จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,501
หลังจากมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเริ่มขึ้น
อาศัยข้อมูลจากสื่อของแต่ละประเทศ ผู้คนแบ่งทวีปออกเป็นเจ็ดเขต
ประกอบด้วยสี่ทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก และสามสมรภูมิหลัก ไม่ได้เรียกแทนด้วยอาณาจักร
ทั้งหมดก็เพื่อความสะดวก
『พบประตูมิติทั้งหมด 3,381 แห่งในเขตเหนือ โชคดีที่ไม่มีจอมอสูรปรากฏตัว หลังจากกองกำลังของชาติพันธมิตรและผู้เล่นได้มารวมตัวกันรอบอาณาจักรออร์คสนธยา การสกัดกั้นกองทัพมอนสเตอร์ก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น』
『ออร์คลอร์ดเทรูชานและกลุ่มองครักษ์โดดเด่นมากในศึกนี้ ได้ยินว่าองครักษ์ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่น… ใช่เรื่องจริงไหมครับ? 』
『ใช่ครับ ในกลุ่มองครักษ์ สัดส่วนของผู้เล่นคือ 99% พวกเขาคือแรงเกอร์ที่เปลี่ยนคลาสเป็นออร์คสนธยาเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันเติบโตและไต่เต้าจนมาถึงตำแหน่งสำคัญ… จริงอยู่ที่มี NPC พิเศษบางตนแข็งแกร่งมาก แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราต้องมองข้ามความสำเร็จของผู้เล่น 』
เหล่าจอมเวทแรงเกอร์มีประสาทสัมผัสไวต่อเวทมนตร์ ย่อมสังเกตเห็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่ได้ยาก เป็นที่มาของการนับจำนวนประตูมิติได้อย่างแม่นยำ
『สถานการณ์ของเขตใต้ก็ไม่เลวร้ายเกินไปนัก จำนวนประตูมิติที่นับได้คือ 5,420 แม้จะฟังดูค่อนข้างมาก แต่ต้องขอบคุณวาร์ปเกตที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์นำมาติดตั้งที่แคว้นเฮอมิลตันเมื่อหลายเดือนก่อน ความแข็งแกร่งของกองทัพเขตใต้จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว』
『เห็นด้วยครับ และผมยังจำได้ว่าในแคว้นเฮอมิลตันมีภารกิจใหญ่ที่ดึงดูดผู้คนเข้าไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีแวมไพร์จำนวนหนึ่งย้ายไปอาศัยอยู่ที่นั่น เรื่องนี้เป็นความจริงไหมครับ? 』
『ยังไม่ได้ย้ายไปครับ… เมืองแวมไพร์ทั้งหมดเป็นดินแดนในการปกครองของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ไม่มีเหตุผลให้ต้องย้ายออกจากอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้วเลยครับ』
『ฮะฮะ… ขอโทษด้วยครับ พอดีผมไม่แม่นเรื่องนี้』
『แต่ทางเขตใต้มีท็อปแรงเกอร์กับแวมไพร์ประจำการอยู่จริงครับ ฝ่ายมนุษย์ตอบสนองต่อการรุกรานได้ดีมากโดยต้องพึ่งพาเหนือมนุษย์หรือ NPC สุดพิเศษ… แต่ถ้ามีจอมอสูรปรากฏตัว สมดุลจะถูกทำลายลงทันทีครับ… อย่างไรก็ดี พิจารณาจากพัฒนาการอันน่าทึ่งในช่วงหลังของแค็ทซ์ มนุษย์อาจรับมือกับจอมอสูรหลักสามสิบไหวหากใช้แค็ทซ์เป็นศูนย์กลางในการทำสงคราม』
『ฟังดูเป็นไปได้ทีเดียวนะครับ』
