จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,493
โดนฟันตั้งแต่เมื่อไร?
เลือดที่ไหลออกจากเปลือกตาคอยกวนใจอย่างมาก
ความจริงที่ว่า มันบาดเจ็บโดยที่ตัวเองไม่ทันได้สังเกต กำลังสร้างความกระวนกระวายใจและกังวล
ตัวมันที่ยกระดับตัวตนจนกลายเป็นเหนือมนุษย์ ไม่น่าจะมีการโจมตีใดที่ ‘ไม่สามารถจำแนก’
นอกจากนั้น ร่างกายไคล์ยังเป็นสายฟ้า
สายฟ้าแล่นไปทั่วร่างพร้อมกับเลือด
มันเคยถูกพ่อแม่ทอดทิ้งด้วยเหตุผลดังกล่าว แต่หลังจากที่ควบคุมสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้ก็กลายเป็นพรมากกว่าคำสาป
เมื่อหลอมรวมเข้ากับสายฟ้า ไคล์สามารถขยับร่างกายได้ว่องไวเท่ากับสายฟ้า และเป็นผลสืบเนื่องให้ความเร็วในการคิดเพิ่มขึ้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไคลน์สามารถใช้งานประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อยู่ในระดับที่สามารถรับประกันได้ว่า ไม่มีทางถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ
ไคล์เคยคำนวณ
คำนวณว่ามันจะไม่มีวันถูกฆ่าโดยฝีมือคนอื่น เว้นเสียแต่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของเทพโอเวอร์เกียร์กริด หรือใช้ ‘แขน’ ข้างที่เทพสงครามหลงใหล
แต่ในวินาทีนี้ มันตระหนักว่าการคำนวณของตนอาจตกหล่น
อสูรเซปาร์กำลังทำให้มันรู้สึกวิกฤติ
“เหนือมนุษย์…”
เซปาร์ที่งัดตัวเองออกจากซากกำแพง เผยรอยยิ้มอย่างผ่อนคลาย
มันเย้ยหยันมนุษย์ซึ่งกำลังจ้องมองตนด้วยสายฟ้าที่พันรอบตัวหนาหลายชั้น
“ต้องกางบาเรียสายฟ้าขนาดนี้เชียว? เจ้าเป็นเหนือมนุษย์หรือสุนัขขี้ขลาดกันแน่?”
“ไอ้ระยำอย่างแกต้องตายสถานเดียว”
ไคล์สบถคำหยาบ
คำเปรียบเปรยของเซปาร์ที่บอกว่ามันเหมือนกับสุนัข มีบางส่วนที่จริง ส่งผลให้อารมณ์ครอบงำเหตุผล
เซปาร์ยักไหล่
“ก็ดีเหมือนกัน ได้พบเจ้าก็ไม่เลว ข้าไม่ได้เจอตัวตนที่ก้าวข้ามสายพันธุ์เหมือนกับตัวเองมานานแล้ว”
“ตัวตนที่ก้าวข้าม? …อสูร?”
“ข้าเกิดมาอ่อนแอ เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น ข้าต้องเอาชนะขีดจำกัดหนแล้วหนเล่า จนกระทั่งกลายเป็นตัวตนที่ก้าวข้ามขอบเขต”
กึก กึก
เซปาร์สนทนากับไคล์พร้อมกับเดินไปด้วย
ช่องว่างระหว่างมันกับไคล์ลดลงจากหลายร้อยเมตรเหลือหลายสิบเมตร
จากนั้น มันหายไปอย่างไรร่องรอย
เป็นภาพที่อาจทำให้ผู้คนซึ่งไม่รู้จักชุนโปต้องตกตะลึง
แต่โชคดีที่ดยุคเกล็นฮาลพอจะเข้าใจหลักการของสิ่งมีชีวิตที่ก้าวข้ามขอบเขต
เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ไคล์คือเหนือมนุษย์
พวกมันรีบขยายประสาทสัมผัสของตัวเอง และคอยระวังตำแหน่งที่สายตาของเซปาร์มองไป
เปรี้ยะ!
