้งแต่วันแรกที่เจ้าถือดาบจวบจนวันที่กลายเป็นสุดยอดแห่งดาบ ข้าคอยเฝ้ามองทุกลมหายใจ ถ้าลองมองย้อนกลับไป เจ้าจะได้พบกับความอบอุ่นที่ข้ามอบให้”
เซราทุลที่เปิดปากพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ร่างกายปราศจากรอยขีดข่วน
ปราณต่อสู้สีม่วงแดงกำลังผลักดาบจิตของบีบันออกไป
“เช่นนั้นแล้ว เหตุใดเจ้าถึงลืมบุญคุณและกล้าชี้ดาบใส่ข้า”
“ทำไมถึงทวงบุญคุณเอาป่านนี้? เจ้าไม่เคยบอกสักครั้งว่ากำลังดูอยู่ แล้วข้าจะไปรู้ได้ยังไง?”
“…”
“จริงสิ… นึกออกแล้ว เมื่อใดก็ตามที่ข้าเผชิญกำแพงสูงและทางตัน เจ้าคือผู้ที่พยายามล่อลวงให้ข้าเดินไปบนเส้นทางสบาย… เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ทำไมถึงกล้าเรียกความโสมมเช่นนั้นว่าบุญคุณ?”
“เจ้าเป็นเจ้าในทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะสามารถเอาชนะบททดสอบที่ข้ามอบให้หรอกหรือ?”
“ซับซ้อนขนาดนั้นคิดว่าข้าจะเข้าใจหรือ? คนอย่างข้าไม่มีวันเคารพในสิ่งที่ไม่เข้าใจ… และถ้าพิจารณาจากพฤติกรรมเมื่อครู่ คนอย่างเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียกตัวเองว่าเทพ”
ผู้คนจำนวนมากกำลังล้มตายเนื่องจากกองทัพอสูรรุกราน
แต่เทพสงครามเซราทุลที่ถือกำเนิดจากมนุษย์ กลับเลือกรุกรานอาณาจักรโอเวอร์เกียร์แทนการช่วยเหลือมนุษย์ แถมยังพยายามทำร้ายกริด
ห่างไกลจากเทพที่มนุษย์หวังให้เป็นเหลือเกิน
เซราทุลที่อ่านเจตนาบีบันออก แสยะยิ้ม
“เจ้าหนู ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังเข้าใจผิด… เมื่อไม่นานมานี้ ข้าเพิ่งช่วยเหลือมนุษย์ไปทั้งสิ้น 230,927 ชีวิตโดยการตอบสนองต่อคำวิงวอนได้ทันท่วงทีก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่า ข้าสำแดงวิชาต่อสู้ให้เห็นในนิมิต แถมยังมอบพลังและแรงบันดาลใจ ช่วยให้มนุษย์จำนวน 230,927 คนรอดชีวิตและกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง… คิดจะปฏิเสธความดีเหล่านี้หรือ?”
ม่านปราณดาบคือโลกจินตภาพของบีบัน
เรียกได้ว่าเป็นจิตของบีบันเอง
ไม่ว่ามันจะชอบหรือไม่ แต่ระหว่างบทสนทนา บีบันสามารถอ่านเจตนาของเซราทุลได้บางส่วน และทราบว่าอีกฝ่ายมิได้โกหก
ทันทีที่มันลงมายังโลกมนุษย์ เทพสงครามเซราทุลตอบสนองคำวิงวอนของมนุษย์ไปสองแสนกว่าราย
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า เซราทุลช่วยคนไปแล้ว 230,927 ชีวิตโดยการมอบความแข็งแกร่งตามที่อีกฝ่ายปรารถนา
ทั้งหมดคือความจริง
แต่นั่นยิ่งทำให้บีบันทวีความรังเกียจ
“ต่ำทราม… เจ้าให้เคล็ดวิชาลับกับพวกเขา เพื่อให้คนเหล่านั้นเทิดทูนเจ้าเพียงผู้เดียว… พวกเขากำลังไล่ตามความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง”
สาวกเทพสงคราม
พวกมันแตกต่างจากมนุษย์ปรกติ
ไม่มีใครทราบว่าตัวเองเป็นใคร
หลงลืมชีวิตเดิมไปจนหมดสิ้น ทำได้เพียงเร่ร่อนและตามหาเคล็ดวิชาลับเทพสงครามไปตลอดชีวิต
นั่นไม่ใช่พฤติกรรมที่น่ายกย่อง
ก็แค่ศรัทธาจอมปลอมที่เซราทุลสร้างขึ้นเพื่อล้างสมองให้มนุษย์เหล่านั้นช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของตน
“นั่นคือการมาโปรดตรงไหน?”