พีคซอร์ดกำลังเผชิญหน้ากับจอมอสูรลำดับสี่และทำได้ไม่เลว ส่วนอาเรสกำลังดวลกับจอมอสูรลำดับยี่สิบสี่ตามลำพัง
จิสึกะ เรกัส ป็อน สก็อตต์ และคนอื่นๆ รับมือกับการรุกรานจากจอมอสูรลำดับยี่สิบสาม ยี่สิบแปด และสามสิบเอ็ด
แรงเกอร์ชื่อดังซึ่งกำลังทำงานหนักในสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นและสมรภูมิห้วงนรก แสดงฝีมือได้ดีกว่าที่สาธารณชนคาดคิดไว้มาก
ทหารหลายแสนนายที่ติดอาวุธโอเวอร์เกียร์ รวมถึงอัครสาวกของกริดอย่างบราฮัมและโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สอง (?) ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เหนือจินตนาการผู้คน
สำนักข่าวของแต่ละประเทศจึงไม่มีทางเลือกนอกจากมั่นใจในตัวแรงเกอร์
『เขตตะวันตกยิ่งแล้วใหญ่ครับ แม้จะมีประตูมิติมากถึงสี่พันแห่ง แต่ได้ยินว่าการสอยดาวบนท้องฟ้ายังง่ายกว่าการหามอนสเตอร์ที่นั่น』
『ฮะฮะ… ก็เขตตะวันตกมีทั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และวิหารใหญ่ของศาสนจักรโดมิเนี่ยนกับยูดาห์』
『ครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย แต่การที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กวาดล้างเพียงศาสนารีเบคก้า ทำให้ทั้งศาสนาโดมิเนี่ยนและยูดาห์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการจำกัดมอนสเตอร์ ถึงแม้จะแค่ในพื้นที่ของตัวเองก็ตาม 』
『ถ้าอย่างนั้น ปัญหาก็อยู่ที่…』
『ใช่ครับ เขตตะวันออก』
นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์สงครามในซาทิสฟาย
บาห์เรน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพักหายใจขณะนำแผนที่ของทวีปขึ้นแสดงบนหน้าจอ
เป็นแผนที่ของทวีปตะวันออก แบ่งออกเป็นสี่ภาคหลัก โดยที่ภาคตะวันออกซึ่งถูกทาด้วยสีแดง มีขนาดใหญ่กว่าอีกสามภาครวมกัน
นั่นเพราะภาคกลางก็ถูกรวมอยู่ในภาคตะวันออก
เป็นแผนที่เชิงสัญลักษณ์เพื่อความสะดวก
เขตสีแดงทั้งหมดคือดินแดนของจักรวรรดิ
『มีประตูมิติถูกเปิดในเขตตะวันออกทั้งสิ้น 11,090 แห่ง นอกจากนั้นยังมีสมรภูมิห้วงนรกที่ใจกลางเมืองหลวง 』
หนึ่งในสามจุดที่ถูกกำหนดให้เป็นฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายมนุษย์
จากบรรดาฐานที่มั่นทั้งหมด จุดที่มีดาวมากที่สุดคือห้วงนรก
ตั้งอยู่อย่างเด่นตระหง่านใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิ
『สำหรับสถานการณ์ของเขตตะวันออก ผมสามารถเรียกได้เต็มปากว่าสิ้นหวัง จักรวรรดิสูญเสียกำลังทหารไปมากจากเหตุการณ์ครึ่งอสูรระบาดตามหมู่บ้าน รวมถึงการก่อกวนจากดาร์คเอลฟ์… ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของจักรวรรดิซาฮารัน ไม่เคยมีครั้งใดที่พวกเขาหลงเหลือกำลังคนเพียงแค่นี้มาก่อน และนอกจากประตูมิติทั้ง 11,090 แห่ง ที่ห้วงนรกยังมีเซปาร์กับคามิคิน… จักรวรรดิไม่มีทางป้องกันตัวเองได้เลย』