กระแสไฟฟ้าที่เคยพันรอบตัวไคล์ ถูกแบ่งจำนวนกลายเป็นหลายหมื่นเส้นและปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
พวกมันแผ่ขยายออกไปในลักษณะตาข่ายใยแมงมุม กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสายฟ้ามีความเร็วสูงเป็นทุนเดิม
“หืม”
เซปาร์เผยตัวอีกครั้งบนท้องฟ้าเนื่องจากหนีไม่พ้นตาข่ายใยแมงมุม มันแลบลิ้นยาวออกมาและใช้ปลายลิ้นเปียกน้ำลายสัมผัสกับจมูก
“อาการชาไม่หายไปง่ายๆ สินะ”
“ไอ้อสูร… แกคิดว่าสายฟ้าของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“ย่าห์!!”
เสียงคำรามของดยุคเกล็นฮาลดังอึกทึก หมัดของมันที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับร่างกายชุ่มเลือด ปะทะเข้ากับใบหน้าเซปาร์อย่างจัง
เป็นความเร็วและพลังในระดับเดียวกับเหนือมนุษย์
ไคล์ที่ควบคุมกระแสไฟฟ้าได้ดังใจนึก ทำการกระตุ้นสมองและกล้ามเนื้อของดยุคเกล็นฮาล
การต่อสู้เริ่มดุเดือดหลังจากเซปาร์ทำการตอบโต้
ในศึกระหว่างเหนือมนุษย์ด้วยกัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความพินาศอย่างใหญ่หลวง
เมื่อผนวกกับความเร็วของไคล์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเทียบเท่าสงครามระหว่างกองทัพนับล้าน
แสงวาบกะพริบวิบวับเต็มฟ้องฟ้า
สะเก็ดสายฟ้าที่กระจายออกไปทุกทิศ กัดกร่อนสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
กรุงไททัน มหานครใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของทวีป กำลังถูกทำลายโดยชายสองคนที่เลือกที่นี่เป็นเวที
เสียงกรีดร้องของชาวเมืองขณะถูกกองทัพอสูรไล่ฆ่ายังคงดังระงม
“ชิ!”
ดยุคเกล็นฮาลซึ่งมิอาจทนดูผู้คนล้มตาย ตัดสินใจออกจากการต่อสู้ ขณะเดียวกัน ราชาสัตว์ป่ามอริสที่เพิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ เริ่มออกคำสั่งให้เหล่าอัศวินสีชาดอพยพผู้คน
มอริสส่ายหน้า
“อา… อันดับแรกก็ต้องขจัดต้นตอของปัญหาออกไปก่อน”
ดยุคมอริสประเมินว่า การกำจัดอสูรสำคัญกว่าการช่วยเหลือชาวเมือง จึงยกแขนขึ้นเพื่อเตรียมเข้าไปช่วยไคล์
แต่แน่นอน มันไม่บุ่มบ่ามแทรกแซงการดวลด้วยความประมาท
เพราะไม่เพียงอสูรจะแข็งแกร่งมาก แต่กระแสไฟฟ้าของไคล์ที่แผ่ขยายออกไปทุกทิศก็สร้างแรงกดดันได้ไม่แพ้กัน
มันถึงกับคิดว่า หากโลกนี้มีเทพสายฟ้า ฉากการต่อสู้ก็คงคล้ายคลึงกับสิ่งที่ตนกำลังเห็น
“หาช่องว่างเข้าไปไม่ได้เลย…”
บางที การเร่งมือช่วยผู้คนอพยพอาจจะมีประโยชน์มากกว่า
ไม่ใช่ว่าเทพธิดารูบี้สั่งให้ช่วยชีวิตผู้คนเป็นอันดับแรกหรอกหรือ?
ในฐานะสาวกแห่งโบสถ์นักบุญศักดิ์สิทธิ์ มันจะทำเป็นมองไม่เห็นได้อย่างไร
ทันทีที่มอริสผิวปาก ม้าและปศุสัตว์ซึ่งกระจายอยู่ทั่วเมืองรีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเป็นระเบียบ แม้แต่สัตว์ที่มีสติปัญญาต่ำบางตัวก็ยังทำตาม
พวกมันมีบทบาทสำคัญมาก เช่นการช่วยกัดหินที่ทับร่างชาวเมืองและพาคนเหล่านั้นหนีไปในสภาพแบกขึ้นหลัง
***
“ถ่ายไว้! ห้ามพลาดแม้แต่ฉากเดียว!”
