จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,491



“อัศวินดำ ข้าอยากสู้กับเจ้ามานานแล้ว”


“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง…?”


วันนี้วันเดียว เอลิกอสมีเรื่องให้ต้องประหลาดใจสองสามหน


ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีครั้งใดบ้างที่เหล่าตำนานมารวมตัวกันมากมายในสถานที่เดียวกัน?


ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มคนนอกจากตำนานก็ยังมีระดับไม่ธรรมดา


หมายความว่า บางสิ่งบางอย่าง หรือใครบางคน กำลังเสริมศักยภาพเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สูงขึ้น


ท่ามกลางกระแสกังวล เอลิกอสตระหนักถึงอันตราย และนั่นทำให้มันอึดอัด


ซ้ำร้าย เลอราเฆ่ยังปรากฏตัว


แถมอยู่ฝ่ายมนุษย์


“หล่อนเป็นใคร?”


คณะสำรวจเริ่มปั่นป่วน ความสนใจมุ่งไปยังอสูรนิรนามซึ่งดูคล้ายกับศัตรูของศัตรูในสถานการณ์ปัจจุบัน


ไม่มีกฎตายตัวที่ระบุว่า ศัตรูของศัตรูจะต้องเป็นมิตรเสมอไป แต่อย่างน้อย คณะสำรวจก็มองเห็นโอกาสที่จะได้พักหายใจ


ครอเกลมีสีหน้าแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้นหิน ดวงตาเบิกกว้าง


อสูรนิรนามซึ่งมองไม่เห็นชื่อเพราะเธอกดหมวกปีกกว้างลงต่ำ


บนฝ่ามืออันบอบบางมีรอยหนังด้านให้เห็นหลายจุด มองเพียงผิวเผินอาจคิดว่าไม่มีกล้ามเนื้อ แต่ความจริงแล้วเกิดจากการขัดเกลากล้ามเนื้อจนถึงขีดสุด ท่วงท่าการยืนสง่างาม ลมหายใจสงบนิ่ง ปราณอสูรถูกจัดระเบียบภายในร่างกายอย่างประณีตโดยไม่ไหลซึมออกจากร่าง


ครอเกลมองเห็นความจริงทันที


ความจริงที่ว่า อสูรนิรนามตรงหน้าผ่านการ ‘ฝึกฝน’ อย่างหนักตลอดชีวิต


แต่ไหนแต่ไร อสูรทุกตนที่ครอเกลเคยพบพาน ล้วนเปรียบดัง ‘หินหยาบ’ ที่จะปลดปล่อยพลังเวทและพลังกายไปตามสัญชาตญาณ แต่สำหรับอสูรสาวนิรนาม เธอฝึกฝนร่างกายมาเป็นเวลานานเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบ


ทำเอานึกถึงสุดยอดตัวตนแห่งทวีปตะวันออก


สิ่งมีชีวิตซึ่งฝึกฝนตัวเองอย่างหนักตามลำพัง ท่ามกลางหมู่ยังบันที่พึงพอใจในความแข็งแกร่งโดยกำเนิด


เมื่อเทียบกับเอลิกอสที่เพิ่งเริ่มฝึกฝนตัวเองหลังจากเผชิญหน้ามุลเลอร์เมื่อร้อยกว่าปีก่อน อสูรสาวตรงหน้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองมาแล้วหลายหน เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเอลิกอส ‘อย่างเห็นได้ชัด’


ถูกต้อง


อสูรนิรนามทำให้ครอเกลนึกถึงมีร์


กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอน่าจะเป็น NPC สุดพิเศษที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักของโลก หรือไม่ก็ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในหมู่ยอดฝีมือซ่อนเร้น


ในทำนองเดียวกัน เอลิกอสกำลังประหม่า มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตัวเงียบขรึมเพื่อให้เซอร์เบอรัสไม่อาละวาด


“เลอราเฆ่ เลิกอำกันได้แล้ว มาช่วยข้าเร็วเข้า”


เลอราเฆ่


สตรีนิรนามถอดหมวกออก เผยให้เห็นชื่อตัวละครเหนือศีรษะ


ในวินาทีที่หน้าต่างแจ้งเตือนอันน่าตกตะลึงแสดงขึ้น ทุกคนได้เห็นใบหน้ากระจ่างใสอมชมพูของอีกฝ่ายอย่างแจ่มชัด


[จอมอสูรลำดับสิบ ราชาเลอราเฆ่ ปรากฏตัว]


“…!”