“ข้าประทานพลังอำนาจให้กับคนที่ต้องการและจุดประกายความหวังให้พวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้มีเป้าหมายให้ไขว่คว้าไปจนตาย… ถ้านี่ไม่ใช่การมาโปรด แล้วสิ่งใดกันที่ใช่?”
“เจ้าเชื่อแบบนั้นจริงๆ สินะ… ไอ้ระยำ”
บีบันดึงดาบจากเสื้อ
เป็นมีดสั้นที่มีส่วนคมแคบ ใช้สำหรับถลกหนังสัตว์
แน่นอน สำหรับผู้สำเร็จวิชาดาบอยู่ที่ใจ ต่อให้ใช้มือเปล่าก็กลายเป็นดาบได้
ทว่า ฝั่งตรงข้ามคือเทพสงคราม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มีดสั้นเล่มนี้ยังขาดคุณภาพที่เพียงพอ
แต่จะให้ทำยังไงได้?
ดาบเดิมของมันถูกทำลายไปแล้วในการดวลกับกริด
“ข้าไม่มีวันยอมรับเจ้าในฐานะเทพ เพราะเจ้าไม่เคยเห็นอกเห็นใจมนุษย์ สิ่งที่ทำมีเพียงการบิดเบือนความปรารถนา… เฉกเช่นเทพธิดารีเบคก้า ข้าไม่นับถือหล่อนที่สร้างตัวตนอย่างเจ้าขึ้นมา”
โลกนี้โหดร้ายกับมนุษย์เกินไป
มังกร
อสุรกายที่สามารถทำลายมนุษย์หลายแสนในพริบตาด้วยการพ่นลมหายใจเพียงครั้งเดียว
พวกมันเป็นเพียงสัตว์ร้ายที่ทำตามสัญชาตญาณและความกระหาย
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะออกอาละวาดและเข่นฆ่ามนุษย์ในยามที่อารมณ์เสีย
แต่ทวยเทพกลับไม่แยแสมนุษย์ที่ต้องดำรงชีวิตท่ามกลางโลกที่สุ่มเสี่ยงใบนี้
บีบันอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
มนุษย์ช่างน่าสงสาร
นั่นคือเหตุผลที่มันเหวี่ยงดาบ
เพื่อสะบั้นความเหลวไหลของโลก รวมถึงสัตว์ประหลาดที่สร้างความเหลวไหลนั้น ดาบของมันแหลมคมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฉูด—
เลือดพรั่งพรูออกจากหน้าอกเซราทุล ปราณต่อสู้ที่คมดาบจำนวนมหาศาลมีอาจเข้าใกล้ถูกผ่าเป็นสองซีก
แต่ท้องบีบันก็ถูกทะลวงเช่นกัน
“ช่างโง่เขลา… ไม่ว่าเจ้าจะปฏิเสธอย่างไร แต่ข้าก็คือเทพ คิดว่ามนุษย์สามารถทำร้ายเทพได้จริงหรือ”
ขณะจ้องมองบีบัน บาดแผลของเซราทุลฟื้นฟูกลับเป็นปรกติ
ในทางกลับกัน ทัศนวิสัยของบีบันกำลังพร่ามัว
“…?”
เซราทุลที่ก้าวไปข้างหน้าและเตรียมทำลายหัวใจบีบัน พลันชะงักฝีเท้ากะทันหัน
มันสัมผัสได้ว่าตัวตนกำลังเจือจางลง
มันลงมาเยือนโลกมนุษย์โดยอาศัยความปรารถนาในพลังของมนุษย์ ระยะเวลาในการปรากฏตัวจึงมีขีดจำกัด แต่ยังไม่ทันถึงไหนก็ใกล้จะถูกส่งตัวกลับ
“ผ่านไปแล้วห้านาที… เจ้าเล็งสิ่งนี้ไว้ตั้งแต่แรก?”
ชายคนนี้มิได้ตัดขาดมิติเพื่อผนึกการไหลของกระแสเวลา แต่เป็นการบิดเบือนและเร่งให้เร็วขึ้น?
ได้ทราบเช่นนั้น เซราทุลขมวดคิ้ว
มันตัดสินใจรีบฆ่าบีบันและทำลายอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
ในเมื่อได้ลงมายังโลกมนุษย์ทั้งที ก็ควรบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองไม่ใช่หรือ?