โดยมากแล้ว นักข่าวจะเป็นผู้เล่นคลาสนักลอบสังหาร
ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการเข่นฆ่า หากต้องการสอดแนมอย่างปลอดภัย มีแต่ต้องอำพรางตัวให้มิดชิด
แต่นักข่าวที่กำลังรวมตัวภายในไททัน ไม่มีใครจงใจอำพรางตัวตน
พวกมันวิ่งอย่างเปิดเผย เพื่อให้เร็วขึ้นจากเดิมอีกสักนิดก็ยังดี
ไคล์
NPC สุดพิเศษแห่งจักรวรรดิ
ไคล์โด่งดังเนื่องจากสมัยก่อนมักปรากฏตัวพร้อมกับอดีตจักรวรรดิฮวนเดอร์
โดยมากแล้ว ความโด่งดังจะมาพร้อมกับความนิยม
สิ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่าผิวพรรณขาวเนียนและรอยคล้ำรอบดวงตา:
ดวงตาอันเศร้าสร้อยที่คล้ายกับอัดแน่นไปด้วยเรื่องราว
เมื่อผสานความสง่างามและความเศร้าเข้าด้วยกัน ไคล์จึงกลายเป็น NPC อันดับหนึ่งที่ผู้เล่นหญิงต้องการปกป้องดูแล
ติดโผการโหวตท็อปสิบ NPC ชายยอดนิยมในทุกสำนัก
และปัจจุบัน ตัวละครยอดนิยมดังกล่าวกำลังต่อสู้กับนักดาบอสูรโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ส่งผลให้กรุงไททันแปรสภาพกลายเป็นนรก
เสาหลักคนสุดท้ายของจักรวรรดิจะแข็งแกร่งสักเพียงใด?
นี่คือคำถามที่สาธารณชนต้องการทราบ นักข่าวจึงหวังเก็บรายละเอียดการต่อสู้ในทุกวินาทีโดยไม่ย่อท้อ
พวกมันกระจายตัวไปตามจุดต่างๆ เพื่อถ่ายทอดสดโดยไม่สนใจชีวิตตัวเอง
“ท่านผู้ชมเห็นไหมครับ! ไคล์ เสาหลักคนสุดท้ายของจักรวรรดิ กำลังเผชิญหน้ากับอสุรกายที่ทำลายกรุงไททันโดยลำพัง… อะ…”
นักข่าวชะงักไปกะทันหัน
เพราะมันนึกคำพูดที่จะบรรยายไม่ออก
โลกที่พวกมันเห็นมีเพียงแสงสีฟ้า
ท่ามกลางกระแสไฟฟ้าหลายหมื่นเส้นที่สว่างไสวท่วมท้นท้องฟ้า ทัศนียภาพของซากเมืองซึ่งถูกทำลายล้วนกลายเป็นสีขาวซีด แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นไคล์และเซปาร์
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองฝ่ายเคลื่อนไหวได้เร็ว แต่แบบนี้มันเร็วเกินไป
“สุดยอด บ้าบอสิ้นดี… ไคล์ที่เรียกตัวเองว่าเทพสายฟ้า ดูเหมือนว่าจะมีความเหนือเกินกว่ากริดอีกนะครับ ทุกคนเห็นด้วยไหม?”
นักข่าวซึ่งกำลังถ่ายทอดสด ไม่มีทางเลือกนอกจากพูดในสิ่งที่คิดออกไปตรงๆ
สามสิบนาทีหลังจากมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเริ่มขึ้น
ฉากการต่อสู้อันน่าตื่นตาตื่นใจของไคล์ ช่วยกลบข่าวคราวความพินาศย่อยยับของกองทัพจักรวรรดิจนมิด
ถึงจะไม่มีใครเห็นไคล์เลยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ทุกคนเชื่อว่าอสูรนักดาบกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะใยแมงมุมสายฟ้ายังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้ชมทางบ้านต่างพากันส่งเสียงเชียร์ไคล์
นับตั้งแต่โลกเริ่มถูกรุกรานโดยเหล่าจอมอสูร ผู้คนต่างฝากความหวังและคอยให้กำลังใจยอดฝีมือหน้าใหม่
เพราะยิ่งฝ่ายมนุษย์มียอดฝีมือเพิ่มขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลดีกับพวกตน
คนส่วนใหญ่ยังคงปรารถนาความสงบสุขและชีวิตที่ปลอดภัยเหมือนกับในอดีต
“หวังว่าไคล์จะชนะนะครับ… อะ!”
