จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,502



‘พวกเราเอาชนะไม่ได้?’


โรสหันไปมองทางชายฝั่ง


บีเลธกำลังถูกตรึงไว้โดยโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สอง


แต่ไม่ใช่เพราะบีเลธอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย


แน่นอนว่าบีเลธแข็งแกร่งกว่ามา


แต่ปัญหาอยู่ที่พลังในการบิดเบือนห้วงมิติของโครงกระดูกหมายเลขสอง


บีเลธยากจะโจมตีให้โดนเป้าที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา


ในระหว่างนั้น กองทัพโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญโดยโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองก็เคลื่อนที่เข้าสู่แนวหน้าและกวาดล้างมอนสเตอร์


กองเรือโอเวอร์เกียร์ที่ระดมยิงปืนใหญ่โดยยังคงรักษาระยะห่างระหว่างชายฝั่ง ก็เป็นปัญหาไม่น้อยเช่นกัน


ปืนใหญ่โอเวอร์เกียร์กำลังสร้างหายนะ


ปืนใหญ่เกรดยูนีคหลายร้อยกระบอกจะสร้างความเสียหายคงที่ 45,000 หน่วยแบบกระจายใส่สนามรบและบีเลธ


ผู้เล่นคลาสพลปืนใหญ่หลายพันนายที่เคยถูกสังคมดูแคลนจนกระทั่งไม่กี่ปีก่อน เมื่อมีปืนใหญ่โอเวอร์เกียร์อยู่ในมือ พวกมันก็เริงร่าประหนึ่งปลากำลังแหวกว่ายในน้ำ


โชคยังดีที่พลังของบีเลธใช้กับกระสุนปืนใหญ่ได้


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพลังจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ก็มิอาจเปิดใช้ได้ตลอดเวลา ไม่สามารถสกัดกั้นกระสุนปืนใหญ่ได้ครบทุกนัด


นอกจากนั้น เป็นเพราะมัวแต่กังวลกับกระสุนปืนใหญ่ บีเลธจึงพลาดการตอบสนองศรปราบมารของจิสึกะที่มีพลังชำระล้าง


แน่นอนว่าบีเลธไม่โง่


เพื่อที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้มลม สกัดกั้นการระดมยิงจากปืนใหญ่ มันพยายามควบคุมกระสุนปืนใหญ่ให้ไปตกที่กองเรือ


แต่ปัญหาอยู่ที่กษัตริย์เผ่าวารีและกองทัพเผ่าวารีในน้ำ เมื่อใดก็ตามที่บีเลธโจมตีใส่กองเรือ พวกมันจะสร้างคลื่นเพื่อบรรเทาอานุภาพความเสียหาย


ความเสียหายที่เล็ดลอดถูกกรองซ้ำด้วยกองทัพเรือที่นำโดยโซลเยอร์ พวกมันคอยปกป้องปืนใหญ่และพลปืนอย่างแข็งขัน


เป็นภาพที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า


กองทัพศัตรูผสมผสานกันอย่างกลมกล่อมลงตัว


นอกจากนั้นยังมีกำลังเสริมที่ทยอยเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง


จนกระทั่งยูเฟอมิน่า หนึ่งในขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดของโอเวอร์เกียร์ เข้าร่วมสนามรบอย่างเป็นทางการ


เธอเป็นคนนำทัพจอมเวทโอเวอร์เกียร์ซึ่งมีแกนหลักเป็นชนเผ่าอัล


เจ้าแห่งชนเผ่าอัลคือ NPC พิเศษที่โด่งดังในด้านพรสวรรค์


โรสกัดกรามกรอด


เธอยิ่งทวีความโกรธเมื่อจินตนาการภาพลอเอลกำลังยิ้มเยาะในความมืดพลางรับชมสถานการณ์สงครามปัจจุบัน


“ “เจ้าพวกนี้มันช่าง…!” ”


เมื่อเวทมนตร์ถูกเพิ่มเข้ามาในการระดมยิงถัดจากกระสุนปืนใหญ่และศรปราบมาร ใบหน้าบีเลธเริ่มเปลี่ยนสี


เมื่อพิจารณาจากท่าที คล้ายกับมันกำลังจะเข้าสู่ช่วงที่สองในอีกไม่ช้า


โดยที่กริดและเหล่าอัครสาวกยังไม่ปรากฏกาย


เมื่อเห็นฉากที่จอมอสูรลำดับสิบสามกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างผิดความคาดหมาย โรสเกิดลางสังหรณ์


‘พวกเรากำลังจะแพ้จริงหรือ…’


ทั้งที่กลายเป็นอสูรแล้ว แต่ก็ยังต้องลิ้มรสความพ่ายแพ้?