“…!”


คณะสำรวจต่างทำหน้าแบบเดียวกับครอเกล - เปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ


ราชา


แค่ลำดับใกล้เคียงหลักเดียวก็ว่าน่าสะพรึงแล้ว แต่สมญานามของเธอกลับสร้างความหวาดหวั่นได้มากกว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะสั่นกลัว


เลอราเฆ่เชิดคางในท่ายืนกอดอก


แม้จะสูงน้อยกว่า 1.6 เมตร แต่เธอกลับเผชิญหน้ากับเอลิกอสบนหลังเซอร์เบอรัส ประหนึ่งกำลังก้มมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเหยียดหยัน


“เอลิกอส เจ้าคงรู้อยู่แก่ใจดี… ตัวข้า ราชาเลอราเฆ่ ไม่รู้จักความพ่ายแพ้”


“…”


ดวงตาของคณะสำรวจเบิกโพลงยิ่งกว่าเก่า


ไม่รู้จักความพ่ายแพ้


ด้วยท่าทีหยิ่งทระนงองอาจของเลอราเฆ่ รวมถึงคำพูดคำจาสุดโอหังที่เอลิกอสไม่โต้แย้ง ทุกคนเริ่มตระหนักถึงความเก่งกาจของเลอราเฆ่ได้อย่างเลือนราง


เป็นความรู้สึกราวกับได้เห็นสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกหนึ่ง


“แต่ไหนแต่ไร… ข้ามักจะได้ยินคำนินทาเหลวไหลอย่างเช่น: แม้แต่ ‘ราชา’ ก็คงเอาชนะ ‘อัศวินดำ’ ได้ไม่ง่ายนัก… ข้าทราบดีว่าอสูรเหล่านั้นมักจะว่างและชอบพูดไปเรื่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ศักดิ์ศรีของข้าถูกระคายเคืองเพราะคำนินทาดังกล่าว”


“…ข้าเข้าใจความหงุดหงิดของเจ้า”


เอลิกอสมิได้ต้องการเป็นสัญลักษณ์ของนรกอย่างไร้เหตุผล


มันรักนรกมาก


จึงไม่อยากให้จอมอสูรอ่อนแอทำหน้าที่ปกป้อง ‘ปากสุนัข’ ซึ่งเป็นทางผ่านดวงวิญญาณคนตาย เพราะนั่นอาจทำให้ศักดิ์ศรีของนรกต้องมัวหมอง


หากจอมอสูรที่แข็งแกร่งตนใดต้องการเป็นสัญลักษณ์ของนรกแทน มันก็ยินดีที่จะยอมจำนน


และหนึ่งในจอมอสูรที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงคือราชา เลอราเฆ่


อสูรสาวซึ่งถือกำเนิดในนรก


ทรราชไร้พ่ายที่เริ่มไต่เต้าจากชนชั้นล่างสุด จนกระทั่งก้าวมาอยู่ในลำดับสิบภายในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปี


พรสวรรค์ของเธอเป็นของจริง


หนังสือขายดีอย่าง ‘บันทึกหมู่เกาะเบเฮ็น’ ที่เพิ่งถูกตีพิมพ์ไม่นาน ได้พลิกโฉมวงการวารสารของนรกโดยสิ้นเชิง เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของเลอราเฆ่ได้ชัดเจน


เธอบุกฝ่าปราการป้องกันอันแข็งแกร่งของหมู่เกาะเบเฮ็นได้ในคราวเดียว เอาชนะเหล่าอัศวินความตายซึ่งถูก ‘ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล’ แพ็กม่าคืนชีพด้วยการบรรจุดวงวิญญาณเข้าไปในศพ


“สิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพช”


นั่นคือคำนิยามที่เลอราเฆ่มอบให้เหล่าอัศวินความตาย เป็นคำพูดที่เอลิกอสอ่านแล้วรู้สึกเย็นไปถึงแผ่นหลัง