“เห? อาการกำลังสั่น… คึ่ก!”
นักข่าวที่พยายามสื่อสารกับคนดูทางบ้านเสียชีวิต
เป็นเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เกิดจากการมัวแต่คอยอ่านแชตจนไม่สังเกตสภาพแวดล้อมให้ดี
แต่แน่นอน ด้วยระดับฝีมือของมัน ต่อให้ไม่ประมาท ชะตากรรมก็คงไม่เปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางนรกที่ชื่อว่ากรุงไททัน นักข่าวทยอยตายไปทีละคนสองคน
สายฟ้านับหมื่นเส้น บ้างโค้งงอและฟาดส่งเดชเหมือนกับแส้ บ้างพุ่งตรงประหนึ่งลูกศร แผ่ออกไปทำลายมหานครอันดับหนึ่งของทวีป
โชคดีที่บริเวณจุดสำคัญยังมีบาเรียคอยปกป้อง แต่บาเรียก็มิอาจคงอยู่ได้ตลอดไป
เป็นหายนะโดยแท้จริง
ไคล์เองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้
‘ย้ายไปที่อื่นดีไหม…’
เพียงเพราะไคลน์ไม่ผูกพันกับจักรวรรดิ ไม่ได้แปลว่ามันไม่แยแสชีวิตคน
หากนับเรื่องราวในอดีต นั่นเป็นเพราะมันต้องทำตามคำสั่งของเทพสงครามอย่างเคร่งครัด
แต่ปัจจุบัน ไคล์ไม่มีงานอดิเรกในการฆ่าผู้บริสุทธิ์
ยิ่งมีผู้คนได้รับลูกหลง หัวใจของมันก็ยิ่งหนักอึ้ง
นั่นคือเหตุผลที่มันต้องการล่อเซปาร์ออกจากเมือง
ทว่า ดูเหมือนเซปาร์จะไม่มีเจตนาย้ายสนามรบ
มันมิได้แยแสความสูญเสียของมนุษย์
เมื่อไคล์รักษาระยะห่างคล้ายกับทำท่าจะหนี เซปาร์ไม่ไล่ตาม เพียงยิงปราณดาบลงพื้น
“ไอ้เวรตะไล…”
บาดแผลตามลำตัวไคล์เพิ่มจำนวนขึ้นทุกขณะ
ไคล์พอจะทราบเหตุผล
ปราณดาบของเซปาร์จะถูก ‘แถม’ เข้ามาโดยที่หน่วงเวลาไว้เล็กน้อย
ทุกครั้งที่ปราณดาบเส้นใหญ่พุ่งตรงเข้ามา จะมีปราณดาบเส้นเล็กแถมตามหลังเสมอ
ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์มิอาจจำแนกปราณดาบที่แถมเพิ่มเข้ามาได้ คล้ายกับที่มันไม่ตอบสนองต่อแสงแดดและสายลมตามธรรมชาติ
ราวกับมองเส้นดาบแถมเป็นเพียงคลื่นกระแทกที่ไม่สลักสำคัญ ประหนึ่งสายลมที่เกิดขึ้นหลังจากแรงปะทะ
ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่เจ้าเล่ห์และน่าปวดหัว
ขณะรอยคล้ำใต้ตาไคล์ทวีความดำมืด
“อัญเชิญยารุกต์!”
เสียงใหม่ดังก้องไปทั่วสนามรบ
สายตาของนักข่าวและสตรีมเมอร์ต่างหันไปมองทิศทางดังกล่าว
ไคล์ไม่พลาดจังหวะที่เซปาร์กำลังตกตะลึง
มันเหวี่ยงแขนซ้ายในจังหวะที่สมาธิของเซปาร์ถูกรบกวนอย่างแม่นยำ
ภายใต้การกระทำเพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์คือเวทมนตร์และพลังจิต
เพียงพริบตา หอกกระแสไฟฟ้าควบแน่นและพุ่งทะลวงหัวใจเซปาร์อย่างฉับพลัน
“กำลังมองไปทางไหน?”
“คึ่ก!”