『หืม… ผมมีคำถามเกี่ยวกับประเด็นการขาดแคลนกำลังคนของจักรวรรดิ พวกเขามีประชากรรวมกว่าพันล้านไม่ใช่หรือ? แถมผู้เล่นจำนวนไม่น้อยก็ยังสังกัดจักรวรรดิผ่านภารกิจที่น่าดึงดูดมากมาย เหตุใดถึงยังมีกำลังคนไม่เพียงพอ? 』
『ปัญหาใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิก็คือ พวกเขามีอาณาเขตกว้างใหญ่เกินตัว… เป็นความผิดพลาดมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจักรวรรดิ เมื่อพวกเขาอ้างตัวว่าเป็นผู้ปกครองทวีป มีหลายครั้งที่จักรวรรดิฝืนทำเกินกำลังตัวเอง… ณ ปัจจุบัน จักรวรรดิมีเมืองและป้อมปราการรวมกว่าร้อยแห่ง มีชายแดนรวมยี่สิบเจ็ดแห่ง เลี่ยงไม่ได้ที่กองกำลังจะกระจายตัว』
ศาสตราจารย์ตำหนิระบบการบริหารของจักรวรรดิอย่างตรงไปตรงมา
แม้จักรพรรดินีบาซาร่าจะรับรู้ปัญหาและพยายามแก้ไขด้วยการปฏิรูป แต่หลายฝ่ายก็ประเมินว่าไม่มีทางจัดการให้เสร็จทั้งหมดได้ในรุ่นเดียว
『…สรุปก็คือ จักรวรรดิไม่มีทางผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เท่านั้น』
『เห็นด้วยครับ ถ้าบราฮัมไม่ปรากฏตัว ป่านนี้กรุงไททันคงเหลือแต่ซาก…』
『อันที่จริง นับตั้งแต่แกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์ และอัศวินลำดับหนึ่งอย่างเมอร์เซเดสถูกอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ช่วงชิงไป ผมก็เชื่อว่าชะตากรรมเดียวของจักรวรรดิคือการตกอยู่ในเงื้อมมือกริด… หือ? อะไรนะครับ? 』
『มีข่าวด่วนเข้ามาครับ… จอมอสูรตนใหม่ปรากฏตัวขึ้นจากห้วงนรก… นอกจากนั้น สมดุลของหมู่เกาะเบเฮ็นกำลังถูกทำลาย…』
***
ความคิดสร้างสรรค์ที่เอ่อล้น องค์ความรู้ที่คอยสนับสนุน พรสวรรค์ และบารมีเทพ
เวทมนตร์ระดับเทวตำนานถือกำเนิดหลังจากพลังในอดีตฟื้นคืนกลับมา
คามิคินซึ่งถูก ‘พันนิชเมนต์’ ของบราฮัมทำลายร่างกายจนยับเยิน ทรุดตัวลงโดยไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้อง
แต่ราคาที่บราฮัมต้องจ่ายก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มันบาดเจ็บภายในและเลือดตกในเนื่องจากฝืนใช้เวทมนตร์ในลักษณะที่ขัดต่อหลักเหตุผล สมองออกอาการวิงเวียน
ทว่า บราฮัมยังไม่หมดสติล้มฟุบ ร่างกายของแวมไพร์ทายาทคอยค้ำจุนเอาไว้
‘ในสภาพแบบนี้ เราใช้พันนิชเมนต์ต่อเนื่องไม่ได้ ต้องเว้นวรรคสักระยะ’
น่าเสียดาย บราฮัมในปัจจุบันใช้ไม่ได้แม้แต่มหาเวทมนตร์ที่ตนถนัด
ตรงข้ามกับร่างกายที่ยังตั้งตรง กระแสเวทมนตร์ในตัวกำลังไหลย้อนกลับ โกลาหลจนแทบจะควบคุมไม่อยู่
หากใช้งานหนักกว่านี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้แก่นมานาเสียหายถาวร
บราฮัมจ้องไปทางคามิคินที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นก็กำหมัดแน่น