ขอชนะสักครั้งบ้างจะได้ไหม…


โรสหัวเราะแห้งจิกกัดตัวเอง แต่เธอมิได้กล่าวโทษใคร


ไม่ว่าจะเป็นกองทัพนรกที่ถูกกดดันอย่างหนักทันทีที่สงครามเริ่มขึ้น หรือกองกำลังชาติพันธมิตรและผู้เล่นที่คอยสกัดกั้นอย่างสุดความสามารถ


โรสยอมจำนนต่อโชคชะตา


ทำไมเธอถึงแพ้และล้มเหลวทุกครั้ง?


โรสเชื่อว่านั่นเป็นเพราะเธอยังมีพลังไม่พอ


หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล


‘ก็ไม่รู้สินะ… เราอาจจะชนะในสักวันก็ได้’


แต่คงไม่ใช่ตอนนี้


สงครามยังเหลืออีกสามสิบสองวัน มีโอกาสให้แก้ตัวอีกมาก


ทันใดนั้น โรสที่ยอมรับสภาพแต่โดยดี ผ่อนคลายตัวเองจนสมองโล่ง


เมื่อหวนนึกถึงความสนุกที่แท้จริงของการเล่นเกม เธอรู้สึกสดชื่นพร้อมกับสัมผัสได้ว่าร่างกายของตนเบาลง


โรสก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งการรู้แจ้ง


เวทมนตร์ของเธอถูกยกระดับทันตาเห็น


ความเร็วในการร่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การผสานคอมโบเกิดขึ้นอย่างไร้รอยต่อ


สังเกตเห็นได้ง่ายแม้จะอยู่ท่ามกลางสนามรบที่มีผู้คนเรือนแสน


แต่นั่นกลายเป็นปัญหา


ลูกธนูของจิสึกะซึ่งเคยถูกระดมยิงกระจายไปทั่วสนามรบ เปลี่ยนมาเน้นที่ตำแหน่งเดียว


ตำแหน่งดังกล่าวคือโรส อสูรที่กำลังแสดงพลังแตกต่างจากในอดีต


เธอดึงดูดความสนใจจากศัตรูอันดับหนึ่งในสมรภูมิไว้เพียงคนเดียว ข้ามหน้าข้ามตาห้าจอมอสูรและอสูรอีกกว่าร้อยตน


จากมุมมองของโรส เรื่องแบบนี้มันบ้าบอสิ้นดี


ในทางกลับกัน


เธอมีความสุข


‘เราอาจจะเก่งกว่าที่คิดก็ได้นะ…’


ขณะเธอกำลังพึงพอใจกับศักยภาพที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยรู้ว่ามี ทัศนียภาพของโรสซึ่งถูกศรปราบมารเสียบร่างจนพรุน กลายเป็นสีแดงฉานเพราะถูกย้อมด้วยเลือดที่สาดกระเซ็น ร่างกายทรุดลงและแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทา


ทันใดนั้นเอง


[บริวารของบาเอลเข้าร่วมสงครามในฐานะกำลังเสริม]


[ขวัญกำลังใจของกองทัพนรกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่ม]


[มีข่าวว่า <ร่างที่ถูกผนึกของหนึ่งในเจ็ดมาร> ถูกค้นพบในห้วงนรก โทสะจึงพรั่งพรูออกมาผสมผสานกับ ‘โลกผสม’ ส่งผลให้ความเข้มข้นของปราณอสูรเพิ่มขึ้น อสูรทุกตนจะได้รับผลข้างเคียงบนโลกลดลง 20%]


‘เย็*แม่’


พอกูตายเท่านั้นแหละ…


โรสที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว แม้ปากจะยังคงยิ้ม แต่ครึ่งท่อนบนกำลังเกรี้ยวกราดสุดขีด ไม่ต่างอะไรกับคนเสียสติ