ย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าว หมู่เกาะเบเฮ็นถูกปกคลุมด้วย ‘แสงทำลายล้าง’ และ ‘สยบขุมนรก’ ตลอดเวลา


นั่นเพราะแพ็กม่าบังคับให้อัศวินความตาย ‘อเล็กซ์’ ใช้พลังอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ทำให้ดวงวิญญาณอเล็กซ์ได้รับความเสียหายหนักจนมิอาจฟื้นฟูกลับไปเป็นดังเดิม


กล่าวอีกนัยหนึ่ง บาเรียสองชั้นที่ครอบหมู่เกาะเบเฮ็นเกิดจากการเสียสละดวงวิญญาณของอเล็กซ์


บาเรียดังกล่าวคือพิษร้ายสำหรับอสูรทุกตนที่รุกรานหมู่เกาะเบเฮ็น เนื่องจากพลังต่อสู้ถูกลดทอนลงจนเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ


แต่ในสภาพดังกล่าว เลอราเฆ่กลับยังบดขยี้อดีตตำนานมนุษย์อย่างง่ายดาย


เรื่องที่น่าเสียดายก็คือ ไม่มีใครเหลือรอดกลับมาเป็นพยานยืนยันให้เลอราเฆ่


จากบรรดาอสูรและเผ่าอสูรที่เข้าร่วมสงคราม มีเพียงไม่กี่ตนที่รอดชีวิตกลับมายังนรก และมีเลอราเฆ่เพียงตนเดียวที่ไปถึงเกาะสุดท้าย


นอกจากเลอราเฆ่ ไม่มีใครได้เห็นเรือนร่างอันสง่างามของเลอราเฆ่ขณะเผชิญหน้ากับแพ็กม่าอย่างองอาจ


“ข้าเองก็ชื่นชมความกล้าหาญของเจ้า โดยเฉพาะการเอาชนะมาดราและไปถึงเกาะสุดท้าย… หากไม่ใช่เพราะถูกกับดักชั่วของแพ็กม่าส่งกลับมายังนรก เจ้าคงเด็ดหัวแพ็กม่าได้อย่างที่ควรจะเป็น…”


สีดำคือสีที่ไม่ถูกปนเปื้อน


ตรงตามฉายา เอลิกอสใสซื่อราวกับสีดำบริสุทธิ์ มันชื่นชมเลอราเฆ่จากสิ่งที่เธอเขียนโดยไม่เคลือบแคลง


“เจ้าคงรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อยเมื่อต้องถูกเปรียบกับข้า… อา… ว่ากันตามตรง ข้าไม่มั่นใจสักนิดว่าจะเอาชนะเจ้าได้”


“หึหึ… ไม่ต้องละอายใจ ไม่ว่าใครก็รู้สึกแบบเดียวกัน”


“ข้าทราบดี การเลี่ยงปะทะกับเจ้าไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย… หลังจากได้อ่านบันทึกหมู่เกาะเบเฮ็น ข้าก็ตัดสินใจจะไม่เผชิญหน้ากับเจ้าอย่างเปล่าประโยชน์… แต่ว่าเลอราเฆ่ ข้ามีคำถาม”


“ว่ามา”


เอลิกอสชำเลืองไปทางมนุษย์ จากบรรดาทั้งหมด มีนักล่าอสูรที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงของนรกปะปนอยู่ด้วย


เลอราเฆ่กำลังยืนบังมนุษย์เหล่านั้น ประหนึ่งมีเจตนาปกป้อง


“เหตุใดเจ้าถึงต้องปกป้องพวกเขา”


คำถามของเอลิกอสทำให้คณะสำรวจส่งเสียงประหลาดใจในลำคอ


จอมอสูรลำดับสิบปรากฏกายในลักษณะที่น่าสะพรึง


แต่เมื่อทราบว่าเธอมีเจตนาปกป้อง พวกมันสับสนมากกว่าโล่งใจ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาแอบแฝงอย่างไร


ฉึบ


เลอราเฆ่ยิ้มจนเห็นฟันแถวขาว เป็นรอยยิ้มอันอบอุ่นซึ่งแตกต่างจากอสูรปรกติ


เธอหันไปมองครอเกล


“เจ้าคืออริยดาบที่มิได้ตามรอยมุลเลอร์ใช่ไหม? หึหึ… ไม่ต้องตกใจไป ราชาอย่างข้าแสวงหาความรู้อยู่เสมอ”