ในเมื่อใช้เวทมนตร์ไม่ได้ มันตัดสินใจจะใช้กำปั้น
อันที่จริง บราฮัมไม่ชอบการเหวี่ยงกำปั้นอย่างไร้ศักดิ์ศรีและขาดความสง่างาม แถมยังไม่ใช่สิ่งที่ตนถนัด แต่เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วน มันจึงไม่มีทางเลือกมากนัก
ทันใดนั้นเอง
“เร่งฟื้นฟูร่างกายเร็วเข้า”
ไคล์กล่าวอย่างสุภาพพร้อมกับรับไม้ต่อจากบราฮัม
เพื่อป้องกันไม่ให้คามิคินงอกร่างกายออกมาใหม่ ไคล์กระหน่ำพายุสายฟ้าโดยไม่หยุดพัก เป็นภาพที่เห็นแล้วสบายใจจนกระทั่งมันถูกยิงเข้าที่หัวไหล่จนกระเด็น
เป็นการยิงจากบาร์บาทอส จอมอสูรลำดับแปด
ไคล์ที่ทุ่มสมาธิเพื่อยับยั้งคามิคิน อ่อนล้าจนตอบสนองต่อการโจมตีไม่ทัน
บราฮัมขมวดคิ้ว
“ห้านาที… ถ่วงเวลาไว้ให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า”
“…พวกเราจะรอดไปด้วยกัน”
แขนของไคล์ซึ่งเหลืออยู่ข้างเดียว มีสภาพยับเยินชนิดที่พร้อมขาดได้ทุกเมื่อ
แต่ไคล์มิได้แยแส
เพราะมันต่อสู้โดย ‘ไม่คิดว่ามีแขน’ มาตั้งแต่ต้น
***
‘อริยศรเป็นคลาสที่โกงที่สุดในเกมรึไง?’
จอมอสูรลำดับสิบสาม บีเลธ
มันไม่ชอบความวุ่นวาย และแทบไม่แยแสการทำลายมนุษย์
เหตุผลที่มันรับตำแหน่งผู้บัญชาการทัพหน้า นั่นเพราะมีของรางวัลล่อตาล่อใจ
มีข่าวลือว่า เซพาเดีย มือขวาของบาเอล สัญญาว่ามอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ภายหลัง
แสดงให้เห็นว่าบีเลธเก่งกาจมากเพียงใด
บุคคลใกล้ชิดที่สุดของบาเอลถึงกับเจาะจงเลือกมาเป็นกำลังสำคัญ
อันที่จริง อำนาจในการสร้างความหวาดกลัวของบีเลธ มีอิทธิพลอย่างมากกับเรื่องนี้
มันใช้กำลังกดขี่อสูรที่แตกแถว อาศัยการเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้กองทัพอสูรหวาดผวาและรวมใจเป็นหนึ่ง
อสูรที่แข็งแกร่งนับร้อย และจอมอสูรอีกสี่ตน มิอาจทนต่อการข่มขู่ของบีเลธและตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ
จากมุมมองของโรส กองทัพอสูรในสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นนั้นแข็งแกร่งมาก
เธอเชื่อว่าคงไม่มีใครต่อต้านได้ เว้นเสียแต่กริดจะมานำเหล่าอัครสาวกด้วยตัวเอง
ทว่า ความเชื่อมั่นของเธอกำลังสั่นคลอน
ขณะที่ทหารนับแสนนาย เหล่าอัศวินจากชาติพันธมิตร รวมถึงไฮแรงเกอร์อย่างเรกัสและป็อน ทำสงครามอย่างเป็นระเบียบภายใต้การนำของแม่ทัพวัลฮัลล่า จิสึกะคอยระดมยิงสนับสนุนเพื่อสร้างความพินาศแก่กองทัพอสูร
ศรชำระล้างของเธอพรั่งพรูราวกับห่าฝน
เป็นพายุฝนที่ไม่มีวันหยุดตก เป็นเรื่องยากที่จะให้เชื่อว่านี่คือฝีมือของมนุษย์เพียงคนเดียว
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ ไม่มีใครคาดเดาตำแหน่งคนยิงได้
ศรหลายสิบดอกถูกยิงออกมาพร้อมกัน แต่ละดอกพุ่งไปในต่างวิถี แทบไม่มีทางคำนวณต้นตอได้เลย
เก่งกาจราวกับไม่ใช่มนุษย์
“บัดซบ! ลูกศรพวกนี้น่ารำคาญชะมัด!”