แต่ไม่มีใครเห็นภาพนี้


เผ่าอสูรและอสูรที่เพิ่งปรากฏตัว กรูกันเข้ามาเหยียบย่ำศพของเธอจนมิด จากนั้นก็หายไปอย่างไรค่าท่ามกลางแสงสีเทา


***


ในเวลาเดียวกัน กรุงไรน์ฮาร์ท


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์รีบตอบสนองต่อสงครามซึ่งปะทุขึ้นก่อนช่วงเวลาที่คาดหมาย


โครงการก่อสร้างเตาหลอมถูกเร่งรัด เหล่าวิศวกรถูกระดมพลมากกว่าในตอนแรกถึงสามเท่า


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตระหนักถึงความสำคัญของกริดเป็นอย่างดี


ด้วยการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมและเต็มประสิทธิภาพ กริดจึงสามารถทุ่มสมาธิทั้งหมดไปกับการออกแบบดาบเล่มใหม่


มันงัดทักษะ ‘ออกแบบไอเท็ม’ มาใช้โดยไม่หวงแหน


นี่คือดาบที่สร้างจากเขี้ยวมังกร วัสดุที่อาจจะหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้


ไม่ใช่เวลามัวถนอมทักษะการออกแบบ


นอกจากนั้น ชายหนุ่มยังประเมินว่าพิมพ์เขียวอาจจะให้ไอเท็มถูกผลิตได้เร็วขึ้น


กริดต้องการสร้างอาวุธและเข้าร่วมสงครามโดยเร็ว


ข่าวคราวของสถานการณ์สงครามที่ถูกรายงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้มันค่อนข้างกระสับกระส่าย


โดยเฉพาะสังเวียนของบราฮัม ชายหนุ่มเป็นกังวลอย่างมาก


ใจมันต้องการส่งอัครสาวกเพิ่มไปอีกหนึ่งคน แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้ทำ


การให้ซาลิเอลเคลื่อนไหวโดยลำพังยังอันตรายเกินไป ส่วนเมอร์เซเดสกับปิอาโร่กำลังฝึกในหอดาบ


คู่หูซิกเฟรคเตอร์และซีบาล รวมถึงเนเฟลิน่าซึ่งคอยตระเวนทำลายมอนสเตอร์ในเขตที่มีประตูมิติหนาแน่น ถูกโยกย้ายไปยังเกาะคอร์กเป็นการด่วน


นั่นเพราะมีข่าวว่าเฮลกาโอซึ่งเคยยืมร่างของ ‘เผ่าอสูร’ มาตลอด ปรากฏตัวในร่างจอมอสูรเป็นครั้งแรก


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรื่องนี้เกิดจากการที่ขอบเขตของโลกถูกทำลาย


ไม่ใช่เรื่องดีนักหากจะปล่อยให้มันหลุดออกจากเกาะคอร์กออกมาอาละวาดด้านนอก จึงต้องมีการส่งทีมไปปราบปรามโดยด่วน


‘ในบางสถานการณ์ เราอาจต้องไปด้วยตัวเอง’


ผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งวันนับตั้งแต่มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเริ่มขึ้น


แต่วิกฤติร้ายแรงกลับปะทุขึ้นทุกหัวระแหง


จากแผนเดิมที่กริดต้องการเข้าร่วมหลังจากสร้างดาบเสร็จ ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นความใจเย็นและโลภเกินไป


“…?”


กริดซึ่งจดจ่ออยู่กับงานพลางจับตามองสถานการณ์ของบราฮัมผ่านระบบ ‘สายสัมพันธ์’ พลันตัวแข็งเป็นรูปปั้น


เพราะมันได้รับข่าวใหม่ เป็นข่าวคราวของกำลังเสริมฝ่ายศัตรูที่พรั่งพรูออกจากทั้งห้วงนรกและหมู่เกาะเบเฮ็น


ตามด้วยข่าวจอมอสูรปรากฏกายจากประตูมิติ


‘พอกันที’


นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เราควรโลภ…


อันดับแรกต้องตั้งสติ


ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ถึงแม้จะไม่มีดาบเล่มใหม่ แต่มันก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะสร้างความได้เปรียบให้กับฝ่ายมนุษย์ได้


ขณะกริดใจเย็นลงและเตรียมลุกขึ้นยืน


<โนลล์ ลอร์ดแห่งเมืองแวมไพร์ นำกองทัพแวมไพร์เข้าร่วมสมรภูมิห้วงนรก มีการตั้งข้อสังเกตว่า เขาอาศัยอำนาจของลอร์ดในการสร้างภารกิจให้กับผู้เล่นเพื่อระดมกองทัพ>