“…”


“เจ้าไม่ต้องการเสียใจในภายหลัง จึงอยากทดสอบพลังของตัวเองโดยไม่เกรงกลัวความล้มเหลว… และต่อให้ผลลัพธ์ออกมาล้มเหลวจนต้องนึกเสียใจ แต่เจ้าก็ยังคงแน่วแน่ในวิถีทาง เพราะเจ้าเป็นคนเช่นนั้น”


อริยดาบคือคลาสต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด


ไม่เพียงเท่านั้น ครอเกลยังสืบทอดพลังของหนึ่งในเจ็ดนักบุญภัยพิบัติ


เนื่องจากมีชะตากรรมที่ต้องสลักตำนานไว้บนโลก ครอเกลจึงได้เผชิญกับ ‘ความบังเอิญเชิงบวก’ บ่อยครั้ง กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อเทียบกับคลาสอื่น อริยดาบจะมีโอกาสค้นพบภารกิจลับมากกว่าใคร


เลอราเฆ่คือหนึ่งใน ‘ความบังเอิญเชิงบวก’ ดังกล่าว


แม้จะเป็นจอมอสูร แต่เธอก็มีความบาดหมางอย่างลึกซึ้งกับจอมอสูรตนอื่น


อย่างไรก็ตาม แม้จะฝึกฝนอย่างหนักโดยหวังแก้แค้นให้เบริอาเช่ แต่เลอราเฆ่กลับยังแข็งแกร่งไม่มากพอ จึงต้องการกำลังเสริม


และถ้าเส้นเรื่องของโลกดำเนินไปตามปรกติ เลอราเฆ่จะมีบทให้ต้องพูดว่า ‘ข้าสนใจในตัวครอเกล (อริยดาบ) ’ จากนั้นก็อธิบายถึงเหตุผลที่ตัดสินใจช่วยมนุษย์


แต่น่าเสียดาย เลอราเฆ่ได้พบกับกริดก่อน


จากสถานการณ์ปัจจุบัน กริดคือบุคคลที่สำคัญที่สุดในแผนการแก้แค้นของเธอ


“ลองนึกดูให้ดี เอลิกอส… อริยดาบผู้ไม่เคยเข้าร่วมกับฝ่ายใดในประวัติศาสตร์ รุ่นปัจจุบันกลับเลือกสนับสนุนเทพโอเวอร์เกียร์… เมื่อพิจารณาว่านักล่าอสูรเป็นสตรีข้างกายเทพโอเวอร์เกียร์ มนุษย์เหล่านี้ก็ย่อมต้องเป็นสาวกเทพโอเวอร์เกียร์ด้วยเช่นกัน”


“…”


“…”


คณะสำรวจหลายคนเผยสีหน้าซับซ้อน


แต่แน่นอน ไม่มีสมาชิกโอเวอร์เกียร์คนใดคัดค้าน ส่วนยูร่าแอบรู้สึกดีในใจ และครอเกลยังคงปิดปากเงียบ


ในกรณีของสก็อตต์ซึ่งสาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออาเรสเพียงผู้เดียว คำพูดของเลอราเฆ่สร้างความอึดอัดให้ไม่น้อย


อย่างไรก็ตาม สก็อตต์ไม่หลับตาโต้แย้งส่งเดชด้วยความโง่เขลา


ไม่มีใครอยากปล่อยให้โอกาสรอดชีวิตหลุดลอย


ผ่านไปแล้วสามนาทีนับตั้งแต่เลอราเฆ่ปรากฏตัว


ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เอลิกอสและเซอร์เบอรัสเอาแต่สงบนิ่ง ส่งผลให้คณะสำรวจมีโอกาสฟื้นฟูร่างกาย


ระยะหน่วง ‘ประตูนรก’ ของยูร่าก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง


แม้สมองของมันจะคิดตามสถานการณ์ตรงหน้าไม่ทัน แต่ในเมื่อเป็นเรื่องดี สก็อตต์ก็ไม่ต้องการสวนกระแส


“หืม…”