ฉึก!!
มือของเซราทุลทะลวงใส่หัวใจบีบัน
มีดสั้นของบีบันก็แทงทะลุหัวใจเซราทุลเช่นกัน
แต่ความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองนั้นชัดเจน
เซราทุลไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย ส่วนบีบันหยุดขยับเขยื้อนโดยสิ้นเชิง แสงในดวงตาดับลง ศีรษะก้มต่ำมองพื้น
เพล้ง!!
ม่านปราณดาบแตกกระจาย
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เจตนาของเซราทุล แต่เป็นพลังจากภายนอก
“ดาบถล่มทัพห้าแสน”
การฟันเพียงหนึ่งดาบ
การโจมตีที่ถูกปลดปล่อยจากดาบจันทราดับ แหวกผ่าปราณต่อสู้สีแดงอมม่วงของเซราทุลพร้อมกับทำลายข้อมือ
ในเวลาเดียวกัน เซราทุลหายตัวมาโผล่ตรงหน้ากริด
ย้อนกลับไปในตอนที่กำลังจะถูกฟัน เซราทุลเบี่ยงตัวเพื่อลดทอนความเสียหายและลงมือโจมตีตอบโต้
ฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยความคมกริบ สัมผัสกับลำคอกริดในพริบตา
จากนั้นก็ทะลวงผ่านไป
กริดเผชิญความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่มันก็ไม่คิดที่จะป้องกันหรือสวนกลับ
ชายหนุ่มมองหาบีบันและใช้ชุนโป
ฉูด!
ลำคอของกริดฉีกขาดพร้อมกับเลือดสีแดงที่สาดกระเซ็น
ชายหนุ่มครางต่ำด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แต่ก็รีบพยุงบีบันไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับนำลูกท้อสีขาวออกมาถือ สิ่งนี้คือ ‘สุดยอดไอเท็มฟื้นฟู’ ที่ได้รับจากสวนสวรรค์ หนึ่งคนสามารถกินได้ครั้งเดียวตลอดชีวิต
ขณะกริดพยายามนำใส่ปากบีบัน
“ต่อหน้าข้า เจ้าคิดจะทำอะไร”
เซราทุลที่ตอบสนองด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ ประเคนส้นเท้าใส่ศีรษะกริด
เมอร์เซเดส ซาลิเอล ปิอาโร่ อัสโมเฟล หัตถ์เทวะที่จำแลงกายเป็นจักรกลเวทมนตร์ โนเอะ และแรนดี้
เซราทุลมองข้ามการโจมตีทั้งหมดและพุ่งตรงไปยังกริดเพียงผู้เดียว
ตัวมันเองเหลือเวลาไม่มากแล้ว
อย่างน้อยก็ขอเอาชีวิตบีบันให้ได้ก่อนกลับ
กริดเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลังเมื่อสัมผัสแรงปะทะจากส้นเท้า
แต่มันไม่คิดหลบหลีก ยังคงแน่วแน่ที่จะดันลูกท้อสีขาวเข้าไปในปากบีบัน
มันเตรียมใจสละชีวิตไว้นานแล้ว
แม้จะทราบดีว่า หากตนได้รับบาดเจ็บหนัก โอกาสที่ฝ่ายตนจะเอาชนะเซราทุลได้คงแทบไม่เหลือ แต่มันก็ต้องการรักษาชีวิตคนสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การเตรียมใจดังกล่าวกลายเป็นหมัน
เปรี้ยง!
ส้นเท้าของเซราทุลไปไม่ถึงกริด มันกระเด็นออกไปก่อน
“ถ้าเสร็จธุระแล้วก็กลับไป”
น้ำเสียงแผ่วเบาแฝงความสงบนิ่งและกระจ่างใสดังขึ้น ฟังดูไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดและร้อนรนตรงหน้า แสดงให้เห็นถึงความสูงส่งและสุขุมของผู้พูดได้เป็นอย่างดี
เป็นเสี่ยงที่อัดแน่นด้วยพลังอำนาจ สามารถทำให้เทพสงครามที่กำลังหัวเสียเพราะมนุษย์ ได้สติตื่นกลับมา
“ฮายาเตะ…”
ที่สุดของเหนือมนุษย์
ด้านหนึ่งของตัวตนสัมบูรณ์
นักล่ามังกรฮายาเตะ ตัวตนที่แม้แต่เซราทุลก็ยังไม่กล้ามองข้าม ตัดสินใจออกหน้าปกป้องกริด
Comments
Post a Comment