<บองเดรแห่งวัลฮัลล่าชักชวนอดีตสมาชิกเจ็ดกิลด์ใหญ่เข้าร่วมสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็น>


<คริส ลอร์ดแห่งเรย์ดัน ออกเดินทางพร้อมกับกองทัพโดยเหลือส่วนหนึ่งประจำการที่เมือง ปลายทางคือห้วงนรก>


<นักรบคลั่งอันดับหนึ่งของโลก อาสึกะ และแบล็กเท็ดดี้กำลังนำทหารเกณฑ์ไปทางเขตใต้ คาดการณ์ว่าปลายทางคือหมู่เกาะเบเฮ็น>


<สองพี่น้องแบล็กไวท์ของเจรจา ประกาศว่าจะเข้าร่วมกองทัพโอเวอร์เกียร์โดยแลกกับสิทธิ์ในการซื้อไอเท็มเกรดเลเจนดารี>


<ไฮแรงเกอร์จำนวนห้าสิบคนของแดจินกรุปประกาศว่าจะเข้าร่วมสมรภูมิห้วงนรก>


<กองทัพของวิหารยาธานที่ทำการบุกรุกภาคกลาง ถูกสวาปามจกบัลเผ็ดล่อเข้าไปขังในดันเจี้ยนเขาวงกต>


<เสือดาวแอฟริกาสังหารอัศวินความตายนิรนามที่อาละวาดในอาณาจักรอาร์ค จากนั้นก็เดินทางลงใต้ คาดว่าปลายทางคือหมู่เกาะเบเฮ็น>


<ฮูเร็นเผชิญหน้าจอมอสูรลำดับสามสิบสามที่ปรากฏตัวขึ้นบริเวณภาคกลาง เขาทำได้ดี หลังมือของเขามีร่องรอยคล้ายอักขระ>


<รอยแมนนำหน่วยอัศวินหลวงเดินทางไปถึงห้วงนรกแล้ว มีเฮสเตอร์ร่วมทีมไปด้วย>


<หน่วยเงาโอเวอร์เกียร์ที่กระจายตัวอยู่ทั่วทวีปค้นพบแอ็กนัสที่เขตตะวันตก เฟคเกอร์ฆ่าทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว>


<แรงเกอร์หนึ่งร้อยแปดสิบคนของจินกรุปเข้าร่วมกับแค็ทซ์เพื่อเดินทางลงใต้ ปลายทางน่าจะเป็นหมู่เกาะเบเฮ็น>


<มีการยืนยันว่า เหนือกรุงไททันมีร่องรอยของเวทเคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่มขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นจอมปราชญ์สติกส์ที่มาพร้อมกับกำลังเสริมจากทวีปตะวันออกจำนวนแปดหมื่นนาย>


<มีการยืนยันว่า ประตูมิติบางส่วนถูกทำลายไป น่าจะเป็นฝีมือของยูร่าและครอเกลที่ยังอยู่ในนรก>


<มีการยืนยันว่า กองกำลังของนักบุญหญิงที่เดินทางลงใต้ เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ>


ข่าวใหม่ถูกรายงานเข้ามาเป็นระยะ


เนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางบวก


นั่นทำให้กริดฉุกคิดในสิ่งที่ตนหลงลืมไปชั่วขณะ


มันไม่ได้อยู่คนเดียว


ความพยายามในช่วงหลายปีหลังมิได้สูญเปล่า


ฝ่ามือของมันสั่นเทาด้วยอารมณ์ที่อัดแน่น


ขณะชายหนุ่มเผยรอยยิ้มโล่งใจ แผ่นหลังเกิดเย็นวาบขึ้นมากะทันหัน


<สาวกเทพสงครามที่กระจายตัวอยู่ทั่วทวีป เริ่มลงมือเข่นฆ่ากองกำลังพันธมิตร>


<หนึ่งในสามยอดฝีมือปรากฏตัวที่ป้อมปราการแพเทรี่ยน กำแพงป้อมถูกทำลาย ยังไม่ทราบชะตากรรมของมาร์คริสอัชเชอร์>


<ศัตรูนิรนามปรากฏตัวใกล้กับไรน์ฮาร์ท เซ็ดนอสและลาเอลล่าเสียชีวิต ยังไม่มีข่าวการคืนชีพ>


<วิหารใหญ่ของเทพโอเวอร์เกียร์ในเมืองหลวงถูกบุกจู่โจม ดาเมี่ยนเสียชีวิต ยังไม่มีข่าวการคืนชีพ ยังไม่ทราบชะตากรรมของอิสซาเบล>


<บลันด์และเบเนียลูนำกลุ่มชาวนาออกไปช่วย>


<เจ้าชายลอร์ดและคนรักอีกสามร้อยกำลังออกไปสมทบ>


“…!”