เอลิกอสขมวดคิ้วไตร่ตรองสักพัก ตามด้วยพยักหน้าแผ่วเบา


“เทพโอเวอร์เกียร์… เทพที่เคยบุกรุกปากสุนัขเมื่อตอนนั้น ความจริงแล้วมีชื่อหรอกหรือ? ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝีมือของเขาน่าสนใจ แต่เนื่องจากเพิ่งถือกำเนิด ข้าจึงเข้าใจว่าเป็นแค่เทพดาษดื่น คงมองผิดไปผิดสินะ… ประเมินจากความแข็งแกร่งของผู้ส่งสาร เทพโอเวอร์เกียร์คงกลายเป็นเทพแท้จริงเรียบร้อยแล้ว… อา… ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้รับชื่อ”


อัครเทวทูต แฮชลิ่ง หนึ่งในเจ็ดมาร และตำนานอีกหลายคน


ว่ากันตามตรง เหล่าผู้ส่งสารของเทพโอเวอร์เกียร์ล้วนมีฝีมือยอดเยี่ยม แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว เอลิกอสกลับมองว่ายังอ่อนแอหากเทียบกับชื่อเสียงและชาติกำเนิด


อย่างไรก็ตาม เมื่อลองไตร่ตรองอย่างละเอียด บางทีการกะเกณฑ์ของมันอาจผิดเพี้ยนไปเพราะสภาพแวดล้อมของปากสุนัข


ดูได้จากปัจจุบัน แม้แต่เอลิกอสเองก็อ่อนแอลงเพราะสภาพแวดล้อม


“แล้วยังไงต่อ?”


เอลิกอสเอียงคอฉงน


“ประเด็นอยู่ตรงไหน? เหตุใดเจ้าถึงต้องปกป้องสาวกของเทพโอเวอร์เกียร์?”


อันที่จริง มันพอจะเดาออก


เพียงแต่ยังไม่อยากยอมรับ


เลอราเฆ่กล่าวอย่างภาคภูมิใจกับเอลิกอสที่กำลังรอคำตอบ และเป็นคำตอบที่มันไม่อยากฟังที่สุด


“ไม่มีอะไรซับซ้อน… ตัวข้า ราชาเลอราเฆ่ ตัดสินใจลงเรือลำเดียวกับเทพโอเวอร์เกียร์ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องช่วยสาวกของเขา”


“…เจ้าพูดจริงหรือ? อสูรกับเทพเนี่ยนะ?”


“ฮุฮุ… เจ้าไม่ต้องกังวล เทพโอเวอร์เกียร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแอสการ์ด เขาไม่มีมลทิน”


“นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย! เจ้าไม่รู้หรือว่าเทพโอเวอร์เกียร์เคยสังหารจอมอสูรไปแล้วกี่ตน? ไม่เกี่ยวกับมีมลทินหรือไม่ แต่เขาคือศัตรูตัวฉกาจของนรกอย่างไร้ข้อกังขา”


ด้วยสายตาเย็นชา เลอราเฆ่จ้องเอลิกอสที่กำลังสับสน


“แล้วเรื่องนั้นสำคัญกับข้ายังไง?”


“…”


เอลิกอสเพิ่งตระหนักถึงความผิดพลาดของตน


มันมองข้ามประเด็นสำคัญไปเนื่องจากตัวเองเป็นจอมอสูรไร้สังกัด


ประเด็นที่ว่า เลอราเฆ่มีความแค้นอย่างลึกซึ้งกับจอมอสูรบางตน


สตรีผู้นี้เคยติดสอยห้อยตามเบริอาเช่ราวกับเป็นแม่บังเกิดเกล้า


เอลิกอสถอนหายใจพลางพยักหน้า


“เข้าใจแล้ว… ข้าแค่อยากยืนยันให้มั่นใจว่านรกจะไม่เสื่อมเสียเกียรติในทุกสถานการณ์… แม้จะยืมพลังจากเทพ แต่หากเจ้ากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งนรก นั่นก็ยังดีกว่าบาเอล… ข้าเองก็นับถือเจ้า… ลาก่อน”


แปะ!


ทันทีที่เอลิกอสปรบมือ ร่างของมันและเซอร์เบอรัสพลันอันตรธานหาย


หายไปอย่างไร้ร่องรอย


คณะสำรวจซึ่งรอดพ้นจากวิกฤติอย่างคาดไม่ถึง ถอนหายใจโล่งอกพร้อมกับค่อยๆ ขยับไปใกล้ยูร่า:


“จอมอสูรอยู่ฝั่งกริดได้ยังไง?”