‘มีบางสิ่งกำลังเข้ามา’
ไคล์คือสมาชิกคนสำคัญของกองทัพจักรวรรดิ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยฮวนเดอร์ มันถูกบังคับให้อ่านเอกสารจำนวนมาก และย่อมรู้จักตัวตนของยารุกต์
ดาบอสูรที่เทพโอเวอร์เกียร์กริดเคยใช้งาน
ภายในดาบมีดวงวิญญาณของอสูรนามยารุกต์อาศัยอยู่
เมื่อพิจารณาจากอากัปกิริยาตอบสนองของเซปาร์ในจังหวะที่ได้ยิน เดาได้ไม่ยากว่า อสูรทั้งสองคงมีความสัมพันธ์กันบางอย่าง
“เย็*แม่เซปาร์! ไอ้ลูกกะ*รี่! ข้าได้พบเจ้าสักที!”
“…”
“…”
ยารุกต์ปรากฏตัวพร้อมกับบรรยากาศที่น่าทึ่ง
ดาบที่ยังคงเจิดจ้าแม้โลกจะถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้า
อสูรเฒ่าย่างกรายเข้ามาในสนามรบโดยมีปราณดาบรายล้อม ส่งผลให้สายฟ้าของไคล์มิอาจแทรกผ่านเข้าไป
ราวกับในรัศมีห้าเมตรรอบตัวมีกำแพงล่องหน
ภายใต้โลกสีฟ้าอันซีดเซียว การดำรงอยู่ของมันทั้งโดดเด่นและสง่างาม
เป็นฉากที่น่าทึ่งจนนักข่าวและผู้ชมต่างพากันขนลุก
แต่คำพูดและน้ำเสียงกลับแสนสถุน ขัดแย้งกับภาพลักษณ์อันสูงสง่าโดยสิ้นเชิง
และเหตุผลที่ดาบเล่มนี้ปากหมา
“ดูยูโนวโอเวอร์เกียร์กิลด์?”
พีคซอร์ด
แทนที่จะเป็นกริด มันคือคนที่คอยพัฒนาดาบยารุกต์ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำ (จากมุมมองของกริด) ให้มีเกรดสูงขึ้น
หลังจากถ่ายทอดความต่ำทรามให้ยารุกต์มาตลอดหลายปี ในที่สุดพีคซอร์ดก็ประสบความสำเร็จในการดัดนิสัยอสูรที่ไร้เลือดและน้ำตา
“พีคซอร์ด เห็นหรือยัง? อย่ายกเลิกอัญเชิญข้า แล้วก็ไม่ต้องมาสอด เข้าใจไหม?”
“อยากให้ข้าอนุญาตให้สู้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าใช่ก็พูดออกมา!”
“นั่นมัน… ไอ้แม่เย็*! ในสถานการณ์แบบนี้…”
“ไม่ชอบหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็กลับเข้ามาในดาบ… ดูยูโนวก็อดกริดดดด?”
“ชิ!”
“…”
“…”
อสูรเฒ่า
ตัวตนที่ดึงดูดสายตาทุกคู่ด้วยความสง่างามตั้งแต่ปรากฏกาย สูญเสียความน่าเกรงขามไปในพริบตา
“ไอ้… แม่…”
ยารุกต์ซึ่งมีใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับปีศาจ พ่นคำออกมาด้วยร่างกายที่สั่นระริก
อันที่จริง มันก็แค่สบถคำเดิมๆ
สบถโดยไม่รู้ความหมายของคำที่พีคซอร์ดพยายามยัดเยียดมานาน
แต่มันก็สัมผัสได้
คำเหล่านั้นต้องมีความหมายในแง่ลบ เพราะท่าทีตอบสนองของคนรอบข้างล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกันเสมอ
พีคซอร์ดระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับเดินมาตบบ่ายารุกต์
“ฮะฮะฮะ! ดี! ด้วยสีหน้าแบบนี้ จงไปล้างแค้นให้สำเร็จและกลับมา!”
‘ถ้ามีโอกาสเมื่อไร ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!’