จอมอสูรลำดับสามสิบเอ็ดเริ่มแสดงความหงุดหงิดเป็นคนแรก
มันยังเป็นเด็กใหม่
จอมอสูรปลายแถวจำนวนมากเสียชีวิตไประหว่างภารกิจสำรวจนรกของกริดและยูร่า ส่งผลให้จอมอสูรใหม่ที่เพิ่งครองบัลลังก์ ยังพัฒนาตัวเองได้ไม่เต็มที่
มันช่วงชิงบัลลังก์มาด้วยพละกำลัง แต่ยังขาดประสบการณ์ ความอดทนจึงยังต่ำเหมือนเด็กเล็ก
“ข้าจะค้นหาคนยิงให้พบและฆ่ามันทิ้ง!”
จอมอสูรลำดับสามสิบเอ็ดตะโกนพร้อมกันกระโจนใส่กลางดงศัตรู สองมือควงง้าวยักษ์อย่างชำนาญ
ประหนึ่งมันกำลังคิดว่ากำแพงเนื้อมนุษย์ตรงหน้า สามารถฉีกทำลายได้ไม่ยาก
หัวกะทิจำนวนหนึ่งของกองทัพพันธมิตรตอบสนองอย่างรวดเร็ว
มันเก็บอาวุธในมือ หยิบฉมวกที่สูงเท่ากับตัวเองและขว้างออกไป
‘ฉมวกมังกร?’
โรสยังจดจำอาวุธรองที่กริดเคยใช้ในการแข่งซาทิสฟายนานาชาติได้ดี จึงเริ่มเผยสีหน้ากังวล
“อ๊ากก!!”
ร่างของจอมอสูรถูกฉมวกหลายสิบเล่มเสียบเข้าไปจนแน่นิ่งกลางดงทหาร
หากพิจารณาอย่างใกล้ชิด ฉมวกแต่ละเล่มถูกผูกอยู่กับเชือกที่แข็งแรง
บรรดาทหารต่างทำตามขั้นตอนอย่างคล่องแคล่ว นำปลายเชือกไปผูกกับหมุดที่ตอกไว้ล่วงหน้า ตรึงร่างของจอมอสูรเป็นการชั่วคราว
เป็นความชำนาญที่ไม่ได้เกิดจากการฝึกแค่หนึ่งหรือสองครั้ง
เหนือสิ่งอื่นใด พลังทำลายของฉมวกและความทนทานของเชือก คือสิ่งที่น่ายกย่อง
“เยี่ยม! ดีมาก!!”
ป็อนฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมกับซัดหอกใส่หัวใจจอมอสูรที่ถูกตรึงอย่างแม่นยำ เฉกเช่นกำปั้นของเรกัสที่ตะบันใส่หน้าจอมอสูรหลายสิบครั้งภายในไม่กี่วินาที
อาวุธของพวกคือหอกสีเงินและสนับมือสีเงิน
เป็นกลุ่มอาวุธเกรดเลเจนดารีที่กริดผลิตไว้ก่อนมหาสงครามจะเริ่มขึ้น สุดยอดไอเท็มซึ่งผสมผสานคุณสมบัติการเจาะเกราะ มองข้ามพลังป้องกัน และบั่นทอนปราณอสูร
เสียงกรีดร้องอย่างทุรนทุรายของจอมอสูรดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ
‘ในซาทิสฟาย สงครามเป็นเรื่องของคุณภาพ ไม่ใช่จำนวน’
โรสผงะถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
ทหารที่ควรถูกบดขยี้อย่างง่ายดายด้วยฝีมือจอมอสูร
พวกมันติดอาวุธโอเกียร์ต่างชนิดกัน และผลัดกันรับมือสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างมีระเบียบวินัย
เดิมที สิ่งเหล่านี้ควรเป็นความพยายามที่สูญเปล่า แม้แต่จำนวนก็ชดเชยความต่างชั้นก็พลังไม่ได้
แต่ปัจจุบัน พลังแห่งไอเท็มกลับสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้
Comments
Post a Comment