“หล่อนต้องแข็งแกร่งขนาดไหน เอลิกอสถึงได้หนีหางจุกก้นแบบนั้น”


“…อย่าไปใส่ใจนักเลย”


ยูร่าพยายามเพิกเฉยสายตาของเลอราเฆ่ เพียงนำมือเท้าเอวด้วยสีหน้ามีความสุข แต่ส่วนลึกในใจยังคงหวาดระแวง


แม้เพิ่งจะถูกเลอราเฆ่ช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายก็เป็นจอมอสูรที่ไม่ควรวางใจ


กับจอมอสูรที่โม้ทุกครั้งเมื่ออ้าปาก จะให้เอาอะไรไปเชื่อคำพูด?


ยูร่าเคยอ่านบันทึกหมู่เกาะเบเฮ็นแล้ว เพราะเธอเองก็อยู่ด้วยในตอนที่กริดได้รับบันทึก และนั่นคือเหตุผลที่ยูร่าไม่อยากสนิทสนมกับเลอราเฆ่


ในทางกลับกัน สมองของเลอราเฆ่กำลังคิดในสิ่งตรงข้าม เธอสนใจทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทพโอเวอร์เกียร์


เทพโอเวอร์เกียร์ผู้เลือกของรางวัลเป็นซับในเบริอาเช่…


ชายคนเดียวที่เป็นสายสัมพันธ์เชื่อมต่อระหว่างเลอราเฆ่กับเบริอาเช่


“นักล่าอสูร อย่าลืมเล่าความดีความชอบของข้าให้กริดฟังด้วย”


“…แน่นอน”


“มาทำพันธสัญญากัน”


“พันธสัญญาอะไร?”


“แน่นอนอยู่แล้ว พันธสัญญาเพื่อรับประกันว่า เจ้าจะไม่ลืมเล่าความยอดเยี่ยมของข้าให้กริดฟัง”


“ก็ได้…”


“ข้าขอแนะนำให้เจ้าอยู่ในนรกต่อไป เช่นเดียวกันกับอริยดาบ”


คณะสำรวจที่กำลังแอบฟังบทสนทนา ต่างพากันกระดิกหู


ครอเกลพยักหน้าด้วยอารมณ์เฉยเมย ส่วนยูร่าเผยสีหน้ากังวล


คล้ายกับทั้งสองเข้าใจเหตุผลของเลอราเฆ่โดยไม่ต้องฟังคำอธิบายเพิ่มเติม


แต่ในทางกลับกัน แวนเนอร์ไม่เข้าใจ จึงโพล่งถามอย่างซื่อตรง


“ทำไมถึงอยากให้พวกเขาอยู่?”


“ฝ่ายอสูรที่เคยได้รับบทเรียนจากสงครามคราวก่อน พวกมันตัดสินใจรุกรานโลกด้วยวิธีการที่โง่เขลา… เพื่อจะแก้ปัญหาด้านสภาพแวดล้อมของโลกซึ่งเป็นมลพิษต่ออสูร พวกมันตัดสินใจใช้ดาบของเซปาร์ฟันขอบเขตระหว่างโลกและนรก”


“ขอบเขตของโลกและนรก…?”


“ถูกต้อง… แต่สภาวะดังกล่าวจะไม่คงอยู่ตลอดไป หลังจากครบสามสิบสามวัน ขอบเขตจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปรกติ… แต่ระหว่างนั้น นรกจะเปราะบางมากพิเศษ”


เลอราเฆ่ใช้พลังเวทขยับผ้าคลุมของตนให้สะบัดพลิ้วโดยที่ไม่มีลม จากนั้นก็ยืนกอดอกอย่างสง่างาม


เพียงพริบตา กองทัพอสูรนับหมื่นโผล่ขึ้นจากเส้นขอบฟ้าด้านหลังอสูรสาว


“จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีใครสักคนถล่มนรกในเวลาแบบนี้? ช่วงเวลาแห่งการลงทัณฑ์เริ่มขึ้นแล้ว”

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,031
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00