ดวงตาสีดำของยารุกต์ซึ่งอันแน่นด้วยจิตสังหาร จดจ้องไปทางเซปาร์บนท้องฟ้า
เซปาร์ ชายผู้สมคบคิดกับจอมอสูรเพื่อผนึกยารุกต์ลงในดาบ
เป้าหมายแรกของยารุกต์คือการหั่นเซปาร์เป็นหมื่นชิ้น เป้าหมายที่สองคือการฆ่าพีคซอร์ดในวันที่ผลึกคลายออก
‘…ไม่สิ’
อสูร
ในนรก อสูรหมายถึงเผ่าพันธุ์
เผ่าพันธุ์ที่สูงส่งและเกิดมาพร้อมปราณอสูรเข้มข้น
เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งจอมอสูร
อย่างไรก็ตาม มีบางตัวตนที่ไต่เต้าจนกระทั่งได้เป็นอสูร
‘เผ่าอสูร’ ที่พัฒนาจนกระทั่งได้เป็นอสูร
หนึ่งในนั้นคือยารุกต์ ชายคนนี้เป็นพวกหัวแข็ง และนั่นคือสาเหตุที่ยังไม่ได้รับอิสระทั้งที่รู้จักกับกริดมานานแล้ว
แต่บางที อีกหนึ่งเหตุผลอาจเป็นเพราะว่า มันต้องใช้ชีวิตอยู่กับนักดาบโง่คนนี้นานเกินไป
‘ต่อให้เราฆ่าไป เจ้านั่นก็ฟื้นขึ้นมาได้… แค่ทรมานสั่งสอนก็คงพอ’
มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับยารุกต์เล็กน้อย ดูเหมือนว่าความชั่วร้ายจะบรรเทาลงไปบางส่วน
แต่แน่นอน นั่นไม่ได้แปลว่า
[ชิ้นส่วนลับ <อสูรดาบ> ปรากฏขึ้น]
[ความคับแค้นใจที่มีต่อ ‘เซปาร์’ ได้กระตุ้นให้วิญญาณ ‘ยารุกต์’ ลืมตาตื่น]
[‘ยารุกต์’ ได้รับฝีมือในช่วงรุ่งโรจน์กลับคืนมาชั่วคราว แต่ผลข้างเคียงจะทำให้ดวงวิญญาณเสียหายถาวร]
ความเคียดแค้นที่มีต่อเซปาร์ไม่เคยแปรเปลี่ยน
จิตสังหารและความอาฆาตพยาบาทที่มันกำลังปลดปล่อย คือเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุด
“คึคึก… ไอ้ระยำเซปาร์ เจ้ายังน่ารังเกียจไม่เปลี่ยน… อย่างที่คิด เจ้าถูกขับไล่ออกจากอำนาจ…”
“คำพูดคำจาของตาแก่นี่ต่ำทรามลงเรื่อยๆ”
เคร้ง!
ระหว่างบทสนทนา ดาบสองเล่มปะทะกัน
ยารุกต์พุ่งเข้าประชิดเซปาร์ได้ในพริบตา
รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าเซปาร์ทันที
ดาบพิสุทธิ์
วิชาดาบของยารุกต์ซึ่งอยู่ในระดับสูง เป็นศาสตร์คนละแขนงกับวิชาดาบ ‘ครึ่งส่วน’ ของเซปาร์ และจะดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้ในตอนที่เข้าสู่ภาวะไร้ตัวตนเท่านั้น
ฉูด—!!
หลังจากดาบยารุกต์ตวัดหมุนโดยใช้ดาบของเซปาร์เป็นแกนเหวี่ยง เลือดสดสาดกระเซ็นเต็มท้องฟ้า
ทั่วโลกกำลังโกลาหล
เหล่าสาวกแห่งกริด พวกมันคลั่งกริดไม่ต่างจากพีคซอร์ด
หลังจากยารุกต์ชิงความได้เปรียบเหนือเซปาร์ในพริบตา บรรดาสาวกกริดต่างพากันสรรเสริญอสูรเฒ่าที่สมองเพี้ยนพอๆ กับพีคซอร์ดทันที
< (ข่าวด่วน) กิลด์โอเวอร์เกียร์มีอสูรอัญเชิญที่แข็งแกร่ง…>
< (ข่าวด่วน) ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า เจ้านายที่แท้จริงของยารุกต์คือกริด…>
< (ข่าวด่วน) อสูรอัญเชิญของกริดกำลังอาละวาดในสนามรบที่ไม่มีกริด>
ท่ามกลางข่าวที่ชวนให้หดหู่และสิ้นหวัง ข่าวด่วนอันน่าตื่นเต้นแพร่กระจายไปทั่วโลก
ราวกับบทเพลงแห่งความหวังของมวลมนุษย์เริ่มถูกบรรเลง
Comments
Post a Comment