ข่าวใหม่พรั่งพรูเข้ามาเร็วกว่าในช่วงก่อนหน้า


กริดขยับตัวโดยไม่คิด เหาะขึ้นไปบนฟ้าพร้อมมองไปยังทิศทางของกำแพงเมืองชั้นนอก จากนั้นก็ใช้ชุนโป


ทันใดนั้นเอง


[สมญานาม <บิดาคนแรก> ตรวจพบวิกฤติของ ‘ลอร์ด’]


[ทักษะ <สัญชาตญาณของพ่อ> ถูกเปิดใช้งาน เพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ 80% เป็นเวลา 20 วินาทีและล้างระยะหน่วงของทักษะ]


“ลอร์ด!!”


ใบหน้ากริดบิดเบี้ยวราวกับปีศาจ มันขยายทัศนวิสัยจนพบตัวลอร์ดและใช้ชุนโปอีกครั้ง


“…!”


ทันทีที่ย้ายตำแหน่งสำเร็จ การโจมตีหนึ่งพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูง


เป็นพลังทำลายอันหนักหน่วงที่มันไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต


ประสาทสัมผัสเรียกร้องให้หลบ แต่มันทำไม่ได้เนื่องจากมีลอร์ดอยู่ด้านหลัง


เปรี้ยง!!


“คึ่ก…!”


กริดที่ยกดาบปัดป้องการโจมตี ถูกแรงปะทะมหาศาลกดทับจนทรุดตัวลง


มันคุกเข่าลงหนึ่งข้างพลางขบกรามแน่น ฝืนเงยหน้ามองศัตรูอย่างยากลำบาก


เทพสงคราม เซราทุล


ตัวตนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ กำลังยืนในท่ามือไพล่หลัง


มันไม่เลือดสักหยดไหลออกจากหน้าแข้งที่หวดใส่คมดาบของกริด


“รับการโจมตีของข้าได้…? สมแล้วที่ได้รับการยกย่องจากของเลียนแบบห่วยๆ อย่างซือโหยว”


“ไอ้ระยำ…!”


กริดถลึงตาจนดูน่ากลัว


มันเห็นฉากอันแสนสลดหดหู่ด้านหลังเซราทุล


สาวกของโบสถ์และชาวนานอนจมกองเลือด เช่นเดียวกันกับบลันด์และอิสซาเบล


เส้นผมแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว


กริดซึ่งเดือดดาลสุดขีด รีบฉาบร่างกายด้วยบัฟนานาชนิด


แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือ


“ข้าจำได้แล้วว่ามาหาเจ้าทำไม”


กึก


มีบางสิ่งกระทบไหล่กริด


เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง


ชื่อหนังสือ <ถอดรหัสภาษาแห่งความตาย> ถูกเขียนด้วยตัวบรรจง


“รับไว้และถอยไป”


สภาหอคอย บีบัน


ตัวตนที่ไม่ควรจะปรากฏสู่โลกภายนอก ระเบิดปราณดาบอันท่วมท้นต่อหน้าทุกคน


ใบหน้าบีบันเต็มไปด้วยความโกรธและรังเกียจ


“ฮายาเตะพูดถูก… พวกเทพบนแอสการ์ดเริ่มแก่ชราและเลอะเลือนกันหมดแล้ว”


ม่านดาบถูกกางออก


เป็นม่านดาบที่กีดกันเซราทุลและบีบันจากโลกภายนอก


“กริด… จงใช้ชีวิตแบบที่เคยเป็น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น”


เมื่อได้ยินคำพูดที่ราวกับเป็นคำสั่งเสีย กริดพยายามเอื้อมมือออกไปจับคว้าม่านดาบ


แต่มันเอื้อมไม่ถึง

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,047
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00